กลับมาดึงศักยภาพของทีมกันดีกว่า กับหลักสูตรที่ทุกคนรอคอย หลักสูตร “The RIGHT People Management” รุ่นที่ 2
✏️หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ Business Owner / Line Manager / Future Leader / ผู้ที่สนใจเรื่องการบริหารคน ไม่จำเป็นต้องเป็น HR ก็ได้
📆 1-2 มีนาคม 2564
(2 Days - Theory, Framework, Workshop, Case Study)
📍Victor Club at FYI Center (MRT Queen Sirikit)
***ทางสถานที่มีมาตรการป้องกัน COVID-19
📌ราคาปกติ 12,000 บาท ราคาพิเศษ!! ลงทะเบียน 2 ท่านขึ้นไป ราคาท่านละ 10,000 บาท (ราคายังไม่รวม Vat)
💬รายละเอียดเพิ่มเติม http://bit.ly/37AF7W1
“คน” คือหนึ่งในอาวุธสำคัญที่จะทำให้องค์กรอยู่รอดในสถานการณ์ที่ความท้าทายทางธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา องค์กรจะต้องบริหารคนอย่างถูกต้องจึงจะดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ที่จะทำหน้าที่ดึงศักยภาพของคนได้ดีทีสุดก็คือ Leader ในทุกระดับ Right People Management Skill จึงไม่ใช่เพียงสิ่งที่ Leader แค่ทำความเข้าใจ แต่ต้องใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ
สิ่งที่องค์กรและ Leader เผชิญอยู่คือความท้าทายใหม่ ๆ ทั้งรูปแบบการทำงาน และ Competency ที่ต้องปรับไปตามเทคโนโลยีที่ถูก Disrupt รวมไปถึง Generation ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญขององค์กรซึ่งมีแนวความคิด และ Lifestyle ที่แตกต่างไปจากเดิม นั่นหมายความว่ารูปแบบการบริหารคนที่เคยใช้ได้ผล อาจจะไม่ได้ผลอีกต่อไป
#สิ่งที่จะเรียนรู้
1. The Right Tool to Select the Right People (Theory/Framework/Workshop)
การเลือกคนให้ถูกต้องและเหมาะสมตั้งแต่ต้น โดยเริ่มตั้งแต่การเข้าใจเป้าหมายขององค์กรหรืองาน แล้วใช้หลัก Define 3C คือ Character, Capability, Culture มาประเมินให้ชัดเจนและเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการคัดเลือกคนที่ใช่มาทำงานกับเรา
2. The Right Tools to Motivation and Engagement the Right People (Theory/Framework/Case Study) เข้าใจ Motivation and Engagement Model ที่จะช่วยให้หาวิธีในการสร้างแรงจูงใจ และปลุกไฟในการทำงานของคนที่มีความแตกต่างทั้ง Generation โดยเฉพาะ Gen Y และ Gen Z เพื่อดึงศักยภาพของคนออกมาให้ได้มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ ขององค์กร เข้าใจ Performance Management ก่อนที่จะเลือกว่าเครื่องมือใดที่เหมาะสมในการประเมินผล เช่น OKR, KPI, BSC หรือ MBO ซึ่งแต่ละเครื่องมือจะมีจุดเด่น และจุดด้อยที่แตกต่างกัน รวมไปถึงการเชื่อมโยงผลการประเมินกับการพัฒนาคน และการปรับเงินเดือน หรือการจ่ายโบนัส อย่างมีเป้าหมาย
📞สอบถามรายละเอียดได้ที่ Inbox หรือ Line : @QGEN (มี @ ข้างหน้า) Email : Panisa@qgen.co.th หรือโทร. 095-706-5170 (คุณปาณิศา)
#TheRightPeopleManagement #HRforNonHR
#QGEN
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「business owner คือ」的推薦目錄:
business owner คือ 在 นิรนามเทรดเดอร์ แฟนเพจ Facebook 的最讚貼文
เป็นลูกจ้างเงินเดือนหลักหมื่น อยากจะมีเก็บหลักล้าน ทำยังไงดี?
