รัฐฟลอริดา ดินแดนท่องเที่ยว การเกษตร ศูนย์ปล่อยจรวดอวกาศ /โดย ลงทุนแมน
ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรกรรมอันดับ 1 ของโลก คือ สหรัฐอเมริกา
และรัฐที่มีความสำคัญมาก ต่อภาคการเกษตรกรรมของสหรัฐอเมริกา ก็คือรัฐ “ฟลอริดา”
และไม่เพียงแต่ภาคเกษตรกรรมเท่านั้น ฟลอริดา ยังมีความสำคัญต่อสหรัฐอเมริกาในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
มีอะไรที่น่าสนใจในรัฐแห่งนี้บ้าง
แล้วสหรัฐอเมริกา ไปซื้อรัฐนี้มาจากสเปน ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ฟลอริดา เป็นรัฐที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน
ที่น่าสนใจคือในอดีต ฟลอริดา ยังเป็นดินแดนแห่งแรกในทวีปอเมริกา ที่ประเทศผู้ล่าอาณานิคมจากยุโรปเดินทางมาถึง
ทหารนักสำรวจชาวสเปนที่ชื่อว่า Juan Ponce de León เดินทางมาถึงที่นี่ตั้งแต่ปี 1515 พร้อมทั้งตั้งชื่อดินแดนแห่งนี้ว่า “La Pascua de las Flores” ซึ่งในภาษาสเปนนั้นมีความหมายประมาณว่า “เทศกาลแห่งดอกไม้”
ซึ่งประวัติศาสตร์จากหลายสำนักเชื่อกันว่า ที่มาของชื่อ ฟลอริดา มาจากการที่ Juan Ponce de León และกลุ่มนักสำรวจเดินทางมาพบกับดอกไม้ป่าจำนวนมากในพื้นที่แห่งนี้
และต่อมาชื่อ La Pascua de las Flores ก็ได้แผลงคำเรื่อย ๆ จนกลายเป็น Florida
ฟลอริดายังเป็นที่รู้จักกันในนาม “Sunshine State” เนื่องจากเป็นรัฐที่มีสภาพภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนและอบอุ่นเมื่อเทียบกับรัฐอื่น ๆ ของสหรัฐอเมริกา
ในปี 2020 ฟลอริดา มีประชากรอยู่อาศัยทั้งหมดประมาณ 21.6 ล้านคน ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 เมื่อเทียบกับ รัฐทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา รองจากรัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐเท็กซัส
ประชากรที่อาศัยอยู่ในฟลอริดานั้น จำนวนกว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด เป็นชาว “ฮิสแปนิก” (Hispanic) หรือก็คือ คนที่มีเชื้อสายสเปน ทำให้ภาษาสเปนจึงเป็นอีกหนึ่งภาษาที่ถูกใช้ในการสื่อสารกันมากในรัฐแห่งนี้
ในแง่ของเศรษฐกิจ ฟลอริดามีขนาดเศรษฐกิจตามมูลค่า GDP ประมาณ 30.8 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ ตามหลังเพียงแค่รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเท็กซัส และรัฐนิวยอร์ก
ซึ่งถ้าสมมติให้ รัฐฟลอริดาเป็นประเทศ
จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 17 ของโลก มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า GDP ของประเทศใหญ่ ๆ อย่างเนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี และซาอุดีอาระเบีย เลยทีเดียว
โดยฟลอริดา มีสองอุตสาหกรรมที่เป็นส่วนขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจของรัฐ
คืออุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการเกษตร
ปี 2011 จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนฟลอริดามีประมาณ 87 ล้านคน
ปี 2018 จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนฟลอริดามีประมาณ 126 ล้านคน
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สร้างงานในฟลอริดากว่า 1.3 ล้านตำแหน่ง และสร้างรายได้ให้แก่ฟลอริดาปีละกว่า 2.8 ล้านล้านบาท
ด้วยที่ตั้งและสภาพภูมิประเทศ ฟลอริดาได้ขึ้นชื่อว่ามีหาดทรายที่กว้างใหญ่ น้ำทะเลใส
หาดไมอามีซึ่งตั้งอยู่ที่ฟลอริดา จึงถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง ที่เป็นไฮไลต์ของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศ
ฟลอริดา เป็นที่ตั้งของท่าเรือขนส่งสินค้าและท่าเรือสำราญมากมาย และได้รับการขนานนามว่า “เมืองหลวงของเรือสำราญ” เพราะ 3 ท่าเรือสำราญที่มีจำนวนผู้มาใช้บริการหนาแน่นที่สุดในโลก 3 อันดับแรก อยู่ในรัฐฟลอริดาทั้งสิ้น
ท่าเรือสำราญที่คนมาใช้บริการมากสุด 3 อันดับแรกในโลก ปี 2017 สถิติจากเว็บไซต์ WorldAtlas
1. Port of Miami จำนวนผู้โดยสารเรือท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ 5.0 ล้านคน
2. Port Canaveral จำนวนผู้โดยสารเรือท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ 4.2 ล้านคน
3. Port Everglades จำนวนผู้โดยสารเรือท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ 3.8 ล้านคน
รัฐแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Walt Disney World Resort
สวนสนุกและสถานที่พักตากอากาศแนวรีสอร์ต ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีพื้นที่กว้างขวางถึง 101 ตารางกิโลเมตร และมีพนักงานทำงานที่นี่กว่า 7 หมื่นคน
อีกหนึ่งภาคอุตสาหกรรมที่ถือว่ามีความสำคัญไม่เพียงแต่ต่อรัฐฟลอริดาเอง แต่ยังรวมไปถึงสหรัฐอเมริกาด้วยคือ อุตสาหกรรมการเกษตร
นั่นก็เพราะว่า ฟลอริดามีสภาพภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนและอบอุ่น รวมทั้งมีปริมาณฝนโดยเฉลี่ยที่สูงกว่ารัฐอื่น ๆ ของสหรัฐอเมริกา
กว่า 70% ของผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้ม มะนาว และส้มโอ ที่ขายในสหรัฐอเมริกานั้น เป็นผลผลิตที่มาจากรัฐแห่งนี้ ขณะที่ส้มจากฟลอริดานั้น เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำส้มในสหรัฐอเมริกากว่า 90%
