รีวิว สนาม The Northface100 Thailand
---
ผมนับเป็นเด็กรุ่นเตรียมอนุบาลของสายเทรล เตาะแตะและกำลังสนุกกับโรงเรียนนี้ ความรู้ต่างๆ ยังน้อยนัก แต่ขออนุญาตแบ่งปันตามความรู้สึกที่ได้สัมผัสให้เพื่อนๆ นักวิ่งได้อ่านกันดังนี้ครับ
1. TNF100 เป็นงานวิ่งที่เก๋ดี ชอบวิธีเอาก้อนฟางมาวางเป็นที่นั่งในซุ้ม ดูแล้วเหมือนงานคอนเสิร์ตเท่ๆ ได้บรรยากาศคันทรี่ดี
2. กราฟิก งานออกแบบ และเสื้อ สวยเรียบ มีรสนิยม
3. ในงานมีของขายในราคาลดพิเศษ เห็นคนต่อแถวจ่ายตังค์กันยาวเหยียด เราได้แต่ท่องในใจ "เสื้อมีเยอะแล้ว กางเกงมีเยอะแล้ว เป้น้ำมึงก็มีแล้ว" ไม่งั้นไม่รอดแน่
4. นักวิ่งพลังงานดีมาก รูปร่างกำยำล้ำเลิศ กล้ามเนื้อก่อเกิดทุกแห่งหน สายทำความเร็วเหมือนจะมากันเยอะ
5. เป็นสนามที่ทำความเร็วได้ เพราะมีทางราบเยอะอยู่ ผมวิ่งแค่ 25k แต่ดูจากเวลาคัตออฟของ 100k ที่ 18 ชม. ก็น่าจะวิ่งกันเร็วจี๋
6. คนที่อยากเริ่มเทรลน่าจะวิ่งได้สนุกกับระยะ 15k และ 25k หรือใครอยากลอง 50k ก็ได้อยู่ เพราะมีส่วนที่เป็นถนนและทางราบให้วิ่งในเพซถนัดยาวๆ อยู่ เขาและทางชันก็กำลังสนุก ไม่โหดเกิน แต่ก็ไม่ง่ายไป
7. ระยะ 25k ปล่อยตัว 6.30 น. วิ่งไปสักพักจะเจอพระอาทิตย์ขึ้นเหนือไร่อ้อย เห็นคนวิ่งไปเป็นแถวงดงามโรแมนติก เหมาะที่จะควงแขนใครสักคนมาวิ่งชมพระอาทิตย์กัน
8. ทางมีหลายแบบ ฟางแห้ง หญ้าแห้ง ต้นไม้แห้ง ที่แน่ๆ คือแห้ง เพราะเป็นช่วงแล้ง และความแห้งนี่เองที่สวยแปลกตา ช่วงเช้าแดดส่องมาจะเป็นสีทอง
9. สนามนี้ขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อน นับเป็นโจทย์ท้าทาย เพราะวิ่งกลางแจ้งท้าแดดซะเยอะ แต่ปีนี้อากาศไม่ร้อนมาก ตอนเช้าเย็นสบาย เกือบหนาวด้วยซ้ำ วิ่งจนถึง 11 โมงก็ไม่รู้สึกร้อนมากเท่าที่คิด นอกจากบางจุดที่แห้งมากหรือที่เป็นถนนคอนกรีตเท่านั้น
10. โดยรวมชอบวิวที่เปลี่ยนไปเรื่อย หลายจุดเหมือนฉาก MV จึงเห็นนักวิ่งหยุดถ่ายรูปเล่นเป็นระยะ ต้นไม้ปลายหนาวก็ออกดอกหลากสีดูเพลินตอนวิ่งผ่าน
11. ในช่วงทางชันทั้งขึ้นและลง อาจมีจุดทางแคบอยู่บ้าง อาจมี "รถติด" คือต้องค่อยๆ ไป แต่ถ้าไม่ใช่อีลิทก็รอได้อยู่แล้ว ยืนชมวิวไปเพลินๆ
12. ที่ชอบอีกอย่างคือเวลาวิ่งไปในทางที่ต้นไม้หรือพืชไร่สูงท่วมหัว ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในเขาวงกต
13. มีทางยากที่ต้องลัดเลาะหินน้อยใหญ่ใกล้ไหล่เขาบ้างเล็กน้อย
14. จุดให้น้ำถี่ดี และเยอะพอที่แทบจะไม่ต้องมีน้ำของตัวเองไป แต่ควรเตรียมของกินไปให้อิ่ม มิฉะนั้นอาจมีหิวกลางทาง ความท้าทายอีกอย่างของสนามนี้คือไม่มีกล้วย แตงโมใดๆ สำหรับระยะ 25k ต้องเตรียมของกินไปให้เพียงพอ
