น้องสาวคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ก่อนทำงานประจำเธอเป็นคนชอบออกกำลังกายและรู้สึกดีที่ได้เข้าฟิตเนส แต่พอทำงานในบริษัทที่เข้างานสิบโมงเช้า เลิกงานสองทุ่มทำให้เวลาในการออกกำลังกายหายไป ซึ่งมีผลต่อจิตใจด้วย แต่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย
ผมแนะนำน้องเท่าที่คิดออก บอกให้ลองเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายจากแบบเดิมที่อาจต้องเต็มรูปแบบ เข้าฟิตเนส อาจลองมาใช้ 'เวลาเล็กๆ' เท่าที่พอจะมีมาใช้ในการออกกำลังกายในแบบที่เป็นไปได้
เช่น ตอนเช้าอาจมาที่ออฟฟิศเร็วกว่าปกติเสียหน่อย สักครึ่งชั่วโมง แล้วใช้เวลาช่วงนี้ออกกำลังกายในแบบที่พอทำได้ ดัมเบล บอดี้เวท หรือจะเดินขึ้นออฟฟิศ กระทั่งเดินสักหนึ่งสถานีรถไฟฟ้าก็อาจเป็นทางเลือกได้เช่นกัน ถ้าผลลัพธ์ที่เราอยากได้คือการเคลื่อนไหวร่างกายให้หัวใจสูบฉีดเลือดลมสักหน่อย หรือตอนกลางวันจะลองเดินลงบันไดไปกินข้าวเที่ยง อะไรแบบนั้น
ผมคิดว่าบางครั้งเราตั้งโจทย์ยากกับตัวเอง เมื่อชีวิตเปลี่ยนแต่เรายังอยากได้ 'รูปแบบ' เดิม หรือ 'ปริมาณ' เดิมอยู่ ทำให้รู้สึกว่าทำไม่ได้ ไม่มีเวลา ไม่เฉพาะการออกกำลังกายเท่านั้น แต่สำหรับบางคนคือการได้อ่านหนังสือ วาดรูป เล่นดนตรี หรือฝึกทักษะอะไรที่ตัวเองสนใจ
พอมองว่าต้องมีเวลา 'ก้อนใหญ่' เราอาจหายาก แต่ถ้าเปลี่ยนโจทย์ว่าในเวลา 'ก้อนเล็กๆ' เราพอจะทำอะไรได้บ้าง เช่น อ่านหนังสือช่วงสั้นๆ สักสิบหน้าก็ดีกว่าไม่ได้อ่านเลย สิบหน้า x สิบวันก็ 100 หน้าแล้ว เดือนหนึ่งก็จบเล่ม
นอกจากนั้น เราอาจต้องใช้เวลาเสาร์-อาทิตย์ และก่อนหรือหลังเลิกงานให้มีคุณภาพมากขึ้น คือใช้มันไปกับสิ่งที่จำเป็นต่อจิตใจ เช่น ถ้าการออกกำลังกายสำคัญกับเราจริงๆ ก็ให้เวลากับมันจริงจัง ไม่เผลอไปกับสิ่งที่เราเคยชินแต่ไม่สำคัญ เช่น การเล่นมือถือ
...
อีกคำแนะนำที่คนจัดการเวลาเก่งๆ ใช้กันก็คือ ไม่เชื่อว่าไม่มีเวลา และไม่พยายาม 'หาเวลา' ให้กิจกรรมที่อยากทำด้วย แต่ 'สร้างเวลา' ขึ้นมาให้กิจกรรมนั้น
ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน มีคนที่ภาระหน้าที่มากกว่าเรามากมายในโลกนี้ ผู้บริหาร คนที่ต้องรับผิดชอบอะไรเยอะๆ คนเหล่านี้กลับสามารถที่จะทำนู่นนี่ได้มากมายเพราะเขา 'สร้างเวลา' ให้กับสิ่งจำเป็น
การสร้างเวลาคือการกำหนด 'ช่วงเวลาของฉัน' ขึ้นมา ไม่ให้คนอื่นกำหนด โดยใช้เวลาว่างที่ไม่ใช่เวลางานมาสร้างเวลานี้ เช่น ถ้าเข้างานสิบโมง นั่นแปลว่าตั้งแต่ตีห้าถึงสิบโมงเป็นเวลาที่เรากำหนดได้ เช่นกันกับหลังเลิกงาน หรือกระทั่งพักกลางวัน ในช่วงเวลาเหล่านี้ ถ้าจะมีใครชวนไปไหน นัดทำอะไร เราต้องมั่นคงกับตัวเองและยืนยันกับคนอื่นว่าไม่สามารถไปทำในสิ่งเหล่านั้นได้ เพราะมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ
งานอดิเรกบางอย่างนั้นสำคัญไม่แพ้การงาน ความฝัน การฝึกฝน หรือกระทั่งการพักผ่อน ถ้ามันสำคัญกับเราก็ต้อง 'กันเวลา' หรือ 'สร้างเวลา' ให้สิ่งนั้น เพราะสิ่งนี้อาจทำให้เรามีเรี่ยวแรง อยากตื่นมา อยากหายใจต่อไป
'กันเวลา' ให้ชัดๆ ยืนยันว่าช่วงเวลานี้จะไม่ให้คนอื่นมาดึงเวลาไป ผมเคยได้ยินนักวิ่งอัลตร้ามาราธอนระยะ 100 ไมล์ซึ่งทำงานออฟฟิศ ไม่มีเวลาซ้อม เขาใช้เวลาช่วงพักกลางวันไปเข้ายิมเพื่อเพาะกล้ามเนื้อให้พร้อมแข่ง เพราะสิ่งนี้คือคุณค่าของชีวิตเขา เขาอยากทำ ทำแล้วมีความสุข เมื่อเลือกแบบนี้ก็ทำให้เขา 'มีเวลา' สำหรับสิ่งที่ชอบ
...
ถ้าเราไม่สร้างเวลาให้สิ่งที่เราชอบ สุดท้ายแล้วชีวิตจะกลายเป็นตารางเวลาของคนอื่น ใครอยากให้เราทำอะไร ไปที่ไหน เรียกตัวเมื่อไหร่ก็ดูเหมือนได้ตลอดเวลา แล้วเราเองจะรู้สึกว่าทำไมฉันไม่มีเวลาทำในสิ่งที่อยากทำเลย นานเข้าจะรู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ กับชีวิตตัวเอง
การสร้างเวลาที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีเวลาให้เพื่อน คนรัก ครอบครัว หรือใครที่ขอความช่วยเหลือ เรายังคงมีให้ (อาจมากขึ้นด้วยซ้ำ) เพียงแค่มันอาจไม่ใช่เวลาที่เขาขอทุกครั้ง เพียงแค่พูดคุยต่อรองกันเพื่อ 'เปลี่ยนเวลา' เช่น เขาอาจขอเวลาเราตอนเช้า เราขอเปลี่ยนเป็นเย็นแทนได้ไหม ในหลายกรณีเปลี่ยนเวลาได้ ไม่มีอะไรเสียหาย แค่เราเอ่ยปากบอก แล้วก็บอกเขาตรงไปตรงมาได้ว่า พอดีเวลานี้เราต้องทำสิ่งที่สำคัญกับเรา ถ้าเขารู้จักเราดีพอ ถ้าเขารักเราก็ย่อมเข้าใจ
ผมนึกถึงคำถาม น้ำเสียง และแววตาของน้องผู้ชอบออกกำลังกายเจ้าของคำถามแล้วเห็นว่าเธอต้องรีบสร้างเวลาให้สิ่งสำคัญสำหรับจิตใจในเร็ววัน เพราะผมเองก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบสะสมนานวันกระทั่งรู้สึกหมดเรี่ยวแรงพลังใจ
ไม่จำเป็นต้อง 'เต็มรูปแบบ' แต่ 'สะสมแต้ม' เล็กๆ น้อยๆ ก็ดีกว่าไม่ได้ทำเลย และ 'สร้างเวลา' ให้กับสิ่งสำคัญของหัวใจ
ถ้ามีสิ่งที่อยากทำ อย่า 'หาเวลา' ให้มัน เพราะอาจหาไม่เจอ แต่ลอง 'สร้างเวลา' ขึ้นมาให้สิ่งนั้น แล้วอาจพบว่าเราควบคุมชีวิตได้ดีขึ้นบางส่วน
เรามักจะรักชีวิตมากขึ้นเมื่อควบคุมมันได้
เรามักรักตัวเองเมื่อได้ทำในสิ่งที่รัก
--------------------------------------------------------
ป.ล. เพื่อนๆ อาจแนะนำวิธีออกกำลังกายง่ายๆ ใช้เวลาน้อยกันได้นะครับ ✌😊
One sister told me that before working full time, she was a workout and it felt good to get into fitness. But when working in a company that worked out at ten o'clock, I finished my workout time. It's affecting my mind, but I didn't know what to Because I don't have time to exercise
I recommend the younger sister, as you can think, try to change your exercise style from the same way that you need to be full. Fitness may try to use 'small time' as much as you can to exercise in the possible way.
