‼️COLLOCATIONS CHỦ ĐỀ GIÁO DỤC + VÍ DỤ CÂU MẪU‼️
- To do/conduct/carry out research: làm nghiên cứu
Example: A scientist must carry out research carefully before publishing a science paper.
- To obtain qualifications: có trình độ, đạt được trình độ
Example: Universities provide their students with high level of education for them to obtain qualifications for their future career.
- Peer evaluation: đánh giá bạn cùng nhóm
Example: Professors will base on the whole team’s performance and peer evaluation to grade each member in the team.
- Lack of discipline: vô kỉ luật
Example: A lack of discipline is one of the main problems in primary and secondary schools
- Common curriculum: các môn học chung
Example: The common curriculum will provide students with basic techniques and skills for them to continue their major studies.
- Compulsory education: giáo dục bắt buộc
Example: Some countries ask every cteed] to complete compulsory education before getting a job.
- To gain knowledge of something: thu nhận kiến thức về gì đó
Example: Students who go for higher education will gain deeper knowledge of their professions.
- To have better job opportunities: có cơ hội việc làm tốt hơn
Example: A bachelor’s degree will not always help a fresh graduate have better job opportunities.
- To be obliged to: bị bắt phải làm gì đó
Example: When a child is obligied to study extremely hard, he will be likely suffered from continuous stress and depression.
- To be well-acquainted with: làm quen với, quen thuộc với
Example: Doing an internship during breaks will help teenagers be well-acquainted with the office life before they graduate.
- To make effective use of: sử dụng một cách hiệu quả
Example: Students who know how to make effective use of his academic qualifications will have a huge advantage when applying for a job.
- School entrance age: tuổi đi học
Example: In many Western countries, the school entrance age for children is 7 instead of 6 in Asia.
👉 Bài mẫu áp dụng collocations này: https://bit.ly/3d15ZPl
Các bạn cùng học nhé!
-----
IELTS Fighter - Đối tác Bạch Kim của IDP, khám phá các kênh tự học hiệu quả:
✦ Website: ielts-fighter.com | Hotline: 0903 411 666
✦ Instagram: instagram.com/ieltsfighter
✦ Tiktok: vt.tiktok.com/68Uo7D
✦ Group: facebook.com/groups/ieltsfighter.support
✦ Youtube: youtube.com/ieltsfighter
同時也有11部Youtube影片,追蹤數超過72萬的網紅Warner Music Malaysia,也在其Youtube影片中提到,Follow Jessie Chung on: Facebook: https://www.facebook.com/jessiechung.official Instagram: https://www.instagram.com/jessiechung.offical www.jessiechu...
「future studies degree」的推薦目錄:
- 關於future studies degree 在 IELTS Fighter - Chiến binh IELTS Facebook 的最讚貼文
- 關於future studies degree 在 全職獵人FullTime Headhunter Facebook 的最佳貼文
- 關於future studies degree 在 Cherprang BNK48 Facebook 的最讚貼文
- 關於future studies degree 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最佳解答
- 關於future studies degree 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最讚貼文
- 關於future studies degree 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最佳貼文
future studies degree 在 全職獵人FullTime Headhunter Facebook 的最佳貼文
林作x全職獵人久保Job Application Email範例
以下範例可以作為各位寫Job Application Email的參考。
歡迎PM查詢此項服務,我們提供預約見面(Bespoke),面對面溝通了解,從而雕塑出最好的你。
「兩者皆是一場吸引力的游戲」
好多讀者詢問:Job Application Email跟Cover Letter 以後,兩者的差別在哪?
簡單來説, Job Application Email 是 Cover Letter 簡化的版本。文中的都是Cover Letter 裏的精華,用最少的篇幅和最精簡的方式寫出來。
也可以說,Job Application Email 就好像出席一場派對。 在場的人數非常多, 沒有太多的機會去深入認識。 大家通常在互相交換卡片之後,不會有時間聊太多。可是在短短的時間,卻可以對於對方留下第一印象。如果對方沒有閃亮點,亦不會和你再聯絡。 這跟 Job Application Email 一樣,你要在短短的一、兩分鐘内讓HR還有Recruiter 對你有興趣,不然他們有可能Cover Letter 跟履歷都不看,直接跳過去下一位應徵者。
Cover Letter 就好像出席一場極速約會。 在這種場合裏,需要在時間限制之内,通常三到五分鐘,跟對方交談。鈴聲響起之前,你還是要透過對談跟不同的方式吸引坐你對面的那一位再獲得她的青睞,才會有後續的機會。你需要戰略性的,在有限時間針對性的表現自己最有優勢的地方,然後稍為鞏固這個印象來吸引她。可是你又不能表現得太飢渴也不能太隨遇而安。可是也要適當的留白,增添神秘感, 讓她有更想要認識你的衝動。 Cover Letter 就像這樣, 要表現卻不能太超過。要適當的留意下白,不然面試的時候會沒有發揮的機會。
下面這個Job Application Email例子,屬於我們頗為正常的一份。裡面一切的個人資訊已經被編輯,但屬於一個真實案例,客戶是來自於酒店業,是一位工作年資大約10年的才俊,他希望能夠到一個在香港屬於最大的平台,從事他這些年來專門負責的工作,於是找了我們幫忙:
Dear Sir/Madam,
I am writing to apply for the captioned position. Having spent X years building up a work profile with one of the industry leaders, I believe I am a strong candidate for the position with my years of varied experience in this industry.