15. คนวิ่งเก่งๆ เขาจบ 25k กันสองชั่วโมงหน่อยๆ ถ้าวิ่งกลางๆ ก็น่าจะจบได้สามชั่วโมงกว่าๆ จะว่าไปก็ไม่ร้อนมาก และเป็นระยะกำลังสนุก ท้าทายแต่ไม่เหนื่อย พอมาถึงถนนและทางราบที่จริงก็เร่งความเร็วได้เต็มที่
16. ใครที่เคยวิ่งถนนจบฮาล์ฟก็มาลองเทรล 25k ที่นี่ดูได้ น่าจะท้าทายกำลังดี ใครจบมาราธอนแล้วอยากลอง 50k ก็น่าจะกำลังสนุก ส่วนสายเทรลโปรๆ มาสนามนี้คงซิ่งกันเลยทีเดียว หันไปรอบๆ เจอแต่นักวิ่งหน่วยก้านโปรๆ ทั้งนั้นเลย ส่วนพี่ๆ 100k อันนี้ผมไม่ต้องพูดอะไรด้วยแล้ว ยกมือไหว้อย่างเดียว 🙏
17. สรุปโดยรวม TNF100 นับเป็นสนามที่วิวเป็นเอกลักษณ์ เน้นความแห้ง และ...อบอุ่น ถ้าบ่ายๆ จะอุ่นมากหน่อย วิ่งสนุก ไต่เขาไม่มาก กำลังดี บางช่วงของการวิ่งอาจได้สัมผัสความรู้สึกของการวิ่งในทุ่งหญ้าสีทองของแอฟริกาอย่างที่บรรดานักวิ่งชอบแซวกัน ข้อดีคือทุ่งนี้ไม่มีสิงโตไล่กวดเรา มีแต่ฝูงวัวหน้าตาเป็นมิตร
18. รูปที่ได้จากงานนี้น่าจะสวย กองทัพช่างภาพนับร้อย ในบางจุดที่กำลังเหนื่อยยังคิดในใจว่า พี่ตั้งกล้องกันถี่ขนาดนี้ จะไม่ให้พวกผมเดินกันบ้างเหรอ แต่เชื่อว่าฉากหลังจะต้องเท่แน่ๆ ส่วนรูปตัวเองจะเป็นยังไงอันนี้ขึ้นอยู่บุญกรรมที่ทำมาของพวกเราเอง ร้อยรูปได้ดีรูปหนึ่งก็น่าดีใจแล้วมิใช่หรือ 555
19. บรรยากาศโดยรวมน่าประทับใจ เรียบง่ายแต่มืออาชีพ นับเป็นงานช่วงต้นปีที่น่าวิ่งครับ
20. เห็นเพื่อนนักวิ่งจบ 50k กัน 8-9 ชม. แล้วก็คิดว่า 50k สนามนี้น่าลอง ปีหน้าอาจจะมาลองสักตั้ง ส่วน 100k ภายใน 18 ชม. ก็น่าลอง แต่พอความคิดผุดขึ้นมาก็ท่องในใจ "สติลูกสติ เห็นพี่ๆ เขาเดินฝ่าไอแดดช่วงบ่ายนั้นมั้ยลูก" ขอไปฝึกความแกร่งอีกสักหน่อยแล้วค่อยคิด ขอคารวะทุกท่านจริงๆ ครับ 🙏
ยินดีกับเพื่อนพี่น้องนักวิ่งทุกระยะนะครับ และขอบคุณที่ทักทายกันทั้งตอนรับบิบ จุดปล่อยตัว ระหว่างทาง ที่เส้นชัย ขอบคุณช่างภาพสำหรับการทำงานกลางไอแดดสีทองแห่งทุ่งสะวันนา นับถือในความทุ่มเทสุดๆ ครับ ถ้าไม่ติดตารางงานใดๆ ปีหน้าเจอกัน 50k ครับผม
#ขอให้สนุกกับการวิ่งครับ
#HomoFinishers
#TNF100Thailand2020
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
homofinishers 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
ปีหน้า มาวิ่งแซงตัวเองในปีนี้กัน
-\-\-
ปลายปีที่แล้วผมตั้งเป้าหมายปีใหม่ไว้เพียง 3 ข้อ
1. วิ่งมาราธอน 4 รายการ
2. จบฟูลมาราธอน sub4
3. จบฮาล์ฟมาราธอน sub1:50 ชม.