คำถามนี้ ถ้าถามพวกเฮียๆ (อ่านดีๆไม่ใช่ ตัว ห. นะ อิอิ) เค้าคงจะตอบว่า มาเข้ากลุ่มเฮียสิ เดี๋ยวพารวยเอง...
แต่ถ้าเป็นนิรนามเทรดเดอร์ มีเพื่อนถามแบบนี้จะตอบว่าอะไร เขียนมาให้อ่านละจ้า...
ถ้าพูดถึงความมั่งคั่ง เพื่อนๆสามารถใช้ สามสิ่งในชีวิตของเราสร้างความมั่งคั่งได้ สามสิ่งที่ว่านี้ คือ เงิน , แรง และ เวลานั่นเอง
จากคำถามข้างต้น ถ้าเพื่อนๆเป็นลูกจ้างเงินเดือนหลักหมื่น แต่อยากจะมีเงินเก็บหลักล้าน วิธีการที่จะเอาเงินไปต่อเงิน ดูจะเป็นเรื่องยากเกินไป ที่สำคัญเสี่ยงด้วย (บ้าไปแล้ว เอาเงินหมื่นไปคว้าเงินล้าน)
อีกวิธีหนึ่งที่มีกูรูด้านการเงินหลายๆท่านชอบแนะนำ ก็คือ การใช้ดอกเบี้ยทบต้น แต่เค้ามักจะบอกว่า วิธีนี้ เพื่อนๆต้องใช้เวลาพอสมควร อย่างน้อยเป็น 10-20ปี กันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเพื่อนๆมีความคิดจะเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิต และสามารถอดทนรอได้ ก็ไม่มีปัญหาครับ ค่อยๆออมเงินไปเรื่อยๆ ทุกๆเดือน ก็เกษียณและสามารถมีเก็บหลักแสน หลักล้านได้เช่นกัน
วิธีที่ผมจะแนะนำ สำหรับเพื่อนที่เป็นลูกจ้างเงินเดือนหลักหมื่นแต่อยากจะมีเงินเก็บหลักล้าน และอยากจะได้เร็วๆไม่รอตอนเกษียณแบบใช้ดอกเบี้ยทบต้น ถ้ายังไม่มีเงินทุนก็คงต้องใช้ทั้ง แรง และ เวลา สร้างมันขึ้นมา
เริ่มจากเพื่อนๆต้องลุกขึ้นมากล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน คือเริ่มหาธุรกิจเสริม หรือธุรกิจส่วนตัวเล็ก ระหว่างที่ทำงานประจำอยู่ อาจจะเป็นช่วงหลังเลิกงานก็ได้ ข้อดีของการทำธุรกิจเสริม หรือ ธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กแบบนี้ คือเพื่อนๆจะได้มีวิธีคิดที่แตกต่างจากการเป็นลูกจ้าง แบบฟ้ากับเหว ด้วยความเห็นส่วนตัวผมขอแจงเป็น 4ข้อดังนี้
1. คิดหาไอเดียว่าจะทำธุรกิจอะไรดี (ซึ่งทำงานประจำไม่ต้องหาไอเดียเพราะทำตามเจ้านายสั่งก็พอ)
2. เรียนรู้ พัฒนาทักษะรอบด้านเพิ่ม (งานประจำไม่จำเป็นต้องพัฒนาทักษะรอบด้าน แค่รู้ลึกในหน้าที่ที่เราได้รับมอบหมายก็โอเคแล้ว)
3. ความรับผิดชอบต่อหน้าที่เกิน 100% (งานประจำแม้วันไหนขี้เกียจเพื่อนๆจะลางาน เจ้านายยังจ่ายเงินเดือน แต่ธุรกิจส่วนตัว วันไหนขี้เกียจ ก็ไม่ได้เงิน)
4. ได้เงินตามคุณภาพและ ปริมาณของงานที่ทำ (งานประจำได้เงินตามเวลาที่ทำงาน ผมเองตอนทำงานประจำยังมีนิสัย เช้าชามเย็นชามอยู่เลย)
หากเพื่อนๆ ทำธุรกิจส่วนตัวได้จนประสบความสำเร็จ และยืนระยะได้ สัก 3-5 ปี วิธีคิดของเพื่อนๆจะเปลี่ยนไปแบบ 360 องศาเลยล่ะ ซึ่งมันคือจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่ง ผมขอเรียกว่า “การมีหัวใจของผู้ประกอบการ” หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Ownership” (แต่วันนี้คงยังไม่พูดถึงมันนะ)