Morning may come to the office a little earlier than usual for half an hour and spend these days exercising the same way you can. Dumbbell Bodyweight or walk up your office until one walk. The sky train station may also be optional if you want to take a result. All we need is a body movement, a heart pumping, a little wind, or a lunch time, to walk down the stairs to eat lunch.
I think sometimes we set our own hard work when life changes, but we still want the same ' pattern ' or ' quantity '. It feels like we don't have time, not only exercise, but for someone, it's reading, drawing, playing music, or practicing skills. What I care about.
When we think that we have ' big chunk ' time, we may be rare. But if we change the question that in a ' small chunk ' time, we can do something like reading a book for a short period of ten pages. It's better than not reading at all. Ten pages, x ten days x ten Face and one month is finished.
In addition, we may have to spend our Saturday-Sunday and before or after work to be more quality, spend it with mental essentials. If exercise really matters to us, give us some serious time. Not accidentally going to the things we're used to. It's not important like playing mobile phone.
...
Another advice that people who have good time and use is that they don't believe that they don't have time and don't try to ' find time ' for the event that they want to do with
Everyone has 24 hours. There are more obligations than many of us in this world. Executive, responsible for many things. These people are able to do a lot of things because they 'make time' for the essentials.
Making time is defining ' my moment ', not defining others by using free time, not working time. This means am to pm, it's time we can designate as well after work. Or even taking a lunch break during these times. If someone wants to go somewhere, make an appointment to do something, we have to be confident with ourselves and confirm to others that we can't do them because there is something more important to do.
Some hobbies are important not to lose to a job, dream, training or even resting. If it matters to us, we have to be ' time ' or ' make time ' for that because this may make us strong. We want to wake up and breathe.
' Time ' clearly confirms that this time won't allow other people to go. I've heard of ultra marathon runners 100 miles of office running, no time to practice. He takes lunch break to the gym to muscle. Be ready to compete because this is the value of his life. He wants to do it and be happy. When he chooses this, he makes him 'time' for his favorite things.
...
If we don't make time for what we like, eventually life will become someone else's schedule. Who wants us to do something, where we call ourselves, whenever we seem to be all the time. Why don't we have time to do what we want to do? It's been Bored and bored with my own life.
Making this time doesn't mean we don't have time for friends, lovers, family, or anyone who asks for help. We still have it (maybe even more). It may not be the time he asks for every time. Just negotiates to change the time ' like he may ask for time. In the morning, we can change to the evening. In many cases, we can change the time. There is nothing wrong. We say that we can tell and tell him that it's frank to us. We need to do what matters to us. If he knows us well, we will understand.
I thought of the question of the voice and eye of the exercise-lover of the question, and saw that she must make time for the important soul soon. Because I have been through the moment I didn't do the accumulated things for a long time, days when I felt lost energy. My heart.
It's not necessarily ' full ', but a little ' accumulation ' is better than not doing at all and ' making time ' for matters of heart.
If you have something you want to do, don't ' make time ' for it because you may not find it, but try ' make time ' for it. You may find that you have better control of life.
We always love life more when it's in control
We always love ourselves when we do what we love.
--------------------------------------------------------
P.O. L. L. Friends may suggest you to exercise easily. You can spend less time together. ✌😊Translated
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「do not love half lovers」的推薦目錄:
- 關於do not love half lovers 在 Cherprang BNK48 Facebook 的最讚貼文
- 關於do not love half lovers 在 吳海文 Facebook 的精選貼文
- 關於do not love half lovers 在 玳瑚師父 Master Dai Hu Facebook 的最佳解答
- 關於do not love half lovers 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於do not love half lovers 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文
- 關於do not love half lovers 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
do not love half lovers 在 吳海文 Facebook 的精選貼文
寫得挺好的,我喜歡
***以下內容來自 不務正業小醫師的唱跳讀寫誌 ***
[特別篇01]
Still embrace:偶像出題的填詞挑戰,我怎麼可以錯過!
