MINI แบรนด์รถเล็ก ที่ยิ่งใหญ่ /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงรถยนต์ “MINI” เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงรถคันเล็ก ที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว
แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว รถยนต์ MINI เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษ
ที่มีจุดประสงค์ คือการผลิตขึ้นให้เป็นรถยนต์ราคาถูกเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันราคาแพง
แล้วเรื่องราวของรถเล็กที่ตั้งใจให้เป็นรถยนต์ราคาถูกนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ MINI ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1957 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ช่วงนั้นเป็นช่วงเดียวกันกับตอนที่ประเทศอียิปต์ยึดคลองสุเอซ
คลองสุเอซ ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางการขนส่งที่สำคัญมากที่สุดในโลก
เมื่อถูกยึดและถูกปิดกั้นเส้นทาง การขนส่งน้ำมันจึงหยุดชะงักจนดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น
เรื่องดังกล่าวส่งผลให้รถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำมันปริมาณมาก ได้รับความนิยมลดลง
ในช่วงนั้น บริษัท British Motor Corporation หรือ BMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ในประเทศอังกฤษ ที่เกิดจากการควบรวมของบริษัท Austin Motor Company กับ Morris Motors
เกิดความคิดที่จะผลิตรถยนต์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขึ้นมา
โดยรถยนต์ที่ว่านั้น ต้องเป็นรถยนต์ที่มีขนาดเล็กและใช้น้ำมันน้อย
แต่ก็ต้องสามารถรับผู้โดยสารได้ 4 คน และที่สำคัญคือราคาต้องไม่แพง
บริษัท BMC จึงได้ทดลองผลิตรถเล็กขึ้นมาโดยมี เซอร์อเล็ก อิสซิโกนิส
วิศวกรและนักออกแบบรถของ BMC มาเป็นผู้รับผิดชอบหลักในโครงการนี้
จนในที่สุด “MINI” คันแรกก็สามารถออกสู่ตลาดได้ในปี 1959
หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน ด้วยรูปร่างของ MINI ที่เล็กกะทัดรัดแต่สามารถจุคนได้ถึง 4 คน
บวกกับการออกแบบที่สวยงาม ดูคลาสสิก ที่สำคัญมีราคาเพียง 496 ปอนด์
ซึ่งถือเป็นราคาที่คนทั่วไปสามารถเอื้อมถึงได้
ทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้ MINI สามารถขายได้ถึง 116,000 คัน ในระยะเวลาเพียงปีเดียว
สำหรับชื่อของ MINI นั้น จริง ๆ แล้วไม่ได้ถูกเรียกแบบนี้มาตั้งแต่แรก
เดิมที MINI ถูกเรียกว่า “Austin Seven” กับ “Morris Mini” มาก่อน
เนื่องจากในช่วงแรกยังคงทำการตลาดภายใต้แบรนด์
Austin Motor Company กับ Morris Motors
แต่ในภายหลัง ก็ได้เปลี่ยนเป็นชื่อ “MINI” ในปี 1969
แล้วถ้าถามว่า อะไรกันที่ทำให้ MINI เป็นที่รู้จักและยอมรับกัน ?
