#ช่วยเหลือเด็กจมน้ำ
#อยากให้การช่วยชีวิต_เป็นเรื่องของทุกคน
ล่าสุด หมอมีเรื่องสะเทือนใจ
เด็กน้อย รุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวของหมอ
ไปว่ายน้ำในสระกับพ่อ แล้วจมน้ำ นานประมาณ 5 นาที
เนื่องจากบริเวณสระน้ำ ไม่มีใครมีทักษะ
การกดหน้าอก การช่วยเหลือเบื้องต้นเลย
พ่อเลยตัดสินใจพาเด็กไปสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 10 นาที
เด็กถึงจะได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกต้อง
แม้หลังจากนั้น เด็กจะได้รับการช่วยชีวิตเบื้องต้น
(กดหน้าอก ช่วยหายใจ: basic life support) แต่สมองก็ขาดออกซิเจนไปหลายนาทีแล้ว
.
พวกเรามักตื่นกลัวเวลามีโรคระบาด
เรากลัวลูกหลานติดเชื้อ เรากลัวลูกหลานเจ็บป่วย
แต่รู้หรือไม่ว่า #การจมน้ำ
เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของเด็กไทยอายุน้อยกว่า 15 ปี
มากกว่าโรคติดเชื้อ มากกว่าโรคมะเร็ง
ที่น่าเศร้า คือ มันเป็นสาเหตุการตายที่ #ป้องกันได้
.
เด็กเล็ก (เริ่มเดินได้-วัยอนุบาล) มักจะจมน้ำในบ้าน
ภาชนะที่ใส่น้ำสูง 1-2 นิ้ว ก็ทำให้เด็กจมน้ำได้แล้วค่ะ
โตมาหน่อย มักจะจมในสระน้ำ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ
.
เรื่องการป้องกันการจมน้ำ
ในเด็กเล็ก คือ อย่าปล่อยให้เด็กอยู่กับแหล่งน้ำตามลำพัง
พูดง่ายๆคือ #อย่าให้คลาดสายตา
เด็กที่โตมาหน่อย เราต้องฝึกทักษะเรื่องการว่ายน้ำ
และไม่ปล่อยให้เด็กว่ายน้ำโดยไม่มีผู้ใหญ่ควบคุม
ต่อให้เด็กที่ว่ายน้ำได้ดีแล้ว...เราก็ไม่ปล่อยให้เด็กๆไปว่ายน้ำโดยไม่มีผู้ใหญ่เด็ดขาดนะคะ
เมื่อไปทำกิจกรรมทางน้ำ ในเสื้อชูชีพหรืออุปกรณ์ป้องกันตลอดกิจกรรม
แต่ที่หมออยากจะเรียกร้องคือ
**** ถ้ามีสระว่ายน้ำ ต้องมีผู้ที่มีทักษะในการช่วยชีวิต(lifeguard)ประจำตลอดเวลา***
(อยากให้เป็นกฎหมายเลย)
และที่หมออยากจะเห็นมากไปกว่านั้นคือ
หมออยากให้การ CPR ใส่ไว้ในหลักสูตรให้เด็กๆเรียน
ทุกๆหน่วยงาน เห็นความสำคัญ หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน
จัดการอบรมให้พนักงาน CPR และจัด workshop ทบทวนสม่ำเสมอ
.
ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุ
แต่ปัจจัยที่สำคัญอันดับแรกที่ทำนายได้ว่า
ผู้ประสบเหตุจมน้ำจะรอดชีวิต และสมองเสียหายน้อย
คือ
1.ระยะเวลาที่จม และ
2.การได้รับการช่วยชีวิตอย่างถูกต้อง อย่างทันท่วงที
ยิ่งเร็ว ผลยิ่งดี
===============================
DO !!!
ก่อนอื่น คนที่เห็นเหตุการณ์ ใครก็ได้ โทรแจ้ง 1669 นะคะ
ถ้าเราอยู่คนเดียว โทรแจ้งก่อนเริ่มช่วยเหลือ
1.เมื่อช่วยเหลือคนจมน้ำ ขึ้นมาจากน้ำ ถ้าผู้ป่วยหมดสติ
จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ (ถ้าไม่มีประวัติกระแทก หรือเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่กระดูกคอ)
เอามือข้างหนึ่งจัดหน้าผู้ป่วยให้เงยเล็กน้อยแล้ว ช่วยหายใจ 2 ครั้ง
แต่....ถ้าเราไม่สะดวกใจ เริ่มกดหน้าอกได้เลย
(การกดหน้าอก สลับเป่าปาก ถ้าเราจำไม่ได้ กดหน้าอกอย่างเดียวก็ได้ค่ะ)
2.บริเวณที่ใช้กดหน้าอก คือ กระดูกกลางอก
ตำแหน่งคือ ลากเส้นสมมติระหว่างหัวนม 2 ข้าง แล้วเอาสันมือกดตรงกลาง
3.การกดหน้าอกที่ถูกต้อง ต้อง แรง เร็ว ต่อเนื่อง
👉แรง คือ กดหน้าอกจมลงไป 1 ใน 3 ของความหนาลำตัว
👉เร็ว คือ ต้องกดด้วยอัตราอย่างน้อย 100-120 ครั้ง/นาที
👉ต่อเนื่อง คือ 1 รอบ ให้เวลานานประมาณ 2 นาที ค่อย check ชีพจร
4. สิ่งที่อยากบอก ถึงเราจะทำไม่เป๊ะเหมือนที่หมอทำ
แต่การได้ CPR แม้จะไม่ได้ perfect แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำ (แนบ link VDO วิธีการช่วยเหลือเด็กจมน้ำ: https://youtu.be/q9dctVrL9Lg )
===================================
Don’t
1.ขณะจมน้ำ ผู้ป่วยจะกลืนน้ำลงไปในกระเพาะอาหาร
เราไม่ต้องพยายามเขย่าเอาน้ำออกมา เช่น ห้อยหัวผู้ป่วยแล้วเขย่า
หรือเอาพาดบ่าแล้วตบหลัง
เพราะน้ำที่กลืนลงไปอาจจะ #สำลักลงปอด อันตรายมาก!!
ห้ามทำเด็ดขาด
ภาพที่เราดูในละครว่า ต้องสำลักน้ำออกมาก่อน แล้วพระเอกนางเอกจะฟื้น
เอ่อ....ละคร ก็คือ ละคร นะคะ
เราไม่สามารถเขย่าน้ำในปอดออกมาได้จริงๆหรอกค่ะ
2.อย่ากดบริเณท้อง เพราะจะทำให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหาร
(ในกระเพาะเป็นกรด) สำลักลงปอด
================================
หมอไม่อยากให้ความสูญเสียเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น
คนที่เป็นพ่อแม่
นอกจากการเลี้ยงดูลูก
เราจำเป็นต้องมีทักษะการช่วยชีวิตเบื้องต้นในเวลาฉุกเฉินด้วยนะคะ
เรียนรู้เถอะค่ะ....การเปลี่ยนแปลงใดๆล้วนเริ่มต้นจากตัวเราเอง
.
หมอแพม
เอกสารอ้างอิง
.
http://thaincd.com/document/file/drowning/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2561.pdf
https://pedsinreview.aappublications.org/content/27/5/163
