เปิดตัว ราคา Ford Ranger 2019 - 2020 ฟอร์ด เรนเจอร์ 6 รุ่นย่อยใหม่ คือ Wildtrak XLT XL XL+ ปรับปรุงแผงหน้าปัดมาตรวัดแสดงผลภาษาไทย ในรุ่น XLS XLT Limited Wildtrak และ Raptor
ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศขยายไลน์อัพของ ฟอร์ด เรนเจอร์ เปิดตัวสุดยอดกระบะพันธุ์แกร่ง 6 รุ่นย่อยใหม่ เพื่อมอบตัวเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า ตอบรับการใช้งานทุกรูปแบบ
ฟอร์ด เรนเจอร์ มาพร้อม 6 รุ่นย่อยใหม่ ได้แก่ ไวล์ดแทรค 1 รุ่น XLT 1 รุ่น XL และ XL+ อีก 4 รุ่น ทำให้ลูกค้าในประเทศไทย มีตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น ถึง 26 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นไวล์ดแทรค รุ่นลิมิเต็ด รุ่น XLT รุ่น XLS รุ่น XL+ รุ่น XL รุ่นกระบะฐานล้อสั้น (SWB) และสุดยอดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง อย่าง เรนเจอร์ แร็พเตอร์
การเพิ่มรุ่นของเรนเจอร์ นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่ง ให้กับทัพผลิตภัณฑ์ของเรนเจอร์ในประเทศไทย และเป็นการมอบตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นให้กับลูกค้า ให้สามารถเลือกรถ รุ่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งในด้านการทำงาน และการใช้ชีวิต
โดย เรนเจอร์ 6 รุ่นย่อยใหม่ มีรายละเอียด และราคาดังนี้
- ฟอร์ด เรนเจอร์ สแตนดาร์ดแชสซีแค็บ 2.2L XL 4x2 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้า ด้วยสมรรถนะเหนือชั้นที่ และสามารถดัดแปลงเป็นตู้เก็บของเย็นหรือร้อนได้ ในราคา 528,000 บาท
- ฟอร์ด เรนเจอร์ สแตนดาร์ดแค็บ 2.2L XL 4x4 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
รถกระบะสมรรถนะสูงพร้อมรับมือกับงานสุดหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นการลากจูง การบรรทุก และออฟโรด ด้วยราคา 649,000 บาท
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิ้ลแค็บ XL 2.2L 4x2 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันชาญฉลาด ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD เสนอขายที่ราคา 689,000 บาท
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิ้ลแค็บ 2.2L XL+ 4x2 Hi-Rider เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
รถกระบะดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตูยกสูงพันธุ์แกร่ง มาพร้อมล้ออัลลอย 16" และขุมพลังสมรรถนะสูง ในราคา 749,000 บาท
- ฟอร์ด เรนเจอร์ โอเพนแค็บ 2.2L XLT 4x4 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
รถกระบะสมรรถนะสูงมาพร้อมกับล้ออัลลอย 17" เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ในราคาที่คุ้มค่าที่สุดที่ 799,000 บาท
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิ้ลแค็บ 2.0L ไวล์ดแทรค เทอร์โบ 4x2 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
รถกระบะดับเบิ้ลแค็บพันธุ์แกร่ง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมมอบความสะดวกสบายเหนือระดับ ด้วยราคา 979,000 บาท
ฟอร์ด เรนเจอร์ ทุกรุ่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เหนือชั้น เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่สะดวกสบาย และปลอดภัยยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ ในฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทรค 4x4 ประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ซึ่งผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติแบบ Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับยานพาหนะและคนเดินถนน
- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
- ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist)
- กล้องมองหลังและเซ็นเซอร์
- กุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท
ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ใน เรนเจอร์รุ่นแร็พเตอร์ รุ่นไวล์ดแทรค และรุ่นลิมิเต็ด สามารถรองรับ Apple Carplay และ Andriod Auto พร้อมบลูทูธ จอทัชสกรีนฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง มาพร้อมระบบจดจำเสียง และระบบสั่งงานเสียง ด้วยภาษาไทย
สำหรับรุ่นแร็พเตอร์ รุ่นไวล์ดแทรค และรุ่นลิมิเต็ด มาพร้อมกับฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift เพื่อช่วยลดการออกแรง และเพิ่มความสะดวก ในการปิดเปิดฝาท้าย
ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังเป็นรถกระบะรุ่นแรก ที่ติดตั้งพวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าในทุกรุ่น เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการใช้งานทุกรูปแบบ ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และที่ทำงานในไซต์ก่อสร้าง รวมถึงพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศ
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 26 รุ่น ตามราคาจำหน่ายดังต่อไปนี้
Raptor - ราคา 1,699,000 บาท
Wildtrak - ราคา 979,000 - 1,265,000 บาท
Lmited – ราคา 889,000 - 1,039,000 บาท
XLT – ราคา 749,000 - 879,000 บาท
XLS – ราคา 659,000-789,000 บาท
XL+ – ราคา 659,000-749,000 บาท
XL - ราคา 528,000-689,000 บาท
ฟอร์ด เรนเจอร์ มีสีให้เลือกทั้งหมด 8 สี ได้แก่ สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (เฉพาะรุ่นแร็พเตอร์) สีส้มเซเบรอ (เฉพาะรุ่นไวล์ดแทรค) สีเทามีทีออร์เกรย์ เมทัลลิค (เฉพาะรุ่นไวล์ดแทรค รุ่นลิมิเต็ด และรุ่น XLT) สีดำแอพโซลูท สีขาวอาร์กติกไวท์ สีเงินอะลูมิเนียมเมทัลลิค สีแดงทรูเร้ด และสีฟ้าไลท์นิ่งบลู (ยกเว้น รุ่นไวล์ดแทรค และรุ่น XL)
นอกจากนี้ ลูกค้าฟอร์ด เรนเจอร์ ยังจะได้รับบริการพิเศษ ด้วยบริการฟรีค่าแรง ในการตรวจเช็คตามระยะ สูงสุดถึง 5 ปี หรือภายในระยะ 75,000 กิโลเมตร เพียงเข้าตรวจเช็คระยะ ทุก 15,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 ปี พร้อมรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรจาก Ford Protect
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากการเปิดตัว 6 รุ่นย่อยใหม่ครั้งนี้ ฟอร์ด ยังได้ปรับปรุงแผงหน้าปัดมาตรวัดความเร็ว ให้แสดงผลภาษาไทยได้ สำหรับ เรนเจอร์ XLS XLT ลิมิเต็ด ไวล์ดแทรค และแร็พเตอร์ ด้วย
「autonomous system คือ」的推薦目錄:
autonomous system คือ 在 CarDebuts Youtube 的最佳貼文
รีวิว 2018 Ford Everest Thailand (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ทั้ง 4 รุ่นย่อย Trend, Titanium และ Titanium+ พร้อมราคา
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางไปอีกขั้น ด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัย ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่อย่างเหนือชั้น ทั้งบนทางเรียบและแบบออฟโรด ผสานกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ดีไซน์ที่โดดเด่น และห้องโดยสารที่หรูหรา สะดวกสบายยิ่งขึ้น
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส ใหม่ มาพร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนของฟอร์ด ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้าย และการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ พร้อมมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น
ระบบตรวจจับลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) ซึ่งได้รับการติดตั้งในรถระดับนี้เป็นครั้งแรก จะคอยตรวจวัดความดันลม ในยางล้อทั้ง 4 ล้อ และเตือนผู้ใช้งานเมื่อความดันลมเปลี่ยนแปลง ระบบนี้นอกจากจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้น้ำมันแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของยางอีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่จะได้รับความสะดวกสบายจากระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนฟรี เพียงยื่นเท้าไปที่ใต้กันชนท้าย ประตูท้ายจะเปิดโดยอัตโนมัติ
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ทุกรุ่น ยังมาพร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทรถได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และขึ้นลงรถได้สะดวกสบายกว่าเดิม
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ทุกรุ่น ได้รับการติดตั้งระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียม ซึ่งติดตั้งมากับรถ เมื่อออกนอกพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกด้วย
ระบบซิงค์ 3 ยังมาพร้อมระบบจดจำเสียง และระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) คือ ระบบ SYNC® ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ผ่านบลูทูธด้วยระบบ SYNC® และต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน