ครั้งหนึ่ง ผมเคยได้สัมภาษณ์เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าและนักลงทุนที่มีเงินปันผลเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ และเขาได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้จะสร้างเส้นทางนายตัวเอง 95 ข้อ ดังนี้
1. คุณจะต้องขายสิ่งที่ตลาดต้องการไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากจะขาย
2. ต้องเป็นสิ่งที่ตัวเองถนัด
3. สิ่งที่จะทำ ต้องขายส่งได้ด้วย เพราะขายปลีกมันไม่รวย แล้วมันกระจายจุดไม่ได้ ถ้าของเราขายส่งได้ มันสามารถไปอยู่ได้ทุกมุมโลก
4. ของที่เราขายส่งได้ ในระยะยาว เราต้องเป็นผู้ผลิตเองได้
5. สิ่งที่เราขาย ต้องไม่ใช่สิ่งที่เหมือน ๆ กันแล้วแข่งเพียงแต่ราคา เช่น ไข่ไก่ แต่เสื้อยืดคุณขายดีไซน์ไอเดียได้
6. สิ่งที่คุณจะขาย ต้องมีจุดแข็ง ที่ไม่ใช่คำว่า ราคา คุณภาพ บริการ แต่มันต้องลึกกว่านั้น
7. คุณต้องตอบให้ได้ว่า ทำไมลูกค้าต้
องซื้อสินค้าคุณ ทำไมเขาต้องไม่ไปซื้อคู่แข่ง
8. คุณต้องรูว่า กลุ่มเป้าหมายคุณคือใคร แล้วทำเลนั่นมีกลุ่มเป้าหมายคุณไหม
9. คุณจะเป็นใครในตลาด รวม ๆ หมายถึง คุณจะขาย สินค้าระดับไหน ราคาระดับไหน ภาพลักษณ์คุณระดับไหน
10. ร้านอาหาร ข้าวมันไก่เหมือน ๆ กันแต่ทำไมร้านนี้คนเต็ม อีกร้านไม่มีลูกค้า เวลาคุณเดินผ่าน คุณจะเลือกเข้าร้านที่คนเยอะ แม้คุณจะไม่เคยกิน แต่คุณจะคิดว่าร้านนี้ต้องอร่อยคนจึงเต็ม คุณจะทำยังไงให้ร้านคุณลูกค้าผ่านครั้งแรกแล้วอยากเข้า
11. คุณต้องสร้างระบบ ที่ระบบนั้นไม่ได้ยึดตัวคุณ แต่ดำเนินการด้วยตัวมันเอง คุณเพียงเป็นคนตรวจคุมระบบ
12. อะไรจะเป็นจุดแข็งของคุณ เมื่อมีคนอื่นมาเป็นคู่แข่ง หรือมีคนมาก๊อปปี้ คุณจะทำยังไง คุณต้องมีจุดแข็งตรงนั้น เพราะธุรกิจเป็นระบบเสรี
13. การลดต้นทุน คือกำไรอัตโนมัติ คุณขายได้ 1,000 หน่วย ลดต้นทุนได้ 2 บาท เท่ากับว่าคุณกำไรตั้งแต่ยังไม่ขาย 2,000 แล้ว
14. พนักงานคือสิ่งที่สำคัญ ถ้ายิ่งพนักงานอยู่นานเท่าไร เท่ากับประสบการณ์ยิ่งมาก สามารถจบลูกค้าได้ง่าย คุณจะทำยังไงให้พนักงานอยู่นานที่สุด
15. คุณจงคำนวณยอดขายต่ำสุดในช่วงโลว์ซีซั่น แล้วหาจุดคุ้มทุน ถ้าช่วงโลว์สุดยังกำไร ก็ตัดจุดเจ๊งได้เลย
16. คุณจะต้องสำรวจตลาดเสมอ เพราะการตลาด เพียงแค่คุณหยุด คู่แข่งก็ก้าวล้ำคุณไปแล้ว ถ้าคู่แข่งคุณหยุด แล้วคุณพัฒนา คุณก้าวล้ำ 2 ก้าว
17. ในวิกฤตมีโอกาสเสมอ ในช่วงโลว์ทุกคนหยุดกิจกรรมเสมอ เพียงคุณกระตุ้นแผนการตลาด ลูกค้าก็รับรู้ง่าย
18. ในช่วงตลาดโลว์ ลูกค้าเดิม ๆ จะขายไม่ดี จะเริ่มหาเจ้าใหม่ นั่นคือโอกาสของเราเสมอในตลาดโลว์
19. จงแยกแยะลูกค้าชั้นดี ชั้นกลาง ชั้นแย่ เพราะลูกค้าทุกคน สัดส่วนซื้อไม่เท่ากัน ตามกฎ 20/80 คือ ลูกค้าสัดส่วน 20% แต่เป็นกำไรของร้าน 80%
20. เมื่อคู่แข่งแข่งราคา คุณจงอย่าแข่งราคาจนไม่มีกำไร เพราะธุรกิจต้องการกำไร
21. วันที่คุณขายไม่ดี อย่าโทษตลาด เพราะในวันนั้นก็มีคู่แข่งคุณที่ขายดี
22. เวลาคุณขายไม่ดีอย่าเพียงแต่โทษตลาด เศรษฐกิจไม่ดี ฝนตก แต่หันมาดูตัวเราเองแล้วถามว่า เราทำสินค้าตรงตามความต้องการลูกค้าไหม ราคาเราสมเหตุสมผลไหม บริการเราดีไหม
23. อัตราขายส่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เพราะเมื่อเรามีลูกค้าขายส่ง เท่ากับว่าเรามีหน้าร้านเพิ่มอัตโนมัติ โดยที่เราไม่มีค่าเช่า
24. ลูกค้าส่งยิ่งมีมาก สินค้าเราจะไม่เคยค้างสต๊อก เช่น เราผลิตต่อแบบ 50 หน่วย มีลูกค้าส่ง 50 เจ้า ลูกค้ารับไปเจ้าละ 1 ตัว เขาจะไม่รู้หรอกว่าแบบนั้นขายไม่ดี
25. ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณจะทำอะไร ความคิดตัน คุณแค่เพียงก้าวเท้าออกไปจากร้าน แล้วไปในแหล่งที่ขายของแบบเดียวกับคุณ คุณอาจได้ไอเดียกลับมา
26. ปัญหาร้อยแปดพันเก้า คุณจะบอกไม่รู้จะขายอะไร วิธีง่ายสุดคือ ก๊อปปี้ไง คุณไปลอกเลียนแบบร้านค้าที่ขายดีแล้วคุณพอจะทำได้ในเบื้องต้น แล้วลงมือดู (แต่คิดเยอะ ๆ ก่อนทำ)
27. ก่อนจะทำธุรกิจอย่าไปลองผิดลองถูก คิดว่าเปิด ๆ ไป ขาย ๆ ไปเดี๋ยวก็มีคนมาซื้อ คุณวางแผนก่อนดีไหมว่าจะขายอะไร หาเหตุผลที่ลูกค้าจะซื้อ เพราะเงินลงทุนมีจำกัด
28. ถ้าคุณจะก็อบปี้ มันก็เป็นทางลัด แต่ไปเปิดไกล ๆ นะ เพราะอาจโดน Teen คนเขียนเคยโดนมาแล้ว
