กรณีศึกษา จากอินฟลูเอนเซอร์ TikTok สู่เจ้าของ Venture Capital /โดย ลงทุนแมน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวันนี้ กลุ่มคนที่มีพลังในการโน้มน้าวเทรนด์ความนิยมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก คือ “อินฟลูเอนเซอร์” บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
ซึ่งในอนาคต เราอาจได้เห็นพวกเขาแผ่ขยายอิทธิพล เข้ามามีส่วนชี้นำทิศทางในโลกธุรกิจด้วย
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว คือ กรณีของคุณ “Josh Richards” ซึ่งเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจาก TikTok ที่ตอนนี้ได้ก่อตั้งบริษัท Venture Capital ขึ้นมา เพื่อลงทุนในสตาร์ตอัปที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
แล้วอินฟลูเอนเซอร์ จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในวงการ Venture Capital ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรามาทำความรู้จักตัวละครหลักของเรื่องนี้กันก่อน คือ คุณ Josh Richards เป็นเด็กหนุ่มชาวแคนาดา เกิดเมื่อปี 2002 ปัจจุบันมีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น
เขาเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จากการทำคลิปวิดีโอเต้นและลิปซิงก์ใน TikTok โดยล่าสุด มีผู้ติดตามถึง 25.5 ล้านบัญชี
ในปี 2020 นิตยสาร Forbes ได้มีการประเมินว่า คุณ Richards สามารถสร้างรายได้ค่าสปอนเซอร์โฆษณาสินค้าประมาณ 49 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับ 5 ของแพลตฟอร์ม TikTok
แต่นอกจากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์โซเชียลมีเดีย เขายังมีความฝันที่จะเป็นมหาเศรษฐีระดับ Billionaire คือมีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการทำธุรกิจและลงทุนอีกด้วย
โดยก่อนหน้านี้ คุณ Richards ได้เริ่มก้าวเข้ามาสู่โลกธุรกิจในหลายบทบาท เช่น
- เป็นผู้บริหารด้านกลยุทธ์ของ Triller แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น คู่แข่ง TikTok
- ร่วมก่อตั้งบริษัท TalentX Entertainment ค่ายดูแลอินฟลูเอนเซอร์โซเชียลมีเดีย
- ร่วมก่อตั้งบริษัท Ani Energy ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง
- เป็นพาร์ตเนอร์ของ Remi Capital บริษัทลงทุนแนว Venture Capital สัญชาติออสเตรเลีย
และในปี 2021 เขาได้ตัดสินใจก่อตั้งบริษัท Venture Capital ของตัวเอง ชื่อว่า “Animal Capital” ร่วมกับกลุ่มเพื่อนอินฟลูเอนเซอร์ ด้วยเงินทุนเริ่มต้นราว 490 ล้านบาท
โดยบริษัทมีนักธุรกิจชื่อดังหลายราย เข้าร่วมลงทุนและคอยให้คำแนะนำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- คุณ Kevin Mayer อดีตซีอีโอ TikTok
- คุณ Sean Rad ผู้ร่วมก่อตั้ง Tinder
- คุณ Justin Kan ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitch
- คู่แฝดมหาเศรษฐี Tyler และ Cameron Winklevoss อดีตคู่อริที่เคยฟ้องร้อง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ว่าขโมยไอเดียของพวกเขาไปสร้างเฟซบุ๊ก
แล้ว Animal Capital ของคุณ Josh Richards แตกต่างจาก Venture Capital ทั่วไปอย่างไร ?