講了很多別人的作品,不知道大家會不會已經聽膩了呢?好像該分享一些自己寫的作品了──
正當我這麼想時,正好就看到吳海文這個有趣的小小社會實驗。本來覺得英文歌詞我並不拿手,沒有打算挑戰。但是看完影片後,我覺得實在太有趣了,忍不住想了一個晚上,於是也填了一個自己的版本。
這篇創作分享影片真的很有趣,大家也點開來看看吧!
我的粉絲專頁教的是歌詞創作,有歌詞賞析、創作故事、創作雜談等分類,以華語歌為主,但是也接受台語歌或英語歌的挑戰。
#阿凱老師的歌詞教室
#歌詞創作教學 #填詞挑戰 #lyrics
Verse 1
Do you still remember then?
When we first began a dance?
I asked your name. They passed the chants along the shining band.
If once again, would you still hold my hands?
Chorus 1
If after all, love is a maze,
All the fairytales are covered half in haze.
If after all, you're not my babe,
I won't escape, once I learned how you taste.
Verse 2
Is this where the story ends?
When we lied we'd still be friends?
I guess that's why young lovers were never considered wise.
As I looked back, I finally knew the price.
Chorus 2
If after all, love is a maze
Lies too many promises within a haste.
If that's not all, pain's what it takes,
I'll still embrace, cuz you're my best mistake.
(填詞挑戰 Still embrace 吳海文作曲)
§
不免俗地,還是按照我的課綱架構來賞析一下自己填的詞。
一、押韻
因為作曲者有提示押韻的方向,所以韻腳的挑選就明確很多,朝著常用的套路,還是可以發想出許多漂亮的句子。最後,還剩一些韻腳blaze、face、pace沒有用到。
不過我發現,英文的押韻寬鬆化還是跟中文不太一樣,對於不同的結尾子音-aze和-ake有時候不影響聽覺體驗,但長母音的/e/卻明顯比/æ/或/ε/來得悠揚許多。所以,我沒有挑選head、bed、thread這些短母音的韻腳,主歌則是挑選hand、dance、ends這些鼻韻的字來延長尾音,配合樂句的節奏。
二、結構
兩段主歌本來打算使用倒敘法,先講即將分開的現在,然後回頭看剛認識的時候,帶出不是每段感情都有結果的主題,再用回頭看起來,任何愛情都還是很值得開始來做結尾。
不過,Is this where the story ends的畫面感比較模糊而且偏直接突兀,不太適合用在開頭,所以還是把它拉到主歌二做自問自答來讓主角糾結。
兩段副歌我還是使用排比手法,第二句用空間的景色covered in haze和時間的倉促within a haste來呼應,第四句用感情開始前的心情「即使不順利我也不會逃」來對應結束後的心情「再選一次我還是會擁抱」。
副歌二第三句我稍微改了一下,把if after all改成if that's not all,唱到這類的小轉折時容易打動聽眾的淚腺。
三、主題
我非常同意吳海文在影片裡面講的「punch line」,也就是一首歌最重要的一句詞必須要是情感強烈的,而不能純說理,會讓人難以共感。同樣的,也不能每一句詞都是punch line,每一句話都正中不同的紅心會讓一首歌語詞太銳利,主題也會無法聚焦。
Punch line通常也會跟歌名有關,歌名最常出現在一個段落的第一句和第四句,其次是第三句。在這次填的詞裡,Love is a maze、still embrace、best mistake都是比較強烈的,可以當作歌名,最後不選Love is a maze是因為以前好像已經有同名的歌曲了,不選Best mistake則它似乎無法代表整首歌的主題。
而選擇了Still embrace是因為embrace也代表探戈舞的舞姿,和主歌的dance、hold my hands都跟跳舞有關,可以互相呼應。不過整體而言,我還是覺得punch line稍弱、主題(在舞會認識)也稍嫌老套了點。
四、修辭
原本寫All the fairytales are meant for those insane,韻腳insane音律勉強可以合,但語義不夠明確。特別去查到haze這個韻腳的意思(陰霾),可以表達意境就改為現案。
原本寫When we said we'd still be friends,檢查的時候覺得太多歌使用過,有些了無新意,改一個字lied比較畫龍點睛,效果很好。
§
因為有好一段時間是自己作詞作曲,很久沒有填詞了。這次有機會填出自己也很喜歡的英文作品,感覺能力也往前跨出了一步,真的很感謝有吳海文的這個企劃。
如果你也喜歡,也順手幫我分享吧!