เราก็สามารถแบ่งก้าวกระโดดของ MINI จาก 2 เหตุการณ์ด้วยกัน
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในปี 1961
John Cooper นักแข่งรถในตำนาน
ซึ่งเขาเองเป็นเพื่อนสนิทของ เซอร์อเล็ก อิสซิโกนิส
เห็นว่าจริง ๆ แล้ว MINI เป็นรถที่สามารถยึดเกาะถนนได้ดี
เขาจึงได้ลองนำรถ MINI มาปรับแต่งเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น
หลังจากที่ John Cooper ได้ทำการปรับแต่งเสร็จ
เขาได้ตั้งชื่อให้รถที่เขานำมาปรับแต่งว่า “MINI Cooper”
และนั่นจึงเป็นที่มาของรถรุ่น MINI Cooper ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั่นเอง
จนในปี 1964 ถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนรู้จักและยอมรับในรถ MINI Cooper มากขึ้น
จากการที่ “Paddy Hopkirk” นักแข่งรถวิบาก สามารถนำรถ MINI Cooper เอาชนะการแข่งขัน
ในรายการ Monte Carlo Rally ซึ่งเป็นรายการแข่งรถวิบากในประเทศโมนาโก
โดยมีจุดประสงค์ในการแข่งคือต้องการเห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นในแต่ละปี
อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 1968
เมื่อ Paramount บริษัทผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ได้นำ MINI Cooper
มาใช้ประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Italian Job”
ซึ่งเป็นภาพยนตร์เล่าเรื่องราวการปล้นทองคำครั้งใหญ่
โดยมีฉากที่ใช้รถ MINI Cooper 3 คัน สามารถขับหนีตำรวจ
ที่ใช้รถ Alfa Romeo ซึ่งเป็นรถสปอร์ตที่โด่งดังในช่วงนั้น
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ยอดขายรถ MINI เพิ่มขึ้นมากถึง 318,000 คันในปี 1971
โดยตลอดระยะเวลา 40 ปี นับตั้งแต่สามารถขายรถ MINI คันแรกได้ในปี 1959
ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย
ปี 1966 บริษัท BMC ทำการควบรวมบริษัท Jaguar Cars
หลังจากทำการควบรวม ได้เปลี่ยนชื่อเป็น British Motor Holdings Limited หรือ BMH
ปี 1968 บริษัท BMH ทำการควบรวมบริษัท Leyland Motor Corporation
ซึ่งในเวลานั้นมีบริษัทลูกเป็น Triumph Motor และ The Rover Company
หลังจากการควบรวมได้ทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น British Leyland Motor Corporation หรือ BLMC
ในเวลานั้น BLMC ถือเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษเลยทีเดียว โดยมีแบรนด์ที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดี เช่น Triumph, MG, Rover รวมไปถึง MINI ด้วย
ปี 1975 ได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น British Leyland
ปี 1986 British Leyland ได้ทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของบริษัท โดยมีการขายบริษัทย่อยที่ไม่ทำกำไรออกไป และได้ทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น Rover Group
ปี 1994 BMW บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ได้ทำการเข้าซื้อ Rover Group ด้วยมูลค่า 800 ล้านปอนด์
แต่เนื่องจากแนวทางในการทำงานที่ต่างกันและกำลังเป็นช่วงขาลงของ Rover
ทำให้ BMW ต้องอัดฉีดเงินเข้าไปจำนวนมากถึง 1,000 ล้านปอนด์
จนในที่สุด BMW จึงตัดสินใจขายธุรกิจส่วนใหญ่ของ Rover Group ออกไปในปี 2000
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงเห็นแล้วว่าตลอด 40 ปีที่ผ่านมา
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเลยทีเดียว
ทั้งการควบรวม เปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง รวมถึงการขายบริษัทย่อยออกไป