30. คุณจงรับรู้ไว้ว่า ลูกค้าที่มาซื้อคุณ ไม่ใช่เพราะสินค้าคุณดีสุด ถูกสุด แต่เป็นเพราะตลาดมันไม่สมบูรณ์ด้านข้อมูล
31. ลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าที่ถูกสุด แพงสุด หรือดีสุด แต่เค้าซื้อที่เขาต้องการใช้ แล้วราคามันสมกับมูลค่าที่เขาคิดว่าจะได้รับ
32. ลูกค้าประจำที่มาซื้อคุณ เขาคือ LOYALTY CUSTOMER คุณจงดูแลเค้าให้ดี เพราะต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ แพงกว่า 5 เท่าในการดูแลลูกค้าเก่า
33. คุณจงทำสินค้าที่ตอบสนองลูกค้าส่วนรวม เพราะเมื่อคุณตอบสนองลูกค้าเพียงคนเดียวเมื่อไร คุณจะเสียความเป็นส่วนรวมในตลาด ถ้าสินค้าคุณไม่ใช่สินค้าเฉพาะกลุ่ม
34. ถ้าคุณคิดว่าสินค้าคุณขายดีแล้ว แล้วคุณก็ผลิตแต่สินค้าเดิม ๆ คุณเตรียมตัวตายได้เลย ถ้าสินค้าคุณเป็นแฟชั่น
35. ถ้าสินค้าคุณขายดีในช่วงไฮ คุณจงคิดให้น้อย แต่ทำให้มาก แต่ถ้าคุณขายไม่ดีในช่วงโลว์คุณจงคิดให้มาก แต่ทำให้น้อย
36. กลยุทธ์อาจใช้ได้ดีในช่วงไฮซีซั่น แต่อาจแย่ในช่วงโลว์ซีซั่น เพราะสินค้ามันมีวัฏจักร
37. ถ้าคุณจะขยายสาขา จงมั่นใจว่าสาขา 1 คุณใช้เต็มประสิทธิภาพ จงอย่าคิดแต่เพียงฉันอยากจะเปิด
38. ถ้าคุณจะเปิดสาขา จงใช้พลังของสาขา เพราะมันไม่ใช่ 1+1 แต่มันเป็น 3
39. ถ้าคู่แข่งคุณมาใหม่แล้วทำให้ยอดขายคุณตก คุณต้องรีบโจมตี ถ้าปล่อยไว้ระยะยาว คุณจะเสียอำนาจการแข่งขันในระยะยาว (แต่ขอให้โจมตีทางด้านการตลาด)
40. ถ้ายอดขายคุณตก คุณพึงสังวรไว้เลย ตลาดได้เปลี่ยนไปแล้ว
41. คุณต้องมีสายตาในการประเมิน คู่แข่งมี 3 แบบ คือ
……….คู่แข่งโดยตรงในตลาดเดียวกัน
……….คู่แข่งโดยตรงในตลาดต่างกัน
……….คู่แข่งไม่โดยตรง แต่กินเงินจากกระเป๋าลูกค้าเดียวกัน
42. ลูกค้าคุณคือเครื่องยืนยันดีที่สุด ว่าเขาซื้อคุณเพราะอะไร มีปากจงถาม ถาม ถาม เป็นวิธีประเมินตัวเองดีที่สุด
43. วิธีจะหาจุดอ่อนคู่แข่ง คุณก็ลองทำตัวเป็นลูกค้าโง่ ๆ ไปลองซื้อสินค้าเขา แล้วอะไรที่เขาทำไม่ได้ คุณก็เอากลับมาเป็นจุดแข็ง
44. ถ้าคุณจะขยายสาขา ขอให้มั่นใจว่าคุณจะดูแลมันทั่วถึง มิใช่ปล่อยให้ร้านค้านั้นกัดกินกำไรจากสาขาแม่ แล้วเป็นสาขาซากปรักหักพัง
45. สินค้าที่จะทำเงิน คือสินค้าที่อยู่ในกระแส ที่คุณเป็นผู้นำแฟชั่น จับทางให้ถูก ให้ไว แล้วตีให้ร้อน
46. ถ้าคุณขายสินค้าไม่ออก อย่าไปโทษลูกค้า แต่คุณจงแน่ใจว่าของที่คุณขายมีคนใช้จริงเหรอ จงรีบพัฒนาโดยเร็ว หรือโยนมันทิ้ง แล้วหาสินค้าที่มันใช่ดีกว่า
47. คุณอย่าริอาจผลิตสินค้า จนกว่าคุณจะมีลูกค้า เพราะคุณผลิตมาอาจทิ้งยกล็อต จงหาลูกค้าให้ได้ก่อน แล้วค่อยผลิต
48. อย่าริขายส่งเลย ถ้ายังขายปลีกไม่ได้ เพราะลูกค้าส่งก็คงเอาของคุณไปดอง เพราะคุณยังขายปลีกไม่ได้ คุณต้องพิสูจน์สินค้าตัวเองขายดีก่อน จะให้คนอื่นไปขายแทน
49. ถ้าคุณจะขายส่ง คุณต้องคิดปัญหาแทนลูกค้าส่ง ว่าจะเจอปัญหาอะไร แล้วคุณจะผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ในตลาดให้ลูกค้าแทน ลูกค้าส่งมีหน้าที่ขาย คุณมีหน้าที่ผลิตของที่ตลาดยอมรับ
50. กำไรคำนวณให้เป็น บางคนขาย 100 ต้นทุนสินค้า 40 ค่าเช่า 20 ค่าเด็ก 10 กำไร 30 คิดไปคิดมาก็กำไร แต่สุดท้ายเงินไม่เหลือในธนาคาร กำไรแบบนี้สิมายา เงินที่อยู่ในธนาคารคือกำไร (ต้นทุนแฝงมีมากกว่าที่เราเห็น)
51. ไม่มีใครเจ๊งจากการทำธุรกิจที่ไม่ได้ไปกู้มาหรอก แต่ที่เขาปิดกิจการ เพราะเขาไม่เห็นอนาคตมากกว่า เพราะก็ยังเห็นกินฟูจิกันอยู่
52. ธุรกิจคุณจะอยู่รอดได้ เพราะระบบวัตถุดิบ ระบบผลิต ระบบขนส่ง ระบบขาย คุณจงจ่ายในอัตราที่อยู่ร่วมกันได้ เพราะถ้าคุณรวยคนเดียว คนอื่นจน สักวันคุณจะไม่เหลือระบบ แต่เมื่อคุณจ่าย คุณก็รับให้เต็มที่ ระบบมันจะแข็งแกร่ง GIVE & TAKE
53. ถ้าคุณขายเอง ไม่ปล่อย ไม่ไว้ใจใคร คุณก็ขายเองไปจนตาย
54. ถ้าคุณคือสมองของระบบ จงอย่าเอาตัวลงไปขาย เพราะคุณจะไม่เห็นภาพกว้าง คุณไม่ได้จำเป็นต้องขายเก่ง แต่คุณมีพนักงานขาย คุณต้องรู้รายละเอียด
55. ถ้าคุณปล่อยร้านค้าไม่สนใจ อย่าอ้างว่าคุณคือเจ้าของ แล้วไม่ต้องเข้าร้าน แต่เวลาที่คุณไม่อยู่ร้านคุณขอให้แน่ใจว่า คุณยังดูภาพรวมตลาดอยู่
56. ถ้าสินค้าคุณเป็นธุรกิจ no barrier of entry คือ คู่แข่งเข้ามาง่าย คุณจงคำนวณเวลาตายของธุรกิจไว้ด้วย เพราะคุณจะได้ไม่ประมาท หรือมองธุรกิจที่ 2