นอกจากการท่องเที่ยวและการเกษตรที่เด่นมาก ๆ แล้ว ฟลอริดายังเป็นที่ตั้งสำคัญในเรื่องอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกา
ในปี 2018 มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินและยานอวกาศกว่า 2,300 แห่งตั้งอยู่ในฟลอริดา และมีบริเวณแหลมคะแนเวอรัล (Cape Canaveral) เป็นที่ตั้งสำคัญของศูนย์อวกาศและฐานปล่อยจรวด เนื่องจากที่ตั้งของฟลอริดาอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งเหมาะสมกับการปล่อยจรวด
หนึ่งในนั้นคือ ศูนย์อวกาศ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ขององค์การนาซา ซึ่งเป็นฐานปล่อยยานอวกาศของนาซา เมื่อปี 1969 ที่ชื่อว่า “ยานอะพอลโล 11” ที่พามนุษย์กลุ่มแรกไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จ
ขณะที่การปล่อยจรวดครั้งสำคัญ ๆ ของ SpaceX ก็ปล่อยขึ้นจากฐานปล่อย Cape Canaveral Space Force Station ณ แหลมคะแนเวอรัล ในรัฐฟลอริดาแห่งนี้ด้วย..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ..
ในอดีตพื้นที่บริเวณฟลอริดา ก่อนจะเป็นรัฐของสหรัฐอเมริกา เคยอยู่ในการครอบครองของสเปนมาก่อน
โดยหลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศอิสรภาพแล้ว ก็ได้ติดต่อขอซื้อฟลอริดาจากสเปนหลายครั้ง แต่สเปนก็ปฏิเสธที่จะขายมาโดยตลอด
จนในระหว่างปี 1807-1814 เกิดสงครามที่ชื่อว่า Peninsular War
ระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสที่นำโดย นโปเลียน โบนาปาร์ต กับฝ่ายพันธมิตร คือสหราชอาณาจักร สเปน และโปรตุเกส เพื่อแย่งชิงดินแดนในคาบสมุทรไอบีเรีย
สงครามครั้งนั้นทำให้สเปนสูญเสียกำลังทหารและงบประมาณจำนวนมาก ภายหลังสเปนจึงได้ตัดสินใจขายพื้นที่อาณานิคมฟลอริดา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแล
และทำให้ ฟลอริดา ได้ถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งในรัฐของสหรัฐอเมริกา ในที่สุด..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://daily.jstor.org/how-florida-got-its-name/
-https://www.statista.com/statistics/187850/gdp-of-the-us-federal-state-of-florida-since-1997/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Florida
-https://www.statista.com/statistics/220767/total-value-of-us-agricultural-exports-since-2000/
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_states_and_territories_of_the_United_States_by_GDP
-https://www.investopedia.com/articles/investing/011316/floridas-economy-6-industries-driving-gdp-growth.asp
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://en.wikipedia.org/wiki/University_of_Florida
-https://www.floridatrend.com/article/29770/floridas-hispanic-population-boom
-https://www.teaconnect.org/images/files/TEA_328_381804_190528.pdf
-https://www.arestravel.com/big-walt-disney-world-compared-disneyland/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kennedy_Space_Center
-https://www.spacex.com/launches/
-https://theworldtravelblog.com/the-10-busiest-cruise-ports-in-the-world/
-https://www.worldatlas.com/articles/the-10-busiest-cruise-ports-in-the-world.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Adams%E2%80%93On%C3%ADs_Treaty
「disneyland wiki」的推薦目錄:
- 關於disneyland wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於disneyland wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於disneyland wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於disneyland wiki 在 Disney Parks Wiki - Home | Facebook 的評價
- 關於disneyland wiki 在 Disneyland - The World Famous Jungle Cruise - Pinterest 的評價
- 關於disneyland wiki 在 PaddlePaddle/PaddleOCR - GitHub 的評價
- 關於disneyland wiki 在 Best Life & Beyond - YouTube 的評價
disneyland wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
มหากาพย์ โดริโทส /โดย ลงทุนแมน
ตั้งแต่ลงทุนแมนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจขนมมา เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สนุกที่สุด ซึ่งเราจะไม่มีทางเดาได้เลยว่า โดริโทส เกิดขึ้นมาได้อย่างไร จนกว่าจะอ่านบทความนี้จบ
แนะนำให้อ่านดู รับรองว่าจะวางไม่ลง
หลายคนอาจจะคิดว่า Lay’s, Doritos และ Cheetos คือแบรนด์ขนมอบกรอบที่กำลังแข่งขันกันในหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก
แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่แบบนั้นเพราะแบรนด์ทั้งหมดนี้ผลิตมาจากบริษัทเดียวกัน นั่นก็คือ “Frito-Lay”
ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือ PepsiCo ผู้ผลิตเป๊ปซี่และเครื่องดื่มชื่อดังอีกหลายยี่ห้อ
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น บริษัท Frito-Lay เกิดมาจากการควบรวมกิจการของ 2 บริษัท
บริษัทแรก ชื่อว่า H.W. Lay & Co. ที่มีผลิตภัณฑ์หลักอย่างมันฝรั่งทอดกรอบยี่ห้อ Lay’s
บริษัทที่สอง ชื่อว่า The Frito Co. ที่ใช้ข้าวโพดเป็นวัตถุดิบหลักของขนมอบกรอบหลากหลายยี่ห้อ
โดยขนม 3 ใน 4 ยี่ห้อที่ขายดีที่สุดของ Frito-Lay
ซึ่งก็ได้แก่ Fritos, Doritos และ Cheetos ล้วนถูกคิดค้นโดยบริษัท The Frito Co.
