The Gentlemen (2020) เข้าฉาย 30 มกราคมนี้
• กาย ริชชี่ คืนฟอร์มสมัยทำ Lock, Stock and Two Smoking Barrels กับ Snatch เลย ไม่ใช่ว่าหนังสไตล์เดิมจะทำซ้ำได้ง่าย ๆ เพราะขนาด RocknRolla ยังจืดเลย
• จริง ๆ มันคือหนัง gangster หนังมาเฟียชิงเหลี่ยมล้มเจ้าพ่อ แค่พออยู่ในมือกาย ริชชี่ แล้วการปรุงรสจะเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเขาที่ยากจะเลียนแบบได้สนุกขนาดนี้ ยียวนในก๊วนมาเฟีย มีอะไรคาดไม่ถึงพลิกไปพลิกมาแบบตลกร้ายได้ตลอด
• เทคนิคการเล่าก็สำคัญ ครั้งนี้กาย ริชชี่ มอบบทบาทให้ ฮิวจ์ แกรนท์ เป็นนักเล่าเรื่องที่มาเร่ขายพล็อตหนังเจ้าพ่อของตัวเอง เสน่ห์แบบหนังมโนผสมเทคนิคการตัดต่อและเรียงลำดับใหม่สไตล์ริชชี่แพรวพราวเหลือเกิน
• หนังยิงมุกตลกน้อยกว่างานเก่า ๆ ของเขา (ในความรู้สึกนะ) แต่ที่ยิงแต่ละมุกนี่เข้าเป้าแม่นยำ หลุดฮาดังมาก
• เฮนรี่ โกลดิ้ง ที่แจ้งเกิดจาก Crazy Rich Asians และเป็นพระเอก Last Christmas กลายมาเป็นบอนด์จีนเฉยเลย
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-
ต้องผู้กำกับระดับอ๋องแบบกาย ริชชี่ ถึงจะปราบเซียนหนังตัวละครเยอะ ๆ ชวนโกลาหลไม่ให้พัวพันจนมั่วซั่ว มันมีทั้งแก๊ง 'มิกกี้' (Matthew McConaughey) ที่เป็นแกนกลางของเรื่อง เขาหาแหล่งปลูกกัญชาลับ ๆ ผ่านปราสาทของพวกขุนนางเก่าไร้เงินสด แต่พอตั้งใจจะวางมือจึงต้องหาคนเงินถึงมารับช่วงต่อ ซึ่งเขาเสนอขายต่อ 'แมทธิว' (Jeremy Strong) มหาเศรษฐีมือสะอาดในราคา 400 ล้านเหรียญฯ แต่แมทธิวขอกลับไปคิด ไม่นานเรื่องก็ถึงหู 'ดรายอาย' (Henry Golding) ตัวรองในแก๊งมาเฟียจีนที่มักใหญ่ใฝ่สูงมาขอเสนอซื้อธุรกิจกัญชาด้วยเหมือนกัน แค่นี้ก็อีรุงตุงนังพอแล้ว เรื่องทั้งหมดยังไปลาก 'โค้ชมวย' (Colin Farrell) มาเกี่ยวข้องด้วยอีก ซึ่งทั้งหมดเล่าผ่าน 'เฟล็ชเชอร์' (Hugh Grant) นักสืบเอกชนที่เนียนมาขายพล็อตหนังล้มเจ้าพ่อให้ 'เรย์' (Charlie Hunnam) มือขวาของมิกกี้ สุดท้ายจะจบแบบไหนต้องไปดูกันเลย
.