I graduated from the XXX with a First Class Bachelor of XXX degree in 20XX, majoring in XXX. During my studies, I was awarded College Head’s List for my outstanding academic performance, an honour bestowed to only around X students per year out of a year of XXX. Upon graduation, I joined my present employer, XXX, being my first choice.
I relish new challenges. To that end, and to broaden my horizons, I was chosen as the only Hong Kong candidate to move across to their XXX branch in order to help further honing my skills and experience. My work experience at XXX has given me a truly international exposure. Wishing to be be exposed to the the biggest market for XXX, I then applied to be internally transferred to the XXX branch, named the Best XXX and one of the Top XXX in the World. Despite the different staff naming systems in XXX and XXX, being currently a XXX in XXX, not only did I move from one of the smallest portfolios in XXX
Umbrella of XXX to possibly the biggest, but also was I given bigger responsibilities, managing a significantly bigger budget as well as leading a bigger team of staff.
The overriding personality trait of mine is that of a buckled down attitude. In my level of position, I believe such an outlook is key to doing our job well, and it is what I inculcate into the many members of staff I have helped to train over the years. Indeed, this attitude leads me to always stay focused, be happy to admit mistakes, get rid of negativity in and around my team, be hard-working and be keen to learn. I believe my qualities would certainly make me a valuable asset of your company.
Please find the attached resume and do not hesitate to contact me should you require any further information. I am looking forward to discuss my attributes and experiences with you at an interview, and I look forward to hopefully contributing my skillset to you in the future.
Thank you for your time and consideration.
Yours sincerely,
Xxx
這一封Job Application Email吸引的原因有幾個:
1. 平時HR經常看到的只是簡單兩句的Email,等同浪費機會,白寫。每一份文件都是展現自己的機會,所以必須把你的故事講出來。
2. 但對比於Cover Letter,必須更簡單地去講,不能完整,更不能囉嗦。所以這裡,真的就只能勾勒出你的經歷,把最厲害的一點講出來,把最亮麗的工作履歷秀出來,其他的一概省略。
3. Email和寫信實際上沒有什麼文法上的分別,正式求職的就更不應該有分別,所以第一段和最後一段,開頭和結尾都必須很保守。
4. ‘Best’, ‘biggest’, ‘top’, ‘only’ 這些字眼,不能吝嗇。你不自信,不炫耀自己,別人也就沒有必要把你看得更高。當然,不單是把這些字眼拋出來,更要包裝整個quality有多麼特別突出。這就要交給我們了。
#Candidateprofilestructuring #林作全職獵人久保
future studies degree 在 Cherprang BNK48 Facebook 的最讚貼文
Oh~
สรุปการดีเบต แจ็ก หม่า vs อีลอน มัสก์ ในงานประชุม World AI / โดย ลงทุนแมน
ลงทุนแมนรับรองว่าเป็นเรื่องน่าสนใจที่สุดในช่วงนี้
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
มีการคุยกันระหว่างแจ็ก หม่า กับ อีลอน มัสก์
โดยหัวข้อเรื่องคือความคิดเห็นต่อ AI ในด้านต่างๆ
เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
เริ่มจาก อีลอน มัสก์ กล่าวว่า ตอนนี้ทุกคนกำลังประเมิน AI ต่ำไป
ให้นึกถึงว่าตอนนี้ลิงชิมแปนซีเข้าใจมนุษย์ไหม (ทำไมมนุษย์ต้องมีรถยนต์ ทำไมมนุษย์ต้องสร้างตึก)
เรากำลังเป็นอย่างนั้น ในอนาคตเราอาจไม่เข้าใจเหตุผลที่ AI ทำในเรื่องต่างๆ
แล้วเราจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้
คำตอบคือ ถ้าเราไม่สามารถชนะมันได้ ก็ร่วมมือกับมัน ซึ่ง Neuralink (โครงการของ อีลอน มัสก์) ตอบโจทย์นี้ได้
สิ่งที่ Neuralink ทำก็คือ การสร้างช่องทางการสื่อสารขนาดใหญ่ (High Bandwidth) เชื่อมต่อเข้าสมอง
สิ่งนี้เหมือนกับเป็นไซบอร์ก แต่จริงๆ ตอนนี้เราก็เป็นไซบอร์กไปแล้ว
ทุกวันนี้เราใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เป็นเครื่องมือขยายความสามารถ จากร่างกายของเรา