มาถึงวันนี้ ดีใจมาก เพราะสำเร็จครบทั้ง 3 เป้า!
🏅เปิดตัวด้วย "บุรีรัมย์ มาราธอน" เดือนกุมภา 5:18 ชม. ด้วยสภาพความฟิตร่อแร่ เพราะเพิ่งกลับจากการเดินทางทริปยาวอเมริกาใต้สองเดือน ได้วิ่งรวม 20 กิโลเมตร แต่โชคดีที่ยังได้เดินเยอะ ทำให้พอจะลากสังขารไปถึงเส้นชัยกลางไอแดดระอุได้อยู่
🏅จากนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือไม่ถึงเดือนซ้อมเต็มที่เพื่อ "Tokyo Marathon" เมเจอร์แรกในชีวิตที่หมายมั่นปั้นมือ วิ่งบ้าเลือดท่ามกลางฝนหนาวเหน็บพิชิตเป้าแรกของปี sub4 ด้วยเวลาฉิวเฉียด 3:58:58 ชม. เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจครั้งหนึ่งของปีนี้
🏅อีกเดือนหลังจากนั้น มีเหตุให้ไปถ่ายรายการพื้นที่ชีวิตแถมด้วยการลงสนาม "เปียงยาง มาราธอน" ในบรรยากาศน่าจดจำของเกาเหลีเหนือซึ่งคัตออฟสุดโหดที่ 4:30 ชม. ตั้งใจวิ่งมาก ผ่านครึ่งแรกไปด้วยเวลาที่ดีกว่าโตเกียวมาก แต่การเร่งหนักเกินในช่วงต้นทำให้ยางแตกกิโลที่ 28 จากนั้นลากขาเดินหนี DNF เข้าเส้นชัยในเวลา 4:29 ชม. เป็นอีกวันที่จดจำทั้งบรรยากาศเมืองเปียงยางอันเงียบสงบ รอยยิ้มของชาวเกาหลีเหนือ และหัวใจไม่ยอมแพ้ของตัวเอง
🏅เดือนสิงหา ลงฮาล์ฟมาราธอนงานวันแม่ ตั้งใจซ้อมหวังพิชิตเป้าที่สองของปี ดีใจที่ทำได้ที่ 1:49:17 ชม. หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ทำเวลาเดียวกันได้ที่งาน Super Sport แต่แพ้กันที่วินาที ถือว่าวิ่ง sub1:50 ได้ติดกันสองสัปดาห์ นับว่าดีมากแล้วสำหรับปีนี้
🏅ปิดท้ายปลายปีด้วยการลงสนามที่ตั้งใจจะซ้อมสำหรับ HK100 ในเดือนมกราปีหน้า ในงาน Scenic Marathon ที่เมืองจันท์ แอบหวัง sub4 ในใจแต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะรู้ว่าสนามโหด วิ่งจริงโหดเกินกว่าที่คิดไว้ จบที่ 4:04 ชม. ถึงทำไม่สำเร็จแต่โคตรภูมิใจที่ทำเวลานี้ได้ในสนามนี้ และดีใจที่วิ่งฟูลครบ 4 สนามตามที่ตั้งเป้าไว้ เย่!
...
ปลายปี เรามักตั้งเป้าหมายสำหรับปีหน้ากัน สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง เป้าหมายจำนวนมากค่อยๆ เลือนหายไปตั้งแต่ปลายมกรา ผมขอแบ่งปันวิธีการตั้งเป้าและทำให้บรรลุผลจากประสบการณ์ของตัวเองไว้เล่นๆ ครับ
🔻 อันดับแรก: วิธีตั้งเป้าหมาย
1. เป้าหมายไม่ควรมีจำนวนมากเกินไป ไม่เกิน 3 จะดี
2. เป้าต้องชัด ระบุเป็นจำนวน สถานที่ หรืออะไรชัดๆ เลยจะดี
3. เป้าหมายควรเป็นไปได้ แต่ก็เกือบจะเป็นไปไม่ได้
4. เป้าหมายตั้งเกิดจากความปรารถนาของเรา ไม่ใช่คนอื่น
5. เป้าหมายนั้นมีตัวแปรจากภายนอกน้อยเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากเท่านั้น เพราะขึ้นอยู่กับตัวเราเองเป็นส่วนใหญ่
...