***以上內容來自 不務正業小醫師的唱跳讀寫誌 ***
do not love half lovers 在 玳瑚師父 Master Dai Hu Facebook 的最佳解答
【玳瑚師父隨筆碌】 «大愛»
All-encompassing Love (English version below)
青春年少時,非常期盼與渴望,能擁有一份純潔、永恆的愛。而吾所謂的愛,不單單指兩性之間的愛,而是包括友情及親情。可是這些憧憬,仍然只是憧憬。內心深處,是有些淒淒然與無奈,為何總是遇不到真愛。
真愛是遇不到,但慶倖吾生在一個有信仰的家庭,年少時也有了宗教及玄學的因緣。這兩大的因緣,淺移默化的啟發吾的智慧,並滋潤吾的心靈,讓吾不至於變成不理智,且有報復及怨恨心的人。吾著實感恩宗教與玄學。
在漫長的學習與實修的歲月裡,吾的領悟是這樣的; 一般人以為有了伴侶,好好愛他她,就是愛了。他她們也認為這種愛已是很偉大了。聽起來是沒有錯,但大家仔細的想一想,一位要將她的愛平均分給十個孩子的母親,一位無微不至的照顧整間醫院的醫生,更甚的是,一位天天無時無刻為一切眾生祈禱的宗教領袖,他她們的所付出的愛,相對於兩性之間的愛,試問那一種愛比較偉大?相信無須吾說,仁人君子,已知曉答案。
當然,我們今天不是在比較誰的愛較大,而是要告知大家大愛的重要性。你妳們可知道為何有宗教之間的不和諧,為何有恐怖份子,為何戰爭,等等。這一切都是因為沒有大愛啊!如果說; 全世界的人類是上帝所造,那人類的自相殘殺,難道是上帝所要看到的?千萬不可罵天,也千萬不可憑空亂想。祂如何沒有大愛,祂是不能成為上帝的。
今日今時,玳瑚師父能「安枕無憂」,乃是因為吾已體會悟大愛,並且願吾在有生之年,能傳達大愛精神,使這世間多些祥和之氣。沒有大愛的地方肯定是比較動亂不安的。安定的生活,是每一個人都想過的。既然如此,何不大家共同打造,真正「欣欣向榮」的未來?來吧!大家一起來吧!來釋放及施展在你妳心中深處的大愛。
--------------------
In my youth, I craved and hoped for a pure and everlasting love. My perception of love was not limited to the romantic pursuits between 2 lovers. It encompassed friendships and kinships as well. Alas, my longings remained unfulfilled. Deep inside me were just feelings of despair and helplessness that true love somehow eluded me.
I did not meet my true love but fortune favoured me to be born in a religious family and I got in touch with Chinese metaphysics and religion when I was young. These 2 studies imperceptibly inspired me and nurtured my soul. My wisdom grew and it prevented me from turning into an irrational and vengeful person. I am truly grateful to Buddhism and Chinese Metaphysics.
As I walked the long long road of learning and actualising my practice, I form this understanding: it is a common notion that if a person finds his or her other half, and loves him or her, that is it. That is their definition of love. It does not sound wrong, but let's just think a little deeper. A mother who shares her love among her 10 children. A doctor who loves his patients in a hospital. And a religious leader who relentlessly prays everyday for the well-being of all sentient beings. Which kind of love is more significant, as compared to the former between 2 persons? I rest my case, and I know the wise one in you already had the answer.
Of course, we are not comparing whose love is more significant, but more importantly to let everyone knows the importance of great love. Do you know the reason for disharmony between the different religions? Why are there terrorists and wars etc? All these boil down to the lack of agape love! If God creates all beings, He would not like to see us killing one another. Do not blame God nor let your imagination run wild. If He does not have agape love, He would not be God.
At present, Master Dai Hu is able to sleep peacefully because I have truly understand the essence of an all-encompassing love. I sincerely hope that in my future years I would able to promote this concept of love and bring more peace and harmony to this world. A place without love is surely not a harmonious place. I am sure everyone wants to lead a peaceful life. Since that is the case, why not join our hands to build a world of harmony and prosperity? Come on! Let us all set free and express the great love that is hidden deep inside everyone of us.