ถ้าเราขาดโทรศัพท์ ความสามารถของเราจะลดลง
แต่ bandwidth ที่เราใช้กันอยู่นั้นต่ำมาก
โดยเฉพาะ การส่งข้อมูลเข้าเครื่อง (input)
จริงๆ แล้ว input ต่ำลงจากคอมพิวเตอร์สมัยก่อนด้วยซ้ำ
เพราะเราต้องพิมพ์ด้วยนิ้วโป้งสองนิ้ว แทนที่จะเป็นสิบนิ้ว
เมื่ออีลอน มัสก์ พูดจบ
แจ็ก หม่า ก็กล่าวว่า เขาไม่ได้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
สิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับชีวิต (Life)
AI กำลังเปิดศักราชใหม่ของสังคม ให้เราเข้าใจตัวเราเองดีขึ้น
และเขาคิดว่า AI เป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้เป็นสิ่งที่มาคุกคาม หรือเป็นสิ่งที่เลวร้าย
อีลอน มัสก์ แย้งว่า AI น่ากลัวกว่าที่ทุกคนคิด
ยกตัวอย่างเช่น วิดีโอเกม เมื่อก่อน มีแค่บล็อกๆ ไว้เล่น ตอนนี้วิดีโอเกมทำภาพให้สมจริงได้
โลกนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 4,000 ล้านปี
อารยธรรมมนุษย์เพิ่งเกิดขึ้น 70,000 ปี
มีเหตุการณ์ผันผวนมากมายในช่วง 70,000 ปีนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ที่มีเทคโนโลยีมากมายเป็นแค่จุดเล็กๆ ของทั้งหมด
มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ให้เรากลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แจ็ก หม่า เปลี่ยนเรื่องบอกว่า เรามาคุยเรื่องสนุกกันดีกว่า
คุณต้องการไปดาวอังคาร
อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตบนดาวอังคาร
แต่ผมสนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นบนโลกมากกว่า
อีลอน มัสก์ ตอบว่า
ผมคิดว่าดาวอังคาร สามารถทำให้ความนึกคิด (consciousness) ของเรายังคงอยู่ต่อไปในอนาคตได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ยืดเวลาให้เราสามารถเข้าใจจักรวาลนี้ได้ดีขึ้น
การมีชีวิตอยู่บนดาวหลายดวง (Multi planet species) จะทำให้อารยธรรมของเราไม่ถูกทำลาย
และนี่เป็นครั้งแรกในรอบ 4,000 ล้านปี ที่มีหน้าต่างเปิดให้เราพอที่จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
คำถามคือหน้าต่างบานนี้จะเปิดไปอีกนานแค่ไหน ก่อนที่มันจะปิดอีกครั้ง ถ้าเราไม่รีบทำอะไรตั้งแต่วันนี้
แจ็ก หม่า แย้งว่า
เราไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องพวกนั้น
การทำให้โลกของเราที่มีคนอยู่ 7,000 ล้านคน ดีขึ้น ยั่งยืนขึ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
ไม่เกี่ยวอะไรกับว่า อารยธรรมเราจะผ่านมานานแค่ไหน
แต่พวกเรามีชีวิตได้อย่างมากก็ 100 ปี
เราไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาทั้งหมดในอนาคตด้วยตัวเราเองคนเดียว
สิ่งที่เราควรทำคือ การรับผิดชอบต่อโลกในตอนนี้
ถ้าเรารู้ตัวเราเองดีขึ้น เราสามารถทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้
มันดีที่มีฮีโร่แบบคุณ อีลอน มัสก์ ที่จะพามนุษย์ไปนอกโลก
แต่เราต้องการฮีโร่แบบพวกเรามากกว่า
ฮีโร่ที่ทำงานหนักบนโลก และพัฒนาเรื่องต่างๆ ทุกวันให้โลกนี้ดีขึ้น
อีลอน มัสก์ แย้งว่า
การไปนอกโลก ใช้ทรัพยากรน้อยมาก น้อยกว่า 1% ของการใช้ทั้งหมดในเรื่องต่างๆ บนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเครื่องสำอาง การผลิตของอื่นๆ ที่จำเป็นน้อยกว่า
สำหรับหัวข้อต่อไปที่คุยก็คือ AI จะเข้ามาแย่งงานหรือไม่?
แจ็ก หม่าตอบ
ทุกครั้งที่มีปฏิวัติทางเทคโนโลยี ทุกคนจะกังวล
เมื่อ 200 ปีก่อนที่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทุกคนกังวล แต่สุดท้ายมีงานเกิดใหม่มากมาย
และจริงๆ แล้ว เราไม่จำเป็นต้องมีงานเยอะ เราอาจจะทำงาน 3 วันหยุด 4 วันก็ได้
มนุษย์ในอนาคตจะมีเวลาสนุกกับการใช้ชีวิตความเป็นมนุษย์มากขึ้น
ปู่ของผมมีโอกาสได้ไป 3 เมืองในโลกนี้
พ่อของผมมีโอกาสได้ไป 30 เมือง
ส่วนตัวผมได้ไปมาแล้ว 300 เมือง
สิ่งที่สำคัญคือเราต้องเตรียมพร้อมกับยุคที่เราใช้ชีวิตได้นานขึ้น ซึ่งอาจจะนานถึง 120 ปี เราจะใช้ชีวิตอย่างไร ถ้าเราอยู่ได้นานขนาดนั้น
สำหรับหัวข้อนี้ อีลอน มัสก์ ตอบสั้นๆ ว่า ในอนาคต AI อาจจะมาแทนที่มนุษย์ทั้งหมด มนุษย์เป็นเพียงแค่คนเขียนโปรแกรมให้ AI
หัวข้อต่อไปคือ การศึกษาในยุคนี้ควรสอนเด็กอย่างไร?
