ประเทศจีน กำลังจะมีขนาดเศรษฐกิจ ที่ใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
“ปี 2028 ขนาดเศรษฐกิจของจีน จะใหญ่แซงหน้าสหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก” นี่คือประโยคคาดการณ์ ของนักเศรษฐศาสตร์หลายคนต่อเศรษฐกิจจีนในตอนนี้
คำถามต่อมาที่น่าสนใจคือ
จีนจะเป็นประเทศที่ “รวยก่อนแก่” ได้หรือไม่?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
เพียงเปิดบัญชี Zipmex ผ่าน Radars Point วันนี้
รับฟรี 68 Point จาก Radars Point
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปก่อนปี 1978 จีนนับเป็นหนึ่งในประเทศยากจน ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชนบทและมีรายได้ต่ำมาก
โดยรายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวจีนในช่วงระหว่างปี 1960-1971 อยู่ที่ปีละ 3,400 บาทต่อคนเท่านั้น
ความยากจนถึงขนาดทำให้ชาวจีนล้มตายจากความอดอยาก เป็นจำนวนกว่า 30 ล้านคนเลยทีเดียว
จนกระทั่งมาถึงปี 1978 ภายใต้การนำของ เติ้ง เสี่ยวผิง จีนเริ่มมีการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่
โดยอาศัยการเรียนรู้จากความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอื่นในเอเชีย
เช่น เกาหลีใต้, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และฮ่องกง
ภาครัฐของจีนเริ่มมีการสนับสนุนนโยบายต่างๆ เช่น
- เปิดประเทศเพื่อรับการลงทุนจากต่างชาติ
- อนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นและเป็นเจ้าของธุรกิจ
- ยกเลิกมาตรการควบคุมราคาสินค้า และออกนโยบายปกป้องธุรกิจ
- ผ่อนปรนกฎระเบียบหลายอย่าง เพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนภายในประเทศจีน
ผลของการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศในครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ปี 1978 มูลค่า GDP ของจีน เท่ากับ 4.5 ล้านล้านบาท
ปี 2019 มูลค่า GDP ของจีน เท่ากับ 446 ล้านล้านบาท
มูลค่า GDP ของประเทศเติบโตเกือบ 100 เท่า ในระยะเวลา 41 ปี
ขณะที่ในระหว่างปี 2000-2019 อัตราการเติบโต GDP ของจีน เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 9% และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
วันนี้ขนาดเศรษฐกิจของจีนใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก แซงหน้าญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2010
โดยจีนมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) กว่า 446 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 18% ของ GDP ทั้งโลก และเป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกาเพียงชาติเดียว
รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวจีนในปัจจุบันเท่ากับ 308,000 บาทต่อปี
เพิ่มขึ้นกว่า 65 เท่า จากปี 1978 ที่เคยอยู่ที่ 4,700 บาทต่อปี
ที่สำคัญก็คือ การเติบโตของเศรษฐกิจจีนได้ทำให้ชาวจีนจำนวนมาก หลุดพ้นจากสภาพความเป็นอยู่ที่ยากจนแร้นแค้น และก้าวสู่การเป็นชนชั้นกลางที่มีรายได้ต่อปีเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ แม้ว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวจีนในปัจจุบันจะยังทำให้จีนเป็นประเทศที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูงซึ่งคล้ายกับไทย (ประเทศที่มีรายได้ประชากรต่อหัวเท่ากับ 121,001-374,000 บาทต่อปี)
แต่เมื่อดูจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งแล้ว ก็ต้องบอกว่า จีนมีโอกาสอย่างมากที่จะขยับตัวเอง ขึ้นไปเป็นประเทศที่มีรายได้สูง
ที่น่าสนใจก็คือ แม้ในปี 2020 ทั่วโลกและจีน
จะต้องเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด 19
แต่ล่าสุดสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน
ก็ได้เผยแล้วว่า GDP ปี 2020 ที่ผ่านมา ยังคงเติบโตที่ 2.3% จากปีก่อนหน้า
ซึ่งสวนทางกับประเทศอื่นๆ ที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นลบ
โดยหนึ่งในสิ่งที่รัฐบาลจีนเชื่อว่า
จะทำให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง คือ “นวัตกรรมและเทคโนโลยี”
โดยรัฐบาลจีนตั้งเป้าอย่างชัดเจน ว่าจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก (Global Leader in Innovation) ภายในปี 2050 ผ่านการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในภาคการผลิตและภาคบริการของประเทศ
คำถามคือ จะทำอย่างไรให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆ ?