เมื่อสร้างธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กได้สำเร็จ มันเหมือนกับเพื่อนๆได้สอบความรู้พื้นฐานการสร้างธุรกิจผ่านแล้ว คราวนี้ ก็เริ่มต่อยอดความมั่งคั่ง โดยการเรียนรู้ที่จะใช้ “คานผ่อนแรง” ไม่ว่าจะเป็น Other People money ตัวย่อ OPM (เงินคนอื่น) Other People resource ตัวย่อ OPR (ทรัพยากรคนอื่น) เพื่อให้ทั้งสองอย่างสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น โดยที่ใช้ระยะเวลาในการทำงานน้อยลง เราเรียกว่าการสร้าง Passive Income
จริงๆถ้าเพื่อนๆท่านใดมาถึงระดับนี้ ผมคิดว่าน่าจะมีเงินแสนเงินล้านเป็นเงินเก็บเรียบร้อยแล้วละครับ แต่ไหนๆก็เล่ามาถึงนี่ละ ผมขอเพิ่มอีกนิด คือ ในเมื่อคราวนี้ เพื่อนๆมีเงินแสนเงินล้านแล้ว ก็อย่ามัวแต่ทำงานอย่างเดียวจนลืมเอาเงินเหล่านี้ ไปสร้างความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอีก เพราะการฝากเงินเก็บไว้ในบัญชีธนาคาร ผลตอบแทนมันสู้เอาเงินไปลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวมไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ เพื่อนๆก็ต้องหาความรู้เพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตามเงินทุนหลักล้านแบบนี้ เวลาไปลงทุนมันเห็นเม็ดเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า เงินทุนหลักพันหลักหมื่นอยู่แล้ว
จากที่เล่ามาทั้งหมด ถ้าเพื่อนคนไหน เป็นแฟนพันธ์แท้ ของหนังสือ ซีรีย์ พ่อรวยสอนลูก เล่มที่สองชื่อเงินสี่ด้าน เพื่อนๆจะรู้ว่า สิ่งที่ผมนำมาเล่านี้ มันคือสิ่งที่ผม ได้อ่านตั้งแต่สมัยเริ่มต้นสร้างธุรกิจส่วนตัวใหม่ๆ แล้วค่อยๆเติบโตตามแนวทางที่เล่ามาเป๊ะๆ นั่นคือ จากการเป็น Employee “E” (ลูกจ้าง) แล้วก็ผันตัวเองมาเป็น Self Employed “S” (การเป็นเจ้านายตัวเอง) และต่อยอดประสบการณ์การทำธุรกิจจนกลายมาเป็น Business Owner “B” (เจ้าของกิจการที่มีระบบทำงานจนได้Passive income) และ สุดท้ายนำกระแสเงินสดที่ได้ มาเพิ่มความมั่งคั่งจนเป็น Investor “I” (นักลงทุนใช้เงินต่อเงิน)
ถ้าเพื่อนๆอยากจะเป็นเศรษฐีเงินล้าน ผมก็ขอสนับสนุนให้เพื่อนเป็นเศรษฐีเงินล้านตามแนวทางที่ผมเล่านี้ เพราะมันเป็นเหตุเป็นผลชัดเจน ย้ำนะครับว่า ความสำเร็จแบบนี้ “ไม่มีฟรุ๊ค”
อย่าไปเชื่อไอ้พวกเฮียๆทั้งหลาย ที่บอกว่า “เดี๋ยวเค้าจะพารวย เอาเงินมาฝากกับเค้า หลักหมื่น จะได้เงินหลักแสน หลักล้าน” ผมอยากจะเตือนเพื่อนๆคนไหนก็ตามที่คิดจะหลงเชื่อไอ้พวกนี้ว่า เงินลงทุนหลักพัน ช่วงวิกฤตแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบ “เอาเงินต่อเงิน” เลย เอา “เอาเงินต่อชีวิต” ก่อนไหม....