แจ็ก หม่า ตอบว่าหลักสูตรการศึกษาในปัจจุบัน เหมาะสมสำหรับเด็กในยุคอุตสาหกรรม
สอนให้ท่องจำ
แต่ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องจำ เพราะหุ่นยนต์จำได้ดีกว่า
สิ่งที่เราควรสอนคือ จะทำอย่างไรให้เด็ก สนุกกับชีวิตของเขา
อีลอน มัสก์ ตอบเรื่องการศึกษาว่า ควรให้เด็กเรียนรู้ให้มากที่สุด มากพอที่จะสามารถคาดการณ์อนาคตได้ โดยผิดพลาดน้อยที่สุด นอกจากคาดการณ์แล้วก็ต้องสร้างอนาคตด้วย
ต่อไป Neuralink จะทำให้มนุษย์สามารถอัปโหลดทักษะเข้าไปในสมองโดยตรง
การศึกษาในปัจจุบันยังถือว่ามีประสิทธิภาพต่ำมาก (Low Bandwidth)
แจ็ก หม่า ตอบว่าเขาไม่กลัวความผิดพลาด เกิดความผิดพลาดแล้วต้องแก้ไขเป็นเรื่องปกติ
มนุษย์ลองผิดลองถูกเสมอมา
และเขาคิดว่า หายนะทางด้าน AI ในอนาคตก็ไม่ได้เกิดจาก AI แต่เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์เอง
ซึ่งเขาก็เชื่อว่ามนุษย์จะมีกระบวนการที่สามารถแก้ไขสถานการณ์นั้นได้เอง
สิ่งสำคัญคือ เราจะสอนเด็กอย่างไรให้สมองสามารถสร้างสรรค์ได้มากกว่าเดิม
มนุษย์ไม่สามารถสร้างสัตว์หรือสิ่งอื่นที่ฉลาดว่ามนุษย์ได้
อีลอน มัสก์ แย้งเรื่องนี้ว่า เราสามารถสร้างสิ่งที่ฉลาดกว่าเราได้
ยกตัวอย่างมนุษย์ในยุคเริ่มต้นเราแค่กินอยู่ในป่า
แต่ตอนนี้เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย
เราฉลาดกว่าเมื่อก่อนมาก
และตอนนี้เราก็ไม่ได้ฉลาดที่สุด
อนาคตมนุษย์จะฉลาดกว่านี้อีก
แจ็ก หม่า ท้าให้ อีลอน มัสก์ ยกตัวอย่างสัตว์ที่ฉลาดกว่ามนุษย์บนโลกนี้ที่มนุษย์เคยสร้างมา
อีลอน มัสก์ ตอบว่า ตอนนี้หุ่นยนต์ได้ฉลาดกว่ามนุษย์ในบางเรื่องไปแล้ว
ทั้งหมากรุก ทั้งการแข่งโกะ มนุษย์แพ้การแข่งโกะให้ Alpha Go และ Alpha Go ก็แพ้ให้ Alpha Zero ในที่สุดแล้วหุ่นยนต์จะนำเราไปไกลมาก
แจ็ก หม่า แย้งว่า คำว่า หุ่นยนต์สามารถฉลาดกว่าได้ (Clever)
แต่มนุษย์จะยัง Smart กว่า เพราะมนุษย์มีประสบการณ์
เราสร้างคอมพิวเตอร์ได้ แต่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถสร้างคนได้
เรื่องการแข่งโกะ
โกะสร้างเพื่อที่ มนุษย์จะเล่นกับมนุษย์
มนุษย์โง่เองที่จะแข่งกับคอมพิวเตอร์ในเรื่องโกะ
ไม่ต่างอะไรที่มนุษย์จะไปวิ่งแข่งกับรถยนต์
มีบางเรื่องที่มันออกแบบมาให้หุ่นยนต์ทำได้ดีกว่ามนุษย์
มนุษย์ไม่จำเป็นต้องแข่งกับหุ่นยนต์ในเรื่องเฉพาะเหล่านั้น
มนุษย์มีหน้าที่สร้างเครื่องมือต่างๆ ที่จะทำให้ฉลาดขึ้น
แต่ AI ไม่สามารถสร้างเครื่องมือเหล่านั้นได้ด้วยตนเอง
อีลอน มัสก์ กล่าวตอบว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับ ระดับความเป็นอิสระ (Degree of freedom)
เริ่มจาก หมากรุก ต่อไปเป็น โกะ ที่ซับซ้อนขึ้น และอนาคตหุ่นยนต์จะทำอะไรที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
และอีลอน มัสก์ ยังกังวลว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อมนุษยชาติ ก็คือ “อัตราการเกิด”
อีก 20 ปี ประชากรเราจะหายไปอย่างที่ทุกคนคิดไม่ถึง
แจ็ก หม่า เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และเสริมว่า ในอีก 20 ปี ประชากรจะเจอปัญหานี้
และอัตราการเกิดจะลดลงเป็นอัตราเร่ง (Accelerate)
สิ่งสำคัญคือ ประชากรจีนที่เกิดมา 18 ล้านคนในแต่ละปี เราต้องใช้เวลากับเด็กพวกนี้ให้ดีที่สุด
ถ้าเป็นเรื่องการทำตามขั้นตอน แบบซ้ำๆ ที่เป็นตรรกะ AI จะทำได้ดีกว่า
แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ตรรกะ เช่นความรัก คนจะทำได้ดีกว่า เพราะมันไม่มีเหตุผล
ในอนาคต มนุษย์จะไม่จำเป็นต้องมี IQ หรือ EQ แต่เป็น LQ หรือ Q of Love
หัวข้อคำถามสุดท้ายก็คือ มนุษย์จะมีชีวิตยืนยาวในโลก แบบยั่งยืนได้อย่างไร
อีลอน มัสก์ กล่าวว่าถ้า Neuralink สำเร็จ ก็จะทำให้เราสามารถบันทึกสถานะของสมองได้ (save state) เหมือนเซฟวิดีโอเกม
หรือสิ่งที่จะยืดอายุได้ก็คือการเปลี่ยนแปลง DNA เหมือน หยุดนาฬิกาของ DNA แต่คำถามก็คือมนุษย์จะยินยอมไหมในการทำเรื่องนี้
สำหรับแจ็ก หม่า ตอบเรื่องความยั่งยืนว่า
ในอนาคต AI จะทำให้เราเข้าใจตัวเราเองดีขึ้น
คนฉลาด รู้ว่าเราต้องการอะไร
คนฉลาดกว่า จะรู้ว่าเขาไม่ต้องการอะไร
และจะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นในที่สุด
แจ็ก หม่า กล่าวปิดท้ายว่า
เขาอยากให้โฟกัสที่โลก
การที่เราจะเอาขยะออกจากมหาสมุทร ยังยากกว่าการไปดาวอังคาร
ไม่ใช่แค่อายุยืน แต่ใช้ชีวิตอยู่อย่างไรให้มีสุขภาพดี
ไม่ใช่แค่ใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี แต่ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
สุดท้าย มนุษย์ต้องโฟกัสที่คุณค่า มนุษย์ต้องมีความฝัน
ไม่ใช่เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก แต่เป็นความฝันที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก
เราต้องเชื่อในตัวเราเอง เราต้องเชื่อในความเป็นมนุษย์ เราต้องเชื่อในมนุษย์รุ่นต่อไป
เราควรรับผิดชอบสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มากกว่าการอยากแก้ปัญหาทั้งหมดของโลกในวันพรุ่งนี้