โครงจริง ๆ ของหนังมันแทบจะเป็นหนัง gangster ไม่ผิดเพี้ยนสักนิด นึกถึงเรื่องแบบเจ้าพ่อจะวางมือแล้วแก๊งต่าง ๆ พร้อมแย่งชิงกันเป็นใหญ่ แต่เจ้าพ่อก็ไม่ใช่กระจอกจะให้โค่นง่าย ๆ เราจึงได้เห็นการวางหมากเดินเกมไปมา เพียงแต่หมากที่วางไว้มักจะมีอะไรเหนือความคาดหมายแทรกเข้ามาให้ยุ่งเหยิงเสมอ ซึ่งถ้าเป็นหนังมาเฟียคนอื่นกำกับคงจะเอาพล็อตแบบนี้ไปเล่าโทนซีเรียสได้ไม่ยาก แต่พออยู่ในมือกาย ริชชี่ จึงได้เห็นรายละเอียดแต่ละฉากกวนโอ๊ยทุกเม็ด ของบางอย่างที่ถูกใส่เข้ามาในฉากหนึ่ง สามารถเอาไปเล่นต่อได้ในอีกฉากหนึ่ง มันเล่าแบบจริงจังแต่มีหลุดขำได้ตลอด กลิ่นอายสไตล์แบบนี้หาคนทำออกมาถึงได้ยาก จึงไม่แปลกที่หลายคนจะบอกว่ากาย ริชชี่ คืนฟอร์มเหมือนสมัยเขาทำ Lock, Stock and Two Smoking Barrels และ Snatch ลูกไม้เดิม ๆ แต่งพล็อตใหม่ก็สนุกได้ไม่แพ้กัน
.
ใครเป็นแฟนกาย ริชชี่ อยู่แล้ว บอกเลยไม่ผิดหวัง ส่วนใครเกิดไม่ทันงานยุคแจ้งเกิดของเขาก็สามารถดูเรื่องนี้ก่อนแล้วไปตามเก็บของเก่าได้สบาย
Director: Guy Ritchie (ผู้กำกับ Sherlock Holmes, The Man from U.N.C.L.E.)
story: Guy Ritchie, Ivan Atkinson, Marn Davies
screenplay: Guy Ritchie
Genre: crime, thriller
8/10
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
#ดูอะไรต่อดี
A Fish Called Wanda (1988), Lock, Stock and Two Smoking Barrels (1998), Snatch (2000), Layer Cake (2004), In Bruges (2008), Kiss Kiss Bang Bang (2005)
marn stock 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳貼文
The Gentlemen (2020) เข้าฉาย 30 มกราคมนี้
• กาย ริชชี่ คืนฟอร์มสมัยทำ Lock, Stock and Two Smoking Barrels กับ Snatch เลย ไม่ใช่ว่าหนังสไตล์เดิมจะทำซ้ำได้ง่าย ๆ เพราะขนาด RocknRolla ยังจืดเลย
• จริง ๆ มันคือหนัง gangster หนังมาเฟียชิงเหลี่ยมล้มเจ้าพ่อ แค่พออยู่ในมือกาย ริชชี่ แล้วการปรุงรสจะเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเขาที่ยากจะเลียนแบบได้สนุกขนาดนี้ ยียวนในก๊วนมาเฟีย มีอะไรคาดไม่ถึงพลิกไปพลิกมาแบบตลกร้ายได้ตลอด
• เทคนิคการเล่าก็สำคัญ ครั้งนี้กาย ริชชี่ มอบบทบาทให้ ฮิวจ์ แกรนท์ เป็นนักเล่าเรื่องที่มาเร่ขายพล็อตหนังเจ้าพ่อของตัวเอง เสน่ห์แบบหนังมโนผสมเทคนิคการตัดต่อและเรียงลำดับใหม่สไตล์ริชชี่แพรวพราวเหลือเกิน
• หนังยิงมุกตลกน้อยกว่างานเก่า ๆ ของเขา (ในความรู้สึกนะ) แต่ที่ยิงแต่ละมุกนี่เข้าเป้าแม่นยำ หลุดฮาดังมาก
