#วิเคราะห์แยกแยะ_ทักษะที่เราควรเก่งก่อนลูก
.
เคยได้ยิน story แนวๆนี้มั้ยคะ
“เด็กคนนั้น พ่อแม่ เค้าเปิดการ์ตูนภาษาอังกฤษให้ดูตั้งแต่เล็กๆ พูดคำแรกเป็นภาษาอังกฤษ
ตอนนี้พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก”
หรือ
“ตอนเล็กๆ ก็เล่นเกมส์หนักนะ แต่ตอนนี้ผมก็สอบติดหมอ”
หรือ
“ตอนเล็กๆ ก็ถูกพ่อแม่ตีบ่อยๆนะ ตอนนั้นรู้สึกว่าพ่อแม่ดุมาก แต่โตขึ้นก็เข้าใจว่าเค้าทำไปเพราะความรัก
และอยากให้เราได้ดี”
ฯลฯ
.
ใครหลายคนคงมีความรู้สึกอย่างนี้!!
อ่านไปอ่านมา...ก็ชัก *งง*
อ่านทุกบทความ ก็อินทุกบทความ
น่าเชื่อไปซะหมด
ไม่อยากให้ลูกติดมือถือ แต่ก็อยากสร้างเด็กสองภาษา
คนบอกว่า เกมส์การศึกษาเกมส์นี้เด็กเล่นแล้วจะฉลาด
บางคนบอกว่าเค้าได้ดี เพราะแม่ตีนี่แหละ
สรุป...ยังไง??
.
ในฐานะ หมอเด็ก และ นักวิจัย
หมอจะบอกอย่างนี้ค่ะ
ทุกเรื่องเล่า ก็เป็นเรื่องจริงหมดแหละ ขึ้นกับว่า จะเอาข้อมูลไหนมาเล่า
แต่ขอให้เข้าใจว่า เวลาเราพูดเป็น #ข้อสรุป หรือ ข้อเท็จจริง
ข้อสรุปเหล่านี้ เป็นตัวแทนของ #คนทั่วไป
เช่น หากให้ลูกดูหน้าจอก่อนอายุ 2 ขวบ จะทำให้พัฒนาการสมองล่าช้า
(นี่เป็นข้อสรุป ข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความคิดเห็น)
.
อธิบายให้เห็นภาพง่ายขึ้นอย่างนี้
ถ้าเราเอา คน 100 คน
มาทดสอบอะไรสักอย่าง
สมมติให้คะแนนเต็ม 100
แล้วเราเอาคะแนนการทดสอบมาวาดกราฟ
ให้แกน Y (แกนตั้ง) เป็นจำนวนคนที่ได้คะแนนเหมือนๆกัน
ให้แกน X (แกนนอน)เป็นคะแนน ตั้งแต่ 0-100
เราจะเห็นค่าของข้อมูล และเป็นกราฟคล้ายๆ *รูปภูเขา*
จะมีช่วงคะแนนที่คนส่วนใหญ่ทำได้เท่าๆกัน
(เนินสูงๆตรงกลาง)
มีบางคน ที่ได้คะแนนมากอย่างไม่น่าเชื่อ!
ในทางกลับกัน มีบางคน ที่ทำได้น้อยมาก
ถ้าเราจะเลือก ตัวแทน เลือกคะแนนมาสัก 1 ค่า
เพื่อสรุปว่า แบบทดสอบนี้
คนส่วนใหญ่เค้าได้คะแนนกันเท่าไหร่
เราจะเลือกคะแนนตรงไหน??
หมอคิดว่าคงตอบไม่ยาก
เราก็ต้องเลือกคะแนนที่ *คนส่วนใหญ่* ทำได้
แต่ถ้าจะพูดว่า “นาย A ทำแบบทดสอบได้เต็มเลยนะ”
ก็เป็นความจริง เพราะเค้าก็ทำได้เต็มจริง
หรือจะบอกว่า
“หนู B ทำแบบทดสอบได้ 0” ก็เป็นความจริงอีก
.
มันก็เหมือนกับ
เด็กดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ จนพูดภาษาอังกฤษคล่อง มีจริงมั้ย
ตอบได้เลยว่า มี
เด็กที่เล่นเกมส์หนักมาก แต่ได้ดิบได้ดี มีจริงมั้ย
ตอบได้เลยว่า มี
บางครอบครัวที่เลี้ยงลูกเข้มงวด ทำโทษด้วยการตี แต่ลูกประสบความสำเร็จ....มีมั้ย
ตอบได้เลยว่า มี
.....
แต่ประเด็นคือ คนเหล่านี้
เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ได้หรือไม่?
.
