จีนปรับ Tencent และอีกหลายบริษัทในจีน เพื่อต่อต้านผูกขาดการค้า แต่ปรับเพียงบริษัทละ 5 แสนหยวน (ราว 2.5 ล้านบาท) น้อยกว่ากรณี Alibaba เพราะเห็นว่า "ไม่ได้กีดกันการแข่งขันและผูกขาดเท่า Alibaba"
.
หลังจากเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนลงดาบ สั่งปรับ Alibaba ยักษ์ใหญ่ E-commerce จีน ในข้อหา “ผูกขาดทางการค้า” เป็นเงินสูงถึง 1.82 หมื่นล้านหยวน ซึ่งคิดเป็น ราว 4% ของยอดขายปี 2019 และในตอนนั้นก็มีเสียงบนโลกออนไลน์จีนจำนวนไม่น้อยตั้งคำถาม “บริษัทจีนรายใหญ่เจ้าอื่นๆ จะโดนลงดาบเหมือนกับ Alibaba หรือไม่?”
.
วันนี้เริ่มมีคำตอบจากทางการจีนแล้วครับ เมื่อสำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐ (State Administration for Market Regulation – SAMR) สั่งปรับ Tencent (บริษัทแม่ของ WeChat) , DiDi (แพลตฟอร์มเรียกรถรายใหญ่ในจีน) และ Suning บริษัทค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ รวมถึงอีกหลายบริษัท รวมๆก็ทั้งหมด 11 บริษัท เป็นเงินบริษัทละ 500,000 หยวน (ราว 2.5 ล้านบาท) เนื่องจากทำผิดกฎหมายผูกขาดทางการค้า
.
แต่สาเหตุที่ค่าปรับถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับที่ Alibaba โดนปรับเกือบ 2 หมื่นล้านหยวน ทางการจีนมองว่า บริษัทเหล่านี้ ทำผิดเกี่ยวกับการขออนุมัติจากทางการและการยื่นเอกสารเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อการแข่งขันทางการค้าเหมือนกับกรณีของ Alibaba
.
อย่างเช่น Tencent โดนปรับเนื่องจากเข้าซื้อกิจการอื่น โดยไม่ได้รายงานและขออนุมัติจากทางหน่วยงานของทางการจีนที่มีอำนาจดูแลรับผิดชอบส่วนนี้ ขณะที่ DiDi โดนปรับเพราะไม่ได้ขออนุมัติจากทางการจีน เกี่ยวกับการร่วมทุน คล้ายกับกรณีของ Tencent
.
ทั้งนี้ อาจจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการตัดสินกรณีผูกขาดทางการค้าของบริษัทเหล่านี้รวมถึงบริษัทอื่นๆในจีนออกมาอีก เพราะตอนนี้จีนกำลังลุยอย่างหนักในการแก้ปัญหาผูกขาดทางการค้า และเมื่อธันวาคม ปีที่แล้ว (2020) ทาง Alibaba และ Tencent ก็โดนปรับไปแล้ว 500,000 หยวนเช่นกัน ในกรณีเดียวกับครั้งนี้ คือ ไม่ได้ระบุและแจ้งทางการให้ชัดเจนในการเข้าซื้อกิจการ ก่อนที่ Alibaba จะโดนปรับหนักหลักหมื่นล้านหยวนเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้ และ Tencent ก็โดนปรับอีกครั้งในกรณีเดิม เงินเท่าเดิม ตามที่เล่าไปข้างต้นครับ
.