แล้วจุดเริ่มต้นของขนมอบกรอบเหล่านี้มีเรื่องราวน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปกว่า 90 ปีก่อน ในช่วงทศวรรษ 1930s ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
ครอบครัว Doolin ได้เปิดร้านขายขนมหวานขนาดเล็กที่ชื่อว่า The Highland Park
โดยมีสินค้าหลักคือไอศกรีม ที่ทางร้านซื้อมาจากซัปพลายเออร์ 2 เจ้า
แต่พอเริ่มกิจการได้ไม่นาน เหล่าซัปพลายเออร์ไอศกรีมก็แข่งกันตัดราคาขายเพื่อแย่งชิงลูกค้า ส่งผลให้ไอศกรีมมีคุณภาพลดลง จนทำให้ยอดขายของทางร้านลดลงตามไปด้วยและยังถูกซ้ำเติมด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ของสหรัฐอมริกา
หนึ่งในลูกชายของครอบครัวนี้ที่ชื่อว่า “Charles Elmer Doolin” จึงพยายามคิดหาไอเดียขนมชนิดใหม่ ที่จะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ของทางร้านได้ แต่ยังคงไม่เจอไอเดียที่เจ๋งมากพอ
Doolin ในวัย 29 ปี จึงตัดสินใจไปทำงานที่บริษัทไอศกรีมชื่อดังซึ่งอยู่อีกเมือง
ระหว่างการเดินทาง เขาก็ได้พบเข้ากับร้านขายขนมอบกรอบในปั๊มน้ำมัน
ที่ตัวขนมมีรสชาติอร่อยจน Doolin ติดใจ เขาจึงเปลี่ยนใจมาทำงานที่ร้านแผงลอยแห่งนี้แทน
เจ้าของร้านแห่งนี้เป็นชาวเม็กซิกัน ขายขนมอบกรอบที่เรียกว่า Corn Chips หรือคือขนมแผ่นทอดกรอบรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าปรุงรสด้วยเกลือ ซึ่งทำมาจากเมล็ดข้าวโพดที่นำมาบดละเอียดจนคล้ายแป้ง
แต่แม้ว่า Corn Chips จะขายดีมาก เจ้าของร้านชาวเม็กซิกันอยากกลับไปสอนฟุตบอลที่ประเทศตัวเองมากกว่า จึงประกาศขายกิจการ
นั่นจึงทำให้ Doolin สนใจซื้อกิจการต่อในทันที แต่เขามีเงินไม่พอ แต่โชคยังดีที่แม่ของเขาก็สนใจ Corn Chips และมองว่าน่าจะขายดี จึงช่วยสนับสนุนเรื่องเงินให้
Doolin ได้ตั้งชื่อกิจการ Corn Chips ของตัวเองว่า “Fritos” ที่แปลว่า ของทอด ในภาษาสเปน
Fritos ได้กลายมาเป็นกิจการใหม่ของครอบครัว Doolin
โดยเริ่มจากผลิตขนมในครัวที่บ้านและออกไปตระเวนเสนอสินค้าให้กับเจ้าของร้านค้า เพื่อให้วางขาย Fritos ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานยากพอควร เพราะในขณะนั้น Corn Chips ไม่ได้มีเพียง Fritos ยี่ห้อเดียว
แต่ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ Doolin ติดใจขนมตัวนี้จนต้องขอเข้าไปทำงานด้วย เพราะสูตรขนมนี้มีรสชาติอร่อย ทำให้ขายดีจนผลิตไม่ทัน
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ Fritos เปลี่ยนจากกิจการขนมทำมือในครอบครัว มาเป็นการผลิตที่เริ่มใช้เครื่องทุ่นแรง โดย Doolin และพี่ชายที่มีความรู้ด้านเครื่องจักรกลอยู่แล้ว ได้ช่วยกันประดิษฐ์เครื่องบดข้าวโพดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ผลิตขนมได้เร็วกว่าการใช้เครื่องบดมือแบบเดิม
จนมาถึงช่วงทศวรรษ 1950s กิจการ Fritos ขยายการผลิตจากครัวที่บ้านมาสู่โรงงาน 2 แห่ง ที่เมืองดัลลัสและทัลซา ซึ่งได้ต้นแบบมาจากระบบสายพานที่ Henry Ford นำมาใช้ผลิตรถยนต์ รวมไปถึงได้มีไร่ปลูกข้าวโพดเป็นของตัวเอง เพื่อควบคุมคุณภาพวัตถุดิบสำคัญให้มีรสชาติดีที่สุด
ในช่วงเวลานั้นเอง Doolin ก็เริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่มาเสริม หลังจากลองผิดลองถูกในครัวที่บ้านอยู่สักพัก ก็ได้ออกมาเป็น “Cheetos” ที่ยังคงทำมาจากข้าวโพดเหมือนเดิม แต่ให้รสสัมผัสที่ฟูกว่า และให้รสชาติด้วยชีสแทนเกลือ
โดย Cheetos ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก จน Doolin อยากขยายตลาดไปทั่วประเทศ
แต่ด้วยกำลังการผลิตที่บริษัทมีอยู่ตอนนั้นยังไม่เพียงพอและยังไม่มีช่องทางจัดจำหน่ายรองรับมากพอ Doolin จึงไปขอเป็นพาร์ตเนอร์กับคุณ Herman W. Lay ที่เป็นเจ้าของบริษัท H.W. Lay & Co.