• เฮนรี่ โกลดิ้ง ที่แจ้งเกิดจาก Crazy Rich Asians และเป็นพระเอก Last Christmas กลายมาเป็นบอนด์จีนเฉยเลย
-------------------------------------
ต้องผู้กำกับระดับอ๋องแบบกาย ริชชี่ ถึงจะปราบเซียนหนังตัวละครเยอะ ๆ ชวนโกลาหลไม่ให้พัวพันจนมั่วซั่ว มันมีทั้งแก๊ง 'มิกกี้' (Matthew McConaughey) ที่เป็นแกนกลางของเรื่อง เขาหาแหล่งปลูกกัญชาลับ ๆ ผ่านปราสาทของพวกขุนนางเก่าไร้เงินสด แต่พอตั้งใจจะวางมือจึงต้องหาคนเงินถึงมารับช่วงต่อ ซึ่งเขาเสนอขายต่อ 'แมทธิว' (Jeremy Strong) มหาเศรษฐีมือสะอาดในราคา 400 ล้านเหรียญฯ แต่แมทธิวขอกลับไปคิด ไม่นานเรื่องก็ถึงหู 'ดรายอาย' (Henry Golding) ตัวรองในแก๊งมาเฟียจีนที่มักใหญ่ใฝ่สูงมาขอเสนอซื้อธุรกิจกัญชาด้วยเหมือนกัน แค่นี้ก็อีรุงตุงนังพอแล้ว เรื่องทั้งหมดยังไปลาก 'โค้ชมวย' (Colin Farrell) มาเกี่ยวข้องด้วยอีก ซึ่งทั้งหมดเล่าผ่าน 'เฟล็ชเชอร์' (Hugh Grant) นักสืบเอกชนที่เนียนมาขายพล็อตหนังล้มเจ้าพ่อให้ 'เรย์' (Charlie Hunnam) มือขวาของมิกกี้ สุดท้ายจะจบแบบไหนต้องไปดูกันเลย
.
โครงจริง ๆ ของหนังมันแทบจะเป็นหนัง gangster ไม่ผิดเพี้ยนสักนิด นึกถึงเรื่องแบบเจ้าพ่อจะวางมือแล้วแก๊งต่าง ๆ พร้อมแย่งชิงกันเป็นใหญ่ แต่เจ้าพ่อก็ไม่ใช่กระจอกจะให้โค่นง่าย ๆ เราจึงได้เห็นการวางหมากเดินเกมไปมา เพียงแต่หมากที่วางไว้มักจะมีอะไรเหนือความคาดหมายแทรกเข้ามาให้ยุ่งเหยิงเสมอ ซึ่งถ้าเป็นหนังมาเฟียคนอื่นกำกับคงจะเอาพล็อตแบบนี้ไปเล่าโทนซีเรียสได้ไม่ยาก แต่พออยู่ในมือกาย ริชชี่ จึงได้เห็นรายละเอียดแต่ละฉากกวนโอ๊ยทุกเม็ด ของบางอย่างที่ถูกใส่เข้ามาในฉากหนึ่ง สามารถเอาไปเล่นต่อได้ในอีกฉากหนึ่ง มันเล่าแบบจริงจังแต่มีหลุดขำได้ตลอด กลิ่นอายสไตล์แบบนี้หาคนทำออกมาถึงได้ยาก จึงไม่แปลกที่หลายคนจะบอกว่ากาย ริชชี่ คืนฟอร์มเหมือนสมัยเขาทำ Lock, Stock and Two Smoking Barrels และ Snatch ลูกไม้เดิม ๆ แต่งพล็อตใหม่ก็สนุกได้ไม่แพ้กัน
.
ใครเป็นแฟนกาย ริชชี่ อยู่แล้ว บอกเลยไม่ผิดหวัง ส่วนใครเกิดไม่ทันงานยุคแจ้งเกิดของเขาก็สามารถดูเรื่องนี้ก่อนแล้วไปตามเก็บของเก่าได้สบาย
Director: Guy Ritchie (ผู้กำกับ Sherlock Holmes, The Man from U.N.C.L.E.)
story: Guy Ritchie, Ivan Atkinson, Marn Davies
screenplay: Guy Ritchie
Genre: crime, thriller
8/10
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
#ดูอะไรต่อดี
A Fish Called Wanda (1988), Lock, Stock and Two Smoking Barrels (1998), Snatch (2000), Layer Cake (2004), In Bruges (2008), Kiss Kiss Bang Bang (2005)