แม้ BMW ได้ขายธุรกิจส่วนใหญ่ของ Rover Group ออกไป
แต่มีรถยนต์อยู่แบรนด์หนึ่ง ที่ทาง BMW ยังคงเก็บไว้นั่นคือ MINI นั่นเอง
แล้วปัจจุบัน MINI ภายใต้บริษัทแม่ BMW เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2018 ขายได้ 364,101 คัน
ปี 2019 ขายได้ 347,465 คัน
ปี 2020 ขายได้ 292,582 คัน
ถึงแม้ 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนรถที่สามารถขายได้ของ MINI จะลดลงอย่างต่อเนื่อง
แต่หากเราลองไปดู ยอดขายของรถยนต์ทั่วโลกจะพบว่ามีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกัน
ปี 2018 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 92 ล้านคัน
ปี 2019 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 88 ล้านคัน
ปี 2020 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 73 ล้านคัน
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018
ในขณะที่ในปี 2020 ทั่วโลกยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 จึงทำให้ยอดขายรถยนต์ ตกลงไปอีก
อีกสาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนผ่านระหว่างการใช้รถที่ใช้น้ำมัน ไปเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งก็มีบางประเทศเริ่มออกนโยบายให้เห็นกันชัดเจนแล้ว เช่น นโยบายของสหรัฐอเมริกาที่จะเปลี่ยน รถยนต์ของรัฐให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด
ซึ่งปัจจุบันทาง MINI เอง สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้แล้วเช่นกัน
และก็เพิ่งทำการเปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ชื่อรุ่น “MINI Cooper SE”
ซึ่งเป็นเรื่องน่าติดตามต่อไปว่า MINI คันเล็กคันนี้
จะปรับตัวกับความท้าทายในครั้งนี้อย่างไร
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
รถ MINI รุ่น Paddy Hopkirk Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ ที่ตั้งชื่อตาม Paddy Hopkirk
นักแข่งรถที่สามารถนำรถ MINI Cooper เอาชนะการแข่งขัน Monte Carlo Rally ในปี 1964
โดยหมายเลข 37 ที่ติดอยู่กับตัวรถ คือหมายเลขรถ MINI ที่เขาสามารถเอาชนะในวันนั้นได้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-http://cminicooper.blogspot.com/p/blog-page.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Rover_Group
-https://www.longtunman.com/8870
-https://en.wikipedia.org/wiki/British_Leyland
-https://en.wikipedia.org/wiki/British_Motor_Corporation
-https://en.wikipedia.org/wiki/Austin_Motor_Company
-https://en.wikipedia.org/wiki/Morris_Motors
-https://www.britannica.com/topic/British-Leyland-Motor-Corporation-Ltd
-https://www.miniusa.com/why-mini/why-mini/over-60-years-of-motoring.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/The_Italian_Job
-https://www.carolenash.com/news/classic-car-news/detail/mini-eras-the-1970s
-https://www.marketingoops.com/reports/fast-fact-reports/20-mini-car-facts/
-https://askanydifference.com/difference-between-mini-cooper-and-mini-one/
-https://www.unlockmen.com/mini-cooper-3-door-f56-5-door-f55/
-https://www.statista.com/statistics/267245/worldwide-sales-volume-of-mini-automobiles-since-2006/
-https://www.autostation.com/car/mini-electric-2020-launch-in-thailand