57. คุณอย่าตัดสินใจเลือกทำเลที่ราคาเพียงอย่างเดียว เพราะราคาถูกคุณอาจขายของให้ผี แต่ถ้าค่าเช่าแพง ถ้ามันอยู่ในทำเลที่ดีขายแล้วมีกำไรพอใจ ก็เช่าไปเหอะ
58. ก่อนจะเลือกทำเล คุณจงใช้เวลาไปเดินที่นั่น 7 ครั้ง ดีกว่าจะมาอยู่เสียค่าเช่าฟรี ๆ 1 ปี
59. ถ้าคุณคิดว่าคุณจะเปิดร้านแล้วขายของที่ต้องตามแฟชั่น หรือคุณต้องไปเลือกของเอง หรือจับจ่ายของทุกวัน เช่น ขายอาหาร ขอให้มั่นใจคุณต้องชอบนะ เพราะโคตรเหนื่อย
60. ถ้านโยบายคุณจะขายปลีก-ขายส่ง ขอให้แน่ชัดกับทำเล เพราะถ้าคุณจะขายปลีกแล้วไปเปิดใน โบ๊เบ๊ สำเพ็ง คุณก็เตรียมตัวตาย จงรู้ตัวก่อนว่าจะขายที่ไหนที่เหมาะกับคุณ
61. ราคาใครคิดว่าไม่สำคัญ งั้นจะมีราคา 1 ตัว ส่ง 3 ตัว มีป้าย SALE SALE ราคาโคตรมีผลกับการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นอย่าตั้งมั่ว ๆ แต่ขอให้มีเหตุผลว่าราคานี้ใครซื้อ และทำไมต้องราคานี้เพราะงั้นคุณคงได้ขายกันเองแน่ ๆ
62. ราคา 99 199 299 มันมีประสิทธิภาพนะ ลองเข้าร้าน KFC สิ
63. อย่าใช้นโยบาย sale พร่ำเพรื่อ เพราะเมื่อคุณไม่ลด ลูกค้าอาจไม่ซื้อคุณเลย ขอให้ทุกครั้งที่เซล จุดประสงค์เพื่อโละสินค้าตกรุ่น หรือเพื่อเพิ่มยอดขาย หรือโจมตีคู่แข่ง หรือ..??? เพราะผมซื้อ S&P แค่วันพุธ
64. คุณอย่าไปกังวลกับคู่แข่งที่ขายโดยใช้แต่กลยุทธ์ราคา เพราะลูกค้ามีหลายระดับ ถ้าคุณไปยึดมาก คุณจะลดเกรด คุณภาพ ภาพลักษณ์ตัวเอง จนไม่มีค่า แต่ขอให้มั่นใจว่าสินค้าคุณ ราคากับมูลค่าสอดคล้องกัน
65. สินค้าที่คุณขาย จงมีทางเลือกให้ลูกค้า ถ้าคุณอยากได้ยอดขายเพิ่ม หรือจบการขายได้ คุณเคยเห็นคนขายน้ำปั่นรสเดียวไหม หรือร้านอาหารตามสั่งมีเมนูเดียว ยกเว้นคุณจะชำนาญแบบข้าวมันไก่ประตูน้ำ
66. คุณเคยโทษดวงไหม ทำไมร้านนั้นคนเข้าเยอะ ร้านนี้คนเข้าน้อย ดวงมีส่วนนะ แต่ผมว่าสินค้า การตกแต่ง ราคา มีผลมากกว่าดวง
67. ถ้าคุณจ้างพนักงานขาย จงมั่นใจว่าคุณจ้างพนักงานขาย ไม่ใช่พนักงานไล่แขก
68. ถ้ามีลูกค้าเข้ามาพร้อมกัน ไม่มีทางที่คุณจะดูแลจบการขายลูกค้าได้พร้อมกัน จงประเมินความน่าจะเป็น งั้นคุณอาจคนเต็มร้านแต่เดินออกหมด (เห็นลูกค้าแขก ให้สนใจลูกค้าสิงคโปร์)
69. ถ้าลูกค้ายังไม่เข้ามาเหยียบในพื้นที่ร้าน ลูกค้ามีสิทธิ์จะจากไป จงปล่อยให้เขาเข้ามาก่อน เพราะเขาสนใจจึงเดินเข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วก็อย่าปล่อยออกไป เพราะเมื่อเขาเดินออกไป แสดงว่าเงินส่วนนั้นอาจตกไปเป็นของคู่แข่งแล้ว
70. ถ้าคุณจะอยากจะขยายยอดขาย ก็มี 4 วิธีในการเพิ่มสินค้า เช่น ขายเสื้อยืดผู้ชาย
……แนวนอน ก็ขายเสื้อยืดคอกลม คอวี สกรีนลาย เสื้อพื้นแขนสั้น แขนยาว (วัตถุดิบตัวเดียวกัน)
……แนวตั้ง เพิ่มเสื้อโปโล ชาย แจ็คเก็ต เสื้อฮู้ด (เพิ่ม ผลิตลาย ทางเลือก)
……แนวเมทริก เช่น ขายหมวก ขายรองเท้า ขายแว่นตา กางเกง (เพิ่มส่วนประกอบเกี่ยวเนื่อง)
……แนวหลากหลาย เช่น ขายอะไรที่ไม่เกี่ยวกับตัวเดิมเลย เช่น ขาย ชุดราตรี ชุดว่ายน้ำ
71. ถ้าอ่านมาถึงข้อนี้ จะบอกว่า ข้อ 29 ไม่มี
72. คุณกลับไปหาข้อที่ 29
73. ถ้าคุณขายในแหล่งท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยว
……แนวนอน ก็ขายเสื้อยืดคอกลม คอวี สกรีนลาย เสื้อพื้นแขนสั้น แขนยาว (วัตถุดิบตัวเดียวกัน)
……แนวตั้ง เพิ่มเสื้อโปโล ชาย แจ็คเก็ต เสื้อฮู้ด (เพิ่ม ผลิตลาย ทางเลือก)
……แนวเมทริก เช่น ขายหมวก ขายรองเท้า ขายแว่นตา กางเกง (เพิ่มส่วนประกอบเกี่ยวเนื่อง)
……แนวหลากหลาย เช่น ขายอะไรที่ไม่เกี่ยวกับตัวเดิมเลย เช่น ขาย ชุดราตรี ต่างชาติ แค่คุณพูดหนี่ฮาว จ๋ายเจี้ยน เซียเซี่ย คนจีนก็ซื้อคุณละ
74. ถ้าคุณคิดว่าจะเปิดร้านอย่าไปคิดหาสินค้า นวัตกรรมใหม่ ๆ เลย ถ้าคุณไม่ใช่ สตีฟ จ๊อบส์ คุณแค่เพียงหาช่องว่างในสินค้าเดิม ๆ แค่นี้ก็ทำเงินละเพราะไม่มีร้านไหนสมบูรณ์แบบ ร้านใหญ่ไม่สนใจ ลูกค้ารายย่อย ร้านค้าใหญ่ ๆ มักบริการช้า ไม่ดูแลบริการ
75. ถ้าคุณหาช่องว่างไม่เจอ ก็แค่วันไหนคุณหาซื้อสินค้าหรือบริการนั้นไม่ตอบสนองความต้องการคุณ นั่นล่ะช่องว่าง
76. ถ้ากลัวเปิดแล้วเจ๊ง ลองหาเพื่อนร่วมธุรกิจ เพราะความรู้ของแต่ละคนอาจหลากหลาย รวมถึงเงินทุน