🔻 อันดับสอง: วิธีไปถึงเป้าหมาย
1. สัญญาต้องเป็นสัญญา ไม่มีข้ออ้างให้ตัวเองยอมแพ้ง่ายเกินไป
2. เดือนแรกๆ ของปีควรมีเป้าเล็กๆ ให้เห็นการเขยิบเข้าใกล้เป้าใหญ่ มีความสำเร็จเล็กๆ ให้ดีใจ
3. มีเป้าที่ง่ายเพื่อนำไปสู่เป้าที่ยาก
4. วินัย วินัย วินัย ถ้าเสียวินัยไปให้รีบกลับมาให้เร็วที่สุด
5. เพราะมีแต่ความสม่ำเสมอเท่านั้นที่ทำเรื่องยากให้ง่ายขึ้น ทำเรื่องเป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง
6. มีแผนสำรองหากพลาดเป้าไปบ้าง เช่น ถ้าไม่สำเร็จรายการนี้ก็ยังมีรายการอื่น
7. เผื่อเรื่องไม่คาดฝันหรือเงื่อนไขฉุกเฉินในชีวิตไว้ด้วย ชีวิตทั้งปีไม่ได้ "ปกติ" ตลอดเวลา
8. การตั้งเป้าที่สูงเกินไปทำให้หมดแรงง่าย ล้มเลิกง่าย ตั้งเป้าที่เป็นไปได้และอย่าล้มเลิกเมื่อล้มเหลว
9. สามเป้าหมายอาจไม่สำเร็จทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็เข้าใกล้บางเป้าหมายแหละน่า
10. เดือนแห่งความรื่นเริงเป็นช่วงที่เรามัก "หย่อน" ให้ตัวเอง เช่น สงกรานต์ หยุดยาว ธันวา พักได้แต่อย่าลืมฮึดกลับมาด้วยนะ
...
🔻 อันดับสาม: สิ่งที่ได้รับจากการลงมือทำ
1. ความภูมิใจในตัวเองซึ่งเป็นพลังที่ดีในชีวิต
2. เมื่อภูมิใจในตัวเองเราจะก่นด่าคนอื่นและสิ่งอื่นน้อยลง
3. ทัศนคติว่ามีบางสิ่งในโลกที่เราเปลี่ยนแปลงได้ อย่างน้อยก็เปลี่ยนแปลงตัวเราเองให้ดีกว่าปีที่แล้ว
4. พลังที่ได้รับมาจะส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนอื่นด้วย
5. ถึงจะไม่สำเร็จเลย แต่ถ้าไม่หย่อนวินัย เราจะได้นิสัย "มีวินัย" ซึ่งทำให้เป้าในปีต่อไปเป็นจริงได้
6. พลังจากความสำเร็จไม่ว่าเล็กหรือใหญ่จะสร้างความเชื่อในการทำสิ่งอื่นให้สำเร็จต่อไปอีก
7. เราจะกล้าฝันใหญ่ขึ้น
8. เราจะสนุกกับการค้นหาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเราต่อไป
9. ความพอใจในตัวเองทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับคนอื่น ลดความอิจฉาและเปรียบเทียบลง ชื่นชมคนอื่นมากขึ้น
10. เราจะมีชีวิตที่เราชอบ
...
