關於 darkest hour churchill speech ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

【雖然都是戲 也很老土 但每看一次 都給了點勇氣】
也不是說沒有其他演說好分享，只是每到覺得最壞時刻，就想起這段。
每次看完，都驚嘆，歷史總有最黑暗的時候，而好多人都勇於說話，給予身邊好多人勇氣。

Darkest Hour (2017) เข้าฉายแล้ววันนี้

หนัง speech หรือถ้าเรียกไทย ๆ ก็หนังขายวาทกรรมทางการเมือง ชอบชื่อไทยของหนังแฮะ 'ชั่วโมงพลิกโลก' มันเข้ากับเนื้อเรื่องมาก เพราะจริง ๆ แล้วเส้นเรื่องในหนังไม่มีอะไรเลยแค่พูดถึงช่วงเวลาไม่กี่วันของวินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีขณะนั้นว่าจะเลือกเจรจากับฮิตเลอร์หรือจะให้อังกฤษเข้าสู้แม้รู้ว่าเป็นรองแบบห่างชั้นมาก บทหนังเฉย ๆ แต่ส่วนที่ดีคือการใช้เหตุการณ์ต่าง ๆ พาคนดูเข้าถึงการตัดสินใจที่ยากลำบากแต่ละครั้งของเชอร์ชิล ในแง่ความซับซ้อนของคาแรคเตอร์จึงมีความโดดเด่นมาก ต้องขอบคุณการแสดงของแกรี่ โอลด์แมนด้วย แต่งหน้าเพิ่มหุ่นซะจนจำไม่ได้เลย อีกส่วนที่ดีคืองานโปรดักชั่นในหนังของโจ ไรท์ เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว งานกำกับภาพก็โหด พวกแสงในหนังนี่เข้าใจว่าใช้แสงธรรมชาติล้วน ๆ ด้วย (ถ้าผิดขออภัย) ซึ่งมันออกมาดีมาก ๆ ทุกฉาก ไม่แปลกใจเท่าไรเพราะเครดิตผู้กำกับภาพ บรูโน่ เดลบอนเนล นี่ก็เข้าชิงออสการ์มาแล้ว 4 ครั้ง แถม 2 ใน 4 ครั้งเป็นการเข้าชิงจากหนังฝรั่งเศสด้วย แค่นี้ก็น่าจะการันตีความโหดได้แล้ว อ่อ อีกอย่างหนึ่งคือถ้าใครยังไม่ได้ดู Dunkirk ก็ควรตามไปดูเพิ่มด้วยนะ รับรองว่าอินยิ่งกว่าเดิม เหมือน Dunkirk เป็น side story ของ Darkest Hour เลย
.
ไม่ค่อยแน่ใจจุดประสงค์ของ Darkest Hour แต่เราเชื่อว่าจุดประสงค์หลัก ๆ คงเป็นการยกย่องการตัดสินใจเด็ดขาดของวินสตัน เชอร์ชิล ซึ่งภายหลังก็ควรถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตามหนังมันดูสอดแทรกนัยยะอื่น ๆ และอาจมีนัยยะทางการเมืองถึงยุคปัจจุบันด้วย เพราะปีนี้มีหนังเชิดชูพลเรือนอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างน้อยก็เรื่องนี้กับ Dunkirk แล้วยังมีหนังที่พูดถึงเชอร์ชิลอีกเรื่องในชื่อ Churchill (2017) รวมถึง Their Finest (2016) ที่เป็นหนังว่าด้วยการถ่ายหนังโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเหตุการณ์บนชายหาดดันเคิร์ก ส่วนใน Darkest Hour มีพูดถึงการแทรกแซงการเมืองจากสถาบันกษัตริย์ผ่านคำแนะนำของพระเจ้าจอร์จที่ 6 ด้วย แอบเชื่อลึก ๆ ว่าหนังที่ผลิตต่อเนื่องกันน่าจะมีนัยยะอะไรบางอย่างอยู่สำหรับคนในประเทศเขา
.
ส่วนตัวหนังนั้นต้องบอกว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว เชอร์ชิลนี่เป็นสส.ที่คนไม่ค่อยชอบกันเท่าไร ในช่วงสงครามจึงตกอยู่ในสถานะถูกโยนเข้ากองเพลิงซะเลย แต่ขนาดถูกโยนเข้ากองเพลิงแล้วก็ยังไม่วายอยู่ในสถานะคล้าย ๆ หุ่นเชิดของคนในพรรค แต่เจ้าตัวหาได้แคร์ความเห็นเหล่านั้นสักเท่าไร เพราะเชอร์ชิลมีจุดยืนที่ค่อนข้างแน่วแน่ถึงแม้พอถูกกดดันมาก ๆ จะเริ่มสั่นคลอนก็ตามที ชอบความหลายบุคลิกของเชอร์ชิลที่แกรี่ โอลด์แมนถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งความแข็งกร้าว, อ่อนโยน, เข้มแข็ง, อ่อนล้า เขาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องแบกความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่มีทางทำอะไรออกมาให้ถูกใจทุกคน บางครั้งชัยชนะก็แลกมาด้วยความสูญเสียที่พวกเขาไม่มีสิทธิเลือก บางครั้งความอยู่รอดก็มาจากความเสียสละของคนกลุ่มเล็ก ๆ การตัดสินใจให้ใครอยู่หรือตายไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว ซึ่งนี่คือความเก่งกาจของหนังที่สามารถถ่ายทอดแง่มุมเหล่านี้ออกมาได้ผ่านตัวละครที่แสดงออกหลายบุคลิกเหลือเกิน แค่ไปดูแกรี่ โอลด์แมนก็น่าจะคุ้มค่าแล้วถึงจะแต่งหน้าทำหุ่นออกมาจนจำไม่ได้ก็เถอะ