เวลาจะเปลี่ยน จากความคิดเห็น เป็น ข้อเท็จจริง
มันต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ที่เป็นวิทยาศาสตร์
เรียกว่าการวิจัย
(ต้องเป็นการวิจัยที่น่าเชื่อถือด้วยนะคะ
งานวิจัยที่มีอคติ เป็นการโกหกที่เลวร้ายที่สุด)
.
และสิ่งที่หมออยากจะเตือนก็คือ
1. Story ที่เป็นความสำเร็จของคนอื่น เค้าบอกเราไม่หมด
ลูกเก่งภาษาอังกฤษจากการ์ตูนจริง แล้วด้านอื่นล่ะ
หรือ การ์ตูนอย่างเดียวเลยหรือ พ่อแม่ไม่ต้องทำอะไรเลยหรือ? การเลี้ยงดูด้านอื่นเป็นอย่างไร
เล่นเกมส์ แล้วยังได้ดีจริง แล้วพื้นฐานครอบครัวเป็นยังไง ปัจจัยอื่นๆล่ะ
ถูกตี จนได้ดีจริง...แล้วความรู้สึกที่ติดอยู่ในใจล่ะ
2.นอกจากปัจจัยที่เค้าเล่า
คนแต่ละคน มีปัจจัยอื่น (ภาษาวิจัยเรียก confounder)
ที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จ ไม่เหมือนกัน
ดังนั้น เราทำเหมือนกับเค้า ผลลัพธ์จะไม่เหมือนกัน
ถ้าเราไม่ได้ควบคุมอย่างอื่นให้คล้ายกันให้มากที่สุด
3.เด็กแต่ละคน ไม่เหมือนกันตั้งแต่แรก
ถ้าจะเปรียบกับผ้า
เด็กเกิดมา ไม่ใช่ผ้าขาว เค้าเป็นผ้าสีพื้น
มีสีของตัวเองติดตัวมาแต่แรก
เด็ก เป็นผ้าสีเหลือง พ่อแม่อยากได้สีเขียว
พ่อแม่ก็ต้องรู้ว่าต้องเติมสีน้ำเงินลงไป
ถ้าลูกเป็นน้ำเงิน ก็ต้องเติมเหลือง
ลูกเป็นสีแดงจัด อยากให้อ่อนลง ก็ต้องรู้จักเติมขาวลงไป
การเลี้ยงเด็ก เหมือนสรรสร้างงานศิลป์ ขั้นสูง
พ่อแม่ที่ฉลาด และรู้จักลูก จะรู้จัก หนัก-เบา
ด้านไหนผ่อน ด้านไหนเน้น
ดังนั้น เวลาเราจะเลียนแบบ success story ของใคร
โดยเฉพาะเป็นด้านที่*ค้าน*กับ ข้อมูลส่วนใหญ่
มิได้บอกว่า ไม่ได้
เพราะสิ่งใหม่ นวัตกรรม ย่อมไม่เกิดขึ้น ถ้าทุกคน play safe กันหมด
ถ้าเป็นเรื่องเลี้ยงลูก
ก่อนจะเอาข้อมูลใดมาประยุกต์ใช้
สิ่งที่ต้องมีก่อนคือ
●รู้จักตัวเองทุกด้าน
●รู้จักลูก
●รู้ว่าเรามีทรัพยากรใดบ้าง(เงิน เวลา ระยะทางฯลฯ)
อย่างที่เคยบอก หมอเชื่อเรื่อง
คนใช้เครื่องมือ มากกว่า ตัวเครื่องมือ
เหมือนนวนิยายจีนกล่าว "จอมยุทธที่เก่งกาจ แค่เส้นผมก็กลายเป็นยอดกระบี่ได้"
ถ้าเราเป็นจอมยุทธ คนนั้น อยากทำอะไรก็ทำเถิด
.
การมีข้อมูล มีแนวทาง มีตัวอย่างการเลี้ยงลูก
ให้เราเข้าถึงได้ง่าย เป็นข้อดีของยุคนี้
แต่การจะเอาข้อมูล มาใช้ ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง
พ่อแม่ ต้องเป็นผู้ที่มีทักษะ critical thinking ที่ดีซะก่อน
.
การจะรู้ว่า ข้อมูลไหนดี สำหรับเรา
เราก็ต้องติดเรด้า ของข้อมูลดีๆ
การติดตั้งเรด้า ทำได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก
คือต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วจะมองเห็นสิ่งดีๆได้ง่ายขึ้น
.
บทความนี้ของหมอ อาจจะดู abstract ไปหน่อย
แต่ได้แรงบันดาลใจ จากการอ่านบทเรียนของเด็กป.1
เรื่อง การคิดวิเคราะห์แยกแยะ😁😁😁
เด็กๆยังต้องฝึก...พ่อแม่ ที่เป็นตัวอย่างให้ลูก
ก็ยิ่งต้องฝึกเลยค่ะ
.
Social media นี่หล่ะ สนามฝึกชั้นดี
.