สุดท้าย, สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการฝันและลงมือทำตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาก็คือ เส้นทางความฝันนั้นยาวไกลพอสมควร ระหว่างทางมีทั้งสมหวังและผิดหวังเป็นธรรมดา เราแค่ทำต่อไป เข้มงวดกับตัวเอง แต่ไม่ต้องเอาเป็นเอาตาย ยอมให้ตัวเองให้ผ่อนคลายบ้าง ขี้เกียจบ้าง เที่ยวเล่นบ้าง อันนี้ห้ามลืม ตึงไปก็ไม่ดี ส่วนหย่อนไปนั้นไม่ควรอยู่แล้ว เหมือนที่หลวงพี่ไพศาล วิสาโลสอนไว้ "เต็มที่แต่ไม่ซีเรียส" ผมเชื่อว่าการทำตามฝันต้องมีทัศนคติเช่นนี้ ตั้งใจทำให้สุดความสามารถ แต่ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็เก่งและแกร่งขึ้นแน่นอน
ทั้งหมดที่เขียนมาไม่ใช่แค่เรื่องวิ่ง แต่หมายรวมถึงการวิ่งสู่เส้นชัยอีกหลายอย่างในชีวิต ผมคิดว่ามันคุ้มค่าที่เราจะตั้งเป้าเพื่อตั้งใจมุ่งหน้าไปพิชิตมัน
ไม่ใช่เพื่อเป็น "ผู้ชนะ" ใครเลย
แต่เพื่อเป็น "ผู้ชนะตัวเอง"
ชนะด้านอ่อนแอของตัวเอง
ชนะตัวเราที่ชอบคิดว่าเป็นไปไม่ได้
ชนะตัวเราที่เฉื่อยเนือย
ชนะตัวเราในปีที่แล้ว
หากการมีชีวิตอยู่คือการงอกงามเหมือนต้นไม้ ทุกปีคือโอกาสแห่งการยื่นกิ่งก้านไปยังอากาศที่เรายังไม่เคยเอื้อมไปถึง
ความฝัน, ความหวัง, สิ่งที่ดีกว่า
เหล่านี้คือการงอกงามของชีวิต
...
🔻 เป้าหมายในปีหน้าของผมมีเพียง 3 เป้าหมายเท่านั้น
1. จบงานวิ่ง 100 กิโลเมตรสักครั้งในชีวิต
2. วิ่งมาราธอนจบ sub3:45 ชม.
3. วิ่งฮาล์ฟมาราธอนจบ sub1:45 ชม.
มาตั้งเป้ากันดูเล่นๆ ไหมครับ
เต็มที่, แต่ไม่ซีเรียส
มิใช่เพื่อชนะใคร แต่เพื่อชนะตัวเอง
ชนะก็ดี
ไม่ชนะก็ดี
ดี-\-\ที่อย่างน้อยก็ได้พยายาม ✌️
#DreamItDoIt
#homofinishers
homofinishers 在 Roundfinger Facebook 的最佳解答
ปีหน้า มาวิ่งแซงตัวเองในปีนี้กัน
---
ปลายปีที่แล้วผมตั้งเป้าหมายปีใหม่ไว้เพียง 3 ข้อ
1. วิ่งมาราธอน 4 รายการ
2. จบฟูลมาราธอน sub4
3. จบฮาล์ฟมาราธอน sub1:50 ชม.
มาถึงวันนี้ ดีใจมาก เพราะสำเร็จครบทั้ง 3 เป้า!
🏅เปิดตัวด้วย "บุรีรัมย์ มาราธอน" เดือนกุมภา 5:18 ชม. ด้วยสภาพความฟิตร่อแร่ เพราะเพิ่งกลับจากการเดินทางทริปยาวอเมริกาใต้สองเดือน ได้วิ่งรวม 20 กิโลเมตร แต่โชคดีที่ยังได้เดินเยอะ ทำให้พอจะลากสังขารไปถึงเส้นชัยกลางไอแดดระอุได้อยู่
🏅จากนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือไม่ถึงเดือนซ้อมเต็มที่เพื่อ "Tokyo Marathon" เมเจอร์แรกในชีวิตที่หมายมั่นปั้นมือ วิ่งบ้าเลือดท่ามกลางฝนหนาวเหน็บพิชิตเป้าแรกของปี sub4 ด้วยเวลาฉิวเฉียด 3:58:58 ชม. เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจครั้งหนึ่งของปีนี้