-https://www.best-selling-cars.com/brands/2020-full-year-global-bmw-mini-and-rolls-royce-sales-worldwide/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Monte_Carlo_Rally
-https://en.wikipedia.org/wiki/Paddy_Hopkirk
-https://www.forbes.com/sites/neilwinton/2019/10/03/uschina-tariff-war-will-lose-auto-industry-sales-worth-770-billion-report/?sh=4e0ed85f25e4
-https://www.iea.org/data-and-statistics/charts/global-car-sales-by-key-markets-2005-2020
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過120萬的網紅Phê Phim,也在其Youtube影片中提到,Phê Phim News: Show CHÚA NHẪN quay NĂM NAY | AI QUAN TRỌNG NHẤT GoT? | TOMB RAIDER phần 2 Chào mừng các bạn đến với Phê Phim News, nơi mà mình nói v...
auto show wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
Ford ปะทะ Ferrari ศึกชิงความเป็นใหญ่ ในวงการรถสปอร์ต /โดย ลงทุนแมน
การแข่งขันระหว่างบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน ถือเป็นเรื่องปกติของวงการธุรกิจ
แต่ถ้าพูดถึงการแข่งขันที่กลายเป็นตำนานเรื่องเล่าขานนั้น คงมีไม่มาก
เหตุการณ์ศึกชิงความเป็นใหญ่ในวงการรถสปอร์ตระหว่าง Ford และ Ferrari
ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์การแข่งขันหนึ่งที่ดุเดือด ที่หลายคนน่าจะเคยได้ยิน
แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนที่ทั้งสองจะกลายเป็นคู่แค้นคู่อาฆาตกันนั้น
ทั้ง Ford และ Ferrari เคยเกือบจะควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน
แล้วเพราะเหตุใดจึงทำให้ทั้งสองแตกหักกันและบทสรุปนั้นเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 1960
เมื่อ Ford เจ้าใหญ่แห่งวงการรถยนต์กำลังเสื่อมความนิยมลง
จากผลิตภัณฑ์ช่วงหลังที่ล้มเหลวมาโดยตลอด อย่างเช่น โมเดลรถยนต์รุ่น Edsel
ซึ่งสวนทางกันกับคู่แข่งอย่าง GM และ Chrysler ที่กำลังได้กระแสตอบรับที่ดี
Henry Ford II ซีอีโอ ณ ขณะนั้น ซึ่งเป็นหลานชายคนโตของผู้ก่อตั้งบริษัท จึงต้องคิดหาวิธีกู้สถานการณ์ให้ Ford กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง
นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจไปปรึกษาหารือกับ Lee Iacocca ผู้จัดการฝ่าย ซึ่งก็ได้คำแนะนำกลับมาว่า ถึงเวลาแล้วที่ Ford ต้องลงไปลุยวงการรถสปอร์ต
เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงที่การบริโภคของกลุ่มประชากร Baby Boomer ถือเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้มองเหมือนคนรุ่นก่อนที่ต้องการเพียงรถยนต์สำหรับขับขี่ได้เท่านั้น
แต่ต้องการรถยนต์ที่ส่งมอบความเร็วและประสิทธิภาพที่สูง
ซึ่งภาพลักษณ์ของ Ford ยุคนั้น
คนวัย Baby Boomer มองว่าเป็นรถยนต์ที่คร่ำครึ ไม่ทันสมัย
จึงทำให้กลุ่มคนวัยนี้ไม่นิยมซื้อรถยนต์แบรนด์ Ford
ดังนั้น โจทย์ที่ตามมาก็คือ หากดึงดูดกลุ่มลูกค้านี้มาได้
มันก็มีโอกาสที่จะทำให้ยอดขายของ Ford กลับมาเติบโตอีกครั้ง
แต่ปัญหาใหญ่สำหรับ Ford ก็คือ บริษัทไม่มีรถสปอร์ตอยู่ในไลน์การผลิตของตัวเองเลย
และที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น บริษัทยังไม่ได้มีแผนที่จะสร้างอีกด้วย
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้เหล่าผู้บริหารต้องมองหาทางออกใหม่และก็ได้คำตอบคือการซื้อบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตโดยตรงเลย
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่ Ferrari ค่ายรถสปอร์ตจากอิตาลี กำลังมองหาพันธมิตรใหม่อยู่พอดี