คุณ Richards เล็งเห็นว่า อิทธิพลที่อินฟลูเอนเซอร์มีต่อผู้บริโภค เป็นจุดเด่นที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อยอดกับการลงทุนได้อย่างมหาศาล
กลยุทธ์ของ Animal Capital คือ การเข้าไปลงทุนในสตาร์ตอัป ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นกิจการ จากนั้นก็จะนำเอาสินค้าหรือบริการของบริษัท มาทำการตลาดออนไลน์ช่องทางโซเชียลมีเดียของอินฟลูเอนเซอร์
ซึ่งนอกจากคุณ Richards แล้ว พาร์ตเนอร์คนอื่นก็โด่งดังใน TikTok ไม่แพ้กัน อย่างเช่น คุณ Griffin Johnson ที่มีผู้ติดตาม 10.8 ล้านราย และคุณ Noah Beck ที่มีผู้ติดตาม 30.2 ล้านราย
โดย Animal Capital กล่าวว่า อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นพาร์ตเนอร์ของบริษัท มียอดผู้ติดตามทั้งใน TikTok และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ รวมทั้งหมดกว่า 100 ล้านบัญชี
นั่นหมายความว่า Animal Capital สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ของสตาร์ตอัปที่บริษัทลงทุน ให้ผ่านสายตาผู้บริโภค 100 ล้านราย ได้ทันที และมีโอกาสสูงมากที่หลายคนจะทดลองใช้งาน ตามการโน้มน้าวของอินฟลูเอนเซอร์ที่พวกเขาชื่นชอบ
ซึ่งกลยุทธ์นี้เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย ทางฝั่งสตาร์ตอัปได้ฐานลูกค้า และกระแสตอบรับจากการใช้งานจริง เพื่อมาปรับปรุงธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
ในขณะที่ Animal Capital ก็อาจได้ผลตอบแทนสูง หากบริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ คุณ Richards บอกว่า เขาเคยใช้วิธีการนี้สำเร็จมาแล้ว จากการลงทุนส่วนตัวในแพลตฟอร์มทายผลกีฬา ชื่อว่า VersusGame และทำคอนเทนต์แนะนำแพลตฟอร์ม VersusGame ลงในโซเชียลมีเดียของตัวเอง
ทำให้ตอนนี้ VersusGame มีผู้ใช้งาน 7 ล้านราย และสามารถระดมเงินทุนได้ราว 100 ล้านบาท แม้เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2019
ในปัจจุบัน Animal Capital มีการเข้าไปลงทุนในบริษัท ที่มุ่งเน้นทำธุรกิจที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุค Generation Z ซึ่งเป็นฐานผู้ติดตามหลักของอินฟลูเอนเซอร์ เช่น
- WHOOP สตาร์ตอัปเทคโนโลยีติดตามข้อมูลสุขภาพ และการออกกำลังกาย
- Lolli แอปพลิเคชันรับเงินคืนเป็น Bitcoin หลังจากช็อปปิงออนไลน์
- Deux Foods บริษัทผลิตคุกกี้ ที่ใช้ส่วนผสมเพื่อสุขภาพ
- WonderFi แพลตฟอร์มธุรกรรมการเงินแบบ Decentralized Finance (DeFi)
- Whatnot แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิง สำหรับซื้อขายสินค้าออนไลน์
- Parallel Learning สตาร์ตอัปเทคโนโลยีวัดผลการเรียน
ก็น่าติดตามต่อไปว่า หากคุณ Josh Richards และบริษัท Animal Capital ที่เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง สามารถประสบความสำเร็จ ในอนาคต เราอาจได้เห็นกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ เข้ามามีบทบาทต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี และวงการ Venture Capital มากขึ้น ก็เป็นได้
เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นว่า
ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์อยู่ตลอดเวลา
สิ่งสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้เร็วและมากที่สุด เพื่อสร้างความคุ้นเคยต่อแบรนด์
ซึ่งคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้ อาจไม่ใช่นักธุรกิจ หรือผู้เชี่ยวชาญการเงินการลงทุน
แต่เป็น อินฟลูเอนเซอร์ ที่สามารถกำหนดเทรนด์ ให้ผู้ติดตามหลายล้านรายทำตามได้ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่จะเป็นพาร์ตเนอร์กับอินฟลูเอนเซอร์ คงต้องพิจารณาข้อมูลให้ละเอียด
เพราะถ้าหากคนที่ร่วมทำธุรกิจด้วย มีข่าวอื้อฉาวในแง่ลบแม้เพียงนิดเดียว
มันก็อาจเป็นดาบสองคม ที่ทำให้ผู้บริโภค เลิกใช้สินค้าได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://edition.cnn.com/2021/04/30/business/josh-richards-tiktok-investing-venture-capital/index.html
-https://www.crunchbase.com/organization/animal-capital/recent_investments
-https://www.intheknow.com/post/josh-richards/
-https://www.animalcapital.co/introduction
-https://www.prnewswire.com/news-releases/versusgame-secures-3-million-in-funding-from-top-music-artists-and-entertainment-producers-301347748.html
同時也有59部Youtube影片,追蹤數超過7萬的網紅kangg,也在其Youtube影片中提到,แอปเปิ้ลเปิดให้ฟังเพลงแบบ Lossless ใน Apple Music แล้วนะครับ เลยมาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Apple Music Lossless ว่ามีกี่แบบ แต่ละแบบเป็นคุณภาพไหนบ้าง ...