คำตอบคือ ในปี 2019 รัฐบาลจีนทุ่มงบประมาณในส่วนวิจัยและพัฒนาของประเทศอย่างมหาศาล เพราะพวกเขาเชื่อว่า นวัตกรรมใหม่ๆ คือเครื่องยนต์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
โดยงบการวิจัยและพัฒนาของจีนในปี 2019 เท่ากับ 10.3 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในรอบ 10 ปี
ทุกวันนี้ บริษัทจีนหลายแห่งเติบโตขึ้นจากการสร้างนวัตกรรม จนเป็นผู้นำในบริษัทด้านเทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนอย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่างเช่น
Alibaba บริษัทที่ทำธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก
ปี 2020 รายได้ 15.2 ล้านล้านบาท กำไร 649,000 ล้านบาท
Tencent ผู้ให้บริการ Social Platform อันดับ 1 ของประเทศจีน รวมทั้งธุรกิจเกมออนไลน์ และธุรกิจอื่นๆ
ปี 2019 รายได้ 1.7 ล้านล้านบาท กำไร 445,000 ล้านบาท
Baidu เว็บไซต์สำหรับการค้นหาข้อมูล (search engine)
ปี 2019 รายได้ 496,000 ล้านบาท กำไร 9,500 ล้านบาท
นอกจากบริษัทใหญ่ๆ ที่ได้ยกตัวอย่างไปแล้ว
ประเทศจีน ยังมีจำนวนของบริษัท Startup มากกว่า 500 บริษัท
และมีมากกว่า 227 บริษัท ที่เป็น Startup ในระดับยูนิคอร์น หรือบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 30,000 ล้านบาท
ซึ่งในอนาคตก็มีโอกาสสูงที่บริษัทเหล่านี้
จะกลายมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
ให้เศรษฐกิจจีนเติบโตต่อไปได้อีกไกลในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัท อีคอมเมิร์ซของจีนนั้นมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40% ของโลก
ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรมและเทคโนโลยีของจีน จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ขนาดของเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จนแซงหน้าสหรัฐอเมริกาในปี 2028
แม้ว่าปัจจุบัน ประชากรของจีนมีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 38 ปี ซึ่งเรื่องนี้ทำให้จีนเป็นประเทศที่ประสบปัญหาสังคมผู้สูงวัยเหมือนหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบัน
มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่รวยก่อนแก่ได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
เพียงเปิดบัญชี Zipmex ผ่าน Radars Point วันนี้
รับฟรี 68 Point จาก Radars Point
.
ง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน
1. กดเปิดบัญชีผ่านทางลิงก์นี้ https://trade.zipmex.co.th/accounts/sign-up?aff=RADARS
2. ซื้อขายเงินดิจิทัลใน Zipmex ขั้นต่ำ 30 บาท
3. นำ User account ของ Zipmex พร้อมส่งรูปหน้าจอการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (ขั้นต่ำ 30 บาท) ทาง Inbox เพจ Radars Point
.
#RadarsPoint #ลงทุนง่ายๆไม่ต้องใช้เงิน
╚═══════════╝
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://data.worldbank.org/country/CN
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=CN
-https://en.wikipedia.org/wiki/Poverty_in_China#:~:text=Between%201981%20and%202008%2C%20the,taken%20out%20of%20extreme%20poverty.
-https://www.worldometers.info/world-population/china-population/#:~:text=The%20median%20age%20in%20China%20is%2038.4%20years.
-https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1127087/
-https://www.marketingtochina.com/china-the-world-leading-investment-country-for-startups/
-https://kmc.exim.go.th/detail/20190927190855/20200205152136
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tencent
-https://en.wikipedia.org/wiki/Baidu
-https://en.wikipedia.org/wiki/Alibaba_Group
-https://www.japantimes.co.jp/news/2020/12/26/business/economy-business/china-us-biggest-economy-2028/
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過53萬的網紅วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB,也在其Youtube影片中提到,?แจกหนังสือฟรี?" เงิน มา ง่ายๆ" เขียนโดย อ.วรัทภพ รชตนามวงษ์ มีเนื้อหามากถึง 357 หน้า รับหนังสือฟรี! กดลิงก์นี้ด่วน ของมีจำนวนจำกัด ? https://get.mon...