อ้ายจงอ้างอิงจาก
https://www.globaltimes.cn/page/202104/1222529.shtml
https://www.scmp.com/tech/big-tech/article/3131818/tencent-didi-chuxing-other-internet-firms-slapped-fine-antitrust
https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/big-chinese-firms-fined-over-anti-monopoly-law
https://www.cnbc.com/2020/12/14/alibaba-and-two-other-firms-fined-for-not-reporting-deals-to-chinese-regulators-.html
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「antitrust คือ」的推薦目錄:
- 關於antitrust คือ 在 อ้ายจง Facebook 的精選貼文
- 關於antitrust คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於antitrust คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於antitrust คือ 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於antitrust คือ 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於antitrust คือ 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於antitrust คือ 在 Fulbright Thailand - “The field that I proposed at that time ... 的評價
- 關於antitrust คือ 在 นโยบายการกำกับดูแล การปฏิบัติงานให้เป็นไปตาม กฎหมาย กฎ ... 的評價
- 關於antitrust คือ 在 Facebook กำลังโดนคดี “ผูกขาดการค้า” และอาจต้องขาย ... 的評價
- 關於antitrust คือ 在 สหรัฐฯ เตรียมสอบสวนกูเกิลและเฟซบุ๊ก ฐานละเมิดกฎหมายป้องกัน ... 的評價
antitrust คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
รัฐบาลจีน เอาจริง ลดการผูกขาดของ Alibaba และ บริษัทเทคโนโลยีจีน /โดย ลงทุนแมน
วันนี้ รัฐบาลจีนได้บอกว่า จะออกกฎหมายเพื่อป้องกันการ ผูกขาด ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีน ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อบริษัทชื่อดังอย่าง Alibaba, Tencent, JD.com, Meituan Dianping และ Pinduoduo
หลายคนคงทราบข่าวเรื่องที่แจ็กหม่าออกมาพูดในงานอีเวนต์หนึ่งเกี่ยวกับการกำกับดูแลของภาครัฐ และต่อมารัฐบาลจีนก็ได้เลื่อน การเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ Alipay ไปอย่างไม่มีกำหนด
มาวันนี้ รัฐบาลจีนกำลังจะออกกฎหมายใหม่ เพื่อป้องกันการผูกขาดของบริษัทเหล่านี้
เรื่องนี้ Alibaba จะโดนมากขนาดไหน
และจะมีบริษัทจีนรายไหนที่ได้รับผลกระทบตามกันมา
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ปัจจุบันจีนคือตลาด E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าตลาดเบอร์ 2 อย่างตลาดสหรัฐ กว่า 3 เท่าตัว และ COVID-19 ที่เกิดขึ้น ยิ่งทำให้ E-Commerce ในจีน โตอย่างแข็งแกร่งได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
และภายใต้การเติบโตนั้น สิ่งที่ตามมาคือการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างบริษัทเทคโนโลยีที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มต่างๆที่ต้องเร่งช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด และฐานผู้ใช้ทุกวิถีทาง
อย่าง Alibaba ที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการบังคับให้ผู้ประกอบการต้องเลือกข้าง หากอยากขายของบนแพลตฟอร์ม Alibaba ต้องห้ามไปขายบนแพลตฟอร์มอื่นๆที่เป็นคู่แข่ง
ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่ทางการของจีนมองว่าเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทางหน่วยงานกำกับดูแลตลาดของรัฐ (SAMR) ของจีนจึงมีการออกแถลงการณ์เพื่อขอสอบสวน และจะมีการเชิญให้ทาง Alibaba เข้ามาชี้แจงกับทางการต่อไป
หลังจากที่มีการออกแถลงการณ์นี้ ก็มีแรงเทขายในหุ้น Alibaba ที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง จนทำให้ราคาปรับลงกว่า 8%(ราคาปิดช่วงเช้า 24/12/20) สะท้อนให้เห็นความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อประเด็นการถูกทางการของจีนเข้ามาควบคุมการดำเนินงานของ Alibaba
เพราะสำหรับรัฐบาลจีน การผูกขาดของบริษัทใหญ่ โดยเฉพาะจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน นับวันยิ่งมีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อไม่ให้บริษัทเหล่านี้มีอำนาจในการต่อรองทั้งกับผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจจีนมากเกินไป
และอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่ทางการจีนได้มีคำเตือน และจะมีการออกกฎเกณฑ์มาควบคุมเพิ่มเติม คือ ธุรกิจ Group Buying ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
Group Buying คือ การรวมกันซื้อของผ่านแพลตฟอร์ม Social Media ต่างๆ โดยการชักชวนของผู้นำหรือเพื่อนๆในชุมชน แล้วก็สามารถส่งคำสั่งตรงไปยังร้านค้า หรือ ผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ทำให้ได้สินค้าราคาถูกกว่า
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนที่มีแพลตฟอร์มการขายของและบริการออนไลน์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Alibaba, Tencent, JD.com, Pinduoduo, Meituan Dianping และ Didi Chuxing ต่างก็เล็งเห็นช่องทางการเติบโตของรูปแบบการแบบ Group Buying นี้ จึงได้ลงมาแย่งชิงพื้นที่กันยกใหญ่
ทั้งปรับรูปแบบการขายในแพลตฟอร์มหลักของตัวเองให้มี Feature แบบให้ซื้อเป็นกลุ่มได้ง่ายขึ้น รวมทั้งลงทุนในธุรกิจ Start Up ใหม่ๆที่เริ่มต้นรุกธุรกิจ Group Buying โดยเฉพาะ และนำธุรกิจใหม่เหล่านี้มาเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มหลัก
อย่าง Tencent ก็ไปลงทุนใน Xingsheng
Alibaba ก็ไปลงทุนใน Nice Tuan
เมื่อยักษ์ใหญ่ลงมาเล่นตลาดนี้ การแข่งขันในการแย่งชิงความเป็นเจ้าตลาดก็เกิดขึ้น เหมือนกับที่เกิดมาแล้ว ในธุรกิจ Ride Hailing และ Sharing Bike เพราะการเป็นเจ้าตลาดจะทำให้บริษัทเหล่านั้นเก็บกินกำไรในระยะยาวได้ในอนาคต
แต่ระหว่างที่ยังไม่มีเจ้าตลาดที่แท้จริง ช่วงเวลานี้สไตล์ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลายก็พร้อมเผาเงิน แข่งขันกันอย่างดุเดือดทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ ผู้ใช้งานมาทำการซื้อขายกับแพลตฟอร์มของตัวเองให้ได้มากที่สุด ทั้งลด แลก แจก แถม
ซึ่งการแข่งขันเหล่านี้ นอกจากจะใช้เงินของแพลตฟอร์มบางส่วนเพื่ออุดหนุน แต่อีกหลายส่วน แพลตฟอร์มเหล่านี้ก็ใช้ความใหญ่ของตัวเอง ไปกดดันบรรดาผู้ประกอบการต้นทางที่อยากมาขายผ่านช่องทางเหล่านี้ให้แข่งกันลดราคา
ซึ่งการแข่งขันรูปแบบนี้เองที่ทำให้ทางการจีนมีความกังวลว่าจะเป็นการบีบคั้นผู้ประกอบการรายเล็กมากจนเกินไป รวมไปทั้งหากแข่งขันกันจนสุดท้าย เหลือผู้ชนะเพียงรายเดียว จะทำให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการส่วนใหญ่เสียประโยชน์มากขึ้น เพราะอำนาจการต่อรองกลับไปอยู่ที่แพลตฟอร์ม
เหมือนกับกรณีของ Didi Chuxing ที่เมื่อ Uber ออกจากตลาดไป ก็สามารถปรับเพิ่มค่าโดยสารรถจนทำให้ต้นทุนค่าครองชีพของคนใช้บริการเพิ่มขึ้น
หน่วยงานกำกับดูแลตลาดของรัฐ (SAMR) ของจีน จึงออกมากล่าวเตือนพร้อมกำหนดกฎระเบียบเพื่อควบคุมดูแลการแข่งขันในธุรกิจ Group-buying มากถึง 9 ข้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกฎเกณฑ์ที่มุ่งเน้น
-การห้ามทำการ Dump ราคา เพื่อกำจัดคู่แข่ง และแย่งชิงผู้บริโภค
-ห้ามขายสินค้าในราคาที่ถูกเกินไปจนส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิต
-ห้ามนำข้อมูลของผู้บริโภคมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางที่จะทำให้ผู้บริโภคเสียสิทธิประโยชน์ในระยะยาว
-รวมไปถึงการออกกฎเกณฑ์ให้มีการยื่นขออนุมัติก่อนจะทำการควบรวมกิจการใดๆ เพื่อป้องกันการผูกขาดตลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เป็นอีกครั้งที่ทางการจีน ใช้บทบาทความของภาครัฐออกมากำกับดูแลภาคธุรกิจ เพื่อลดความร้อนแรงและทำให้บทบาทของบริษัทเทคยักษ์ใหญ่เหล่านี้ เติบโตตามครรลองที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจจีนมากจนเกินไป
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญของจีนส่วนใหญ่กลับมองว่า ถึงแม้จะมีการเข้ามาดูแลจากภาครัฐแต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เหล่านี้ สุดท้ายก็จะสามารถหาวิธีแย่งชิงลูกค้ากันได้อยู่ดี อย่างเช่น การแจก Hongbao หรือ ซองแดงที่มีเงินอยู่ข้างในเพื่อเอาไปใช้บริการบนแพลตฟอร์มของตัวเอง