Lay เริ่มขายมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบในช่วงเดียวกับที่ Doolin เริ่มขาย Fritos แต่ Lay ได้ลงทุนซื้อโรงงานและบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อขยายกำลังการผลิตไปก่อนแล้ว จึงมีความพร้อมในด้านที่ Doolin ต้องการพอดี
ความสำเร็จของ Lay ก็ต้องบอกว่ามาจากความสามารถทางธุรกิจของคุณ Herman W. Lay ที่ทำให้มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบธรรมดาโดดเด่นขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการตลาด โดย Lay คือบริษัทขนมอบกรอบแรก ที่ซื้อโฆษณาทางโทรทัศน์และจ้างพรีเซนเตอร์ที่เป็นเซเลบริตีในปี 1944
หรืออย่างการคิดค้นรสชาติที่หลากหลาย อย่างรสบาร์บิคิวที่เริ่มขายช่วงปลายทศวรรษ 1950s และรสซาวร์ครีมและหัวหอมที่เริ่มขายช่วงปลายทศวรรษ 1970s มาจนถึงปัจจุบันที่ได้พัฒนารสชาติไปแล้วมากกว่า 200 รส
หลังจากได้เป็นพาร์ตเนอร์กับ H.W. Lay & Co. แล้ว Cheetos จึงได้เริ่มวางขายไปทั่วประเทศในปี 1948
และความสำเร็จของ Cheetos ก็ได้ทำให้ในปี 1961 บริษัท Fritos และ H.W. Lay & Co. ตัดสินใจควบรวมกิจการกัน และใช้ชื่อใหม่ว่า “Frito-Lay”
ก่อนที่ปี 1965 Frito-Lay จะควบรวมกิจการกับบริษัท Pepsi-Cola ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น PepsiCo ในปัจจุบัน
และนับตั้งแต่นั้นมา Frito-Lay ก็ถือเป็นบริษัทในเครือ PepsiCo นั่นเอง
แต่นอกจากโรงงานผลิตขนมอบกรอบแล้ว Doolin ยังสนใจเปิดร้านอาหารด้วย
ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ Disneyland เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการพอดี
Doolin จึงเลือกเปิดร้านอาหารในสถานที่แห่งนี้
ในปี 1955 กิจการร้านอาหารมีชื่อว่า Casa de Fritos จึงเริ่มต้นขึ้น
โดยเน้นขายอาหารแนวฟิวชันเม็กซิกันอเมริกันและมีเมนูที่ใช้ Fritos เป็นส่วนประกอบหลักอยู่ด้วย
ส่วนวัตถุดิบหลักชนิดอื่นอย่างเช่นแป้งตอร์ติยา ทางร้านเลือกซื้อจากบริษัท Alex Foods
อยู่มาวันหนึ่งในปี 1960 พนักงานขายจาก Alex Foods เห็นว่าทางร้านต้องทิ้งแป้งตอร์ติยาที่ไม่สดแล้วในปริมาณมาก
พนักงานขายคนนั้นเลยขอลองเอาแป้งตอร์ติยาเหล่านั้นมาตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมขนาดพอดีคำ
แล้วนำไปทอด และพอได้ลองชิม ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย
เพราะแป้งตอร์ติยานั้น แม้จะทำมาจากข้าวโพดเหมือนกัน
แต่ถูกนำไปอบมาแล้ว พอนำมาทอดจึงให้รสสัมผัสที่กรอบกว่า Fritos
ร้าน Casa de Fritos จึงนำแป้งตอร์ติยาทอดไปใส่เป็นเมนูประจำ ซึ่งก็ได้รับความนิยมมาก
ซึ่งผู้ที่เล็งเห็นกระแสตอบรับที่ดีนี้ก็คือคุณ “Arch West” ที่เพิ่งเริ่มทำงานเป็นผู้บริหารด้านการตลาด ให้ Fritos ในปีนั้นเอง
และการที่คุณ Arch West ได้มาเจอกับแป้งตอร์ติยาทอดกรอบทรงสามเหลี่ยม ก็ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่ทำให้รายได้ของบริษัท เปลี่ยนจากหลักพันล้านบาทมาเป็นหมื่นล้านบาท
ในตอนนั้นบริษัท Frito-Lay มีสินค้าหลัก 4 ยี่ห้อ นั่นก็คือ Fritos, Cheetos, Ruffles และ Lay’s ที่สร้างรายได้ให้บริษัทราว 4 พันล้านบาทต่อปี
West เล็งเห็นโอกาสในแป้งตอร์ติยาทอดกรอบ ที่น่าจะกลายมาเป็นสินค้าขายดีชนิดใหม่ได้
จึงเสนอไอเดียนี้ให้กับทางบริษัท และตั้งชื่อว่า “Doritos” และเริ่มขายในปี 1966 ด้วยรส Toasted Corn
West ยังสังเกตว่าขนมของ Frito-Lay ในขณะนั้นส่วนใหญ่จะเป็นรสธรรมดา ซึ่งก็คือเกลือและชีส
เขาจึงอยากสร้างความแตกต่างให้กับ Doritos ด้วยการปรุงรส
ไอเดียสุดล้ำที่ West ไปนำเสนอก็คือ Doritos รส Taco หรือ ตาโก
ซึ่งเป็นชื่ออาหารเม็กซิกันชนิดหนึ่ง นั่นจึงทำให้เขาโดนหัวเราะใส่
เพราะทุกคนบอกว่านั่นมันเป็นชนิดอาหาร ไม่ใช่รสชาติ
ซึ่งที่รสตาโกดูเป็นเรื่องตลกในสมัยนั้นก็เพราะว่าเทคโนโลยีด้านรสชาติยังไม่ค่อยก้าวหน้า
คนอเมริกันเพิ่งเริ่มรู้จักขนมอบกรอบอยู่ไม่กี่รสชาติ เช่น รสบาร์บิคิวและซาวร์ครีม