Director: Joe Wright (ผู้กำกับ Atonement, Pride & Prejudice, Anna Karenina)
screenplay: Anthony McCarten (เขียนบท The Theory of Everything)

Genre: biography, drama
8/10

「我們將戰鬥到底，我們將在法國作戰，我們將在海上和大洋中作戰，我們將具有愈來愈大的信心和愈來愈強的力量在空中作戰；我們將不惜任何代價保衛我們的島嶼。我們將在海灘上作戰，我們將在登陸點作戰，我們將在田野和街頭作戰，我們將在山區作戰，我們決不投降。」
　
We shall go on to the end. We shall fight in France, we shall fight on the seas and oceans, we shall fight with growing confidence and growing strength in the air, we shall defend our island, whatever the cost may be. We shall fight on the beaches, we shall fight on the landing grounds, we shall fight in the fields and in the streets, we shall fight in the hills, we shall never surrender.
　
　　─ ─ Winston Churchill
　
其實到《最黑暗的時刻 Darkest Hour》播放結束之後，還是找不到哪一點說服自己，眼前這位英國首相邱吉爾就是變色龍 Gary Oldman 飾演的，好吧除了那兩片薄薄的嘴唇和真誠無懼的眼神，真的太喜歡他。
　
原本在《贖罪》、《傲慢與偏見》和《安娜卡列尼娜》都是很喜歡這位導演 Joe Wright 的，直到前年《彼得潘》莫名出現之後決定要開始觀望他接下來的作品，平心而論，《最黑暗的時刻》絕對是一部非常難拍的傳記電影，除了邱吉爾本身的爭議評價之外，二戰時期的英國議院政治鬥爭主題，不但無法呈現另一端西歐戰線的精彩度，可想而知也會缺乏吸引觀眾的故事性。
　
與去年 Natalie Portman《第一夫人的秘密》有異曲同工之妙，可以說是以人物演技和魅力挑起整部電影，劇情都較為薄弱，比起不太熟稔的美國歷史，《最黑暗的時刻》卻意外打動了我。一方面 Gary Oldman 賦有靈魂的演技活生生地讓邱吉爾震懾全場的氣勢奔騰而出，面對內閣議會的反彈，他力排眾議；面對即將沈船的英國，他一夫當關；面對四面楚歌的窘境，他不願退讓；面對結髮妻子，他脆弱柔軟；面對放下身段的國王，他坦誠相待；面對地鐵上的人民，他側耳傾聽；面對歐洲的淪陷，他站穩陣腳；面對秋風掃落葉的納粹德軍，他永不投降。
　
另一方面，這部電影劇情理解上沒有困難是因為有《王者之聲：宣戰時刻 The King's Speech (Film)》與《敦克爾克大行動 Dunkirk》兩部偉大前作的存在，私心認為 Joe Wright 應該非常感謝 Tom Hooper 和 Christopher Nolan 兩大導演，像是不同面向、不同主軸卻處於同個時空背景的故事。
　
觀賞《最黑暗的時刻》無比動容之處在於，耳中一邊響起邱吉爾惕勵人心的演講，腦裡一邊上演敦克爾克的海灘三十萬英軍撤退的畫面，眼前一邊也浮現喬治六世同時在為了英國對抗口吃的過程，三部電影互補交織成一個屬於英國的二戰時期世界觀，無論如何解讀，都一步一步讓我們慢慢對相關歷史故事有更為透徹的理解，非常感動也格外滿足。

สงครามโลกครั้งที่ 2 กับภาพยนตร์เป็นของคู่กันมานับหลายทศวรรษ ผู้กำกับมากหน้าหลายตาจากทั่วทุกมุมโลก ต่างหยิบเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาถ่ายทอดในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป

วันนี้ #จดอ #JUSTดูIT จะพาทุกคนมองย้อนดูประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านโลกภาพยนตร์ ตอนรับการมาของ DARKEST HOUR ชั่วโมงพลิกโลก
ภาพยนตร์ชีวประวัติสุดระทึกที่จะเผยช่วงเวลามาคุที่สุดของ Winston Churchill ชายผู้อยู่เบื้องหลังปาฏิหารย์แห่งดันเคิร์ก และยังถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษผู้พลิกเกมสงคราม ให้ฝ่ายสัมพันธมิตรคว้าชัยชนะศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!!

ชมรายการ Live คุยหนังแบบสดๆ ของพวกเราได้บนแอพฯ VOOV ดาวน์โหลดเลย! http://m.onelink.me/dfd4a7bc
สนับสนุนรายการ JUSTดูIT. https://www.patreon.com/JUSTDOOIT