เพราะมีปัญหาเรื่องรายได้ของการขายรถยนต์โตไม่ทันค่าใช้จ่ายที่ลงไปกับงานแข่งขัน
จึงต้องการเงินสนับสนุนเพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้
ต้องบอกว่า Ferrari ถือเป็นราชาแห่งวงการรถยนต์สำหรับแข่งขันในยุคนั้น
แฟน ๆ รถยนต์ต่างพากันคลั่งไคล้ เพราะไม่ว่าจะลงแข่งรายการไหน
Ferrari ก็มักจะได้รางวัลอยู่เสมอ ซึ่งก็ดูตรงกับสิ่งที่ Ford ต้องการอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะจบอย่างสวยงาม
เพราะต่างฝ่ายต่างสามารถเติมเต็มกันได้อย่างดี
แต่เรื่องราวหลังจากนี้ กลับไม่เป็นไปตามนั้น
เพราะ Ferrari กลับปฏิเสธข้อเสนอการขายหุ้นให้กับ Ford
เนื่องจากพวกเขามองว่าข้อตกลงไม่เป็นไปตามที่พูดคุยกัน
ทั้งการที่ Ford จะเป็นคนเข้ามาคอยควบคุมงบประมาณของบริษัท
การเสนอมูลค่าหุ้นที่ต่ำกว่าที่ตั้งไว้และที่เป็นปัญหาสำหรับ Ferrari ที่สุด คือการห้ามลงรายการแข่งขันรถยนต์อีกต่อไป
Ferrari ผู้มีใจรักการแข่งขันจึงหันไปขายหุ้นให้กับ Fiat ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลีแทน
นอกจากนี้ Enzo ผู้ก่อตั้ง Ferrari ยังบอกว่า ไม่มีทางขายหุ้นให้กับบริษัทที่น่าเกลียด ที่มีรถยนต์หน้าตาน่าเกลียดและถูกผลิตโดยโรงงานที่ดูน่าเกลียดอีกด้วย
เมื่อข่าวนี้มาถึง Ford ทั้ง Henry Ford II และเหล่าผู้บริหารต่างพากันปรี๊ดแตก
พวกเขาจึงวางแผนใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวสำหรับการล้างแค้น
โดยแผนใหม่ที่ว่านั้นก็คือ Ford จะเข้าร่วมรายการแข่งขันรถยนต์ที่ชื่อว่า เลอม็อง 24 ชั่วโมง
ซึ่งเป็นการแข่งขันรถยนต์วิ่งรอบสนามต่อเนื่องกัน 1 วันเต็ม ซึ่งผู้ที่ทำระยะได้มากที่สุดเป็นผู้ชนะ
จากเป้าหมายของการแข่งขันเลอม็อง 24 ชั่วโมง ก็ถือเป็นรายการที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเกียรติยศ ที่ค่ายรถยนต์ทั่วโลกจะส่งรถยนต์ที่ดีที่สุดเพื่อมาพิสูจน์ว่าใครกันแน่
ที่เป็นอันดับ 1 ของรถยนต์ ทั้งในแง่ความเร็วและความทนทาน
และอย่างที่เราน่าจะพอคาดเดาได้
อันดับ 1 ที่ผ่านมาล้วนเป็นของค่ายรถยนต์อย่าง Ferrari
ซึ่งหาก Ford ชนะในการแข่งขัน จะเป็นการตบหน้า Ferrari ครั้งใหญ่
Ford ไม่รอช้า เปิดโปรเจกต์ใหม่ขึ้นมาชื่อว่า “Ferrari Killer” เป็นโปรเจกต์พิเศษสำหรับสร้างรถสปอร์ตที่จะสามารถมาคว้าชัยจากการแข่งขันนี้โดยเฉพาะและก็ได้ให้กำเนิดรถยนต์ Ford รุ่น GT40 ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม Ford GT40 ก็ยังไม่สามารถเอาชนะการแข่งขันได้
แม้ว่าจะทุ่มทรัพยากรไปมากเพียงใดก็ตาม ทั้งบุคลากรและเม็ดเงิน
แต่ Ford ก็ยังไม่สามารถสร้างรถยนต์ให้วิ่งจนจบรายการได้เลย
เมื่อ Ford ประเมินแล้วว่าตนไม่สามารถพัฒนารถยนต์ให้ดีขึ้นพอที่จะแข่งขันกับ Ferrari ได้
จึงตัดสินใจมอบทั้งโปรเจกต์นี้ให้ Carroll Shelby นักออกแบบรถยนต์ อดีตนักซิ่งที่เคยชนะการแข่งขันเลอม็อง เป็นคนดูแล
ซึ่ง Shelby ก็ได้เชิญชวนเพื่อนที่รู้ใจอย่าง Ken Miles นักขับและวิศวกรเครื่องกลเพื่อมาช่วยพัฒนารถยนต์ด้วยกัน
ทั้งคู่ร่วมด้วยวิศวกรจาก Ford นำ GT40 กลับมาพัฒนาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เพราะทั้งคู่เห็นว่าศักยภาพของ GT40 ยังต่อยอดให้กลายเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังได้
และแล้วก็ได้ให้กำเนิดรถยนต์รุ่นต่อมาคือ GT40 Mk II
จากการทำงานหนักทั้งหมดของพวกเขา
โปรเจกต์ Ferrari Killer ก็เริ่มผลิดอกออกผล
จนในที่สุด รถยนต์ของ Ford ไม่เพียงชนะ Ferrari เท่านั้น