77. ถ้าธุรกิจที่คุณเปิดร่วมลงทุน ถ้าขยายเติบโต จงแตกมันซะ ก่อนที่จะมาแตกแยก ส่วนใหญ่ช่วงแรก ๆ ขาดทุน ก็ยอม ๆ กันไป พอมีกำไร ผลประโยชน์มักไม่ลงตัว ดังคำที่ว่า โตแล้วแตก แต่ถ้าใครไม่แตก ก็ทำต่อไป
78. ถ้าคุณมีเป้ายอดขาย คุณอย่าพยายามได้ลด แต่จงพยายามหาวิธีที่จะได้ถึงเป้าหลาย ๆ ทาง เพราะไม่งั้นยอดขายคุณจะลดลงเรื่อย ๆ
79. ว่าง ๆ หาหนังสือธุรกิจ การบริหาร การตลาดมาอ่านบ้าง มันจะเปิดมุมมองคุน เช่น RICH DAD POOR DAD รับรอง นารูโตะไม่มีสอน
80. ธุรกิจที่ดีคุณต้องทำบันทึกยอดขาย รายวัน รายเดือน รายไตสมาส รายปี เทียบเดือนต่อเดือน ปีต่อปี งั้นคุณจะไม่รู้แนวโน้มตัวเอง
81. สินค้ารอบตัวคุณ มันมีแผนการตลาดซ่อนอยู่หมดนั้นล่ะ เมื่อคุณซื้อหรือใช้บริการสินค้า คุณก็โดนมิสเตอร์การตลาดจัดการแล้ว ดังนั้นสินค้าที่คุณขาย จงใช้ตัวช่วยให้มันขายง่ายขึ้น โดยมิสเตอร์การตลาด
82. ก่อนที่คุณคิดจะหาวิธีเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการตลาด คุณขายของให้ได้ก่อนดีไหม มีเงินเข้าดีกว่าเงินออกโดยที่ไม่มีรายได้ คือพยายามขายของโดยใช้ต้นทุนให้น้อยสุด
83. ทำไมเฟรนช์ฟราย KFC เล็กกว่า เหี่ยวกว่าของ McDonald’s หรือเจ้าของไม่รู้ว่าลูกค้าบ่น เพราะก็เหมือนกับว่าทำไมของบางร้านสวยไม่เท่ากับอีกร้าน หรือแพงกว่าอีกร้านก็ยังขายได้
84. ทำไมสินค้าบางตัวในห้างถึงขายต่ำกว่าราคาทุน เช่น น้ำตาล น้ำมันพืช เพราะคุณคงไม่ได้ขับรถไปเพียงแค่ซื้อน้ำตาล ดังนั้นราคาสินค้าในร้านคุณทำไมบางตัวถึงแพง บางตัวถึงถูก คิดก่อนตั้งราคา ตั้งถูกชีวิตเปลี่ยน
85. คุณอย่าขายราคาที่กำไรต่อหน่วยเท่ากันหมด เพราะบางทีคนอ้วนก็ยอมจ่ายแพงกว่านะ
86. พื้นที่ขายต่อร้านค้า แปรผันต่อกำไร ถ้าคุณขายสินค้าชิ้นใหญ่กำไรน้อย คุณก็ต้องใช้พื้นที่ ก็อย่าไปจ่ายค่าเช่าต่อ ตร.ม. ละ 10,000 เลย ถ้าคุณไม่ได้ขายทอง คำนวณพื้นที่ต่อ ตร.ม. ต่อราคาด้วย
87. ผมขอเตือนถ้าคุณขายดี อย่าให้โดดเด่นมาก เพราะตลาดเสรี ไม่มีใครให้คุณฟันกำไรคนเดียวนาน ๆ หรอก ยกเว้นเณรคำไม่ดังก็ฟันได้
88. ปัจจัยการตลาด 1 อย่างอาจถูกต้อง แต่ไม่ถูกเวลา หรือต้องใช้การตลาดมากกว่า 2 จงเลือกทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
89. ขอให้มั่นใจว่าคุณขายที่ประสิทธิภาพของสินค้า มิใช่เปลือกนอก เช่น บรรจุภาพ การตกแต่ง ราคา ของแถม เพราะลูกค้าจะซื้อคุณแค่ครั้งเดียว
90. นโยบาย เปลี่ยน คืน แลก ขอให้ชัดเจน เพราะคุณอาจเสียลูกค้าไม่ใช่เพราะสินค้า แต่เป็นทะเลาะตบตีกันทีหลัง
91. ทำไมโรงหนังขายป๊อปคอร์น แพง ๆ แต่คนซื้อ บางทีของคุณในร้านลูกค้าเข้ามาเพราะชอบอันนี้ แต่ก็เบลอ ๆ ซื้อของแพงด้วย เห็นไหมขายแบบไม่เบลอ แต่ลูกค้าเบลอ จงใช้อารมณ์ร่วมของลูกค้า อย่าทำให้ลูกค้าใช้สมอง
92. ถ้าลูกค้ามาเป็นกลุ่ม ขอให้ได้ปวดหัวเลย เพราะจะถามกันไปมา ซื้อไหม ไอ้คนจะตั้งใจซื้อ ก็เลยไม่ได้ซื้อ สรุปเดินออกกันไปแบบงง ๆ ถ้าจบรายตัวได้ให้รีบจบ งั้นต้องใช้กฎหมู่
93. ถ้าคุณขายของแล้วเหลือสต็อกทำยังไง ก็ลดราคาเท่าทุน หรือขาดทุน ดังนั้นขอให้รู้เลยคุณไม่มีทางขายของทุกชิ้นได้หมดแน่ ดังนั้นราคาที่ตั้งจงบวกส่วนสำรองตรงนี้ไปด้วย สุดท้ายภาระตกที่ผู้บริโภค
94. การขายของถูก ผู้ได้รับผลประโยชน์คือลูกค้า ยิ่งขายถูก ลูกค้ายิ่งกำไร ซัพพลายเออร์รวยเอารวยเอา คนผลิตก็ผลิตกันไป สุดท้ายคนขายโดนค่าเช่ากินตาย เจ้าของต้องหา BREAK EVEN POINT เป็นนะ จุดคุ้มทุน ดั่งคำว่าทำให้คนอื่นรวย
95. เมื่อเปิดธุรกิจนาน ๆไป ลูกค้าจะเบื่อสินค้าเดิม ๆ ลูกค้าจะบ่นว่ามีของใหม่ไหม พอเราบอกไม่มีลูกค้าก็ไม่ซื้อ พอบอกมีใหม่ลูกค้าบอกไม่ชอบ ก็ไม่ซื้อ สรุปก็ไม่ซื้อ ดังนั้นคุณต้องหา CORE PRODUCT ให้เจอ คือจุดที่ลูกค้ายังไงก็ต้องซื้อ เช่น ร้านข้าวร้านนี้ไม่อร่อยยังมีคนกิน รถเมล์บริการห่วยก็ยังมีคนขึ้น
ขอบคุณมากๆเลยนะครับพี่เจ้าของร้านขายส่งเสื้อผ้าที่เป็นนักลงทุนด้วย #Startyourway
break even point คือ 在 NSZ Channel Facebook 的最佳貼文
คนคุณภาพอยู่ที่ไหนก็คุณภาพ เข้าใจและเคารพการตัดสินใจของพี่แบงนะงับ พวกเราจะติดตามพี่เสมอ .. ผมมันพวกดื้อพวกฝังใจ ขอสู้กับมันให้พังไปข้างก่อน ไม่ไหวจริงๆจะทำใจและเดินไปข้างหน้าต่อนะ
#น้องจง
พบกันใหม่... เขียนทีไร น้ำตาซึม เมื่อนั้น...
