在上一次我們談到景氣循環及判斷景氣的成長與衰退後,我們來談談現在市場最熱的鋼鐵,及他們相關可操作的ETF
金屬&採礦指數(Metals & Mining) ETF
I. 市場訊息:
由於近年全球氣候異常,極端氣候加劇,且全球暖化的速度加快,使各國重視碳排放(carbon emission),碳排放指每個人、家庭或公司生產產品整個週期過程所直接與間接產生的CO2(二氧化碳)排放量,產生CO2的過程亦稱碳足跡(Carbon Footprint),而碳中和是指活動逹到淨零碳排放量的名稱。
在4月22日氣候領導人會議後,各國承諾減少碳排放,如2030年要將美國碳排放量減少到比2005年低50~52%、日本承諾2030年比2013年減排46%,而中國將在2030年前實現碳達峰、在2060年前實現碳中和。習近平表示中國將在十四五時期(2021〜2025)嚴控煤炭消費成長,以及十五五時期(2026〜2030)逐步減少煤炭消費,而中國鋼鐵行業是製造業中碳排放量的大戶,佔中國碳排放總量15%左右。同時中國也是鋼材生產大國,根據世界鋼鐵協會數據顯示,2020年全球粗鋼產量為18.64億噸,年減0.9%。其中,中國的粗鋼產量達到10.53億噸,年增5.2%,使中國粗鋼產量佔全球粗鋼產量的占比,由2019年53.3%上升到2020年的56.5%。
如今為了氣候變遷,控制碳排放量,在兩會之後3、4月中國唐山、邯鄲相繼限產鋼鐵,且4月29日中國財政部、稅務總局發布「關於取消部分鋼鐵產品出口退稅的公告」稱,自2021年5月1日起,取消部分鋼鐵產品出口退稅,將會影響中國鋼鐵的出口量,有利於限制全球鋼鐵產量。此外,中國「鋼鐵行業碳達峰及降碳行動方案」已編制完成,審批後將公佈實施。所以在中國限產、取消對鋼鐵出口退稅,將影響未來鋼鐵產業。
由表1以市場交易資訊來看,不論是管理費用、市值、交易量與投資標的較分散,而這3支的年配息率近都在2.0%以下,所以不適合配息的標的。首先,介紹道富標普金屬&採礦指數,下次再介紹其他2支ETF基本資料。
過去一年以股價走勢來看,似乎SLX漲幅較大,其中持有最大標的為巴西淡水河谷公司(VALE-Vale S.A.)與力拓股份有限公司(RIO-Rio Tinto Plc)市值將近3成;同樣,PICK也是以市值區分持有標的,只是因為持有高達199隻公司,所以前10支權重與XME相當。相反地,XME持有的標的權重比較平均分散,每支權重不超過6%。以下介紹XME。
II. 道富標普金屬&採礦指數(XME)基本資料:
它追蹤的是美國「金屬與礦精選行業指數」,XME持有標的幾乎是美國公司,而市場是廣泛市場(Multi-Cap)表示持有標的有大、中、小型公司。雖然是季配息,但股息殖利率並不高,如表2所示。
個股訊息方面,Nucor、Steel Dynamics、US Steel等公司,至5/5止今年股價上漲都有5成以上,相對S&P 500指數僅上漲11.8%。
註:
XME股價走勢請參考:https://tw.tradingview.com/symbols/AMEX-SLX/
個股訊息:https://www.marketbeat.com/
普氏62%鐵礦石價格指數:https://data.eastmoney.com/cjsj/hyzs_list_EMI00224884.html
上述資料請詳參公開說明書,且以公開說明書為主。
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,เผยโฉม The new 2019 - 2020 BMW 7-Series โฉมใหม่ รุ่นไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัว อย่างเป็นทางการในต่างประเทศ BMW is sharpening the profile of its flagship mo...