แต่ยังทำให้ค่ายรถยนต์จากอิตาลีต้องอับอาย
จากการที่ Ferrari ไม่มีรถที่ติดอันดับ 1 ใน 3 เลย
เพราะอีก 2 คันที่เหลือก็เป็นเจ้า GT40 Mk II เช่นกัน
รวมถึงรายการแข่งขันอื่น ๆ เช่น 12 ชั่วโมง ซีบริง และ 24 ชั่วโมงของเดย์โทนา
Ferrari ก็ไม่สามารถเอาชนะ Ford ได้เลย
ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับ Henry Ford II เป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของ Ford เปลี่ยนแปลงไป
จากเดิมที่ผู้คนเคยมองว่าคร่ำครึ โบราณ กลับกลายเป็นรถยนต์ที่ทันสมัยอีกครั้ง
และ GT40 Mk II ได้กลายเป็นความภาคภูมิใจในวงการรถยนต์ของชาวอเมริกัน
รวมถึงเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Ford ที่มีราคาเกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย
น่าเสียดายที่เวลาต่อมา Miles เสียชีวิตก่อนที่เขาจะได้แข่งที่เลอม็องอีกครั้ง
เนื่องจากรถยนต์เสียการควบคุมขณะที่กำลังทดสอบ
แม้ว่า Ford จะสูญเสียบุคลากรสำคัญอย่าง Miles ไป
แต่หลังจากการแข่งขันครั้งนั้น ปี 1967 ถึง 1969 Ferrari ก็ยังไม่เคยกลับมาชนะได้อีกเลย
จนกระทั่งปี 1970 ที่ Ford ถอนตัวจากการแข่งขันไป Ferrari จึงกลับมาอีกครั้ง
จากเรื่องราวครั้งนี้ทำให้เห็นว่า Ford กับ Ferrari เคยเกือบควบรวมเป็นบริษัทเดียวกันมาก่อน
แต่ในเมื่อเจ้าของทั้ง 2 บริษัท มีความเห็นไม่ลงรอยกัน จึงได้นำไปสู่ความขัดแย้ง
แต่ก็ใช่ว่าความขัดแย้งซึ่งนำไปสู่การแข่งขันจะเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป
เพราะหากเราดูจากเหตุการณ์ที่ทั้ง 2 บริษัท แข่งขันกันเพื่อเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์
เจ้าแห่งความเร็วและความอึดทนทาน ก็ทำให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถพัฒนารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Ford และ Ferrari ยังคงดำเนินธุรกิจมาอย่างแข็งแกร่งและยาวนานขนาดนี้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.forbes.com/wheels/news/ford-vs-ferrari-the-real-story-behind-the-most-bitter-rivalry-in-auto-racing/
-https://time.com/5730536/ford-v-ferrari-true-story/
-https://www.businessinsider.com/real-story-behind-ford-v-ferrari-oscars-2020-2
-https://en.wikipedia.org/wiki/Ferrari
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lee_Iacocca
auto show wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
การขาดแคลนชิป ปัญหาใหญ่ ของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก /โดย ลงทุนแมน
ก่อนหน้านี้ บริษัทรถยนต์หลายแห่งคงกำลังดีใจ
ที่เศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวได้
จากการควบคุมโรคระบาดที่ทำได้ดีขึ้น จนความต้องการซื้อรถยนต์เริ่มฟื้นตัวกลับมา
แต่หลังจากดีใจได้ไม่นาน ค่ายรถยนต์หลายแห่งทั่วโลกก็ต้องเจอกับปัญหาใหม่อีกครั้ง
นั่นคือ ปัญหาขาดแคลนชิปซึ่งเป็นหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญในรถยนต์
จนค่ายรถยนต์หลายแห่งต้องสั่งหยุดการผลิตรถยนต์ หรือหลายแห่งผลิตได้ไม่เต็มที่ตามต้องการ
ปัญหาขาดแคลนชิป กระทบอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกมากแค่ไหนในตอนนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ถ้าถามว่า ส่วนประกอบสำคัญที่เป็นเหมือนสมองของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตโฟน โทรทัศน์ เครื่องเล่นเกม รวมถึง รถยนต์ คืออะไร ?