บริษัท baidu 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
กรณีศึกษา ทำไม Baidu ยอมจ่ายเงินแสนล้าน แลกกับ แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิง /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่นานมานี้ วงการเทคโนโลยีมีข่าวที่น่าสนใจเกิดขึ้น
นั่นคือ “Baidu” บริษัท Search Engine อันดับหนึ่งของประเทศจีน
ประกาศเข้าซื้อแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงในประเทศจีน ชื่อว่า “YY” ด้วยราคาสูงถึง 109,000 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวของ Baidu ครั้งนี้
น่าจะทำให้การแข่งขันในธุรกิจโซเชียลมีเดียจีน ดุเดือดมากยิ่งขึ้น
YY คือใคร ทำอะไร
แล้วทำไม Baidu ถึงต้องการซื้อแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Baidu เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ จากประเทศจีน
ประกอบธุรกิจหลัก คือ การให้บริการระบบค้นหาข้อมูล หรือ Search Engine
ซึ่งมีผู้ใช้งานประจำถึง 204 ล้านคนต่อวัน
จึงมักจะถูกเปรียบว่าเป็น “Google แห่งเมืองจีน”
Baidu จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ผลประกอบการของ Baidu กลับไม่ได้เติบโตสูงเหมือนกับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม
ปี 2019
ไตรมาสที่ 1 รายได้ 109,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 2 รายได้ 116,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 3 รายได้ 119,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 4 รายได้ 123,000 ล้านบาท
ปี 2020
ไตรมาสที่ 1 รายได้ 96,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 2 รายได้ 112,000 ล้านบาท
รายได้ของ Baidu ซึ่งมีสัดส่วนหลักมาจากค่าโฆษณา มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะครึ่งแรกของปีนี้ ที่รายได้ลดลงราว 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะมันสะท้อนว่า ธุรกิจออนไลน์ในประเทศจีนมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง จนบริษัทคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น ByteDance, Tencent, Alibaba สามารถแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาที่เคยเป็นส่วนของ Baidu ไปได้
สาเหตุเนื่องจาก คอนเทนต์ที่กำลังเป็นที่นิยมของชาวจีน และดึงดูดเม็ดเงินโฆษณาส่วนใหญ่
คือ แพลตฟอร์มที่เป็น “สื่อโซเชียลมีเดีย”
ByteDance
เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น Douyin หรือ TikTok เวอร์ชันภาษาจีน
ซึ่งมีผู้ใช้งานประจำ 600 ล้านบัญชีต่อวัน
Tencent
เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น Kuaishou
ซึ่งมีผู้ใช้งานประจำ 300 ล้านบัญชีต่อวัน
Alibaba
เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Taobao ที่มีฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมมิง สำหรับนำเสนอสินค้า
ซึ่งมีผู้ใช้งานประจำ 299 ล้านบัญชีต่อวัน
ความจริงแล้ว Baidu เองก็เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ขนาดใหญ่ ชื่อว่า iQiyi ซึ่งมีผู้สมัครใช้บริการสูงถึง 530 ล้านบัญชี
แต่แพลตฟอร์มดังกล่าว เน้นให้บริการคอนเทนต์ภาพยนตร์ คล้ายกับ Netflix
ซึ่งแตกต่างจากโซเชียลมีเดีย ที่มีพื้นที่ให้ผู้คนสามารถแชร์คอนเทนต์ของตนเองได้
ที่สำคัญคือ iQiyi ยังไม่เคยมีกำไรจากการดำเนินงานเลย
โดยปี 2019 ขาดทุนสูงถึง 45,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมงบการเงินของ Baidu