หมอแพม
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「confounder」的推薦目錄:
- 關於confounder 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的精選貼文
- 關於confounder 在 一個平凡醫學生的日常。 Facebook 的最佳解答
- 關於confounder 在 臨床筆記 Facebook 的最讚貼文
- 關於confounder 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於confounder 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於confounder 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文
- 關於confounder 在 QingyuZhao/Confounder-Aware-CNN-Visualization - GitHub 的評價
- 關於confounder 在 Linear Regression + confounder - Cross Validated 的評價
confounder 在 一個平凡醫學生的日常。 Facebook 的最佳解答
70. 狙擊偽科學系列:驗血看子女未來的天賦?
近來見到某些育兒KOL收贊助費賣廣告,內容是透過昂貴的基因測試了解兒女的天賦,從而適當地培育他們的材能。我沒有養育小朋友的經驗,也非教育心理學的專家,不能評論這是否育養孩子最好的方法,但這種測試的科學基礎卻非常可圈可點。
我相信提供此類測試的公司不只一所,但所宣傳的產品理應大同小異,我們先以我在廣告内看到的公司「22 plus」作例子。
1. 有關聯不代表因果關係
公司網頁寫基因測試根據「Genome-wide association study」,意指測試顯示的是「關聯」,並非因果關係。在普羅大眾的角度看來,兩者似乎分別不大。但是在科學上二者卻有天淵之別。例如多年前,有科學家研究一個國家的人均朱古力消耗量愈高,該國家就會出產愈多諾貝爾獎得獎者。這個研究也有科學根據啊,但是否代表吃朱古力會令你獲諾貝爾獎呢?當然不是,因為這個關聯中間有同時影響二者的因素(Confounder),我們需要把它們都考慮上,才能作出「二者有因果關係」的結論。同樣邏輯,只有association,沒有causation的研究支持下,這個測試的用處存疑。
2. 忽略環境因素的影響
首先我們必須了解,這些所謂天賦的測試結果,本身沒有明確的定義,其解讀因人而異。有別於一般由單一基因問題引起的疾病,一個人的性格本身已經由多組基因所影響(multi-factorial),更遑論後天環境因素的角色了。「nature」和「nurture」兩者同樣重要,天賦也不是簡單做個基因測試就可以瞭解到的。
3. 道德問題
基因測試現仍有不少道德爭議,例如公司會如何處置客戶的個人基因資料。孩子的整套基因被存於資料庫裡,即是他的先天優勢和缺點都能被人存取,對孩子的私隱是極大的危險。到不久的將來,基因資料可能影響重大,小至因已知患上疾病的機會比其他人大而令保險保費增加,大至因而更難找到工作。為了父母一時的「好奇」,雙手奉上孩子的私隱,值得嗎?
4. 缺乏監管,真確性存疑
現時政府並無監察基因檢測公司的條例,業界也沒有內部規管的標準。不是說現況如此,但要說測試報告是完全杜撰出來,也並非不可能的事。這類測試價格不菲,營運卻只靠公司的良心,在我作為旁觀者看,結果十分不可靠。
— —
雖然我未為人母,但也明白媽媽育兒心切,不過在花錢進行此類基因測試前,必須先權衡利弊,免得墮入「偽科學」的圈套。普羅大衆對此類之著科學知名賺錢的公司也要小心,理應抱著批判的角度對待既得利益者所發放的資訊。
圖片來源:health.usnews.com
confounder 在 臨床筆記 Facebook 的最讚貼文
#ARDS的新定義
The definition of ARDS revisited: 20 years later
For all of the improvements brought by the new ARDS definition, problems remain. Most frustrating is the lack of a biomarker (clinical laboratory test) that can be used to make the diagnosis. Even groups of biomarkers combining clinically available measures with the latest research-generated biomarkers, though promising, have not been compelling enough to be moved into clinical practice. We still cannot readily measure permeability which is often considered the hallmark of ARDS. The role of hydrostatic pressure remains a major confounder and is not readily clarified by the use of echocardiograms or CT scans. Perhaps tools that hold potential for diagnosing increased lung water and/or permeability may take hold clinically. Particularly important would be development of tools/criteria that may even be able to reliably predict development of ARDS.
confounder 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
confounder 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
confounder 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文
confounder 在 Linear Regression + confounder - Cross Validated 的推薦與評價
You need to adjust X as well as Y for the confounder. The first approach (using multiple regression) is always correct. ... <看更多>
confounder 在 QingyuZhao/Confounder-Aware-CNN-Visualization - GitHub 的推薦與評價
Confounder -Aware Visualization of ConvNets, arXiv:1907.12727. Qingyu Zhao, Ehsan Adeli, Adolf Pfefferbaum, Edith V. Sullivan, Kilian M. Pohl ... ... <看更多>