apple music คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
Kyle MacDonald ชายว่างงาน ผู้เปลี่ยนคลิปหนีบกระดาษ ให้เป็นบ้านสองชั้น /โดย ลงทุนแมน
หากมีเพื่อนคนหนึ่งมาบอกเราว่าเขาสามารถเปลี่ยนคลิปหนีบกระดาษให้กลายเป็นบ้าน
เราก็คงตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า สิ่งที่เขาเล่าเป็นเรื่องเกินจริงและไม่มีทางเป็นไปได้
แต่รู้หรือไม่ว่า เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นจริงในปี 2006
โดยหนุ่มว่างงานชาวแคนาดาที่มีชื่อว่า “Kyle MacDonald”
แล้วหนุ่มว่างงานคนนี้ เสกคลิปหนีบกระดาษให้กลายเป็นบ้านได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องราวทั้งหมดนี้ มีจุดเริ่มต้นจากชายชาวแคนาดาว่างงาน ชื่อว่า Kyle MacDonald
เขาได้สังเกตเห็นคลิปหนีบกระดาษสีแดงบนโต๊ะและหวนนึกถึงตัวเขาเองในวัยเด็ก
ที่เคยทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน โดยกิจกรรมนั้น ก็คือ “Bigger and Better”
Bigger and Better เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กแต่ละทีมนำสิ่งของ
ไปแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นต่อไปเรื่อย ๆ จนครบกำหนดเวลา
โดยผลแพ้ชนะจะตัดสินจากมูลค่าและขนาดของสิ่งของชิ้นสุดท้าย
หากทีมใดมีสิ่งของที่มีมูลค่าสูงหรือมีขนาดใหญ่มากที่สุด
เขาคนนั้น ก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะ
สำหรับสิ่งของที่แต่ละทีมได้รับช่วงต้นเกมเหมือนกันเลย
ก็คือ “คลิปหนีบกระดาษ” นั่นจึงเป็นไอเดียของ MacDonald
ที่คิดว่าเขาสามารถนำเกมนี้มาลองเล่นอีกครั้งได้
ไม่รอช้า เขาก็ได้โพสต์ภาพคลิปหนีบกระดาษลงบนเว็บบอร์ดพูดคุย
ที่ชื่อว่า “Craigslist” พร้อมกับข้อความหาคนที่สนใจแลกเปลี่ยนสิ่งของกับเขา
เพียงเวลาแค่อึดใจเดียว MacDonald ได้รับการตอบรับจากสองสาวที่อยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก
โดยสิ่งที่พวกเธอนำมาแลกคือ ปากการูปปลา ซึ่งเขาก็ได้ตอบตกลงทันที
เพราะเห็นว่าสิ่งที่ได้รับนั้นมีมูลค่ามากกว่าคลิปหนีบกระดาษแล้ว
10 นาทีต่อมา มีผู้สนใจอีกรายโทรมาหาเขา เพื่อนำของมาแลกเปลี่ยนอีกครั้ง
และของอย่างที่สอง เป็นลูกบิดประตูหน้าตาประหลาด ซึ่งเขาตกหลุมรักมันโดยทันที
และคิดว่าต้องมีใครสักคนที่ชอบเช่นเดียวกับเขาอยู่เหมือนกัน
ภายในเวลาแค่วันเดียว MacDonald สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของได้ถึง 2 ครั้งแล้ว
เขาเลยคิดไปไกลว่า วันหนึ่งคลิปหนีบกระดาษสีแดงอาจกลายเป็นบ้านก็ได้
โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเก็บเงิน นั่นทำให้เขาตัดสินใจทำกิจกรรมนี้ต่อไป
ผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์ อยู่ดี ๆ MacDonald ได้ถูกเชิญชวนให้ไปร่วมกินบาร์บีคิว
จากชายคนหนึ่งที่ต้องการลูกบิดหน้าตาประหลาดจากเขา
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เขานำมาแลกนั้นคือเตาบาร์บีคิว นั่นเอง
ต่อจากนั้น ก็ได้มีชายคนหนึ่งที่สนใจเตาบาร์บีคิว โดยเขาได้เสนอสิ่งของแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องปั่นไฟฟ้า ซึ่ง MacDonald ก็ได้ตอบตกลง เพราะมองว่าเมื่อสมัยวัยรุ่น เขายังอยากได้เลย
คงมีวัยรุ่นอีกหลายคน ที่ต้องการเหมือนกัน
และมันก็เป็นแบบที่เขาคิดจริง ๆ เพราะมีคนที่ต้องการเจ้าเครื่องปั่นไฟนี้
ซึ่งเขาเป็นวัยรุ่นจากนิวยอร์ก โดยสิ่งที่เขานำมาแลกเปลี่ยนคือ ถังเบียร์เปล่า
โดยที่วัยรุ่นนิวยอร์ก ก็ได้สัญญากับ MacDonald อีกว่าจะเติมเบียร์ให้เต็มถัง
พอมาถึงจุดนี้ ชื่อเสียงของ MacDonald เริ่มเป็นที่กระฉ่อน
จนมีใครหลายคนอยากเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในครั้งนี้
แม้แต่เหล่าผู้มีชื่อเสียงอย่าง Michel Barrette นักแสดงชาวแคนาดาก็ยังเข้าร่วมด้วย
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนถังเบียร์ให้กลายเป็นรถสำหรับวิ่งบนหิมะ
และจากรถสำหรับวิ่งบนหิมะก็ได้ถูกแลกเปลี่ยนอีกครั้ง
เป็นทริปเที่ยวเมือง Yahk ประเทศแคนาดา สำหรับ 2 คน
ครอบคลุมตั้งแต่ตั๋วเครื่องบินขาไป-กลับ ทริปสกี รวมถึงอาหารทุกมื้อ
สำหรับการแลกเปลี่ยนครั้งที่ 8 ถือเป็นเรื่องที่น่าตลก
ดีลนี้เกิดขึ้นเพราะวันหนึ่ง MacDonald ได้ไปออกรายการโทรทัศน์
ซึ่งเสื้อที่เขาสวมใส่เป็นเสื้อพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ยืมจากเพื่อน
นั่นจึงทำให้บริษัทได้รับการโปรโมตไปฟรี ๆ ผู้บริหารของบริษัทจึงตอบแทนเขาด้วยการนำรถกระบะพร้อมตู้บรรทุกสินค้าของบริษัทมาแลกกับทริปสกีเที่ยวเมือง Yahk
มาถึงตรงนี้ MacDonald เป็นเจ้าของรถกระบะพร้อมตู้บรรทุกสินค้าแล้ว..
ต่อมารถกระบะก็ได้กลายเป็นสัญญาอัดเพลงกับค่ายเพลง Sony BMG Music Entertainment
โดยตัว MacDonald เองบอกว่าไม่ได้ชื่นชอบการร้องเพลงนักหรอก
แต่คิดว่ามีคนต้องการสิ่งนี้แน่นอน จึงตัดสินใจตอบตกลง
และเป็นไปตามที่เขาคิด มีหญิงคนหนึ่งที่ต้องการเข้าสู่เส้นทางศิลปิน
เธอขอแลกสัญญาอัดเพลงกับสัญญาให้เช่าบ้านเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม
ต่อมาเรื่องนี้ดังไปถึงหูเพื่อนบ้านละแวกนั้น ที่มีชื่อว่า Leslie Criger
เธอทำงานและเช่าบ้านแถวนั้นพอดี จึงอยากได้สัญญาเช่าบ้านฟรี เพื่อที่จะได้ลดภาระค่าใช้จ่าย
แล้วเธอเอาอะไรมาแลกสัญญาเช่าบ้าน ?