นอกจากนั้น บริษัทคู่แข่งก็มีแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ในลักษณะคล้ายกัน เช่น Tencent Video ของ Tencent ที่มีสมาชิก 900 ล้านบัญชี หรือ Youku ของ Alibaba ที่มีสมาชิก 500 ล้านบัญชี
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Baidu พยายามหาโอกาสลงทุนในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยงกิจการ และสร้างการเติบโตตามเทรนด์ของตลาด
ซึ่งก่อนหน้านี้ Baidu เริ่มขยับตัวบ้างแล้ว
โดยในปี 2017 ได้เปิดให้บริการแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น ชื่อว่า Haokan
ปัจจุบันมีผู้ใช้งานประจำ 110 ล้านบัญชีต่อวัน
แต่ตัวเลขนี้ก็ถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Douyin หรือ Kuaishou
อย่างไรก็ตาม Baidu ยังพอมีจุดแข็งไว้ใช้ต่อสู้อยู่
นั่นคือ เงินสดในมือกว่า 660,000 ล้านบาท
และเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
บริษัทได้ตัดสินใจยื่นข้อเสนอ เพื่อขอซื้อกิจการ “YY” แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงชื่อดังของประเทศจีน ด้วยราคาประมาณ 109,000 ล้านบาท
เจ้าของแพลตฟอร์ม YY คือ JOYY Inc. บริษัทเทคโนโลยี สัญชาติจีน
ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดราว 2.7 แสนล้านบาท
โดยนอกจาก YY แล้ว บริษัทยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงอื่นๆ ด้วย เช่น Bigo Live ที่คนไทยน่าจะพอคุ้นชื่อกันอยู่บ้าง
แต่บริษัทยอมตกลงขาย YY ให้กับ Baidu เนื่องจากต้องการลดการพึ่งพารายได้จากประเทศจีน ซึ่งกำลังมีการกำกับดูแลที่เข้มงวด เพื่อไปมุ่งเน้นตลาดต่างประเทศแทน
แล้ว YY ตอบโจทย์การขยายธุรกิจโซเชียลมีเดียของ Baidu อย่างไร?
ในปัจจุบัน YY มีผู้ใช้งานประจำอยู่ราว 41 ล้านบัญชีต่อเดือน ซึ่งอาจไม่ใช่จำนวนที่สูงมากนัก
แต่ทาง Baidu จะได้ครอบครองเทคโนโลยี โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเริ่มต้นพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่เองตั้งแต่ต้น ซึ่งอาจทำให้ตามผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดไม่ทัน
ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะทำการเชื่อมต่อแพลตฟอร์ม YY เข้ากับ Baidu
เพื่อนำเสนอฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมมิงให้แก่ฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของ Baidu ได้ในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้ใช้งานต้องการข้อมูลสำหรับใช้สร้างคอนเทนต์ในการไลฟ์สตรีมมิง
ไม่ว่าจะเรื่องข่าวสาร, ความบันเทิง หรือแคสต์เกม
ก็จะสามารถเข้าไปค้นหาใน Baidu ที่เปรียบเสมือนคลังข้อมูลออนไลน์ ได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งก็น่าติดตามต่อไปว่า Baidu และ YY จะช่วยส่งเสริมประโยชน์ให้กันและกันได้ดีแค่ไหน
และพวกเขาจะไล่ตามโซเชียลมีเดียรายอื่นทันหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ คือ ในอนาคต เราคงได้เห็นข่าวดีลซื้อขายแพลตฟอร์มออนไลน์อีกมากมาย ไม่ว่าในจีนหรือประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ
ที่บริษัทชั้นนำต่างๆ กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงเวลาทุกวินาทีบนโลกออนไลน์ให้ได้มากที่สุด
ใครเดินช้าไปแม้แต่ก้าวเดียว คงยากที่จะไล่ตามคนอื่นทัน
และทางลัดก็คือ การซื้อกิจการที่มีอยู่แล้ว เพื่อนำมาขยายให้ดีขึ้นนั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://techcrunch.com/2020/11/16/baidu-to-acquire-joyys-chinese-live-streaming-service-yy-for-3-6b/