แต่ต้องขอบคุณความไม่ย่อท้อของ West ที่ยังคงผลักดันและหาทางทดลองจนทำให้เกิด Doritos รสตาโกขึ้นมาได้สำเร็จ และกลายมาเป็นรสชาติที่สร้างความตื่นเต้นไปทั่วสหรัฐอเมริกา ทันทีที่เริ่มขายในปี 1967
ซึ่งรสตาโกนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนารสชาติต่อมาของ Doritos อย่างรส Nacho Cheese หรือก็คือ Doritos ซองสีแดงที่เราคุ้นเคย ที่เริ่มผลิตในปี 1972 และกลายเป็นรสชาติเอกลักษณ์ของ Doritos มาจนถึงปัจจุบัน และ Doritos ก็ได้กลายมาเป็นขนมขายดี 3 อันดับแรกของบริษัท Frito-Lay
ปัจจุบัน Frito-Lay มีขนมกว่า 29 ยี่ห้อ ที่สร้างรายได้ต่อปีกว่า 5 แสนล้านบาท
คิดเป็น 25% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท PepsiCo
ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจากการออกเดินทางของ Doolin ที่ต้องการหาไอเดียพัฒนาแบรนด์ขนมเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ได้กลายมาเป็นบริษัทเจ้าของขนมอบกรอบอย่าง Frito-Lay ที่ขายดีทั่วทุกมุมโลกและสามารถครองใจผู้บริโภคมาได้อย่างยาวนาน
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
Cheetos ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1948 แต่รู้หรือไม่ว่ารสชาติที่ขายดีที่สุด ก็คือรส Hot Cheetos
คิดค้นโดยภารโรงที่มีชื่อว่า Richard Martinez
Martinez เป็นชาวเม็กซิกันที่เลิกเรียนต่อตอน ป.4 เพราะอ่านเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้
เมื่ออายุ 18 ปี เพื่อนของเขาก็ได้ชวนมาทำงานเป็นภารโรงในโรงงานของ Frito-Lay
CEO ของทางบริษัทในขณะนั้น ได้มีนโยบายให้พนักงานทุกคนทำงานเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของกิจการซึ่งพอทาง Martinez ปิ๊งไอเดียรส Hot Cheetos ขึ้นมา เขาก็ได้โทรไปหาเลขาฯ CEO
โดย CEO ก็รับฟังแต่โดยดีและก็ได้นำไปพรีเซนต์ให้กับทีมผู้บริหารฟัง
สรุปแล้ว ไอเดียของ Martinez ได้รับผลตอบรับดีถล่มทลาย จนสามารถขยายการผลิตไปได้ ทั่วประเทศ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.businessinsider.com/doritos-are-from-disneyland-garbage-the-surprising-history-2014-5
-https://www.insider.com/fun-facts-about-cheetos-snacks-2020-7
-https://www.insider.com/lays-fun-facts-potato-chips-2018-11
-https://www.mashed.com/233073/the-untold-truth-of-fritos/
-https://www.fritolay.com/about-frito-lay/company-story
-https://en.wikipedia.org/wiki/Frito-Lay#H.W._Lay_&_Company
-https://www.foodbusinessnews.net/articles/17933-snacks-success-helps-offset-beverage-challenges-at-pepsico
disneyland wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
จอร์จ ลูคัส ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่รวยสุดในโลก ผู้สร้าง Star Wars /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกได้สูงสุดตลอดกาล
ก็ต้องมีชื่อ Avatar, Avengers: Endgame และ Titanic
แต่ถ้าเรารวมค่าเข้าชมภาพยนตร์กับยอดขายจากสินค้าและค่าลิขสิทธิ์ที่ต่อยอดจากภาพยนตร์เข้าไปด้วย
ภาพยนตร์ที่สามารถกวาดรายได้ไปได้มากที่สุดในโลกจะเป็น “Star Wars”
และนั่นก็ได้ทำให้ผู้สร้างจักรวาล Star Wars อย่าง “George Lucas”
กลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่รวยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2.2 แสนล้านบาท
แล้วเบื้องหลังเรื่องราวชีวิตของ George Lucas เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
George Lucas เกิดในปี 1944 และเติบโตที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่ออายุได้ 11 ปี Lucas ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่ Disneyland ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดให้บริการเป็นครั้งแรก
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงใหลในการ์ตูนภาพเคลื่อนไหวและนวนิยายแนววิทยาศาสตร์
แต่พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขามีความสนใจอีกอย่างเพิ่มเข้ามานั่นก็คือ การแข่งรถ
