ประเทศไหน ใช้เงินสด น้อยที่สุดในโลก ? /โดย ลงทุนแมน
วิธีการชำระเงินของมนุษย์ ได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
จากเปลือกหอย เหรียญ ธนบัตร จนมาถึงยุคปัจจุบัน
ที่เราใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
ซึ่งเรียกกันว่ายุค Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสด
หากให้ลองนึกถึงประเทศที่เป็นผู้นำในด้านนี้
หลายคนก็น่าจะนึกถึงประเทศจีน หรือไม่ก็สหรัฐอเมริกา
แต่คำตอบที่ได้จะไม่ใช่ทั้ง 2 ประเทศนี้เลย
แล้วประเทศนั้นคือประเทศอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ประเทศที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในโลก คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ประเทศแห่งนี้มีสัดส่วนการใช้เงินสดอยู่ที่ 51%
เมื่อเทียบกับธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดในประเทศ
รองลงมาจะเป็นประเทศในแถบยุโรปฝั่งเหนือ
ซึ่งก็ได้แก่ ฟินแลนด์, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร และสวีเดน
ที่สัดส่วนการใช้เงินสดเฉลี่ยอยู่ที่ 55%
แต่พอมาวันนี้ หากเราลองมาดูสัดส่วนการใช้เงินสดของ 5 ประเทศ ที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในโลก
อันดับที่ 1 สวีเดน 9%
อันดับที่ 2 เนเธอร์แลนด์ 14%
อันดับที่ 3 สหราชอาณาจักร 23%
อันดับที่ 4 ฟินแลนด์ 24%
อันดับที่ 5 สหรัฐอเมริกา 28%
กลับกลายเป็นว่าแชมป์โลกเมื่อ 10 ปีก่อน อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ตกไปอยู่อันดับที่ 5
และประเทศ “สวีเดน” ได้กลายมาเป็นประเทศที่ไร้เงินสดที่สุดในโลก
คำถามที่ตามมาก็คือ เพราะอะไร ?
จริง ๆ แล้ว หากย้อนไปในอดีตจะพบว่าประเทศสวีเดน ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงินมาอย่างยาวนาน อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่
ปี 1661 เป็นประเทศแรกในยุโรปที่เริ่มใช้ธนบัตร
ปี 1967 เริ่มใช้ตู้ ATM เป็นประเทศที่ 2 ของโลก ช้ากว่าประเทศแรกอย่างอังกฤษเพียง 1 สัปดาห์
และรู้หรือไม่ว่า ภายในปี 2023 เราอาจไม่ได้เห็นการใช้เงินสดในประเทศสวีเดนอีกเลย
เพราะมีการคาดการณ์ว่าภายในเดือนมีนาคม ปี 2023
ประเทศสวีเดนจะเป็นสังคมไร้เงินสดได้อย่างสมบูรณ์ เป็นประเทศแรกของโลก
นอกเหนือจากการเป็นผู้นำนวัตกรรมการเงินแล้ว
ประเทศสวีเดนยังได้รับความร่วมมือกันจากทุกฝ่าย
ทั้งผู้พัฒนาและผลักดันเทคโนโลยี รวมถึงผู้ใช้งาน
ในด้านของผู้พัฒนาเทคโนโลยี ประเทศสวีเดนถือว่าเป็นประเทศแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี
เห็นได้จากแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลกอย่าง Spotify, SoundCloud และ Skype
หรือแม้แต่ยูนิคอร์นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งมีชื่อว่า Klarna ก็ก่อตั้งจากประเทศแห่งนี้
และแน่นอนว่ามันเป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับระบบการชำระเงินผ่านการซื้อของออนไลน์
ที่ขาดไม่ได้คือแรงผลักดันจากรัฐบาลและกลุ่มสถาบันการเงิน
ที่ได้ออกกฎเพื่อสนับสนุนให้ร้านค้ารับชำระเงินจากลูกค้าในแบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งการที่ภาครัฐผลักดันให้เลิกใช้เงินสด นอกจากเรื่องของความสะดวกสบายและง่ายต่อการใช้งานแล้ว
สิ่งสำคัญไม่แพ้กันก็คือ การลดการก่ออาชญากรรม ทั้งการปล้นเงินสด หรือการซื้อขายสิ่งผิดกฎหมาย เพราะธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตจะสามารถตรวจสอบได้
ในขณะเดียวกัน เงินสดยังมีต้นทุนในการจัดการสูง โดยเฉพาะเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย
จุดเปลี่ยนสำคัญที่นำสวีเดนไปสู่สังคมไร้เงินสดเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2012
โดยธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน 6 แห่ง รวมถึงธนาคารกลางสวีเดน
ได้ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบการชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟน ที่มีชื่อว่า “Swish”
ตรงนี้ก็น่าคิดเหมือนกันว่า จริง ๆ แล้วประเทศไทยเอง
ก็มีระบบพร้อมเพย์ รวมไปถึงแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่ถูกผลักดันโดยรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานราว 40 ล้านคน
ก็น่าคิดเหมือนกันว่าเราจะมีพัฒนาการในลักษณะเดียวกันกับสวีเดนได้หรือไม่
กลับมาที่ Swish แอปพลิเคชันดังกล่าวมีเป้าหมายหลัก เพื่อสนับสนุนให้ชาวสวีเดน
เปลี่ยนมามีวิถีชีวิตแบบที่ไม่ใช้เงินสดได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ
เพราะปัจจุบันมีชาวสวีเดนที่ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันนี้ มากกว่า 60% ของประชากรแล้ว
และในปัจจุบัน ธนาคารกลางสวีเดนก็กำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง
ชื่อว่า e-krona ที่คาดว่าจะใช้งานได้จริงภายในปี 2025 อีกด้วย
ในส่วนของผู้ใช้เทคโนโลยีก็สำคัญเช่นกัน เพราะชาวสวีเดนถือได้ว่าเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว
สะท้อนมาจากผลสำรวจเมื่อปลายปี 2020 ที่ว่า คนสวีเดนทุก 3 ใน 4 คน
เลือกที่จะใช้จ่ายโดยไม่ใช้เงินสด ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก
เป็นรองเพียงประเทศเกาหลีใต้
ในขณะที่ชาวสวีเดนมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึง 94% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ได้ขับเคลื่อนสวีเดน
ให้เข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้รวดเร็วที่สุดในโลกนั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยคำถามที่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า แล้วจีนอยู่ตรงไหน ?
เรามาดู อันดับประเทศที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในเอเชีย ก็คือ
อันดับที่ 1 เกาหลีใต้ ใช้เงินสด 34%
อันดับที่ 2 สิงคโปร์ ใช้เงินสด 39%
อันดับที่ 3 จีน ใช้เงินสด 41%
จะเห็นได้ว่าตอนนี้ประเทศจีนยังอยู่ในอันดับที่ 3
แต่หากเราย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน
รู้หรือไม่ว่าสมัยนั้นคนจีนยังใช้เงินสดกันทั้งประเทศ
ถึงตรงนี้ เราก็คงสรุปได้ว่าอีกหน่อยโลกของเราก็น่าจะหมุนเข้าหาสังคมไร้เงินสดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และตัวกลางในการรับชำระอย่างเหรียญและธนบัตร ที่ใช้กันมานานกว่าหลายชั่วอายุคน
อาจจะกลายเป็นของสะสม หรือเป็นวัตถุโบราณที่หาดูได้ แค่ในพิพิธภัณฑ์..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.mckinsey.com/~/media/mckinsey/industries/financial%20services/our%20insights/accelerating%20winds%20of%20change%20in%20global%20payments/2020-mckinsey-global-payments-report-vf.pdf
-https://interestingengineering.com/sweden-how-to-live-in-the-worlds-first-cashless-society
-https://www.weforum.org/agenda/2021/01/this-chart-shows-cash-cashless-finance-payment-methods-global-preference/
-https://data.worldbank.org/indicator/IT.NET.USER.ZS?most_recent_value_desc=true
-https://en.wikipedia.org/wiki/Swish_(payment)
cashless society คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
เมื่อเชลล์พร้อมตอบโจทย์การเดินทางในอนาคต เปิดตัวแอปพลิเคชัน Shell GO+ แอปฯ ที่ทุกคนต้องมี
<เชลล์ x ลงทุนแมน>
เชื่อว่าหลายคนชอบเติมน้ำมันที่ปั๊มเชลล์ ซึ่งลงทุนแมนก็เป็นหนึ่งในนั้น
และคนที่เติมน้ำมันที่ปั๊มนี้ก็มักจะมีบัตรสีเหลือง หรือ Shell ClubSmart ที่คอยหยิบให้พนักงานนำไปสะสมแต้ม