-https://www.washingtonpost.com/business/this-36-billion-search-for-relevance-wont-bring-much-joyy/2020/11/17/f0ba8d58-289a-11eb-9c21-3cc501d0981f_story.html
-https://variety.com/2020/biz/asia/baidu-agrees-to-buy-joyy-china-live-streaming-business-1234833433/
-https://www.fool.com/investing/2020/10/27/baidu-challenge-bytedance-buying-joyy-china-biz/
-https://www.macrotrends.net/stocks/charts/BIDU/baidu/revenue
บริษัท baidu 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
กรณีศึกษา Zynn แอปพลิเคชันที่ก้าวไม่พ้นเงาคู่แข่งอย่าง TikTok /โดย ลงทุนแมน
ในตอนนี้ หากพูดถึงแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น เราคงจะนึกออกแต่ชื่อของ TikTok
จนบางคนอาจสงสัยว่า ในตลาดนี้ไม่มีผู้เล่นรายอื่นบ้างเลยหรือ
จริงๆ แล้ว มีบริษัทจีนอีกเจ้าหนึ่ง ที่ทำแพลตฟอร์มประเภทนี้มาก่อน และมีผู้ใช้งานในประเทศสูงไม่แพ้ TikTok เลย
ซึ่งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พวกเขาเพิ่งเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ชื่อ “Zynn” เพื่อแข่งขันในระดับโลก
แต่ดูเหมือนว่า การเอาชนะผู้นำตลาดอย่าง TikTok คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย
คู่แข่งของ TikTok รายนี้คือใคร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เมื่อปี 2016 หรือ 4 ปีที่แล้ว
บริษัท ByteDance เปิดตัวแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น สำหรับคนจีน ชื่อว่า Douyin
และต่อมาได้พัฒนาแอปพลิเคชันนี้ในเวอร์ชันสากล ซึ่งก็คือ TikTok นั่นเอง
จากแนวโน้มที่คนหันมาติดตามคอนเทนต์สั้นๆ มากขึ้น ทำให้ฐานผู้ใช้งาน TikTok เติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 800 ล้านบัญชี และมีผู้ใช้งานประจำ (Active Users) ถึง 400 ล้านรายต่อวัน
ส่งผลให้ ByteDance กลายเป็นสตาร์ตอัปใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยมูลค่าบริษัทราว 3.4 ล้านล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่า ก่อนหน้านั้น ประเทศจีนมีผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียลักษณะนี้อยู่แล้ว
เมื่อปี 2011 หรือ 9 ปีที่แล้ว
บริษัท Beijing Kuaishou Technology ถูกก่อตั้งขึ้นโดยคุณ Su Hua และคุณ Cheng Yixiao ซึ่งเคยทำงานที่ Google และ Baidu
เริ่มแรก บริษัททำธุรกิจแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ สำหรับให้คนจีนสร้างและแชร์รูปภาพเคลื่อนไหว ชื่อว่า GIF Kuaishou
หลังจากนั้นในปี 2012 พวกเขาตัดชื่อแบรนด์เหลือเพียง Kuaishou และเปลี่ยนรูปแบบคอนเทนต์ จากภาพเคลื่อนไหว มาเป็นคลิปวิดีโอสั้นแทน
ซึ่งปรากฏว่าแอป Kuaishou นั้นได้รับความนิยมสูงมาก
ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 400 ล้านบัญชี และมีผู้ใช้งานประจำราว 200 ล้านรายต่อวัน
ถือเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอันดับ 2 ของประเทศจีน รองจาก Douyin เพียงเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ในการระดมทุนเมื่อปี 2019 บริษัทจึงถูกประเมินมูลค่าธุรกิจไว้ที่ 880,000 ล้านบาท
โดยมี Tencent เข้ามาลงทุนกว่า 62,000 ล้านบาท แลกกับหุ้นสัดส่วน 20%
แต่ต่อมา หลังจากที่เห็น TikTok ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ ทางด้าน Kuaishou ที่เห็นโอกาสการเติบโต จึงตัดสินใจเดินไปตามเส้นทางนั้นบ้าง
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2020 บริษัทได้เปิดตัวแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสำหรับคนนอกประเทศจีน ชื่อว่า Zynn