สิ่งที่แลกเปลี่ยนก็คือ “การรับประทานอาหารกับเจ้านายของเธอ”
ซึ่ง MacDonald ก็งงว่า ทำไมเขาต้องอยากรับประทานอาหารกับคนคนนี้
สรุปว่าเจ้านายของเธอ คือ Alice Cooper ตำนานร็อกเกอร์ชาวอเมริกันชื่อดังซึ่งมีฐานแฟนคลับแน่นหนา ที่แฟนคลับของเขาต่างก็ต้องการความ Exclusive ในระดับกินข้าวโต๊ะเดียวกัน
ซึ่งทุกคนคงได้คาดการณ์กันว่าสิ่งของชิ้นต่อไป ที่ถูกแลกกับการรับประทานอาหารกับตำนานร็อกเกอร์ จะต้องมีมูลค่าสูงแน่ ๆ
แต่มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะ MacDonald กลับยอมแลกข้อตกลงในการร่วมโต๊ะอาหารกับตำนานร็อกเกอร์ กับลูกโลกหิมะลูกหนึ่งที่เป็นของสะสมจากวงร็อกที่ชื่อว่า Kiss
นั่นจึงทำให้หลายคนมองว่า เขาบ้าไปแล้วถึงยอมแลกมื้อพิเศษกับเจ้าสิ่งนี้
เพราะมีแฟนคลับอีกมากมายที่ยอมแลกด้วยของมูลค่าที่สูงกว่านี้
หรือบางรายยอมจ่ายเงินมหาศาล เพียงเพื่อได้รับประทานอาหารคู่กับ Alice Cooper
ซึ่ง MacDonald เขาก็รับรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เหตุผลที่เขายอมแลกนั้น
เนื่องจากเขารู้มาว่ามีคนคนหนึ่ง ที่ชอบสะสมลูกโลกหิมะอย่างมาก
คนนั้นคือ Corbin Bernsen นักแสดงและผู้กำกับชาวอเมริกัน
และก็เป็นจริงตามที่เขาคิด เพราะ Bernsen ก็ได้เข้ามาติดต่อกับ MacDonald ทันทีเพื่อต้องการแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน โดยสิ่งที่เขาเสนอคือ บทตัวประกอบในภาพยนตร์ที่เขาเป็นผู้กำกับ
แน่นอนแม้ว่าจะเป็นเพียงบทตัวประกอบ แต่มันก็ถือเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลอยู่ดี
เพราะไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเข้ามาสู่วงการ Hollywood ได้ง่าย ๆ
ในเวลาต่อมานายกเทศมนตรีและผู้อยู่อาศัยในเมือง Kipling ประเทศแคนาดา
อยากส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองพอดี เขาจึงได้เสนอแลกกับบ้านสองชั้น 1 หลังให้กับเขาไปเลยเพื่อแลกกับบทตัวประกอบในภาพยนตร์นี้
โดยนายกเทศมนตรีคนนี้ก็คิดเพียงว่า MacDonald เป็นคนดังไปแล้ว
การที่เขามีที่อยู่อาศัยในเมืองแห่งนี้ ก็น่าจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดี
และนั่นก็ได้ทำให้ภารกิจ One Red Paperclip หรือ “คลิปหนีบกระดาษสีแดง” สิ้นสุดลง
ตั้งแต่วันแรกที่ MacDonald ทำการแลกเปลี่ยนสิ่งของจนได้บ้านตามที่ต้องการ
เขาแลกเปลี่ยนสิ่งของทั้งหมด 14 ครั้ง คิดเป็นระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจาก MacDonald อาศัยบ้านหลังนี้ไปสักระยะเวลาหนึ่ง
เขาก็ได้ตัดสินใจคืนบ้านให้เป็นของสาธารณะแก่เมืองนั้น
เพื่อให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชม
หลังจากนั้นเมือง Kipling ได้เปลี่ยนบ้านหลังดังกล่าว ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและร้านคาเฟ
รวมถึงได้สร้างตำนานเล่าขานของ One Red Paperclip เข้าไปด้วย จนบ้านแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของเมืองแห่งนี้เลยก็ว่าได้
หากถามว่าเรื่องราวคลิปหนีบกระดาษ ให้ข้อคิดอะไรกับเราบ้าง ?
ก็คงบอกได้ว่ามากมาย
ไม่ว่าจะเป็นมุมมองต่อบางสิ่งบางอย่างมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอะไรกับตัวเราเอง
แต่มันอาจจะมีมูลค่ามหาศาล สำหรับคนอื่นที่ต้องการมันก็ได้
สะท้อนให้เห็นจากลูกโลกหิมะที่ใครหลายคนไม่สนใจ แต่สำหรับ Bernsen นั้นไม่ใช่เลย
เพราะมันมีความสำคัญในระดับที่ทำให้เขานำบทตัวประกอบ Hollywood ไปแลก
นั่นจึงทำให้ MacDonald สามารถฉวยโอกาสจากตรงนั้นไว้ได้
อีกสิ่งสำคัญที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ
หากมีเป้าหมายอะไรสักอย่าง เราต้องลุกขึ้นมาลุยเลย
บางครั้ง เราอาจไม่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างหรือรอให้คนอื่นเห็นด้วย