ถ้าหากพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกขออภัยด้วย พิมพ์ไปน้ำตาไหลไป T_T
ขอบคุณครับ
....
หลายปีที่ผ่านมา 2011-2015...
เวลาผมมองการแข่งขัน หรือ แม้กระทั่ง น้องคนรู้จักเล่น DotA แม้แต่เด็กที่เล่นในร้านเกมก็ตาม... ผมน้ำตาซึมทุกครั้ง และ ใจหวิว
ได้แต่บอกกับตัวเองว่า เราจากสิ่งที่เราชอบมาได้ยังไงถึงเพียงนี้นะ แล้วเราจะกลับมันไปได้ยังไงดี?
เราจะกล้าทิ้งงานประจำเหรอ เราจะทำมันได้ไหม มันจะเลี้ยงดูคนที่บ้านได้รึเปล่า? แล้วมันจะได้อะไรกลับคืนมาบ้าง? จากการทำสิ่งนี้ เราทำให้คนดูมีความสุขได้ แต่ถ้าเราทุกข์ เราจะหันหน้าไปพึ่งใครดีหล่ะ?
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวผม หลายต่อหลายปี จนปี 2016 ผมได้ตัดสินใจ หักแข้ง หักขา ตัวเอง เพื่อที่จะก้าวสู่ในที่ใหม่ๆ ที่ที่เรารัก และ ทำให้มันให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้
ในปี 2016 ที่ผมได้ลาออกจากงาน แล้วกลับมาพากย์ DotA2 อย่างเต็มรูปแบบ ตะบี้ ตะบันพากย์มานักต่อนัก จนทำให้มีคนดูอยู่ในระดับหนึ่ง และ ไม่เคยหยุด อาจจะมีป่วย มีท้อบ้าง บ่นได้แต่ก็ไม่เคยหยุด
เพราะอะไรหน่ะเหรอ เพราะผมชอบนะ DotA แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเกลียดเกมอื่นๆ ผมรักในงานเกม ในวงการเกม มันมีอะไรให้ค้นหาเยอะ ในบทบาทของเรา
....
ในปี 2017 ยุคที่ก้าวกระโดด ผมได้เข้าร่วมกับ Platform Twitch ที่ถือว่า เริ่มต้นสายอาชีพ Streamer ที่ Support นักพากย์สาย Entertainment ในแบบผมอย่างเต็มตัว
มันทำให้ผมพออยู่ได้ และ หาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างเป็นสุข ถึงแม้ว่าการ Donations หรือ การ Subs จะได้มากมาย ผกผัน กับยอดวิว ที่มีอยู่ แต่ผมกล่าวออก Stream เสมอว่า
"แค่มาดูผมก็พอ ก็ถือว่าเป็นการ Support ผมแล้ว"
ซึ่งปี 2017 ผมได้มีโอกาสที่ดี ในหลายๆ งาน เช่น Manila Masters และ ความฝันสูงสุด ที่มันมาถึงเร็วมาก นั่น คือ การที่ได้ไปพากย์ ขอบสนาม ในเวที The Internationals นั่นเอง
ผมไม่ได้คิดว่า ผมจะไปในฐานะตัวเองแม้แต่น้อย ผมไปในฐานะ คนไทยคนนึง ซึ่งได้ไปอยู่ในจุด จุดนั้น มันสนุกมาก มันเป็นประสบการณ์ที่ดีและเป็นความสุขที่สุดครั้งนึงในชีวิตผมเลยก็ว่าได้
แม้จะมีผิดพลาดบ้าง ทำแย่บ้าง เพราะร่างกายไม่ไหว แต่เราก็ทำต่อไป เราแค่พูดกับตัวเองว่า เราจะตั้งใจกว่านี้ และ ขอโทษคนดูอยู่เป็นประจำที่เราทำไม่ได้ออกมาที่เราต้องการ หรือ คนอื่นๆ ต้องการนั่นเอง
"แต่ต้องบอกว่าปีนี้ ผมยิ้ม มากกว่า ร้องไห้จริงๆ"
....
ในปี 2018 เป็นยุคมืดของผมเลยก็ว่าได้ มันเป็นเหมือน ความสว่างที่เด่นชัดในปี 2017 แล้วมาดับวูป ในครึ่งปีหลัง 2018
ถ้าใครติดตามก็แน่นอนว่า ที่บ้านผมก็มีปัญหาอยู่ไม่น้อย แน่นอนมันจะมีคำ คำนึง ออกมาว่า "เราต้องการใช้เงินหว่ะ? แต่เราต้องหาเงินด้วยตัวเอง โดยไม่ได้หยิบยืมใครคนอื่น"
ในปี 2018 มันเป็นยุคที่ดีมากๆ ในครึ่งปีแรก ทุกอย่างดีหมด ดีมากจริงๆ ผมมีแนวโน้มว่าจะ มีเงินเก็บซักก้อนเอาไว้ ซื้อบ้านที่จะขยับขยาย ฐานการพากย์ หรือ Studio เล็กๆ
แต่แล้วมันก็พังทลาย เพราะ ... 1.โดนโกงจาก GESC 2.โดนโกงจาก Bitcoin ซึ่งคดีความยังดำเนินอยู่ และ จะจัดการถึงที่สุด
มันเป็นอะไรที่ Fail มาก มีพี่คนนึงเคยบอกว่า นี่หล่ะ "มันเป็นผลพลอย ของคนใช้เงินไม่เป็น และอยากได้เยอะเกินไป ให้คนอื่นเยอะไป"
คำนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวผมหลายต่อหลายเดือน
แน่นอนว่า สิ่งๆ นี้มันกระทบการพากย์ของผมหนักมาก ถึงมากที่สุด มันทำให้ไม่มีสมาธิ เหมือนผม ต้องหักอารมณ์เศร้า แล้วผมต้องมาทำให้มันดีที่สุดใน เวลานั้น ในชั่วโมงนั้น เพื่อที่ส่งความสนุกให้กับคนดูมากที่สุด และ เก็บงำความทุกข์ไว้เพียงลำพังนั่นเอง
"ถามว่าเป็นซึมเศร้าไหม? ก็เกือบเป็นนะจากผล ทดสอบ"
ต่อมาในปลายปี 2018 ผมได้ก้าวข้ามในสิ่งที่เศร้า ปลดเปลื้องสิ่งที่ทำให้โง่เขลา แน่นอนมันตามหลอกหลอนผมในทุกๆ วินาที ที่ผมว่าง หรือแม้กระทั่ง ใครพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อหน้าเรา เราก็จะรู้สึกแย่ ภาพเก่าๆ มันหวนมาทำร้ายเราตลอด
พวกคุณจะสังเกตุได้ว่าทำไม ผมพากย์ไม่ไปไหน ทำไมผมแย่ลง ทำไมผมดูไม่ดุดันแบบแต่ก่อน นั่นคือสาเหตุข้างต้น เรื่องโดนโกงเงินทั้งนั้นครับ
หลายคนอาจจะพูด "เงินไม่ตายหาใหม่ได้"
แต่แล้วต้องคิดกลับกันว่า "นั่นมันคือเงินเก็บทั้งชีวิตของผมนะ"
....