มันเป็นเรื่องดีที่มนุษย์จะผิดพลาด
มันเป็นเรื่องดีที่มนุษย์จะเรียนรู้จากความผิดพลาด
และ มันเป็นเรื่องดีที่มนุษย์จะตาย
ปิดท้ายด้วยคำพูดของ อีลอน มัสก์ ที่กล่าวปิด หลังแจ็ก หม่า พูดจบ
“Fight for the life of consciousness”
จงต่อสู้เพื่อให้ความนึกคิด มีชีวิตอยู่ในจักรวาลนี้ต่อไป..
╔═════════════════╗
Blockdit แอปที่เป็นเหมือน คลังความรู้ขนาดใหญ่
อ่านฟรี โหลดเลย Blockdit.com/download
╚═════════════════╝
Summary of Debet Jack Ma vs Elon Musk in World AI / By Investing Man
Investing man is the most interesting thing these days.
A few hours ago.
There was a conversation between Jack Ma and Elon Musk.
The topic is opinion of AI in various aspects.
How interesting is this story?
Investing man will summarize it.
Starting with Elon Musk said now everyone is underestimating AI
I think that Chimpanzee monkey understands humans. (Why do humans have cars, why do humans have buildings?)
We are being like that in the future. We may not understand the reason AI does things.
So what do we do with this situation
The answer is, if we can't win it, cooperate with it. Neuralink (ELON Musk's project) meets this problem.
What Neuralink does is create a large communication channel (High Bandwidth) connecting to the brain.
This is like a cyborg, but we're actually a cyborg now.
Nowadays, we use computer, phone as a tool to expand our body's ability.
If we lack a phone, our ability will decrease.
But the bandwidth we are using is low.
Specifically, sending information to the engine (input)
Input was actually low from computer in the past.
Because we have to type with two thumbs instead of ten fingers.
When Elon Musk finishes talking
Jack Ma also said he's not tech-savvy.
What he thinks about life (Life)
AI is opening a new era of society for us to understand ourselves better.
And he thinks AI is good. Not a threat or a bad thing.
Elon Musk argues that AI is scarier than anyone thinks.
For example, video games were just blogged to play. Now video games can make realistic images.
This world has happened for 4,000 million years.
Human civilization just happened 70,000 years
Lots of volatile events during these 70,000 years.
What's happening now with so much technology is just a small point of all.
What can happen? Let us start again.
Jack Ma changed the story. Let's talk about fun.
You want to go to Mars
What will happen to life on Mars
But I'm more interested in what happens on earth.
Elon Musk replied
I think Mars can make our thoughts (consciousness) continue in the future, so that we can understand the universe better.
Living on many stars (Multi planet species) will unbroken our civilization.
And this is the first time in 4,000 million years that there is a window open for us to be able to do something like this.
The question is how long will this window open before it closes again if we don't do anything from today
Jack Ma argues that
We don't need to think about them.
Making our world 7,000 million people better, standing up would be a better one.
Nothing to do with how long our civilization has passed.
But we have lived so much 100 years
We don't have to solve all the future problems by ourselves alone.
All we should do is take responsibility for the world now.
If we know ourselves better, we can make this world better.
It's good to have a hero like Mr. Elon Musk to take humans outside the world.
But we need more heroes like us
A hero who works hard on earth and develops everyday things to make the world better.
Elon Musk argues that
Going out of the world uses less resources than 1 % of the total use of things on this planet, cosmetic production, production of other things that are less necessary.
For the next topic discussed, will AI come to steal the job?
Jack Ma answered.
Every time there is a technological revolution, everyone worries.
200 years ago there was an industrial revolution, everyone worried, but at the end there were many emerging events.
And we actually don't need a lot of work. We might work 3 days off 4 days.
Future humans will have time to enjoy living more humanity.
My grandfather had a chance to go to 3 cities in the world.