Lucas จึงตั้งเป้าหมายที่จะเป็นนักแข่งรถ แต่ต่อมาแผนการนี้ก็ถูกล้มเลิก
เพราะในวัยเพียง 18 ปี Lucas ได้ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำอย่างรุนแรงจนเขาต้องรักษาตัวอยู่นาน
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ก็ได้ทำให้ความตั้งใจที่จะเป็นนักแข่งรถหมดลง
เขาจึงนำความหลงใหลในวัยเด็กหรือ “การ์ตูน” กลับมาเป็นเครื่องนำทาง
แม้ว่าพ่อของ Lucas ที่เปิดกิจการขายเครื่องเขียน อยากให้ลูกชายมาช่วยกิจการครอบครัว
แต่ Lucas ที่ตั้งใจแล้วว่าจะไปเรียนต่อในด้านศิลป์ จึงได้ตัดสินใจออกจากบ้าน
พร้อมกับบอกครอบครัวของเขาว่าจะมีเงิน 30 ล้านบาท ก่อนอายุ 30 ปีให้ได้
Lucas จึงเลิกเรียนมัธยมกลางคันทั้งที่ใกล้จะจบแล้ว
และไปสมัครเรียนที่ Modesto Junior College ซึ่งเป็นวิทยาลัยชุมชนแทน
ซึ่งในตอนแรก Lucas ได้ลงเรียนหลายแขนงวิชามาก เพราะยังไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากทำอะไรกันแน่
ระหว่างเรียนอยู่ที่นี่ Lucas ก็เริ่มสนใจเกี่ยวกับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวและการสร้างภาพยนตร์
เขาจึงตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาตรีด้าน Cinematic Arts ที่มหาวิทยาลัย Southern California
ซึ่งหนึ่งในเพื่อนสนิทของ Lucas ที่มหาวิทยาลัยก็คือ Steven Spielberg ผู้กำกับระดับตำนานอีกคนหนึ่ง
หลังเรียนจบในปี 1967 Lucas เลือกเรียนต่อปริญญาโทด้าน Film Production ที่มหาวิทยาลัยเดิม
และได้ทำหนังสั้นประเภท Sci-Fi ที่ชื่อ Electronic Labyrinth: THX 1138 4EB โดยได้นำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแข่งขันในงาน National Student Film Festival และได้รับรางวัลชนะเลิศ
รางวัลที่ Lucas ได้รับ นอกจากทาง Warner Bros. จะให้ทุนการศึกษาแล้ว
บริษัทยังให้สิทธิ์กับเขาไปดูงานเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ได้หนึ่งครั้ง
ซึ่ง Lucas ได้เลือกภาพยนตร์ที่กำกับโดย Francis Ford Coppola
Coppola ประทับใจความสามารถของ Lucas จึงชักชวนเขามาร่วมกันเปิดสตูดิโอ
ที่ชื่อว่า American Zoetrope ในปี 1969 และแนะนำให้ Lucas ดัดแปลงภาพยนตร์สั้นที่ได้รับรางวัล
มาทำเป็นภาพยนตร์ยาว แต่ผลตอบรับของผลงานชิ้นนี้กลับไม่ดีเท่าที่ควร
ปี 1971 Lucas จึงตัดสินใจขอออกมาเปิดบริษัทของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า “Lucasfilm”
ซึ่งหลังจากนั้น ปี 1972 Coppola ได้กลายเป็นผู้กำกับระดับตำนานจากภาพยนตร์เรื่อง The Godfather
และแม้ว่า Lucas จะออกมาแล้ว แต่ทาง Coppola ก็ยังคงคอยให้ความช่วยเหลือเขามาโดยตลอด
ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกของ Lucasfilm อย่าง American Graffiti ที่เข้าฉายในปี 1973
ซึ่งสามารถทำรายได้กว่า 4,500 ล้านบาทจากทุนสร้างเพียง 25 ล้านบาท
โดยถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ ที่มีอัตรากำไรมากที่สุดในขณะนั้น
American Graffiti ได้กลายเป็นผลงานแจ้งเกิดในฐานะผู้กำกับดาวรุ่งของ Lucas
และทำให้เขามีเงินถึง 30 ล้านบาทได้ในวัย 29 ปี ตามที่เคยบอกกับครอบครัวก่อนออกจากบ้านมา
ในปีเดียวกันนี้เอง ช่วงระหว่างรอ American Graffiti เริ่มเข้าฉาย
Lucas ก็เดินหน้าเสนอบทภาพยนตร์แนวที่เขาอยากทำมากที่สุดมาโดยตลอด
โดยเป็นภาพยนตร์ Sci-Fi ที่มีเรื่องราวการต่อสู้ในอวกาศ นั่นก็คือเรื่อง “Star Wars”
แต่ด้วยความที่ภาพยนตร์ Sci-Fi ในสมัยนั้นยังไม่ค่อยเป็นที่นิยม บวกกับต้นทุนการถ่ายทำที่สูง
เพราะยังแทบไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกหรือ CG จึงมีตัวอย่างภาพยนตร์แนวนี้ที่เจ๊งแทนที่จะแจ้งเกิดมาแล้วหลายเรื่อง จนไม่มีบริษัทไหนสนใจให้ทุนเขาเลย แม้แต่ Universal Pictures ที่เป็นผู้ให้ทุนสร้าง American Graffiti
จนกระทั่ง Lucas ได้มาเจอกับผู้บริหารของ 20th Century Fox ที่รู้สึกสนใจในไอเดียของเขา
จึงตอบตกลงเป็นผู้ให้ทุนสร้างและเป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ Star Wars ให้ Lucasfilm
หลังจาก Lucas เริ่มเจรจากับ 20th Century Fox ไปได้ 3 เดือน ภาพยนตร์เรื่อง American Graffiti ที่เพิ่งเริ่มเข้าฉายได้รับกระแสตอบรับดี จึงทำให้ 20th Century Fox เสนอเพิ่มทุนสร้างให้กับ Star Wars เข้าไปอีก
และเหตุการณ์ที่จะเล่าต่อจากนี้ ก็น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของ Lucas เลยก็ว่าได้..
นั่นก็เพราะว่า Lucas เลือกปฏิเสธเงินทุนที่มากขึ้น แต่เขากลับเจรจาขอเป็นผู้ครอบครองลิขสิทธิ์และสิทธิ์ในสินค้าที่เกี่ยวกับ Star Wars ทั้งหมดแทน
ซึ่งทาง 20th Century Fox ก็ตอบตกลงแต่โดยดี เพราะแม้จะสนใจในเรื่องราวของ Star Wars
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากนั้น Star Wars จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา
หลังจากซุ่มเขียนบทและเตรียมตัวอยู่ 3 ปี Star Wars ก็ได้เริ่มถ่ายทำในปี 1976
และผลจากการที่ Lucas ปฏิเสธข้อเสนอเพิ่มทุนสร้าง ทำให้เขาต้องเครียดจากการมีงบประมาณที่จำกัด
ด้วยเหตุผลที่ Star Wars คือเรื่องราวในโลกเสมือน ตัวละครที่ Lucas สร้างสรรค์มาจึงเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตรูปร่างหน้าตาแปลกใหม่ อย่างเช่น โยดาและชิวแบคคา รวมไปถึงฉากหลักที่เป็นโลกอวกาศ อุปกรณ์ประกอบฉากอย่างยานอวกาศหรือแม้แต่ดาบไลท์เซเบอร์
การแปลงภาพจากจินตนาการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ให้มาปรากฏในภาพยนตร์ ยังเป็นยุคที่ต้องให้คนสร้างของจริงขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ต้องใช้งบประมาณมหาศาล ซึ่งจำเป็นต้องบริหารงบประมาณอย่างรอบคอบ
แต่ด้วยความประณีตและใส่ใจรายละเอียดของทั้ง Lucas และทีมงาน จึงทำให้ภาพยนตร์มีภาพออกมาสมจริงรวมถึงเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่
และเมื่อ Star Wars: Episode IV - A New Hope ได้เข้าฉายในปลายปี 1977 ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับผลตอบรับดีแบบถล่มทลาย จนดังระเบิดไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ต่อเนื่องไปจนทั่วโลก
ทาง 20th Century Fox เลยให้ Lucas เริ่มถ่ายทำภาคต่อในทันที
แต่ Lucas ตระหนักดีว่าทุนสร้างภาพยนตร์ที่ได้รับ จะทำให้มีข้อจำกัดในการผลิตมากมายจากผู้ให้เงิน
เขาจึงขอใช้เงินทุนตัวเองในการสร้างภาคต่อที่เหลือ
โดยยังมี 20th Century Fox เป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ให้อยู่
ภาพยนตร์ไตรภาคชุดแรกของ Star Wars ก็จบลงอย่างสวยงามในปี 1983 และได้ทำให้ Lucas กลายเป็นผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชั้นนำของโลก ที่กวาดรางวัลใหญ่ไปมากมาย
นอกจากบทบาทการเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่ครองใจผู้ชมไปทั่วโลกแล้ว
ในด้านของการผลิตภาพยนตร์ Lucas ยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ซึ่งเขามุ่งมั่นและทุ่มงบประมาณให้ Lucasfilm วิจัยพัฒนา โดยได้แบ่งออกเป็นบริษัทย่อยที่เน้นโฟกัสคนละอย่าง
จนสามารถเป็นผู้นำในด้านนั้น ๆ ได้มาจนถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น
- ILM ที่ก่อตั้งในปี 1975 เน้นพัฒนาการสร้างภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริงด้วยคอมพิวเตอร์
- Skywalker Sound ที่ก่อตั้งในปีเดียวกัน เน้นพัฒนาการใส่เสียงประกอบภาพยนตร์
- Pixar ที่ก่อตั้งในปี 1979 เน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสร้างแอนิเมชัน 3 มิติ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินลงทุนสูงโดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น
ส่งผลให้ Lucasfilm ประสบปัญหาทางการเงินจนได้ตัดสินใจขาย Pixar
ให้กับ Steve Jobs ในปี 1986 ซึ่งเป็นช่วงที่ Steve Jobs เพิ่งโดนไล่ออกจาก Apple
ในตอนนั้น George Lucas ผู้เป็นเจ้าของ ได้ขาย Pixar ให้กับ Steve Jobs ด้วยราคา 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดย 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จ่ายให้กับ George Lucas