เริ่มต้นในปี 2019
ผมได้พยายามทำทุกวิถีทางให้ลืมๆ มันไป และ พยายามแก้ไขในหลายๆ สิ่ง ผมใช้เงินส่วนตัวทั้งหมดที่มีอยู่ ไปเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อที่จะลบล้างมันซะ ในบางส่วน ออกไปใช้ชีวิตบ้าง
เพราะที่ผ่านๆ มาที่ผมไป มีพี่ๆ เสือร้องไห้ เลี้ยงทั้่งนั้น นั่นคือ พวกพี่ๆ ที่เป็นไอดอล ของผม (รวมถึงผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ด้วย) แน่นอน ปัจจุบันก็มี Hashtag คอยช่วยเหลือผมอยู่เสมอมา
ฟังดูอาจจะย้อนแย้งเนอะ?
"เงินไม่มียังจะไปเที่ยวอีกเหรอวะ?"
แต่ขอเถอะ ซักครั้ง ให้มันพังกันไป ให้ความเครียดมัน มลายหายไป แล้วเริ่มใหม่แบบกล้าแกร่งในปีนี้
ซึ่งผมกลับมาดีขึ้นนะ แต่ก็ยังพากย์แย่เหมือนเดิม ผมได้กลับมาดูตัวเองพากย์ในทุกๆ วัน ทุกๆ ครั้งที่ว่าง มันแย่ มันแย่ถึงที่สุด
ความสนุกเราหายไป แต่หลังจากนี้เราจะแก้ไข ฝากทุกคนติดตามด้วยนะครับ ใน TI9 ผมจะทำให้เต็มที่ครับ
....
กลับมาเรื่องทำไม ถึงย้าย Platform จาก Twitch มา Facebook
ข้อแรก - ผมต้องการก้าวไปสู่ในยุคใหม่ๆ ที่ต้องการอะไรใหม่ๆ จากเดิมที่มีอยู่ ผมรู้สึกว่าครั้งนี้ ก็เหมือน ครั้งที่ลาออกจากงานประจำ ไปค้นหาอะไรใหม่ๆ ในโลกใหม่นั่นเอง
ข้อสอง - เมื่อบางอย่างถึงทางตัน เราต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ ในที่ใหม่ ... เพราะผมไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่ผมอยู่ ผมจะมีอะไรในอนาคตไหม? ทั้งนี้ไม่ได้ Platform ที่จากไม่ดี ผมเห็นน้องๆ หน้าใหม่ หลายคนเติบโตในนั้น เยอะมาก ผมดีใจกับเค้านะ ... ซึ่งการพากย์ของผมมันเก่าแล้ว ผมอยากทำอะไรใหม่ๆ ในที่ใหม่ๆ เหมือนกับน้องๆ กลุ่มนั้นบ้างเหมือนกันหล่ะ
ข้อสาม - เพื่ออนาคต เพื่อทางบ้าน และ ตัวเอง คำนี้อาจจะเห็นแก่ตัวกับคนที่ประกาศ กับคนดูมาตลอดว่า "ทำเพื่อ Community" แน่นอนผมแคร์ Community มากๆ ถามว่าเห็นแก่ตัวเองไหม ก็ส่วนนึง แต่ถ้าเห็น แก่ตัวเองมากๆ ผมคงไปอยู่อีกที่นึงแล้ว ในค่ายทะเล ต้องบอกอย่างนึงว่า ... ถ้าผมทำงานบางที่ แค่ 6 เดือน แล้วได้เวลาในอนาคต มาประมาณ 4 ปีที่ทำอยู่ทุกวันนี้เลยทีเดียวครับ
ข้อสี่ - ผมปวดใจทุกครั้งที่ต้องทิ้งคน Subs มาร่วมเกือบ 3 ปี หรือจะ 2 ปี หรือ จะ 1 ปี แม้กระทั้ง 1 เดือนแรกก็ตาม แต่ผมขอฝากไว้ตรงนี้ ผมจะพยายามตอบแทนที่คุณ support ผมมาตลอด ผมจะดึงเข้ากลุ่ม Discord (ซึ่งจะ Update ในเร็วๆ นี้) และ พูดคุย จัดมิตติ้ง ในทุกๆ 3 เดือน มาพบปะกันบ่อยๆ ให้เรารักกันมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาผมทำได้แค่เพียงพูดขอบคุณ คุณเท่านั้น ย้ำอีกครั้ง ผมไม่ทิ้งคุณ ผมสัญญา
ข้อห้า - ผมจะไม่พูดถึงเรื่อง ม่วงดียังไง ฟ้าดียังไง แต่ผมจะพูดแค่ว่า ผมเคารพ ทุกคำติชม และ ขอโอกาสอีกซักครั้งในการทำงานในที่ใหม่ และ หวังว่าคนดูจะเข้าใจผม หรือถ้าไม่เข้าใจ ผมพร้อมคุย และ กราบขอโทษในสิ่งที่ผมให้ไม่ได้จริงๆ ผมเสียใจจริงๆ ผมคิดมากทุกครั้งที่มีเรื่องนี้มาในหัว แต่ผมจะรับฟัง และ ขอโทษ ทำมันให้ดี จนกว่าทุกคนจะเข้าใจ ผมสัญญา
จริงๆ มีอีกหลายเรื่องที่ผมอยากพิมพ์เพิ่มเติม แต่ขอเป็นประเด็นๆ สำคัญแค่เพียงเท่านี้ก็พอ
....