นั่นหมายความว่าการเข้ามามีบทบาทของภาครัฐรอบนี้อาจเป็นเพียงการแตะเบรกธุรกิจ Group Buying เท่านั้น แต่การแข่งขันที่รุนแรงแบบนี้น่าจะยังคงมีอยู่ต่อไป
ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ ก็น่าจะทำให้ตลาด E-Commerce ของจีน มีกฎระเบียบที่รัดกุมมากขึ้น เป็นธรรมกับผู้บริโภคมากขึ้น
ในขณะเดียวกันประเทศอื่นก็อาจต้องมาศึกษาว่า รัฐบาลจีน จัดการกับเรื่อง ผูกขาด ของบริษัทใหญ่อย่างไร เพื่อนำไปปรับใช้กับประเทศตัวเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.scmp.com/tech/policy/article/3115107/beijing-lectures-alibaba-tencent-meituan-and-pinduoduo-new-antitrust
-https://www.reuters.com/article/us-china-antgroup/china-launches-probe-into-alibaba-for-suspected-monopolistic-behaviour-idUSKBN28Y05T
-https://tenbagroup.com/12-china-e-commerce-market-trends-2021/
antitrust คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ประเด็นใหม่ของโลก Google อาจโดนแยกบริษัท - Break up Big Tech / โดย ลงทุนแมน
วันนี้ Google Amazon Facebook หุ้นตกกระจุย เพราะ โดนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ตรวจสอบการผูกขาด
นอกจากเรื่องสงครามการค้าสหรัฐ และจีนแล้ว ประเด็นใหม่ที่น่าจับตาสำหรับช่วงนี้ คือ Big Tech company ของสหรัฐ กำลังโดนตรวจสอบ Antitrust หรือแปลเป็นไทย คือ การผูกขาดนั่นเอง
โดยบริษัทที่โดนเพ่งเล็ง นำโดย Google Amazon และ Facebook ซึ่งล่าสุด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ แจ้งว่าจะเริ่มดำเนินการตรวจสอบการทำธุรกิจของ Google ว่าผิดกฎหมายว่าด้วยการผูกขาดหรือไม่
เรื่องนี้เป็นประเด็นที่น่าจับตา และดูเหมือนสื่อต่างก็พากันตีข่าวเรื่องนี้ เพราะธุรกิจสื่อเดิม ก็โดน 3 บริษัทนี้ที่แย่งตลาดไป
แล้วถ้าเรื่องนี้ผิดกฎหมาย Antitrust จริง อะไรจะเกิดขึ้น?
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด บริษัทเหล่านี้จะโดน break up หรือ แยกบริษัท เหมือนกับที่ Standard Oil ของ Rockefeller โดนเมื่อ 100 ปีที่แล้ว
ในตอนนั้นบริษัท Standard Oil ครอบครองตลาดน้ำมันมากถึง 90% และทำให้ Rockefeller เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกช่วงนั้น
ต่อมาบริษัท Standard Oil โดนข้อหาเรื่องการผูกขาด โดนแยกบริษัท เป็นหลายบริษัท ซึ่ง Exxon (เจ้าของปั๊ม Esso บ้านเรา) Chevron (เจ้าของปั๊ม Caltex บ้านเรา) ก็เคยเป็นบริษัทของ Standard Oil มาก่อน
น่าติดตามว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
Google จะโดนแยกบริษัทไหม
Facebook จะโดน หั่นครึ่ง? แล้ว เราจะไปอยู่ครึ่งไหน
ทุกวันนี้ Tech คงเติบโตเร็วเกินไป
เร็วจนผู้กำกับดูแลไม่รู้จะทำอย่างไร
เลยดีดนิ้วซะเลย..
Reference
https://www.wsj.com/…/justice-department-is-preparing-antit…
antitrust คือ 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
antitrust คือ 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
antitrust คือ 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
antitrust คือ 在 นโยบายการกำกับดูแล การปฏิบัติงานให้เป็นไปตาม กฎหมาย กฎ ... 的推薦與評價
ANTITRUST LAW. COMPETITION LAW POLICY. In order to maintain the reputation and sustainable business operation of the PTT. Global Chemical Group, executives and ... ... <看更多>
antitrust คือ 在 Facebook กำลังโดนคดี “ผูกขาดการค้า” และอาจต้องขาย ... 的推薦與評價
ประการแรก กรรมาธิการการค้ากลางของสหรัฐอเมริกา คือ “องค์กรอิสระ” ... FTC REQUESTS FACEBOOK SELL WHATSAPP AND INSTAGRAM IN MAJOR ANTITRUST CASE. ... <看更多>
antitrust คือ 在 Fulbright Thailand - “The field that I proposed at that time ... 的推薦與評價
The field that I proposed at that time was antitrust and economics. ... ประสบการณ์ทั้งหมดที่นั่นทำให้ผมเป็นในสิ่งที่ผมเป็นทุกวันนี้ คือ เป็นนักการเมือง ... ... <看更多>