🏅อีกเดือนหลังจากนั้น มีเหตุให้ไปถ่ายรายการพื้นที่ชีวิตแถมด้วยการลงสนาม "เปียงยาง มาราธอน" ในบรรยากาศน่าจดจำของเกาเหลีเหนือซึ่งคัตออฟสุดโหดที่ 4:30 ชม. ตั้งใจวิ่งมาก ผ่านครึ่งแรกไปด้วยเวลาที่ดีกว่าโตเกียวมาก แต่การเร่งหนักเกินในช่วงต้นทำให้ยางแตกกิโลที่ 28 จากนั้นลากขาเดินหนี DNF เข้าเส้นชัยในเวลา 4:29 ชม. เป็นอีกวันที่จดจำทั้งบรรยากาศเมืองเปียงยางอันเงียบสงบ รอยยิ้มของชาวเกาหลีเหนือ และหัวใจไม่ยอมแพ้ของตัวเอง
🏅เดือนสิงหา ลงฮาล์ฟมาราธอนงานวันแม่ ตั้งใจซ้อมหวังพิชิตเป้าที่สองของปี ดีใจที่ทำได้ที่ 1:49:17 ชม. หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ทำเวลาเดียวกันได้ที่งาน Super Sport แต่แพ้กันที่วินาที ถือว่าวิ่ง sub1:50 ได้ติดกันสองสัปดาห์ นับว่าดีมากแล้วสำหรับปีนี้
🏅ปิดท้ายปลายปีด้วยการลงสนามที่ตั้งใจจะซ้อมสำหรับ HK100 ในเดือนมกราปีหน้า ในงาน Scenic Marathon ที่เมืองจันท์ แอบหวัง sub4 ในใจแต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะรู้ว่าสนามโหด วิ่งจริงโหดเกินกว่าที่คิดไว้ จบที่ 4:04 ชม. ถึงทำไม่สำเร็จแต่โคตรภูมิใจที่ทำเวลานี้ได้ในสนามนี้ และดีใจที่วิ่งฟูลครบ 4 สนามตามที่ตั้งเป้าไว้ เย่!
...
ปลายปี เรามักตั้งเป้าหมายสำหรับปีหน้ากัน สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง เป้าหมายจำนวนมากค่อยๆ เลือนหายไปตั้งแต่ปลายมกรา ผมขอแบ่งปันวิธีการตั้งเป้าและทำให้บรรลุผลจากประสบการณ์ของตัวเองไว้เล่นๆ ครับ
🔻 อันดับแรก: วิธีตั้งเป้าหมาย
1. เป้าหมายไม่ควรมีจำนวนมากเกินไป ไม่เกิน 3 จะดี
2. เป้าต้องชัด ระบุเป็นจำนวน สถานที่ หรืออะไรชัดๆ เลยจะดี
3. เป้าหมายควรเป็นไปได้ แต่ก็เกือบจะเป็นไปไม่ได้
4. เป้าหมายตั้งเกิดจากความปรารถนาของเรา ไม่ใช่คนอื่น
5. เป้าหมายนั้นมีตัวแปรจากภายนอกน้อยเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากเท่านั้น เพราะขึ้นอยู่กับตัวเราเองเป็นส่วนใหญ่
...
🔻 อันดับสอง: วิธีไปถึงเป้าหมาย
1. สัญญาต้องเป็นสัญญา ไม่มีข้ออ้างให้ตัวเองยอมแพ้ง่ายเกินไป
2. เดือนแรกๆ ของปีควรมีเป้าเล็กๆ ให้เห็นการเขยิบเข้าใกล้เป้าใหญ่ มีความสำเร็จเล็กๆ ให้ดีใจ
3. มีเป้าที่ง่ายเพื่อนำไปสู่เป้าที่ยาก
4. วินัย วินัย วินัย ถ้าเสียวินัยไปให้รีบกลับมาให้เร็วที่สุด
5. เพราะมีแต่ความสม่ำเสมอเท่านั้นที่ทำเรื่องยากให้ง่ายขึ้น ทำเรื่องเป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง
6. มีแผนสำรองหากพลาดเป้าไปบ้าง เช่น ถ้าไม่สำเร็จรายการนี้ก็ยังมีรายการอื่น
7. เผื่อเรื่องไม่คาดฝันหรือเงื่อนไขฉุกเฉินในชีวิตไว้ด้วย ชีวิตทั้งปีไม่ได้ "ปกติ" ตลอดเวลา
8. การตั้งเป้าที่สูงเกินไปทำให้หมดแรงง่าย ล้มเลิกง่าย ตั้งเป้าที่เป็นไปได้และอย่าล้มเลิกเมื่อล้มเหลว
9. สามเป้าหมายอาจไม่สำเร็จทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็เข้าใกล้บางเป้าหมายแหละน่า
10. เดือนแห่งความรื่นเริงเป็นช่วงที่เรามัก "หย่อน" ให้ตัวเอง เช่น สงกรานต์ หยุดยาว ธันวา พักได้แต่อย่าลืมฮึดกลับมาด้วยนะ
...