ทุกวันนี้ความสุขผมคืออะไร ผมได้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายมาแล้ว มาเริ่มต้นใหม่ ทำอะไรใหม่ๆ และ ขอโอกาสคนดูทุกคนอีกซักครั้ง ให้ผมได้ พิสูจน์ ว่าผมเป็นคนเดิม และ คนที่ดีกว่าเดิม
อะไรที่เละเทะ หรือทำไม่ดีกับใคร ผมก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
อย่างที่บอก เพื่อนผมสมัยประถม ล้อผมว่า "ไอ้บ้าเกม" มาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ผมก็ไม่เคยจะหยุดรักมันเลย เอาจริงๆ นะ และวันนี้ผมทำให้ใครต่อใคร หลายคนเค้าเห็นจริงๆ ว่า
"ไอ้บ้าเกม คนนี้ ได้ทำตามความฝันของเค้าได้สำเร็จแล้วนะ!!"
"แล้วพวกนายทำบ้าอะไรอยู่หล่ะ ตอนที่ล้อฉันอยู่?"
เอาความโกรธเป็นแรงผลักดัน มากกว่าที่จะแสดงออก นี่หล่ะ คือ ทางของผม
...
สุดท้ายนี้
อาจจะตลกร้ายสำหรับการ ย้ายค่าย เบอร์เดิม
แต่ผมก็รักคนดู รัก DotA2 สุดหัวใจเหมือนเดิมครับ
รักทุกคน และ ขอทำมันให้ดีที่สุด ในวันใหม่ วันต่อๆ ไป
เพราะ "ฉันจะพากย์ต่อไป จนฉันหมดแรง"
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนใหม่ Facebook Gaming
ขอบพระคุณ Youtube และ Twitch บ้านหลังเก่า
ขอบพระคุณคนดูทุกคน และ ผู้ใหญ่ในวงการทุกคน
ที่ช่วยเหลือผมให้เป็นผมทุกวันนี้
ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านหลังใหม่ของผมครับ
>> Cyberclasher Caster <<
แล้วมามันส์กันให้สุดขั้วใน TI9 ครับ
รักและขอบคุณ
แบงก์ - ไซเบอร์แคลซเชอร์
กิติภัทร กาญจนาพิพัชร์
Let's meet again... Every time I write it, I cry...
If a typo is right, sorry. Type to cry. T _ T
Thank you.
....
Years ago 2011-2015...
When I look at a match or even a brother who knows how to play Dota, even kids who play in the game shop... I cry every time and I feel like it.
I can only tell myself that I am from what I like. How can we go back?
Will we dare to leave a full time job? Can we do it? Can it raise someone at home? So what will it get back? From doing this, we can make people happy. But if we are suffering, who should we turn to?
This question has been around in my head for many years until 2016, I decided to break my leg to step into a new place where we love and make it the best I can.
In 2016, I quit my job and came back to dub Dota2 in full time. I have a lot of dub. It makes someone to watch at a certain level and never stop. There may be sick. I can complain but I never stop.
Why? Because I like Dota, but it doesn't mean I hate other games. I love gaming. There is a lot to find in our role.
....
In 2017, the leap era, I joined Platform Twitch that is considered starting the Streamer at support, a full-time Entertainment commentator like me.
It makes me happy to live and feed my family. Even though Donations or subs have a lot of inversions with the views, I always say that I always say that
"Just come to see me, it's my support"
In 2017 I have had a great opportunity in many jobs such as Manila Masters and the highest dream that came fast. That's how to dub the sidelines in the internationals.
I didn't think I would go as myself. I went as a Thai person who was at that point. It was so fun. It was the best experience and the happiest once in my life.
Even if there are some mistakes, I can't do some bad things because my body, but I keep doing it. I just say to myself that I will be more focused and apologize to the audience regularly. We can't do. Come out what we want or others want.
" But I have to say that I smile more than crying this year
....
In 2018, it was my dark age. It was like a clear brightness in 2017 and then it was out in half a year after 2018
If anyone follows, of course I have a few problems at home. There will be a word " We want to spend money? But we have to make money by ourselves without borrowing someone else "
In 2018, it was a very good era in the first half of the year. Everything was good. I tend to have money to buy a house that would expand the dub or small studio.
But then it fell apart because... 1. got cheated by GESC 2. got cheated by Bitcoin which is still going on and will handle it to the max.
It's a lot of Fail. A brother once said this is a result of people who don't know how to spend money and I want too much for other people "
This word has been around in my head for months.
Of course this hits my dub. It makes me not concentrate like I have to be sad. I have to make my best at that hour to send the most fun to the audience and keep it. Suffering alone
" Ask me if it's depression? Almost from the test results "
Later in the end of 2018, I have come across the sad things that make me foolish. It haunts me every second I'm free or even if anyone says this in front of us, we will feel bad. Old photos. Come to hurt us all the time
You guys will notice why I don't go anywhere. Why I'm getting worse. Why I don't look wild like before. That's why I got cheated. All money.
Many people may say "Money doesn't die, find a new one"
But then I have to think, " That's my whole life money
....
Started in 2019
I have tried to do everything to forget it and try to fix many things. I spent all my personal money to go to Japan to remove it in some of them.
Because in the past, there are tiger brothers and sisters who cry. That's my idols (including other adults). Now there is always hashtag to help me.
Sounds controversial, right?
" I don't have money. Are you going to travel?"
But please, let it be broken. Let the stress go away and start over strong this year.
Which I come back better, but still bad dub. I come back to see myself every day. Every day. It's bad. It's the worst.
Our fun is gone. But after this, we will fix it. Please follow. In TI9 I will do my best.
....
Why did you move platform from Twitch to Facebook?
First - I want to move on to a new era where I want something new. I feel like this time I quit my full time to find something new in the new world.
Second - When something comes to a dead end, we have to start again... because I don't know what I am, I will have anything in the future? I didn't get a bad platform. I saw many new sisters growing up in there. I'm happy for them... My dub is old. I want to do something new places like that group too.
Number three - for the future, for my family and myself, it may be selfish to those who have announced that "do it for community" of course, I care very much. Ask me if it's a part of myself. But if I see myself, I see myself, I would be very much. I have been in another place in the sea camp. I have to say... If I work somewhere for only 6 months, it's time for about 4 years that I have been doing these days.
Number four - I feel heartache every time I have to leave Subs for almost 3 years or 2 years or 1 years. Even the first 1 months, but I would like to leave it here. I will try to pay back for you. Support me all the time. I will pull into discord group (which will update soon) and talk to meet each other often. Let us love each other more because I can only say thank you. I repeat, I don't leave you. I promise.
Number five - I won't talk about purple, but I will only say that I respect all feedback and give me one more chance to work in a new place and hope that people understand me or if I'm ready to talk. And I apologize for what I can't give. I'm really sorry. I think too much every time I have something in my head. But I will listen and apologize. Do it well until everyone understands. I promise.
In fact, there are many more things I want to type, but I want to be an important point. Just like this.
....
What is my happiness nowadays? I have gone through bad times. Let's start again and give me another chance to watch. Let me prove that I am the same person and better person.
Anything that is messed up or bad to anyone, I'm sorry for here.
As I told my friend in elementary school, I was "crazy" since then, but I never stopped loving it. Seriously, and today I really made many people see that
" This asshole has successfully followed his dream!!"
" So what the hell are you doing while you're kidding me?"
Taking anger as a motivation than to express. This is my way.
...
Finally.