เพราะถ้าหาก MacDonald มามัวแต่คิดว่าไอเดียกิจกรรมสมัยเด็กจะได้ผลหรือไม่
เราก็คงไม่มีเรื่องราวของชายว่างงาน ที่ได้เปลี่ยนคลิปหนีบกระดาษสีแดงให้กลายเป็นบ้านสองชั้นแบบเขาได้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.perfect-partygames.com/teen-scavenger-hunt.html
-https://www.youtube.com/watch?v=8s3bdVxuFBs
-http://oneredpaperclip.blogspot.com/2010/11/one-red-paperclip.html
-https://www.newindianexpress.com/world/2019/jan/17/heres-the-story-of-how-a-man-bought-a-two-storey-house-with-just-one-red-paperclip-1926304.html
apple music คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
สรุปเรื่อง รัฐบาลจีน ทุบนายทุน ทำให้หุ้นเทคจีนลงแรง ในตอนนี้ /โดย ลงทุนแมน
รัฐ จัดระเบียบ ทุน น่าจะเป็นคำอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจีนตอนนี้ได้เห็นภาพที่สุด
รัฐ คือ ทางการจีน
ทุน คือ บริษัทเทคโนโลยีจีนยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย
เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่สุดในรอบหลายปีของตลาดทุนจีน
ใครโดนไปแล้วบ้าง แล้วใครกำลังจะโดนอีก
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ใครติดตามข่าวจะเห็นเรื่อง การจัดการการผูกขาดทางการค้ากับบริษัทเทคโนโลยีจีนยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย โดยเริ่มต้นจาก
- เครือ Alibaba ที่หยุดการ IPO ของ Ant Group เจ้าของ FinTech ที่ใหญ่สุดในโลก จากแจ็ก หม่า ที่เป็นคนพูดเยอะกลายเป็นต้องเงียบไม่ออกสื่อ
และอีกหลายบริษัท ในหลายกลุ่มทุน
- Meituan Dianping แอปพลิเคชัน Food Delivery อันดับ 1 ของจีน
- Tencent Music แอปพลิเคชันฟังเพลงอันดับ 1 ของจีน โดนรัฐบาลจีนปรับเรื่องผูกขาดลิขสิทธิ์ธุรกิจเพลง
- Didi Chuxing แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่อันดับ 1 ของจีน ที่เพิ่ง IPO ที่ตลาดหุ้น Nasdaq โดนรัฐบาลจีนสั่งลบแอปพลิเคชันออกจาก App Store และ Play Store ห้ามมีผู้ใช้งานใหม่ โดยรัฐบาลจีนบอกว่ากังวลต่อความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญของจีน
และล่าสุดคือธุรกิจกวดวิชา ซึ่งรัฐบาลจีนมองว่าจะกลายเป็นปัญหาของจีนในอนาคตได้ เพราะตอนนี้เด็กจีนเรียนหนักเกินไป ภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ที่จ่ายให้ธุรกิจกวดวิชาเหล่านี้ ก็สูงเกินไป หรือมองอีกนัยหนึ่งก็คือ ธุรกิจ AST (After School Tutoring) หรือกวดวิชาในจีนเหล่านี้ กำลังใหญ่และทรงอิทธิพลเกินไป
ทำให้ล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศให้ธุรกิจกวดวิชาที่สอนเนื้อหาเหมือนในห้องเรียน ต้องเป็นธุรกิจที่ไม่แสวงหาผลกำไร และผู้ทำธุรกิจเดิมหรือผู้จะทำธุรกิจใหม่จะไม่สามารถระดมทุนในตลาดทุนได้
การที่รัฐเข้ามาควบคุม ผ่านการออกกฎที่กระทบกับการทำธุรกิจของบริษัทเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อความกังวลของนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก สังเกตได้จากการเร่งเทขายหุ้นเทคโนโลยีจีน ทั้งในตลาดสหรัฐอเมริกา ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นจีน
เมื่อเป็นแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทันที คือ การปรับตัวลงของราคาหุ้นที่เกี่ยวข้อง
บริษัทเทคโนโลยีจีน มูลค่าหายไปเฉลี่ย 40% จากจุดสูงสุด
แต่ดูเหมือนว่า หุ้นที่ถูกกระทบหนักที่สุด ก็คือหุ้นกลุ่ม Education Technology ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้บางรายปรับตัวลง 90% จากจุดสูงสุด
ทำไมรัฐบาลจีนถึงมองว่า ธุรกิจกวดวิชา เป็นธุรกิจที่ควรจัดระเบียบ ?