#นิรนามเทรดเดอร์ “มีสติก็จะมีสตางค์”
Youtube Channel : www.youtube.com/c/นิรนามเทรดเดอร์2
Vimeo Channel : www.vimeo.com/nonametrader
Facebook Fanpage : นิรนามเทรดเดอร์ แฟนเพจ
business owner คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
กว่าจะมีวันนี้ของร้าน หัวปลาช่องนนทรี /โดย ลงทุนแมน
จากร้านข้าวต้มปลาเล็กๆ เมื่อ 37 ปีก่อน
คงมีน้อยคนที่จะคิดว่าร้านเล็กๆ ในวันนั้น
จะกลายมาเป็นเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ ที่มีรายได้หลักร้อยล้านบาท ในวันนี้
เส้นทางความสำเร็จของร้านหัวปลาช่องนนทรี
ผ่านอะไรมาบ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ผู้ก่อตั้งร้านอาหารหัวปลาช่องนนทรี คือ คุณแป๋ว ลิมป์รัตนกาญจน์ ซึ่งชีวิตในวัยเด็กของเธอค่อนข้างยากลำบาก พ่อมีอาชีพขับรถ 3 ล้อ ส่วนแม่นั้นเป็นแม่ค้าหาบของขายในตลาด
แน่นอนว่า นอกจากเวลาเรียนแล้วคุณแป๋วก็ต้องไปช่วยแม่หาบของขายในตลาดเช่นกัน ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ซึ่งคุณแป๋วเล่าว่า ปกติแล้วขายได้เงินวันละประมาณ 10 บาท
คุณแป๋ว เรียนจนถึงแค่ชั้น ป.2 ก็ต้องออกจากโรงเรียนมาขายของแทนคุณแม่ เนื่องจากคุณแม่ป่วย ซึ่งเงินที่ค้าขายนั้น รวมกับรายได้จากการถีบรถ 3 ล้อของคุณพ่อ ก็เอามาใช้ในการรักษาคุณแม่ของเธอ จนคุณแม่ค่อยๆ หายและกลับมาค้าขายได้อีกครั้ง
เมื่อคุณแป๋วอายุ 16 ปี เธอขอคุณแม่กลับไปเรียนภาคค่ำ เนื่องจากอยากอ่านหนังสือออก และหลังเลิกเรียนก็ยังมาช่วยทำงานหาเงินต่อ
แต่แล้วแม่ของเธอล้มป่วยอีกครั้ง คุณแป๋วต้องหยุดเรียน และทำงานหนักมากขึ้นเพื่อหาเงินมารักษาคุณแม่
จนเมื่อคุณแม่ของเธอเสีย ตอนนั้นครอบครัวยังมีหนี้สินมาก คุณพ่อก็เอารถ 3 ล้อไปจำนอง
ส่วนคุณแป๋วก็ทำงานต่อไปหาเงินมาใช้หนี้ อีกประมาณ 3 ปี เธอจึงสามารถสะสางหนี้สินของครอบครัวหมด
ต่อมาคุณแป๋วได้แต่งงานกับคุณกฤช ซึ่งเปิดร้านทำหน้าต่างและประตูเหล็ก คุณแป๋วจึงออกมาเป็นแม่บ้าน และไม่ได้ค้าขายที่ตลาด
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของคุณกฤชนั้นมีรายได้ไม่แน่นอน แถมต้องให้เครดิตแก่ลูกค้า ทำให้หลายครั้งธุรกิจจึงขาดสภาพคล่อง
ทั้งคู่เลยตัดสินใจมาขายของกิน เนื่องจากจะมีเงินสดมาหมุนเวียนมากกว่า โดยเริ่มจากเปิดร้านข้าวต้มปลาเล็กๆ เป็นเพิงในตอนเย็นเพื่อหารายได้อีกทาง ช่วงแรกร้านของทั้งคู่มีโต๊ะนั่งเพียง 3 โต๊ะเท่านั้น
เวลาผ่านไปร้านข้าวต้มเริ่มขายดี เจ้าของที่ที่ทั้งคู่เช่าอยู่ เลยอยากให้ทั้งคู่ขยายร้านเพิ่ม การขยายร้านนอกจากจะทำให้มีจำนวนลูกค้ามากขึ้น ยังทำให้เมนูอาหารเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปกิจการก็ค่อยๆ ขยายสาขา จนกลายเป็น อาณาจักรหัวปลาช่องนนทรี ในปัจจุบัน
ตอนนี้ ร้านหัวปลาช่องนนทรี มีทั้งแบบสแตนด์อโลนจำนวน 6 สาขา โดยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 สาขาและต่างจังหวัด 1 สาขา รวมทั้งยังมีสาขาในห้าง 3 สาขา ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เมกาบางนา และเทอร์มินอล 21 (โคราช)