Might be funny for moving the same number of camp
But I love the audience. I love Dota2 with all my heart as always.
Love you all and do your best in the next day.
Because "I will continue to dub until I am exhausted"
Welcome to the new land Facebook Gaming
Thank you Youtube and Twitch. Old house.
Thank you to all the audience and all adults in the industry.
For helping me be me nowadays
Welcome to my new home.
>> @[653384451397698:274:Cyberclasher Caster] <<
Let's have fun to the extreme in TI9
Love and thank you
Bank - cyber clasher
Kitiphat cuddle, Kanchanaburi Pip cuddle charTranslated
break even point คือ 在 Kanok Ratwongsakul Fan Page Facebook 的最佳貼文
#นางฟ้าในร่างคุณยาย
.
หยุดพักเรื่องการเมือง เพราะวันนี้ผมสะดุดรอยยิ้มคุณยายท่านหนึ่ง "คุณยายแอ๊ว" ขายขนมแค่ถุงละ 10 บาท แต่มีเงินจากน้ำพักน้ำแรง นำไปบริจาคทำบุญสร้างโบสถ์วิหาร ครั้งละ 10,000 บ้าง 20,000 บ้าง
.
ยิ่งได้คุยกับคุณยาย ยิ่งรู้จักคำว่า “#ชีวิตที่มีความสุขจากข้างใน” เป็นยังไง
.
.
หลังจากช่วยคุณยายเข็นมาถึงจุดนึง..
.
ผมถาม : คุณยายน่าจะมีลูกหลานเยอะนะครับ
คุณยายตอบ : ยายไม่มีลูกหลาน.. คุณยายพูดจบก็ยิ้มหวาน
ผมงง เพราะคิดในใจว่า คุณยายน่าจะมีลูกหลานเยอะ ยิ่งอายุมากแล้ว น่าจะมีคนคอยดูแล
.
คุณยายพูดต่อ : ยายมีลูกคนเดียว แต่เสียไปแล้ว ยายเลยอยู่คนเดียว
ผมก็อึ้งๆ ไป แอบสงสาร แต่อีกใจก็รู้สึกว่าคุณยายนี่เก่งมาก ถึงไม่มีลูกหลาน ชีวิตไม่มีใคร ไม่มีเงินเยอะแยะ แต่ก็มีความสุขกับสิ่งทำ (ดูจากสีหน้า)
.
.
ผมถามต่อ : ขนมนี่ คุณยายทำเองหมดเลยหรือครับ
ยายตอบ : ใช่ ยายทำเองตั้งแต่เช้า-บ่าย และมาขายตอนเย็น
ผมถาม : ทำไมคุณยายขายถูกจัง
ยายตอบ : ยายขายได้ ก็เอาเงินไปทำบุญ ไม่ได้อยากสะสมอะไรเยอะๆ ยายยังโชคดี มีโอกาสได้ทำบุญ (ความคิดยายสวยแท้)
.
ผมถาม : คุณยายขายทุกวันเลยหรือครับ
ยายตอบ : ขายแค่วันจันทร์-ศุกร์ ส่วน เสาร์-อาทิตย์ ไปวัด ไปทำบุญ เวลาไปวัด ก็ทำขนมนี่แหละไปถวายพระ
....
.
บทสนทนากับคุณยายจบลง ทำให้ผมได้ข้อสรุปสั้นๆว่า..
.
“แท้จริงแล้วคุณค่าของคน ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน แต่น่าจะอยู่ที่ใจ..ที่มุ่งทำความดีต่างหาก”
.
.
แววตาที่สวยที่สุด คือ แววตาของผู้ให้
มือที่สวยที่สุด คือ มือที่ไว้ทำความดี
ขาที่สวยที่สุด คือ ขาที่ยืนหยัดด้วยตัวเอง
ใบหน้าที่สวยที่สุด คือ ใบหน้าที่มียิ้มจากใจ
ใจที่สวยที่สุด คือ ใจที่มีธรรมะนั่นเอง
.
.
ปล. วันนี้คุณยายแอ๊ว วัย 84 ปี แต่ขายขนมหวานด้วยความสุข
.
คุณยายขายมานานถึง 63 ปี แต่ขายแค่ถุงละ 10 บาท เงินจากการขายขนม ทำบุญสร้างโบสถ์วิหาร ไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน
.
นี่คือ รอยยิ้มและเรื่องราวที่ผมประทับใจในวันนี้ครับ ใครผ่านมาก็มาอุดหนุนขนมคุณยายได้นะครับ คุณยายจะขายช่วงเย็นๆ
.
บอกได้ว่า คุณจะมีความสุขกลับไปจากรอยยิ้มน่ารักๆของคุณยายอย่างแน่นอน
.
ณ บิ๊กซี บางปะกอก
ถนนสุขสวัสดิ์
.
#แชร์ความดีและน่ารักของคุณยายที่ไม่ยอมแพ้ชีวิต
Cr. Line
#นางฟ้าในร่างคุณยาย
.
Taking a break for politics because today I stumbled on a smile. One grandmother "grandma ani" sells snacks for only 10 baht per bag. But I have money from water. Rest the water. Donate to make merit to build a church at a time. 10,000
.
The more I talk to grandma, the more I know the word "# happy life from inside "
.
.
After helping grandma push to a point..
.
I asked: Grandma should have a lot of children.
Grandma answered: Grandma doesn't have children.. Grandma finished talking, sweet smile.
I'm confused because I think in my heart that grandma should have many children. The older I get, there should be someone to
.
Grandma Continue: Grandma has only one child but she lost her, so she is alone.
I'm stunned. I feel pity. But I feel that grandma is very good. Even though I don't have children, no one doesn't have a lot of money, but I'm happy with what I do. (see from the
.
.
I continue to ask: is this snack. Did Grandma make all by herself?
Grandma answered: Yes, grandma made it herself since morning - afternoon and came to sell in the evening.
I asked: why is grandma selling so cheap?
Grandma answered: Grandma can sell it. She can't make money to make merit. I want to collect a lot. Grandmother is lucky. She has a chance to make merit.
.
I asked: is grandma selling it every day?
Grandma answered: selling only monday - Friday. Saturday-Sunday. Go to temple to make merit. When I go to the temple, I make snacks. This is going to
....
.
The conversation with grandma ended, gave me a short conclusion that..
.
" in fact, the value of a person is not about the amount of money, but it should be in the heart.. that you focus on doing good deeds
.
.
The most beautiful eyes are the eyes of the giver.
The most beautiful hand is the hand to do good deeds.
The prettiest legs are legs that stand on their own
The most beautiful face is a smiling face from the heart.
The most beautiful heart is the heart that has dharma.
.
.
PS. Today, grandma ani is 84 years old, but selling sweets with happiness.
.
Grandma has been selling for 63 years, but selling for only 10 baht per bag. Money from selling snacks, making merit, building a church, praying every day.
.
This is the smile and story that I am impressed with today. Anyone who comes by, please come to buy grandma's snack. Grandma will sell in the evening.
.
I can say you will definitely be happy back from grandma's cute smile
.
At Big C, bang pakk
Happy night road
.
#แชร์ความดีและน่ารักของคุณยายที่ไม่ยอมแพ้ชีวิต
Cr. LineTranslated