คำตอบนั้นก็คือ “ชิปประมวลผล”
สำหรับรถยนต์ ชิปถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ภายในตัวรถ เช่น หน้าจอแสดงผล และระบบส่งกำลัง
ปีที่ผ่านมาหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการเกิดโรคระบาด แต่หนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตสวนกระแสก็คือ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกรวมกันอยู่สูงกว่า 13 ล้านล้านบาท เติบโต 5.1% จากปีก่อนหน้า
ที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องจาก ช่วงที่โควิด 19 ระบาดหนัก
ความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก อย่างเช่น แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
จากการที่คนต้องเปลี่ยนมาทำงานจากที่บ้านกันทั่วโลก
แต่การเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ กลับก่อให้เกิดปัญหาชิปขาดแคลน
และปัญหานี้ ก็กำลังส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์
ซึ่งนับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก
สำหรับในสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมยานยนต์มีการจ้างงานรวมกันประมาณ 3 ล้านคน สร้างมูลค่าต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากว่า 16 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2.5% ของมูลค่า GDP ประเทศ
ในประเทศไทย อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์นั้น มีการจ้างงานรวมกันกว่า 850,000 คน สร้างมูลค่าต่อเศรษฐกิจประเทศไทยกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นกว่า 10% ของมูลค่า GDP ประเทศ
ย้อนกลับไปช่วงกลางปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด 19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก โรงงานผลิตชิปหลายแห่งต้องปิดตัวลงชั่วคราว จนไม่สามารถส่งมอบชิปอย่างเพียงพอ
กำลังซื้อรถยนต์ของคนทั่วโลกที่ชะลอตัวลงในช่วงเวลานั้น บังคับให้บริษัทรถยนต์หลายแห่งต้องปรับลดกำลังการผลิต ทำให้หลายค่ายรถยนต์ ต้องยกเลิกคำสั่งซื้อชิปจำนวนมากตามไปด้วย
อย่างกรณีของ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกจากไต้หวันก็ถูกยกเลิกคำสั่งซื้อชิปจากบริษัทรถยนต์หลายแห่ง
แต่พอความต้องการรถยนต์เริ่มฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ TSMC หันไปผลิตชิปให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ไปแล้ว
และอีกด้านหนึ่งคือ การเพิ่มกำลังการผลิตชิปนั้นไม่สามารถทำได้ในทันที เนื่องจากต้องใช้เวลาและต้นทุนจำนวนมหาศาล อย่างเช่น ต้องใช้งบประมาณและเวลาในการขยายโรงงานการผลิต
และปัจจุบัน TSMC นั้นกำลังผลิตชิปเทคโนโลยีสูง โดยใช้กำลังการผลิตกว่า 90% ซึ่งเกือบจะเต็มกำลังอยู่แล้ว
ก็เลยกลายเป็นว่า ในตอนนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องไปต่อคิวต่อจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีความต้องการชิปด้วยเช่นกัน
จึงทำให้บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่หลายแห่งนับจากต้นปี ต้องประกาศลดกำลังการผลิตลงในช่วงที่ผ่านมา
- General Motors สั่งหยุดสายการผลิตทั้งหมดที่โรงงาน 4 แห่งในอเมริกาเหนือ
รวมทั้งยังลดการผลิตที่โรงงานในเกาหลีใต้ 2 แห่งลงครึ่งหนึ่ง
และคาดว่าจะกระทบกับกำไรของบริษัทมากกว่า 60,000 ล้านบาท
- Honda Motor จำเป็นต้องปรับลดการผลิตรถยนต์ที่โรงงานในภาคกลางของญี่ปุ่นลงประมาณ 4,000 คันต่อเดือน
- Volkswagen ประกาศลดกำลังการผลิตที่โรงงานผลิตในจีน ยุโรป และอเมริกาเหนือ ในไตรมาสแรก
ซึ่งการขาดแคลนชิป จนทำให้บริษัทรถยนต์หลายแห่งต้องลดกำลังการผลิตลงนั้น อาจส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์จำเป็นต้องลดปริมาณการจ้างงานลงด้วย
และสุดท้ายเรื่องนี้ก็จะกระทบกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
ซึ่งผลกระทบดังกล่าว น่าจะส่งผลกระทบมายังประเทศไทยด้วย
เนื่องจากไทยก็ถือเป็นหนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์ของหลาย ๆ แบรนด์ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
มูลค่าการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไปต่างประเทศ ในปี 2563 ที่ผ่านมาของไทย มีมูลค่ากว่า 917,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 13% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
ซึ่งถ้าสถานการณ์นี้ลากยาวไปเรื่อย ๆ
ก็คงไม่ใช่เรื่องดี ต่ออุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bangkokpost.com/business/2066755/semiconductor-shortage-takes-toll