จากการสำรวจ ภาระค่าใช้จ่าย 3 อันดับสำคัญของคนจีนในยุคนี้ คือ ค่ารักษาพยาบาล ค่าการศึกษาลูก และ ค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัย ดังนั้นจึงตีความได้ไม่ยากว่า นี่คือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ทางการจีนต้องเข้ามาจัดการ
รู้หรือไม่ว่า ธุรกิจกวดวิชาในจีน ถูกประเมินว่ามีมูลค่ากว่า 3.7 ล้านล้านบาท
คนจีนมีความเชื่อว่า การศึกษาสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่า ทำไมพ่อแม่ชาวจีน ถึงให้ความสำคัญ และยอมทุ่มเทค่าใช้จ่ายเพื่อให้ลูกเข้าถึงการศึกษาที่ดีที่สุด
จากผลสำรวจของคนจีนในเมืองใหญ่ พบว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับการเรียนกวดวิชาของลูก จะอยู่ที่คนละ 40,000-50,000 บาทต่อเดือน
ภาระค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนจีนไม่อยากมีลูก และประเด็นนี้กำลังส่งผลต่อเรื่องปัญหาประชากรของจีน โดยมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 ประชากรจีนจะเริ่มหดตัวลง พร้อม ๆกับสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวเหล่านี้ สิ่งที่รัฐบาลจีนทำ นอกเหนือจากนโยบายคลายกำเนิดที่ประกาศไปก่อนหน้า คือการพยายามลดภาระค่าใช้จ่ายของการมีลูก และทำให้คนกลับมาอยากมีลูกเพิ่มขึ้น
และล่าสุดรัฐบาลจีนได้ออกนโยบาย Double Reduction Policy (双减) คือ นโยบายที่มุ่งเน้นการลดปริมาณการบ้าน และลดชั่วโมงเรียนพิเศษ ของเด็กจีน จึงถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาและหวังลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของคนจีน
สาระสำคัญของนโยบายนี้ คือการลดความเครียดของเด็ก ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ โดยนโยบายนี้ครอบคลุมสำหรับการเรียนกวดวิชาของระดับชั้น K9 ลงมา หรือเทียบเท่า ม.3 ในไทย ซึ่งเป็นระบบการศึกษาภาคบังคับของจีน
นโยบายนี้จะบังคับให้ธุรกิจ AST ในจีน เปลี่ยนมาเป็น บริษัทที่ไม่เเสวงหาผลกำไร รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลจีน จะไม่ให้มีบริษัทติวเตอร์เปิดใหม่ที่มีการสอนซ้ำกับหลักสูตรภาคบังคับของโรงเรียนปกติ และห้ามธุรกิจกวดวิชาเหล่านี้เข้าระดมทุน ห้ามทำโฆษณาเชิญชวนขายคอร์สเรียน และห้ามโรงเรียนกวดวิชาสอนในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดเทศกาล และช่วงปิดเทอม
นอกจากธุรกิจการศึกษาของจีนที่โดนจัดการไปแล้ว รู้หรือไม่ว่า อีกหนึ่งภาคธุรกิจที่เป็นเป้าหมายต่อไปของจีน คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เพราะค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องค่อนข้างสูง จากการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการเก็งกำไร
ทำให้ทางการจีน ออกมาตรการลดความร้อนแรง ทั้งปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การออกกฎควบคุมแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในจีน อย่าง Lianjia ที่ทำแพลตฟอร์ม นายหน้า ซื้อ ขาย เช่า ที่อยู่อาศัยครบวงจร
ในประเทศจีน Lianjia ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในจีน คิดเป็นสัดส่วน 52% และที่ผ่านมาเพิ่งโดนทางการจีน สั่งปรับในประเด็นการผูกขาดตลาด นั่นก็คือ หากจะประกาศขาย เช่า ที่อยู่อาศัยใน Lianjia แล้วห้ามไปประกาศในแพลตฟอร์มอื่น จากมาตรการเหล่านี้ทำให้หุ้น KE Holdings ก็ปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุดแล้วเกือบ 70%
จากการสังเกต จะเห็นว่า การเข้ามาควบคุมของรัฐบาลจีนส่วนใหญ่ จะเกิดขึ้นในธุรกิจแพลตฟอร์มที่มีขนาดใหญ่ และมีการผูกขาด จนทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งส่งผลทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งในการทำมาหากิน และการใช้ชีวิตของประชาชนตามมา