และอีก 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใช้เป็นเงินทุนของ Pixar
ก่อนที่ Disney จะขอซื้อ Pixar ต่อจาก Steve Jobs อีกทีในปี 2006
และทั้ง 2 บริษัทที่มีผู้ก่อตั้งคนเดียวกันอย่าง Pixar กับ Lucasfilm ก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
เมื่อทาง Disney เจรจาขอซื้อ Lucasfilm จาก Lucas ในปี 2012
ด้วยมูลค่า 4.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากถึง 1.31 แสนล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่สร้างมูลค่าให้กับ Lucasfilm และความมั่งคั่งของ Lucas อย่างมหาศาล
กลับไม่ได้มาจากรายได้ของภาพยนตร์ Star Wars ที่ทำเงินได้กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทุกภาครวมกันในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก
นั่นก็เพราะว่าความนิยมของจักรวาล Star Wars ไม่ได้จบลงที่จอภาพยนตร์เท่านั้น
แต่ยังถูกต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากภาพยนตร์ อย่างเช่น หุ่นจำลองของตัวละครหรือดาบไลท์เซเบอร์ หรือจะเป็นในสื่อชนิดอื่น อย่างซีรีส์ที่ฉายในโทรทัศน์ วิดีโอเกม หรือหนังสือ
โดยสินค้าทั้งหมดนี้ทำรายได้ให้ Star Wars มากกว่าค่าเข้าชมภาพยนตร์เกือบ 6 เท่า
ซึ่งเราก็ต้องกลับไปดูการตัดสินใจครั้งสำคัญของ Lucas ที่ได้เลือกเจรจาขอเป็นผู้ครอบครองลิขสิทธิ์และสิทธิ์ในสินค้าที่เกี่ยวกับ Star Wars ทั้งหมด มันส่งผลให้ Lucas มีช่องทางรายได้ที่มั่นคงกว่ามากในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน Forbes ได้จัดอันดับให้ Lucas เป็นเซเลบริตีที่รวยสุดในโลกในปี 2018 และครองตำแหน่งผู้กำกับที่รวยสุดในโลกได้อย่างยาวนาน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบันกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.2 แสนล้านบาท
นึกย้อนกลับไปถึง Lucas ในวัย 11 ปี
ที่เริ่มหลงใหลในตัวละครโลกเสมือนจากการไป Disneyland เป็นครั้งแรก
มาถึงวันนี้ Disneyland แห่งเดิม ได้มีโซนใหม่ที่ชื่อว่า “Star Wars: Galaxy's Edge”
ซึ่งมันก็เป็นผลงานของ Lucas ที่เกิดขึ้นได้เพราะการเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเขาเอง ที่สถานที่แห่งนี้ในวันนั้น
และเมื่อ 3 สิ่งนี้มาบรรจบกัน ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกจริง ดูน่าตื่นเต้นไม่แพ้โลกในภาพยนตร์เช่นกัน..
Lucas | Star Wars | Disney
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.businessinsider.com/how-star-wars-made-george-lucas-a-billionaire-2015-12
-https://www.businessinsider.com/star-wars-george-lucas-net-worth-movies-house-spending-2019-7
-https://www.theatlantic.com/magazine/archive/1979/03/the-man-who-made-star-wars/306228
-https://www.radiotimes.com/movies/how-to-watch-the-star-wars-movies-in-the-right-order/
-https://clubjade.net/nine-ways-george-lucas-changed-movies-forever/
-https://en.wikipedia.org/wiki/George_Lucas
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_highest-grossing_media_franchises
-https://www.forbes.com/profile/george-lucas/?sh=35340de56e63
disneyland wiki 在 Disneyland - The World Famous Jungle Cruise - Pinterest 的推薦與評價
... were modeled after the steamer used in the film. The project was placed on the schedule to open with the July 17, 1955 debut of Disneyland. - wiki ... ... <看更多>
disneyland wiki 在 PaddlePaddle/PaddleOCR - GitHub 的推薦與評價
Of course, the more, the better. If your language has unique elements, please tell me in advance within any way, such as useful links, wikipedia ... ... <看更多>
disneyland wiki 在 Disney Parks Wiki - Home | Facebook 的推薦與評價
Disney Parks Wiki · 香港迪士尼樂園 | Hong Kong Disneyland was live. · Disney Parks Wiki · NEWS! Alcohol Will Be Served at Four More Magic Kingdom Restaurants ... ... <看更多>