My dad had a chance to go to 30 cities.
Personally, I have visited 300 cities.
What matters is that we must be prepared for the age we live longer, which may be 120 years. How can we live if we live that long?
For this topic, Elon Musk briefly said that in the future, AI might replace all human beings. Human beings are just programmers for AI.
The next topic is how should education in this generation teach kids?
Jack Ma answered that current education course is suitable for children in industrial age.
Teaching you to memorize.
But now we don't have to remember because robots remember better.
What we should teach is how to make a child enjoy his life.
Elon Musk answers education that children should learn as much as possible to predict the future at least. In addition to prediction, we have to build a future.
Next Neuralink will allow humans to upload skills directly into the brain.
Current studies are still considered very low performance (Low Bandwidth)
Jack Ma said he wasn't afraid of mistakes, mistakes, mistakes, then fixing is normal.
Human beings have been wrong, always been right.
And he thinks the future AI disaster is not due to AI, but by human error.
He also believes that humans have a process that can fix that situation.
The important thing is how we teach kids to be more creative.
Humans can't create animals or other things that are smart as humans.
Elon Musk argues that we can create something smarter than us.
For example, humans in the beginning of the era. We just eat in the forest.
But now we have many amenities.
We are much smarter than before
And now we ain't the smartest
Human future will be smarter than this.
Jack Ma challenged Elon Musk for an example of an animal that is smarter than human beings on this planet ever created.
Elon Musk replied that robots are now smarter than humans in some things.
Both chess and human race lost. Alpha Go and Alpha Go and Alpha Go lose to Alpha Zero. Finally, robots will take us very far.
Jack Ma argues that the word robot can be smarter (Clever)
But humans are more smart because humans experience it.
We can build computers but computers can't build people.
About the racing.
Ko made for humans to play with humans.
Stupid human to compete with a computer in Ko.
It's no different that a human would run a car race.
There's something designed for robots to do better than humans.
Humans don't need to compete with robots in those specific things.
Human beings have a duty to create tools to make smarter.
But AI can't build those tools by itself.
Elon Musk says this is about level of freedom (Degree of freedom)
Starting from chess, next to a more complex and future robots will do more complicated things.
And Elon Musk is concerned that one thing that harms humanity is ′′ birth rate
In another 20 years, our population will be gone as everyone cannot think about it.
Jack Ma agrees with this and reinforces that in 20 years, the population will face this problem.
And the birth rate is reduced to accelerate (Accelerate)
The important thing is that the Chinese population born is 18 million each year. We need to spend the best time with these kids.
If it's a logical recurring process, AI will do better.
But if it's not logical, like love, people will do better because it doesn't make sense
In the future, humans will not need cảpĕn t̂xng or EQ but LQ or Q of Love.
The topic of the last question is how can humans live in a sustainable world?
Elon Musk said if Neuralink succeeded, it would allow us to record the state of brain (save state) like a video game save.
Or what it takes to age is DNA change like DNA stop a DNA clock. But the question is, will humans agree to this?
For Jack Ma to answer about sustainability
In the future, AI will make us understand ourselves better.
Wise people know what we want
A wise man knows what he doesn't want.
And will make this world a better place eventually
Jack Ma said the end
He wants to focus on the world.
It's harder to take garbage out of the ocean than going to Mars.
It's not just a longevity, but how to live healthy.
Not just living a healthy life but how to live a happy life
Finally, humans must focus on values. Human must have dreams.
It's not technology that will change the world, but it's the dream behind technology that will
We must believe in ourselves. We must believe in humanity. We must believe in the next generation of humans.
We should be responsible for what is present, rather than wanting to solve all the problems of the world tomorrow.
It's a good thing humans can go wrong.
It's good that humans learn from mistakes.
And it's a good thing that humans will die.
Ending with the words of Elon Musk that shuts down after Jack Ma's finish.
“Fight for the life of consciousness”
Fight to keep your thoughts alive in this universe..
╔═════════════════╗
Blockdit an app that is like a huge inventory of knowledge.
Read it for free. Load it Blockdit.com/download
╚═════════════════╝Translated
future studies degree 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最佳解答
Follow Jessie Chung on:
Facebook: https://www.facebook.com/jessiechung.official
Instagram: https://www.instagram.com/jessiechung.offical
www.jessiechung.com
Jessie Chung is an international recording artist and actress based in Australia, currently under the management of Future Entertainment & Music Group. She is the only Malaysian artist who has stormed foreign charts, including the prestigious Taiwan 5 Music International Chart, and the I Radio Top Hits Chart. True to her multitalented status, she is also a doctor of medicine in oncology, naturopathic doctor (US), certified nutritional consultant (US), homeopathic doctor, certified iridologist, biotech researcher, accomplished entrepreneur, author, martial arts coach, and philanthropist from Malaysia. Besides holding a doctor of medicine degree (M.D.) in Clinical Chinese and Western Integrative Medicine—Oncology from Guangzhou University of TCM, China, she also possesses a MBA from The University of South Australia and a BSc. in Acupuncture and Oriental Medicine from Oriental Medical Institute, Hawaii, USA. In recent years, she was the only naturopathic oncologist selected as one of the Hummingbird Cancer Centre leading members to head their natural therapy department.