มาวันนี้ เชลล์ได้พัฒนาแอปฯ ใหม่ ที่ให้เราไม่ต้องคอยค้นหาบัตร แถมยังมอบสิทธิประโยชน์ ให้เรามากกว่าเดิม
แอปฯ นี้ชื่อว่า Shell GO+
แอปฯ นี้มีอะไรเด็ด? แล้วเชลล์พร้อมตอบโจทย์การเดินทางของลูกค้าในอนาคตแค่ไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกในปั๊มน้ำมันนั้นมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด
แต่ละแบรนด์ต่างก็งัดกลยุทธ์มาเอาใจลูกค้ามากมาย
ลูกค้าเองต่างก็มีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งในยุคนี้ที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญ
ความรวดเร็ว ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความคุ้มค่าเป็นสิ่งที่ลูกค้ามองหา
เชลล์ หนึ่งในผู้ค้าหลักในตลาดค้าปลีกปั๊มน้ำมัน ก็พร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้า
ผ่านบริการต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์การเดินทางในอนาคตและสังคมดิจิทัล
ซึ่งหากพูดถึงสังคมดิจิทัล ผู้ให้บริการจะให้ความสำคัญกับ 2 แนวทางหลัก นั่นคือ
1.Cashless หรือ การจ่ายเงินโดยไร้เงินสด
2.Touchless หรือ การทำธุรกรรมแบบไร้สัมผัส
สำหรับ Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสด
หมายความว่า ลูกค้าจะสามารถจ่ายค่าบริการในรูปแบบอื่น แทนเงินสดได้
โดยเชลล์ เป็นปั๊มน้ำมันที่มีบริการชำระเงินไร้สัมผัสครบวงจร
ไม่ว่าจะเป็น การชำระเงินแบบแตะเพื่อจ่าย (Tap & Go) การชำระเงินผ่านคิวอาร์ พร้อมเพย์
และการชำระเงินผ่านคิวอาร์ บัตรเครดิต ที่จุดเติมน้ำมัน และบริการอื่นๆ ทุกจุดในปั๊มทั่วประเทศ
เชลล์ ไม่เพียงแต่จะปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
แต่ เชลล์ ยังให้ความสำคัญกับสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับอีกด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2557 เชลล์ได้เปิดตัวบัตรสมาชิกในรูปแบบรีวอร์ดการ์ด Shell ClubSmart
ซึ่งเป็น Loyalty Program ที่รวมสิทธิประโยชน์จากการใช้บริการภายในปั๊มน้ำมันเชลล์
โดยระบบจะเก็บคะแนนสะสมของลูกค้า เพื่อนำมาแลกสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ด้วยความเป็นผู้นำด้านดิจิทัล เชลล์ไม่หยุดเรื่องการพัฒนา
และครั้งนี้ได้มีการพัฒนาที่ก้าวไกลไปกว่าเดิม
โดยการพัฒนาแอปฯ ที่ชื่อว่า Shell GO+ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บวกความสุขที่มากกว่า...ทุกการเดินทาง” Rewards Program ของบริษัทน้ำมันรายแรกที่ลูกค้าไม่ต้องพกบัตร
เป็นการเปลี่ยนจากการใช้บัตร Shell ClubSmart มาสู่ Touchless Society หรือสังคมไร้สัมผัส
ซึ่งเป็นสังคมดิจิทัลอย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
อธิบายง่าย ๆ ว่า
Shell GO+ เป็นระบบสมาชิกแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ใช้งานง่ายเพียงบอกเบอร์โทรศัพท์มือถือ
หรือสแกนบัตรดิจิทัล Shell GO+ เมื่อใช้บริการหรือซื้อสินค้าในปั๊มน้ำมันเชลล์
ให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรสมาชิกอีกต่อไป
ความน่าสนใจของ Shell GO+ คือ ลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์แบบ 2 in 1
ในรูปแบบ “คะแนนสะสม” และ “แสตมป์สะสม” ภายในแอปฯ เดียว
ทั้งยังใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อช่วยให้ลูกค้าเช็กคะแนนสะสมได้เรียลไทม์
สามารถเห็นคะแนนสะสม ยอดการใช้จ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเหมือนตอนใช้บัตร
แล้ว “คะแนนสะสม” มาจากไหน?
ลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสม เมื่อใช้บริการต่างๆภายในปั๊มน้ำมันเชลล์
อาทิ เติมน้ำมัน, ใช้บริการศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือ ซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อเชลล์ ซีเล็คและร้านกาแฟเดลี่คาเฟ่
แล้ว “แสตมป์สะสม” มาจากไหน?