co2 emission 2020 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ทำไม ซาอุดีอาระเบีย ถึงอยากเป็น "The Next Germany" /โดย ลงทุนแมน
ซาอุดีอาระเบียติด Top 10 ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลก
ทั้งที่มีประชากรเพียง 34 ล้านคน อยู่ในอันดับ 41 ของโลก
ทำให้เมื่อหารเฉลี่ยต่อหัวแล้ว ชาวซาอุดีอาระเบียจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก มากถึงปีละ 18.5 ตันต่อคน มากกว่าชาวเยอรมันถึง 2 เท่า
การปล่อยก๊าซที่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน
ทำให้ประเทศเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้ ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่
โดยมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของโลก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการที่จะลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
แต่เป้าหมายของซาอุดีอาระเบียคือการเป็นผู้ส่งออกพลังงานหมุนเวียน
โดยประเทศที่ซาอุดีอาระเบียอาศัยเป็นต้นแบบด้านพลังงานหมุนเวียนก็คือ ประเทศเยอรมนี
ถึงขนาดผู้นำประเทศประกาศว่า เป้าหมายของซาอุดีอาระเบีย
คือการเป็น “The Next Germany”
เรื่องนี้มีความน่าสนใจอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบกว่า 267,026 ล้านบาร์เรล
มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ทำให้น้ำมันเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของซาอุดีอาระเบีย
กว่าร้อยละ 80 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด
น้ำมันที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือยังถูกนำมาใช้ในประเทศ ทั้งการขนส่ง และการผลิตกระแสไฟฟ้า
ซาอุดีอาระเบียผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเป็นสัดส่วนถึง 42% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
ซึ่งเป็นไม่กี่ประเทศที่ผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันในสัดส่วนสูงขนาดนี้
นอกจากน้ำมัน แหล่งพลังงานที่สำคัญในการผลิตไฟฟ้าของประเทศนี้ ก็คือก๊าซธรรมชาติอีกราว ๆ 57.8%
เท่ากับว่า การผลิตไฟฟ้าในประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเกือบ 100%
ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการสร้างปัญหามลภาวะในอากาศ โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในระหว่างกระบวนการผลิต
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ซาอุดีอาระเบียจึงต้องการเปลี่ยนแปลงมาใช้พลังงานหมุนเวียน
และพลังงานสะอาดเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งยังรวมไปถึงการส่งออกพลังงานดังกล่าวเพื่อสร้างรายได้มาชดเชยรายได้จากการส่งออกน้ำมันที่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะลดลง
และประเทศซึ่งเป็นต้นแบบของพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดที่ประสบความสำเร็จ
จนซาอุดีอาระเบียต้องการจะเดินรอยตาม จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “เยอรมนี”
เรื่องนี้ถึงขนาดทำให้ เจ้าชายมูฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบียถึงกับกล่าวว่า “ประเทศเราจะเป็นเหมือนกับเยอรมนี เมื่อพูดถึงการใช้พลังงานหมุนเวียน”
รู้ไหมว่า เยอรมนีเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของโลก ที่เชี่ยวชาญการใช้พลังงานหมุนเวียนหลากหลายประเภทเพื่อการผลิตไฟฟ้า ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนของเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปี 1990 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 3%
ปี 2005 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 10%
ปี 2020 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 45%
ถือได้ว่า พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในเยอรมนีในวันนี้ เกือบครึ่งมาจากพลังงานหมุนเวียน
และยังมาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
เยอรมนีเป็นประเทศที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยในปี 2020 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์กว่า 51 เทระวัตต์-ชั่วโมง (TWh)
สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป
และยังเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมสูงถึง 134.5 เทระวัตต์-ชั่วโมง (TWh) สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป
ที่น่าสนใจคือ ภายในปี 2050 รัฐบาลเยอรมันตั้งเป้าไว้ว่า
การผลิตไฟฟ้าภายในประเทศจะมาจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด 100%
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนของเยอรมนี ล้วนเกิดจากการวางแผนที่ดี