อย่างไรก็ดี การเข้ามาควบคุมโดยใช้นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ ที่รัฐบาลมุ่งหวังจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในระยะยาว จะตอบโจทย์ได้จริงหรือไม่ ? สิ่งเหล่านี้ถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
หนึ่งในตัวอย่าง ที่พอจะสะท้อนได้ จากสื่อจีนที่ไปสัมภาษณ์ผู้ปกครอง หลังนโยบาย Double Reduction ได้ประกาศบังคับใช้ โรงเรียนกวดวิชาหลายโรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอน พบว่าพ่อแม่ส่วนหนึ่ง มองว่าไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพราะตอนนี้ต้องดิ้นรนไปหาติวเตอร์ส่วนตัวมาสอนลูกแทน ซึ่งราคาต่อชั่วโมงของติวเตอร์เหล่านี้ ตอนนี้สูงถึงชั่วโมงละ 2,000-4,000 บาท เรียกว่าปรับตัวสูงขึ้นมาก จนแพงกว่าการจ่ายค่าคอร์สออนไลน์ให้กับบรรดาธุรกิจ AST หลายเท่าตัว
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจีนหลังจากนี้ คงต้องรอติดตามในระยะยาวว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างที่ทางการจีนหวังไว้ได้หรือไม่
แต่สิ่งที่สะท้อนทันทีในระยะสั้น คือ การเทขายของหุ้นเทคโนโลยีจีน ที่สร้างแรงกระเพื่อมไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก
โดยถ้าประเมินจากดัชนีหุ้นเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ (NASDAQ Golden Dragon China Index) ถ้านับจากจุดสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มูลค่าของหุ้นกลุ่มนี้ได้หายไปแล้วกว่า 24.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นการปรับตัวลดลงมากว่า 45% แล้วนั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://qz.com/2037818/china-is-extending-its-regulatory-storm-from-tech-to-education/
-https://www.reuters.com/world/china/chinese-parents-fret-after-government-bans-for-profit-tutoring-firms-2021-07-26/
-https://urldefense.com/v3/__http:/www.clsa.com/*ev/*Aw0H8G4Or2zL_czaDrP_dwgPGkSUPbLwJvu2NikZeg__;Ly8!!G1i-!f-6a-s5L1WM_qIToEXScAIcFWc5paEjE6_UeoaWDJGtzRUkKTPbNnB0lXhrQB43NzBgqgDAbUg$
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lianjia
-https://www.straitstimes.com/business/companies-markets/china-stocks-in-us-suffer-biggest-two-day-wipeout-since-2008
-https://www.reuters.com/business/finance/exclusive-china-planning-new-crackdown-private-tutoring-sector-sources-2021-05-12/
apple music คือ 在 kangg Youtube 的最佳貼文
แอปเปิ้ลเปิดให้ฟังเพลงแบบ Lossless ใน Apple Music แล้วนะครับ เลยมาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Apple Music Lossless ว่ามีกี่แบบ แต่ละแบบเป็นคุณภาพไหนบ้าง รวมถึงการฟังเพลงแบบ Lossless ฟังยังไง ที่เราเห็นโลโก้ Lossless ขึ้นตอนใช้หูฟัง Bluetooth ตกลงว่าใช่มั้ย
วิดีโอนี้มาอธิบายสิ่งที่เรากำลังสงสัยกันอยู่ครับ
#AppleMusicLossless
-----------------------------------------------------------
อธิบาย Apple Music Dolby Atmos https://youtu.be/bJa3o0uJ8iw
apple music คือ 在 kangg Youtube 的最讚貼文
ทำความรู้จัก Apple Music Lossless/Dolby Atmos
โดยตอนที่ 2 เราทำความรู้จักกับเพลงเสียงแบบ Dolby Atmos ที่แอปเปิ้ลเพิ่มเข้ามาใน Apple Music ว่ามันคืออะไรแล้วเวลาเราน่าจะได้รรับประสบการณ์แบบไหน แล้วจำเป็นต้องซื้อหูฟังใหม่รึเปล่า ?
ใครยังไม่ได้ดูตอนที่ 1 ทำความรู้จัก Apple Music Lossless คลิกได้เลยครับ
https://youtu.be/-BeC9J4ZhfE
apple music คือ 在 kangg Youtube 的最佳解答
ทำความรู้จัก Apple Music Lossless/Dolby Atmos
โดยตอนแรกเราทำความรู้จักกับภาพรวมของ Apple Music เวอร์ชั่นพาวเวอร์อัพที่แอปเปิ้ลเพิ่มคุณภาพเสียง Lossless และเสียงแบบ Dolby Atmos เข้ามา
พาไปรู้จักกับ Apple Music Lossless ว่ามีกี่แบบ แล้วฟังผ่านทางไหนได้บ้าง
ส่วนตอนที่ 2 ไปรู้จักกับเพลงแบบ Dolby Atmos กันครับ
https://youtu.be/o7mKZx6RUeU