Her passion for music was evident at a young age as she racked up numerous singing competition awards. In junior high school, Jessie was the only youth representative in the entire district selected to sing at the National Day Celebration. She then proceeded to perform on many TV programmes in subsequent years. Her high school years in Canada was highlighted by her participation in an international talent contest held by TVB, and she successfully entered into the finals at the ripe age of sixteen. Besides singing, Jessie also has a gift for musical instruments, passing grade 8 organ at a young age with distinction, under the examination of Japanese auditors.
After her studies, she devoted herself into the entertainment industry and charity; so far, she has released eight albums and starred in three feature films. In 2013, she took on lead actress in the Chinese film Faces and Malaysian film Unchanging Love. She also appeared in the 2014 film Kungfu Taboo.
She is known for her ebullient and enigmatic concert performances in countries all around the world, including the United States, Canada, China, Taiwan, and Malaysia. With experience in dozens of concerts in five different languages, Jessie yielded huge responses from fans around the world during her 2015 Love Unity Concert, leaving barely any space in the arena. Building on her success from the previous year, she proceeded to perform in the Jessie Chung Exquisite Chinese Orchestra Concert in 2016, selling out all ten performances. Besides touring and performing in concerts, she has also starred in several stage plays, tackling lead roles in Malaysia, Singapore and Canada. Her recent stage production Moonlight was also well received by the visual arts community, and the organizer has brought Moonlight to numerous locations around the country.
By now, she has released six Chinese albums and two English albums. Her single Love in You was selected as the theme song for the Korean TV series My Secret Garden in Taiwan, whereas her album of the same name topped Malaysia’s aiFM Top Hits Chart, staying at number 1 for many consecutive weeks. In China, her album Loving You charted among the top 10. Her recent album Tearless Sky rose to 4th place on the I Radio Top Hits Chart and 6th place on the Pop Radio Top Ten Music Chart just within two weeks of initial release in Taiwan. The album was well received by the public and has received appraisal from music journalists. She has appeared on numerous TV shows in Taiwan, and her album was strongly recommended by the TV hosts of the programmes, one of them being Kevin Tsai (Cai Kang Yong), in his legendary TV show Kangsi Coming. Exhibiting a strong presence on TV shows, Jessie has recently been invited to host TV shows in both China and Australia.
Besides, she authored Stay Away from Cancer, Stay Away from Diseases, and the Jessie Diary series, informing the world with her medical experiences while also giving them a peek into her soul. She has authored more than ten literary and medical works to date, most of them in English and Chinese, with translations in Malay.
As an accomplished martial arts practitioner, Jessie has successfully achieved the 5th Duan of Chinese Wushu Duanwei; she is also a certified Wushu coach, referee, and instructor. She has won a total of 12 gold medals and 5 silver medals in various international Wushu competitions.
Jessie has been honoured with countless awards received from various ministers of Malaysia for her achievements, particularly two awards from the prime ministers of Malaysia.
future studies degree 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最讚貼文
Follow Jessie Chung on:
Facebook: https://www.facebook.com/jessiechung.official
Instagram: https://www.instagram.com/jessiechung.offical
www.jessiechung.com
Jessie Chung is an international recording artist and actress based in Australia, currently under the management of Future Entertainment & Music Group. She is the only Malaysian artist who has stormed foreign charts, including the prestigious Taiwan 5 Music International Chart, and the I Radio Top Hits Chart. True to her multitalented status, she is also a doctor of medicine in oncology, naturopathic doctor (US), certified nutritional consultant (US), homeopathic doctor, certified iridologist, biotech researcher, accomplished entrepreneur, author, martial arts coach, and philanthropist from Malaysia. Besides holding a doctor of medicine degree (M.D.) in Clinical Chinese and Western Integrative Medicine—Oncology from Guangzhou University of TCM, China, she also possesses a MBA from The University of South Australia and a BSc. in Acupuncture and Oriental Medicine from Oriental Medical Institute, Hawaii, USA. In recent years, she was the only naturopathic oncologist selected as one of the Hummingbird Cancer Centre leading members to head their natural therapy department.
Her passion for music was evident at a young age as she racked up numerous singing competition awards. In junior high school, Jessie was the only youth representative in the entire district selected to sing at the National Day Celebration. She then proceeded to perform on many TV programmes in subsequent years. Her high school years in Canada was highlighted by her participation in an international talent contest held by TVB, and she successfully entered into the finals at the ripe age of sixteen. Besides singing, Jessie also has a gift for musical instruments, passing grade 8 organ at a young age with distinction, under the examination of Japanese auditors.
After her studies, she devoted herself into the entertainment industry and charity; so far, she has released eight albums and starred in three feature films. In 2013, she took on lead actress in the Chinese film Faces and Malaysian film Unchanging Love. She also appeared in the 2014 film Kungfu Taboo.
She is known for her ebullient and enigmatic concert performances in countries all around the world, including the United States, Canada, China, Taiwan, and Malaysia. With experience in dozens of concerts in five different languages, Jessie yielded huge responses from fans around the world during her 2015 Love Unity Concert, leaving barely any space in the arena. Building on her success from the previous year, she proceeded to perform in the Jessie Chung Exquisite Chinese Orchestra Concert in 2016, selling out all ten performances. Besides touring and performing in concerts, she has also starred in several stage plays, tackling lead roles in Malaysia, Singapore and Canada. Her recent stage production Moonlight was also well received by the visual arts community, and the organizer has brought Moonlight to numerous locations around the country.