รายได้ บริษัท หัวปลาช่องนนทรี จำกัด
ปี 2559 รายได้ 122 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 190 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 271 ล้านบาท
ในส่วนของชื่อร้านนั้นคุณแป๋วและคุณกฤชเล่าว่า จริงๆ แล้วชื่อร้านมาจากลูกค้า ซึ่งเกิดจากเวลาที่ลูกค้านัดเจอกัน มักจะพูดว่า “ไปเจอกันที่ร้านหัวปลาแถวช่องนนทรี”
พอเรื่องเป็นแบบนี้
ทางคุณแป๋วและคุณกฤช จึงนำมาใช้ตั้งชื่อร้านจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง
ขณะที่ปัจจุบัน ร้านอาหารหัวปลาช่องนนทรีบริหารงานโดยผู้บริหารรุ่นที่ 2 คือ คุณวิทยา ลิมป์รัตนกาญจน์ ซึ่งเป็นทายาทของคุณแป๋วและคุณกฤช
จากอดีตที่มีเพียงร้านข้าวต้มปลา ปัจจุบัน ร้านอาหารหัวปลาช่องนนทรีวางตำแหน่งร้านให้มีทั้งอาหารไทย อาหารจีน และอาหารทะเล
นอกจากนี้ ถ้าเราสังเกตร้านหัวปลาช่องนนทรีจะตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ที่คนสัญจรไปมาเยอะ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การเลือกที่ตั้งร้านที่ผู้บริหารให้ความสำคัญมาตลอด ทั้งนี้ ก็เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้านและยังเป็นการประชาสัมพันธ์แบรนด์ของธุรกิจให้คนจดจำไปด้วย
เรื่องนี้ให้แง่คิดกับเราอย่างหนึ่งว่า
คนที่จะประสบความสำเร็จได้ บางทีก็ไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนชีวิตที่ดีเสมอไป
กรณีของคุณแป๋วก็เช่นกันที่ต้องช่วยแม่ค้าขายตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เพื่อช่วยหารายได้ให้ครอบครัว รวมทั้งออกจากโรงเรียนช่วงที่คุณแม่ป่วยเพื่อมาค้าขายแทนคุณแม่
จนสุดท้ายเมื่อมีโอกาสมาเปิดร้านอาหาร แม้ว่าจะเริ่มจากร้านเล็กๆ เป็นเพิง ไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา เหมือนร้านอาหารอื่น แต่ด้วยความตั้งใจของคุณแป๋วที่ตั้งใจทำมันออกมาให้ดีที่สุด ร้านหัวปลาช่องนนทรี จึงประสบความสำเร็จได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้
ถ้าวันนี้เราอยากเริ่มกิจการอะไรสักอย่าง แล้วไม่มั่นใจว่าจะเริ่มจากศูนย์ได้หรือไม่
ลองดูตัวอย่างนี้ที่ค่อยๆ เริ่มทำในที่สุดก็สำเร็จ
แต่ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำ
ก็จำไว้ว่า มันจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้น..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.youtube.com/watch?v=uCgEhOwW-uo
-http://www.huaplachongnonsea.com/about-us/
-https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profitloss/5/0115553009706
-https://www.youtube.com/watch?v=FcGOOVUmYcc
Until I have today of Hua Pla Chong Nonsi shop / by Investing Man.
From a small fish boiled rice restaurant 37 years ago.
Not many people would think that small shop that day.
Become a big restaurant chain with hundreds of millions of baht today.
Successful path of Hua Pla, Chanonsi shop.