-https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/916328
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://www.climatescorecard.org/2020/07/thailand-government-has-yet-to-respond-to-requests-to-help-automobile-industry-hurt-by-covid-19
-https://www.statista.com/statistics/276474/automotive-industry-employees-in-the-united-states-by-sector/
-https://en.wikipedia.org/wiki/TSMC
-https://www.mreport.co.th/news/industry-movement/226-Chip-Shortage-hits-Car-Productions
-https://driving.ca/features/feature-story/what-the-global-chip-shortage-means-for-the-auto-industry-and-car-buyers
-https://www.prachachat.net/world-news/news-614737
-https://www.mmthailand.com/semiconductor-hot-shortage/
-http://tradereport.moc.go.th/Report/Default.aspx
auto show wiki 在 Phê Phim Youtube 的最讚貼文
Phê Phim News: Show CHÚA NHẪN quay NĂM NAY | AI QUAN TRỌNG NHẤT GoT? | TOMB RAIDER phần 2
Chào mừng các bạn đến với Phê Phim News, nơi mà mình nói về những tin tức thú vị nhất trong thế giới điện ảnh tuần vừa rồi. Video hôm nay ngày 17/04 sẽ có những nội dung chính như sau:
Kịch bản: Bùi Thảo Ngân, @_dg.trf, @callmehoaianh, @linhvetter,
MC: @linhvetter
Voice: @_dg.trf
Editor: @nhancdang, @hiep_pics
______
Tomb Raider có phần 2
-https://deadline.com/2019/04/tomb-raider-sequel-mgm-warner-bros-amy-jump-write-script-1202594616/
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Tomb_Raider_media
______
2. Birds of Prey chính thức đóng máy
-http://collider.com/birds-of-prey-filming-wraps-logo-revealed/
-https://www.instagram.com/p/BwQyGahgCa3/
______
Ốp Lưng S10+ Avengers
Hợp tác cùng Marvel ngay trước thềm End Game, SamSung vừa cho ra mẫu ốp lưng độc đáo cho chiếc Galaxy S10+ theo từng nhân vật và theo style của Marvel Comics.
- Đặc biệt, đây là chiếc ốp lưng này độc nhất có tích hợp công nghệ đổi themes tự động ngay khi vừa lắp ốp lưng vào, cho màn hình ngầu đồng nhất từ trước ra sau cực kỳ hấp dẫn với những fan Marvel nói chung và của từng nhân vật siêu anh hùng
nói riêng.
- Với các phiên bản của Iron Man, Captain America, Spider Man và những mẫu có đặc trưng của Marvel studio, chiếc ốp lưng này sẽ auto đổi không những hình nền, màn hình chờ, màu chủ đạo mà sẽ đổi cả những icon ứng dụng gốc của điện thoại thành hình
tượng tương ứng theo từng nhân vật.
- Không những thế, khi sở hữu ốp Marvel Case cho Galaxy S10 hay S10+, người dùng sẽ được theo dõi các trailer game, phim độc quyền cũng như tặng kèm 10$ trong tựa game Marvel Future Fight.
______
3. Series Chúa Nhẫn khởi quay năm nay
-https://www.dailyrecord.co.uk/entertainment/tv-radio/amazons-1bn-lord-rings-series-14308975
-https://www.radiotimes.com/news/on-demand/2019-04-16/lord-of-the-rings-amazon-tv-series-release-date-cast-trailer-writers-prime-video/
______
Điểm báo
Tổng giám đốc Disney quyết định nghỉ hưu
https://www.cnbc.com/2019/04/11/disney-ceo-bob-iger-says-he-will-step-down-in-2021.html
2. Nàng Tiên Cá chuẩn bị có live-action
https://hnentertainment.co/exclusive-disneys-live-action-the-little-mermaid-to-begin-production-spring-2020-additional-details-revealed/
3. Bác sĩ Dolittle quay lại rất nhiều cảnh
https://www.hollywoodreporter.com/heat-vision/ninja-turtles-director-tackling-doctor-dolittle-reshoots-1201707
4. Dương Tử Quỳnh tham gia series Avatar
https://variety.com/2019/film/news/michelle-yeoh-avatar-sequels-1203189762/
______
4. Game of Thrones: Night King bị bắt / Người quan trọng nhất cả
-https://www.facebook.com/trondheimspolitiet/
-https://www.usatoday.com/story/life/tv/2019/04/15/game-thrones-season-8-premiere-scores-record-ratings/3474033002/
______
BXH
-Bắc Mỹ: https://www.boxofficemojo.com/weekend/chart/?yr=2019&wknd=15&p=.htm
-Việt Nam: https://boxofficevietnam.com/#1543824640456-16ae0ab0-64e8
#PhêPhimNews #Số56 #MarvelS10Plus