🔻 อันดับสาม: สิ่งที่ได้รับจากการลงมือทำ
1. ความภูมิใจในตัวเองซึ่งเป็นพลังที่ดีในชีวิต
2. เมื่อภูมิใจในตัวเองเราจะก่นด่าคนอื่นและสิ่งอื่นน้อยลง
3. ทัศนคติว่ามีบางสิ่งในโลกที่เราเปลี่ยนแปลงได้ อย่างน้อยก็เปลี่ยนแปลงตัวเราเองให้ดีกว่าปีที่แล้ว
4. พลังที่ได้รับมาจะส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนอื่นด้วย
5. ถึงจะไม่สำเร็จเลย แต่ถ้าไม่หย่อนวินัย เราจะได้นิสัย "มีวินัย" ซึ่งทำให้เป้าในปีต่อไปเป็นจริงได้
6. พลังจากความสำเร็จไม่ว่าเล็กหรือใหญ่จะสร้างความเชื่อในการทำสิ่งอื่นให้สำเร็จต่อไปอีก
7. เราจะกล้าฝันใหญ่ขึ้น
8. เราจะสนุกกับการค้นหาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเราต่อไป
9. ความพอใจในตัวเองทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับคนอื่น ลดความอิจฉาและเปรียบเทียบลง ชื่นชมคนอื่นมากขึ้น
10. เราจะมีชีวิตที่เราชอบ
...
สุดท้าย, สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการฝันและลงมือทำตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาก็คือ เส้นทางความฝันนั้นยาวไกลพอสมควร ระหว่างทางมีทั้งสมหวังและผิดหวังเป็นธรรมดา เราแค่ทำต่อไป เข้มงวดกับตัวเอง แต่ไม่ต้องเอาเป็นเอาตาย ยอมให้ตัวเองให้ผ่อนคลายบ้าง ขี้เกียจบ้าง เที่ยวเล่นบ้าง อันนี้ห้ามลืม ตึงไปก็ไม่ดี ส่วนหย่อนไปนั้นไม่ควรอยู่แล้ว เหมือนที่หลวงพี่ไพศาล วิสาโลสอนไว้ "เต็มที่แต่ไม่ซีเรียส" ผมเชื่อว่าการทำตามฝันต้องมีทัศนคติเช่นนี้ ตั้งใจทำให้สุดความสามารถ แต่ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็เก่งและแกร่งขึ้นแน่นอน
ทั้งหมดที่เขียนมาไม่ใช่แค่เรื่องวิ่ง แต่หมายรวมถึงการวิ่งสู่เส้นชัยอีกหลายอย่างในชีวิต ผมคิดว่ามันคุ้มค่าที่เราจะตั้งเป้าเพื่อตั้งใจมุ่งหน้าไปพิชิตมัน
ไม่ใช่เพื่อเป็น "ผู้ชนะ" ใครเลย
แต่เพื่อเป็น "ผู้ชนะตัวเอง"
ชนะด้านอ่อนแอของตัวเอง
ชนะตัวเราที่ชอบคิดว่าเป็นไปไม่ได้
ชนะตัวเราที่เฉื่อยเนือย
ชนะตัวเราในปีที่แล้ว
หากการมีชีวิตอยู่คือการงอกงามเหมือนต้นไม้ ทุกปีคือโอกาสแห่งการยื่นกิ่งก้านไปยังอากาศที่เรายังไม่เคยเอื้อมไปถึง
ความฝัน, ความหวัง, สิ่งที่ดีกว่า
เหล่านี้คือการงอกงามของชีวิต
...
🔻 เป้าหมายในปีหน้าของผมมีเพียง 3 เป้าหมายเท่านั้น
1. จบงานวิ่ง 100 กิโลเมตรสักครั้งในชีวิต
2. วิ่งมาราธอนจบ sub3:45 ชม.
3. วิ่งฮาล์ฟมาราธอนจบ sub1:45 ชม.
มาตั้งเป้ากันดูเล่นๆ ไหมครับ
เต็มที่, แต่ไม่ซีเรียส
มิใช่เพื่อชนะใคร แต่เพื่อชนะตัวเอง
ชนะก็ดี
ไม่ชนะก็ดี
ดี--ที่อย่างน้อยก็ได้พยายาม ✌️
#DreamItDoIt
#homofinishers