ลูกค้าจะได้รับแสตมป์สะสม 1 ดวง เมื่อซื้อเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟเดลี่คาเฟ่ 1 แก้ว (ไม่รวมเครื่องดื่มประเภทขวด)
และเมื่อมีแสตมป์สะสมครบ 12 ดวง ก็จะได้รับเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว
นอกจากนั้นแอปฯ Shell GO+ ยังนำ AI มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า แล้วส่งข้อเสนอพิเศษเฉพาะบุคคลที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกการใช้จ่ายที่ปั๊มเชลล์ ได้คะแนนสะสม หรือของรางวัลที่มากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าที่ใช้แอปฯ Shell GO+ ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย
ประกอบด้วย
1. ได้รับคะแนนพิเศษ จากการใช้จ่ายสินค้าร่วมรายการในปั๊มน้ำมันเชลล์
2. ได้รับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง
3. ได้รับบริการตรวจเช็กรถยนต์ฟรี 10 รายการ ที่ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ พลัส หรือ โปรเซิร์ฟ
4. ได้รับ 100 คะแนนพิเศษในเดือนเกิด ซึ่งสามารถแลกรับส่วนลดสินค้าในปั๊มเชลล์ได้
5. ได้รับส่วนลดร้านอาหารการันตีความอร่อยด้วยเชลล์ชวนชิม
6. แลกรับของรางวัลต่างๆ จากเชลล์และพันธมิตรที่ร่วมรายการ เช่น MK Swensen’s Bar B Q Plaza Gourmet Market AXA Thailand Topvalue Major Cineplex GoJek Grab Joox VIZ Wongnai และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากบริการชำระเงินไร้สัมผัสครบวงจรและ Rewards Program ผ่านแอปฯ Shell GO+
เชลล์ยังตอบสนองความต้องการลูกค้าผ่านบริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ
ทั้งบริการสั่งซื้อแพคเกจเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ Shopee
และ บริการจัดส่งเครื่องดื่มและเบเกอรี่จากร้านกาแฟเดลี่คาเฟ่ผ่าน Grab
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงรู้แล้วว่า...
ปั๊มน้ำมันเชลล์ไม่เพียงแต่ให้บริการน้ำมันคุณภาพและบริการที่ดี แต่ยังปรับตัวเข้าสู่สังคมดิจิทัลทั้ง Cashless และ Touchless ได้อย่างลงตัว
ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาบริการมากมาย ล่าสุดคือแอปฯ Shell GO+
ที่มอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าได้ในแอปฯ เดียว
ต่อไปนี้ เมื่อเติมน้ำมัน
เราก็ไม่ต้องหยิบบัตร Shell Clubsmart ยื่นให้พนักงานอีกแล้ว
แค่บอกเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือ ใช้แอปฯ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ทั้งปลอดภัย ทั้งสะดวก และช่วยให้เราก้าวเข้าสู่ “สังคมดิจิทัล” ได้อย่างเต็มตัว
ดาวน์โหลดแอปฯ Shell GO+ ได้แล้ววันนี้ที่ http://onelink.to/yhfwxy
รับฟรี 50 คะแนนทันทีเมื่อลงทะเบียนใช้แอปฯ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
References
- เอกสารประชาสัมพันธ์ Shell GO+
- https://www.shellgoplus.com/th-th/
cashless society คือ 在 DroidSans Facebook 的最佳貼文
Cashless society ยุคนี้เขาไม่พกเงินสดกันแล้ว !!!
.
เรียกได้ว่าประเทศไทยก็เริ่มมีแววเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสดอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่หลายๆ ธนาคารได้เปิดตัวแอปเป็นของตัวเอง ซึ่งทาง KBTG หรือผู้พัฒนาแอป K Plus ก็ได้เปิดบริการแอปการเงินใหม่ถึง 3 อย่างด้วยกันเพื่อนคอยอำนวยความสะดวกในการจัดการเงินมากยิ่งขึ้น คือ
.
- ขุนทอง แชทบอทเหรัญญิกทวงเงิน
- เมค แอปจัดการเงินคลาวด์พ็อกเกต โอนเงินได้โดยไม่ต้องต่อเน็ต
- eatable ระบบสั่งอาหาร ได้ทั้งกินที่ร้านและสั่งกลับบ้าน
https://droidsans.com/kbtg-beyond-the-future-day-2020/