ความน่าสนใจของแอปพลิเคชันนี้คือ การแจกเงินให้กับผู้สมัครบัญชีใหม่ 30 บาท และหากแนะนำต่อให้เพื่อนครบ 5 คน ก็จะได้เงินเพิ่มอีก 600 บาท
กลยุทธ์การเพิ่มยอดผู้ใช้งานแบบนี้ เรียกว่า Referral Marketing คล้ายกับกรณีที่ PayPal หรือ Dropbox เคยใช้จนโด่งดังมาแล้ว
นอกจากนั้น ถ้าผู้ใช้งานดูวิดีโอครบตามจำนวนที่กำหนด ก็จะได้รับคะแนนสะสม และสามารถนำไปแลกเป็นของรางวัลหรือเงินสดได้ในภายหลังอีกด้วย
ผลประโยชน์เหล่านี้ดึงดูดผู้บริโภคเป็นอย่างมาก อย่างน้อยก็ต้องลองสมัครสมาชิกดู
ทำให้ยอดดาวน์โหลด Zynn พุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 บนร้านขายแอปพลิเคชันออนไลน์ทันที
ผ่านไป 1 เดือน
ยอดดาวน์โหลดใน App Store (iOS) อยู่ที่ 5 ล้านครั้ง
ยอดดาวน์โหลดใน Play Store (Android) อยู่ที่ 7 แสนครั้ง
ซึ่งเหตุผลที่ Zynn ยอมผลาญเงินไปก่อนแบบนี้ คงเพราะต้องการแย่งส่วนแบ่งตลาดมาจาก TikTok เพื่อสร้างฐานลูกค้าให้เร็วที่สุด แล้วค่อยหารายได้จากค่าโฆษณา มาทดแทนต้นทุนดังกล่าว
ดังนั้นโจทย์ข้อต่อไปคือ จะทำอย่างไรให้คนใช้งานแพลตฟอร์มไปนานๆ
และคำตอบคงหนีไม่พ้น การมีคอนเทนต์ที่น่าติดตามจริงๆ
แต่นี่กลับเป็นปัญหาที่ Zynn ยังก้าวข้ามไปไม่พ้น
เพราะกลายเป็นว่าพวกเขาทำได้แค่เดินตามเงาของ TikTok
ประเด็นแรกที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือ หน้าตาและฟีเจอร์ของแอปพลิเคชัน Zynn นั้น แทบจะเลียนแบบเหมือนกับ TikTok ทุกอย่าง จึงทำให้ไม่มีจุดขายพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์
อีกประเด็นสำคัญคือ ตัวคลิปวิดีโอ
แน่นอนว่า หากต้องการเป็นไวรัลโด่งดังเร็วๆ ก็ต้องสนับสนุนให้เหล่า Influencer มาลงผลงานบ่อยๆ
แต่หลายฝ่ายก็ได้ร้องเรียนว่า Zynn ปล่อยให้มีการคัดลอกคลิปจากแพลตฟอร์มอื่น เช่น TikTok, Instagram, YouTube โดยไม่ได้รับอนุญาต
รวมทั้งมีการสร้างบัญชีปลอม เช่น คุณ Addison Rae ซึ่งเป็นนักเต้นที่มีคนติดตามสูงเป็นอันดับ 2 ของ TikTok ที่มีบัญชี และโพสต์วิดีโอลงบน Zynn แต่เจ้าตัวไม่เคยสมัครสมาชิกแอปพลิเคชันนี้ด้วยซ้ำ
สุดท้ายจึงทำให้ทั้ง App Store และ Play Store ถอด Zynn ออกจากร้านออนไลน์ จนกว่าบริษัทจะแก้ปัญหาได้
จากเรื่องราวนี้จะเห็นได้ว่า
ธุรกิจจะอยู่ยั่งยืนในระยะยาวหรือไม่
ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าหรือบริการ ที่ไม่เหมือนใคร
การมีตัวอย่างไว้ศึกษาแนวทางนั้น เป็นเรื่องที่ดี
แต่ถ้ามองคนอื่นมากจนเกินไป สุดท้ายเราอาจหาเส้นทางของตัวเองไม่เจอ..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://technode.com/2020/06/18/chinese-tiktok-rival-zynn-halts-pay-to-watch-after-app-store-removals/
-https://www.businessinsider.com/zynn-tiktok-clone-removed-google-apple-app-stores-stolen-content-2020-6
-https://technode.com/2019/12/03/tencent-to-conclude-2-billion-investment-in-kuaishou-this-month-report/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Zynn
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kuaishou
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_content_platforms_by_monthly_active_users
บริษัท baidu 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB Youtube 的最佳貼文
?แจกหนังสือฟรี?" เงิน มา ง่ายๆ" เขียนโดย อ.วรัทภพ รชตนามวงษ์ มีเนื้อหามากถึง 357 หน้า รับหนังสือฟรี! กดลิงก์นี้ด่วน ของมีจำนวนจำกัด ? https://get.moneyeasybook.com/
ถ้าคุณรู้ว่า มหาเศรษฐี หาเงินยังไง?
จึงได้รวย และประสบความสำเร็จอย่างสูง
.