การสนับสนุนและลงมือทำอย่างจริงจัง รวมไปถึงความร่วมมือกันระหว่างทั้งภาครัฐและเอกชน จนทำให้เยอรมนีได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ ว่าเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบในด้านพลังงานหมุนเวียนที่หลายประเทศต้องการเดินรอยตาม ซึ่งรวมไปถึงซาอุดีอาระเบีย
สำหรับซาอุดีอาระเบียปี 2018 นั้น การผลิตไฟฟ้าในประเทศมาจากพลังงานหมุนเวียน
น้อยกว่า 1% ของแหล่งพลังงานทั้งหมด
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้ซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าด้วยการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 50% ภายในปี 2030
แต่การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ไปถึงสัดส่วนดังกล่าว
นอกจากการศึกษากระบวนการทำงานของประเทศต้นแบบที่ประสบความสำเร็จแล้ว ซาอุดีอาระเบียจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล
รัฐบาลของซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าหมายว่า ในช่วงระหว่างปี 2020-2023
ซาอุดีอาระเบียจะลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท
ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียได้ก่อสร้างโครงการพลังงานลมที่ชื่อว่า The Dumat Al Jandal
ซึ่งเป็นโครงการพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ รัฐบาลของซาอุดีอาระเบียยังวางแผนที่จะพัฒนาโครงการ Green Hydrogen ซึ่งนับเป็นโรงงานผลิตไฮโดรเจนสะอาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งโครงการนี้มีมูลค่าโครงการสูงกว่า 2.1 แสนล้านบาท
Green Hydrogen นั้นเป็นการผลิตไฮโดรเจนโดยการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ที่ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา และก๊าซไฮโดรเจนที่ได้จะถูกนำไปผ่านเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป ซึ่งรัฐบาลของซาอุดีอาระเบียวางแผนที่จะส่งออกไฮโดรเจนสะอาดไปขายยังตลาดโลกอีกด้วย
ซึ่งการลงทุนดังกล่าวนั้น นับเป็นหนึ่งในแผนภายใต้ Vision 2030 ที่เป็นนโยบายหนึ่งของการพัฒนาซาอุดีอาระเบียไปสู่ยุคสมัยใหม่ ที่ต้องการลดการพึ่งพาน้ำมัน
เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ จากประเทศที่มีรายได้จากการส่งออกน้ำมันในปี 2019
กว่า 6 ล้านล้านบาท เป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดของโลก
แต่เมื่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
ซาอุดีอาระเบียก็ต้องปรับตัวให้ทันตามกระแสโลก
และที่สำคัญคือ การกระจายความเสี่ยง ไม่ให้พึ่งพาพลังงานใดพลังงานหนึ่งมากเกินไป..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Energy_in_Saudi_Arabia#:~:text=Electricity%20generation%20is%2040%25%20from,to%20120%20GW%20by%202032
-http://www.nst.or.th/powerplant/pp04.html
-https://www.arabnews.com/node/1801291/business-economy
-https://ourworldindata.org/renewable-energy
-https://www.cleanenergywire.org/factsheets/solar-power-germany-output-business-perspectives
-https://en.wikipedia.org/wiki/Solar_power_by_country
-https://www.ucsusa.org/resources/each-countrys-share-co2-emission
-https://energy.economictimes.indiatimes.com/news/renewable/worlds-top-10-countries-in-wind-energy-capacity/68465090#:~:text=China%20has%20a%20installed%20capacity,larger%20than%20its%20nearest%20rival.&text=The%20US%20comes%20second%20with%2096.4%20GW%20of%20installed%20capacity.
-https://sustainabledevelopment.un.org/index.php?page=view&type=99&nr=24&menu=1449#:~:text=Supply%20by%202050-,Germany%20has%20promised%20to%20transform%20its%20electricity%20supply%20to%20100,by%202050%20from%201990%20levels
-https://www.rechargenews.com/energy-transition/we-will-be-pioneering-saudi-arabia-reveals-50-renewables-goal-by-2030-but-is-that-realistic-/2-1-954094
-https://www.greentechmedia.com/articles/read/us-firm-unveils-worlds-largest-green-hydrogen-project#:~:text=Energy-,World%27s%20Largest%20Green%20Hydrogen%20Project%20Unveiled%20in%20Saudi%20Arabia,gigawatts%20of%20Saudi%20renewable%20electricity.&text=Massive%20green%20hydrogen%20facility%20would,Neom%20%22smart%20city%22%20project
-https://www.ammoniaenergy.org/articles/saudi-arabia-to-export-renewable-energy-using-green-ammonia/#:~:text=Last%20week%2C%20Air%20Products%2C%20ACWA,to%20be%20operational%20by%202025.