Been through some things
Invest man will tell you about it.
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical article source.
Deep in deep content
The latest podcast feature is available.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
The founder of Hua Pla Chong Nonsi restaurant is Khun Pew Limpratkanchanaburi. Her childhood was quite difficult. Dad had a 3 wheel drive career. The mother was a seller finding items to sell in. The marketplace.
Of course, in addition to studying time, Khun Paew also has to help mom find stuff to sell in the market since she was 6 years old. Which Khun Pew said that she usually sells around 10 Baht per day.
Khun Paew has studied until just grade class. 2 I have to go out of school to sell stuff for mother because mother is sick. The money that she sells with the income of the 3 wheeler kicks. Dad uses it to treat her mother until she is slowly recovering and comes back to sell again.
When Khun Pam is 16 years old, she asks her mother to go back to school in the evening because she wants to read books and after school, she helps work and earn money.
But then her mother fell sick again. Khun Paew needs to stop studying and work harder to earn money to heal her mother.
Until when her mother died, the family still has a lot of debt. Dad took the 3 wheeler mortgage.
As for Khun Paew, keep working. Earning money to pay back debt for about 3 years. So she can clean the family's debt.
Later, Khun Paew married Mr. Krit who opened a window and metal door shop. Khun Paew came out to be a housewife and didn't sell at the market.
However, Mr. Krit's business has uncertain income. It has to give credit to customers. Many times, businesses lack liquidity.
Both of them decided to sell things because there would be more cash circulation. Starting from opening a small fish shop to shed in the evening for income. In the first time, both of them have only 3 tables.
Time has passed. Boiled rice restaurant is selling well. The owner of which both are renting. We want both of them to expand the store. In addition to making more customers, we also make the food menu add more.
After that, over time, the business gradually expanded the branch to become the kingdom of Hua Pla Chong Nonsi.
Now Hua Pla Chong Nonsi shop has 6 standalone branches in Bangkok and perimeter. 5 branches and 1 provinces. There are 3 branches in CentralWorld. Led Mega Bangna and Terminal 21 (Korat)
Income of Hua Pla Chong Nonsi company limited.
Year 2559 Income 122 million baht.
Year 2560 Income 190 million baht.
Year 2561 Income 271 million baht.
In the section of the shop name, Khun Paew and Khun Krit said that the shop name is from customers who are born from the time customers meet each other. They often say ′′ Let's meet at Hua Pla restaurant near Chong Nonsi ′′
When things are like this
Khun Paew and Khun Krit have been using the shop name until now.
While at present, Hua Pla Chong Nonsi restaurant is administered by the 2th generation executives. Mr. Witthaya Limpratan Kanchanaburi who is the descendant of Khun Paew and Khun Krit.
From the past, there are only fish boiled rice. Now, Hua Pla Chong Nonsi restaurant has positioned both Thai food, Chinese food and seafood.
In addition, if you notice, Hua Pla Chong Nonsi will be located on the main road where many people walk. It is a strategy to select the store where the executives have been focused. It's to attract customers to the shop and publicize the brand of businesses to remember.
This story gives us one thought.
People who can succeed sometimes don't always have to cost a good life.
In case of Khun Paew, we have to help the seller sell from 6 years old to help earn income for the family and leave school when mother is sick to sell for mother.
Finally, when you have a chance to open a restaurant, even if you start from a small shop to be a shed. It's not as big as other restaurants. But with your intention, Khun Paew, you will make it the best. Hua Pla Chong Nonsi can be successful. I see these days.
If today we want to start something and not sure if we can start from zero.
Check out this trailer that gradually started to finally succeed.
But if we think we can't do it since we haven't started.
Well remember it will never happen..
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical article source.
Deep in deep content
The latest podcast feature is available.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Follow to invest manly at
Website - longtunman.com
Blockdit-blockdit.com/longtunman
Facebook-@[113397052526245:274: lngthun mæn]
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram-instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.youtube.com/watch?v=uCgEhOwW-uo
-http://www.huaplachongnonsea.com/about-us/
-https://datawarehouse.dbd.go.th/fin/profitloss/5/0115553009706
-https://www.youtube.com/watch?v=FcGOOVUmYccTranslated