คุณก็จะสามารถนำแนวคิด
มาหาเงิน ได้รวยแบบมหาเศรษฐี เช่นกัน
.
ซึ่งวันนี้ ผมสรุปวิธีหาเงินของ มหาเศรษฐี Robin Li(หลี่ เยี่ยนหง)
เจ้าของบริษัท Baidu ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของ Search Engine และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อันดับ 1 ของจีน
.
คุณลองฟัง และลองทำตามดูนะครับ
มหาเศรษฐีคนต่อไป อาจเป็นคุณ
? พบกับวิดีโอใหม่ทุกวัน ? ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จและรวย "เร็วขึ้น"
จากประสบการณ์การทำธุรกิจไทย-จีน มาแล้ว 14 ธุรกิจของผม
? คลิกลิงก์แล้วกด “SUBSCRIBE - ติดตาม และกดกระดิ่งแจ้งเตือน ตอนนี้เลย!! ?
https://www.youtube.com/channel/UC6GkGouzOitA6vUzOEBEqwA?sub_confirmation=1
—
// ดูวิดีโอของ "วรัทภพ" ตามเพลย์ลิสต์
วิธีขายของ LAZADA
https://bit.ly/2TUxuRn
วิธีสั่งสินค้าจากจีน
https://bit.ly/2IERdmE
การทำตลาดจีน และส่งออกจีน สำหรับสินค้าไทย
https://bit.ly/2GWdITq
วิธีขายสินค้าแบบ ดรอปชิป (Dropship)
http://bit.ly/2x2sOPf
วิธีเริ่มต้นธุรกิจ ในปัจจุบัน
https://bit.ly/2ChCNT7
ความรู้ หาเงิน เพิ่มรายได้ ที่จะทำให้คุณรวยเร็วขึ้น
https://bit.ly/2CR2Jqc
เคล็ดลับ การตลาดและการขาย
https://bit.ly/2M8P7cV
ไอเดียธุรกิจเงินล้าน
https://bit.ly/2TrY2IT
พัฒนาตัวเอง เพื่อความสำเร็จในด้านที่ต้องการ
https://bit.ly/2LTPms2
แรงบันดาลใจและกำลังใจ ในการใช้ชีวิต
https://bit.ly/2TKQAbW
แกะคำคม ข้อคิด นักปราชญ์ และนักธุรกิจ
https://bit.ly/2SDzHjh
WARATTAPOB PODCAST (เสียงจาก วรัทภพ)
https://bit.ly/2SBlrHR
VLOG IN CHINA ชีวิตในจีน กินเที่ยว
https://bit.ly/2AqaFNB
รีวิว ธุรกิจจีนและเศรษฐกิจจีน
https://bit.ly/2M8Phkx
VLOG IN THAILAND ชีวิตในไทย
https://bit.ly/2AUvnWf
// วรัทภพ รชตนามวงษ์ คือ ใคร?
ผม "วรัทภพ รชตนามวงษ์" เป็นคนไทย เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่
เป็นผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจมาแล้ว 14 ธุรกิจ
ทั้งในประเทศไทย และ จีน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 จนถึงปัจจุบัน
ผมตั้งใจทำสื่อเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์
ให้คนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตและรวย “เร็วขึ้น”
—
// ติดตาม วรัทภพ รชตนามวงษ์ เพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.warattapob.com
SOCIAL
Instagram : https://www.instagram.com/warattapob_rachatanamwong
Facebook : https://fb.me/WarattapobRachatanamwong
YouTube: https://www.youtube.com/c/WarattapobRachatanamwong
Line official : http://line.me/ti/p/~@warattapob
Twitter : https://twitter.com/warattapob
PODCAST
--สำหรับ Android
Soundcloud : https://bit.ly/2QjfVYm
Spotify : https://spoti.fi/2Jcwh6Y
--สำหรับ iOS
Apple Podcast : https://apple.co/2QjW5fM
—
#WARATTAPOB #หลี่เยี่ยนหง #5นาทีหาเงินแบบมหาเศรษฐี
วิดีโอนี้เกี่ยวกับ อยากรวย ต้องดู! 5 นาทีหาเงินแบบ มหาเศรษฐี EP6 - Robin Li (เจ้าของ Baidu)
LINK https://youtu.be/ZSdwElNxaKI
LINK https://youtu.be/ZSdwElNxaKI