-https://www.statista.com/statistics/223231/opec-net-oil-export-revenue-streams-by-country/#:~:text=Saudi%20Arabia%20is%20the%20largest,Iraq%27s%2087%20billion%20U.S.%20dollars
co2 emission 2020 在 Facebook 的精選貼文
"เที่ยวบินปลอดคาร์บอน 100% โดย Lufthansa"
ถึงแม้ว่าจะมีวิกฤตไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อสายการบินทั่วโลกไม่เว้นแต่สายการบินสัญชาติเยอรมันอย่าง Lufthansa
แต่สายการบินก็ยังไม่ละทิ้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนและสร้างประวัติศาสตร์ ที่จะทำการบินเที่ยวบินปลอดคาร์บอนจาก
"สนามบินแฟรงก์เฟิร์ตไปยังเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน"
ในวันอาทิตย์ที่ 29.11.20 ด้วยรุ่น 777F เที่ยวบิน LH8406 ซึ่งนับว่าเที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินปลอดคาร์บอนในเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกของโลก
ซึ่งเชื้อเพลิงที่จะใช้ทำการบินในเที่ยวบินนี้จะใช้เชื้อเพลิงที่เรียกว่า Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงทางชีวภาพที่มีส่วนผสมหลักจากจากสารชีวภาพต่างๆ ที่จะผลิตก๊าซ CO2 น้อยกว่าเชื้อเพลิงแบบปกติ และหลังจากนั้นทางสายการบินจะทำการ Offset
และนอกจากนี้ Lufthansa ยังได้มีการลงนามและแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะกลายเป็นองค์กรที่ไม่ผลิตคาร์บอนเลยภายในปี 2050 หรือ
"Zero Carbon Emission 2050 Strategy"
"ดีงามมากครับ พ่อบ้านต้องขอยกนิ้วให้ Lufthansa เลย 😎👍"
#เยอรมัน #เยอรมนี #Germamy #พ่อบ้านเยอรมัน
#German #Lufthansa
ที่มาของข้อมูล Euronews:
https://www.euronews.com/2020/11/28/first-fully-carbon-neutral-cargo-flight-set-to-take-off-from-frankfurt-airport
co2 emission 2020 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
เผยโฉม The new 2019 - 2020 BMW 7-Series โฉมใหม่ รุ่นไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัว อย่างเป็นทางการในต่างประเทศ
BMW is sharpening the profile of its flagship models in the luxury segment.
The new edition of the BMW 7 Series makes a clear statement of intent with
its confident presence, sophisticated elegance and strikingly innovative
control/operation, driver assistance and connectivity technology.
The new exterior design of the luxury sedan showcases its prestige and status
more vividly than ever. And on the inside, sumptuous leather trim with
extended quilting and optimised acoustic comfort, not to mention the digital
display grouping of instrument cluster and Control Display, the
BMW Operating System 7.0 and the BMW Intelligent Personal Assistant, set
new benchmarks in wellbeing and comfort on the move.
The line-up of power units for the new BMW 7 Series has also been updated
and includes a new eight-cylinder engine, a six-cylinder in-line unit and plug-in
hybrid systems offering extended electric range. All of the model variants
already meet the stipulations of the Euro 6d-Temp emissions standard.
And the driver assistance systems now boast a broader range of functionality.
The latest advances towards automated driving are highlighted by technology
such as the new Reversing Assistant.
Powertrain: V12 with gasoline particulate filter, new V8, plug-in
hybrid models now with six-cylinder in-line engine.