By now, she has released six Chinese albums and two English albums. Her single Love in You was selected as the theme song for the Korean TV series My Secret Garden in Taiwan, whereas her album of the same name topped Malaysia’s aiFM Top Hits Chart, staying at number 1 for many consecutive weeks. In China, her album Loving You charted among the top 10. Her recent album Tearless Sky rose to 4th place on the I Radio Top Hits Chart and 6th place on the Pop Radio Top Ten Music Chart just within two weeks of initial release in Taiwan. The album was well received by the public and has received appraisal from music journalists. She has appeared on numerous TV shows in Taiwan, and her album was strongly recommended by the TV hosts of the programmes, one of them being Kevin Tsai (Cai Kang Yong), in his legendary TV show Kangsi Coming. Exhibiting a strong presence on TV shows, Jessie has recently been invited to host TV shows in both China and Australia.
Besides, she authored Stay Away from Cancer, Stay Away from Diseases, and the Jessie Diary series, informing the world with her medical experiences while also giving them a peek into her soul. She has authored more than ten literary and medical works to date, most of them in English and Chinese, with translations in Malay.
As an accomplished martial arts practitioner, Jessie has successfully achieved the 5th Duan of Chinese Wushu Duanwei; she is also a certified Wushu coach, referee, and instructor. She has won a total of 12 gold medals and 5 silver medals in various international Wushu competitions.
Jessie has been honoured with countless awards received from various ministers of Malaysia for her achievements, particularly two awards from the prime ministers of Malaysia.
future studies degree 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最佳貼文
Follow Jessie Chung on:
Facebook: https://www.facebook.com/jessiechung.official
Instagram: https://www.instagram.com/jessiechung.offical
www.jessiechung.com
Jessie Chung is an international recording artist and actress based in Australia, currently under the management of Future Entertainment & Music Group. She is the only Malaysian artist who has stormed foreign charts, including the prestigious Taiwan 5 Music International Chart, and the I Radio Top Hits Chart. True to her multitalented status, she is also a doctor of medicine in oncology, naturopathic doctor (US), certified nutritional consultant (US), homeopathic doctor, certified iridologist, biotech researcher, accomplished entrepreneur, author, martial arts coach, and philanthropist from Malaysia. Besides holding a doctor of medicine degree (M.D.) in Clinical Chinese and Western Integrative Medicine—Oncology from Guangzhou University of TCM, China, she also possesses a MBA from The University of South Australia and a BSc. in Acupuncture and Oriental Medicine from Oriental Medical Institute, Hawaii, USA. In recent years, she was the only naturopathic oncologist selected as one of the Hummingbird Cancer Centre leading members to head their natural therapy department.
Her passion for music was evident at a young age as she racked up numerous singing competition awards. In junior high school, Jessie was the only youth representative in the entire district selected to sing at the National Day Celebration. She then proceeded to perform on many TV programmes in subsequent years. Her high school years in Canada was highlighted by her participation in an international talent contest held by TVB, and she successfully entered into the finals at the ripe age of sixteen. Besides singing, Jessie also has a gift for musical instruments, passing grade 8 organ at a young age with distinction, under the examination of Japanese auditors.
After her studies, she devoted herself into the entertainment industry and charity; so far, she has released eight albums and starred in three feature films. In 2013, she took on lead actress in the Chinese film Faces and Malaysian film Unchanging Love. She also appeared in the 2014 film Kungfu Taboo.
She is known for her ebullient and enigmatic concert performances in countries all around the world, including the United States, Canada, China, Taiwan, and Malaysia. With experience in dozens of concerts in five different languages, Jessie yielded huge responses from fans around the world during her 2015 Love Unity Concert, leaving barely any space in the arena. Building on her success from the previous year, she proceeded to perform in the Jessie Chung Exquisite Chinese Orchestra Concert in 2016, selling out all ten performances. Besides touring and performing in concerts, she has also starred in several stage plays, tackling lead roles in Malaysia, Singapore and Canada. Her recent stage production Moonlight was also well received by the visual arts community, and the organizer has brought Moonlight to numerous locations around the country.
By now, she has released six Chinese albums and two English albums. Her single Love in You was selected as the theme song for the Korean TV series My Secret Garden in Taiwan, whereas her album of the same name topped Malaysia’s aiFM Top Hits Chart, staying at number 1 for many consecutive weeks. In China, her album Loving You charted among the top 10. Her recent album Tearless Sky rose to 4th place on the I Radio Top Hits Chart and 6th place on the Pop Radio Top Ten Music Chart just within two weeks of initial release in Taiwan. The album was well received by the public and has received appraisal from music journalists. She has appeared on numerous TV shows in Taiwan, and her album was strongly recommended by the TV hosts of the programmes, one of them being Kevin Tsai (Cai Kang Yong), in his legendary TV show Kangsi Coming. Exhibiting a strong presence on TV shows, Jessie has recently been invited to host TV shows in both China and Australia.
Besides, she authored Stay Away from Cancer, Stay Away from Diseases, and the Jessie Diary series, informing the world with her medical experiences while also giving them a peek into her soul. She has authored more than ten literary and medical works to date, most of them in English and Chinese, with translations in Malay.
As an accomplished martial arts practitioner, Jessie has successfully achieved the 5th Duan of Chinese Wushu Duanwei; she is also a certified Wushu coach, referee, and instructor. She has won a total of 12 gold medals and 5 silver medals in various international Wushu competitions.
Jessie has been honoured with countless awards received from various ministers of Malaysia for her achievements, particularly two awards from the prime ministers of Malaysia.