The choice of power units for the new BMW 7 Series includes petrol and
diesel engines with six, eight and twelve cylinders, as well as an all-new plugin hybrid drive system. Topping the range is the 6.6-litre V12 engine at the
heart of the BMW M760Li xDrive, which produces 430 kW/585 hp (fuel
consumption combined: 12.5 – 12.4 l/100 km; 22.6 – 22.8 mpg imp; CO2
emissions combined: 285 – 282 g/km*) and now comes with a gasoline
particulate filter to minimise emissions. Meanwhile, the BMW 750i xDrive (fuel
consumption combined: 9.5 – 9.5 l/100 km; 29.7 – 29.7 mpg imp: CO2
emissions combined: 217 – 217 g/km*) and BMW 750Li xDrive (fuel
consumption combined: 9.6 – 9.5 l/100 km; 29.4 – 29.7 mpg imp; CO2
emissions combined: 218 – 218 g/km*) feature a newly developed V8 engine
with 4.4-litre displacement and maximum output raised by 60 kW/80 hp to
390 kW/530 hp.
The plug-in hybrid variants of the new BMW 7 Series take all of the luxury
sedan’s sporting prowess, passenger comfort and feel-good ambience and
combine them with exceptionally high efficiency and the ability to offer a virtually silent, all-electric driving experience with zero local emissions.
Their plug-in hybrid system now employs a specially adapted six-cylinder inline petrol engine and a more advanced high-voltage battery. As a result, the
system can unleash a combined output of 290 kW/394 hp with the Driving
Experience Control switch set to SPORT mode. The combined fuel
consumption of the BMW 745e, BMW 745Le and BMW 745 Le xDrive is
between 2.6 and 2.1 litres per 100 kilometres* (108.6 – 134.5 mpg imp), their
CO2 emissions are 59 – 48 grams per kilometre*, and combined electric
power consumption is 16.3 – 15.0 kWh per 100 kilometres*. The three
models achieve an electric range between 50 and 58 kilometres (31 – 36
miles).
Three highly efficient and low-emission six-cylinder in-line diesel engines,
each with 3.0-litre displacement and up to four turbochargers round off the
drive system line-up for the new BMW 7 Series. Delivering peerless
performance for a diesel-powered luxury-class car is the 294 kW/400 hp
engine under the bonnet of the BMW 750d xDrive (fuel consumption
combined: 6.0 – 5.8 l/100 km; CO2 emissions combined: 157 – 152 g/km*)
and BMW 750 Ld xDrive (fuel consumption combined: 6.1 – 5.9 l/100 km;
CO2 emissions combined: 160 – 155 g/km*). The power unit fitted in the
BMW 740d xDrive (fuel consumption combined: 6.0 – 5.6 l/100 km; CO2
emissions combined: 158 – 148 g/km*) and BMW 740Ld xDrive (fuel
consumption combined: 6.0 – 5.7 l/100 km; CO2 emissions combined: 158 –
149 g/km*) develops a maximum 235 kW/320 hp. And the 195 kW/265 hp
engine for the BMW 730d (fuel consumption combined: 5.5 – 5.3 l/100 km;
CO2 emissions combined: 144 – 138 g/km*), BMW 730Ld (fuel consumption
combined: 5.5 – 5.3 l/100 km; CO2 emissions combined: 145 – 139 g/km*),
BMW 730d xDrive (fuel consumption combined: 5.7 – 5.5 l/100 km; CO2
emissions combined: 150 – 143 g/km*) and BMW 730Ld xDrive (fuel
consumption combined: 5.8 – 5.6 l/100 km; CO2 emissions combined: 153 –
147 g/km*) represents the first step on the diesel ladder for
the new BMW 7 Series.
co2 emission 2020 在 • Global historical CO2 emissions 1750-2020 | Statista 的相關結果
Carbon dioxide (CO2) emissions began to rise more steeply from the 1950s, and by 2000 had reached 25.23 billion metric tons of CO2. Emissions ... ... <看更多>
co2 emission 2020 在 CO₂ and Greenhouse Gas Emissions - Our World in Data 的相關結果
This article was first published in May 2017; last revised in August 2020. ... Human emissions of carbon dioxide and other greenhouse gases – are a primary ... ... <看更多>
co2 emission 2020 在 Global Energy Review: CO2 Emissions in 2020 – Analysis - IEA 的相關結果
As primary energy demand dropped nearly 4% in 2020, global energy-related CO2 emissions fell by 5.8% according to the latest statistical ... ... <看更多>