เศรษฐีรวยสุดในเอเชีย มีน้องชาย เป็นบุคคลล้มละลาย ได้อย่างไร ? /โดย ลงทุนแมน
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Mukesh Ambani เจ้าของ Reliance Industries กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่สุดในอินเดียและเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชีย มีน้องชายชื่อ Anil Ambani
สำหรับน้องชายของมหาเศรษฐีคนนี้ ก็เป็นเจ้าของธุรกิจที่แยกตัวออกมาจาก Reliance Industries ของพี่ชาย มีชื่อบริษัทว่า Reliance ADA Group
ในปี 2008 Mukesh Ambani มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก
ในขณะที่ Anil Ambani ตามมาติด ๆ ด้วยทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท และรวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
โดยในปีนั้น เศรษฐี 4 อันดับแรกของโลก ได้แก่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (อเมริกัน), คาร์ลอส สลิม (เม็กซิโก),
บิลล์ เกตส์ (อเมริกัน) และลักษมี นิวาส มิตตัล (อินเดีย)
หลังจากผ่านไป 13 ปี Mukesh Ambani มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านบาท
กลายมาเป็นมหาเศรษฐีรวยสุดในอินเดียและเอเชีย และรวยเป็นอันดับ 10 ของโลก
แต่ในปี 2019 Ambani คนน้องกลับมีทรัพย์สิน เพียง 5.6 หมื่นล้านบาท
จนล่าสุด มีหลายคนกล่าวว่าความมั่งคั่งตอนนี้ของ Ambani คนน้อง ลดลงจนเกือบเป็นศูนย์
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องชาย ของคนที่รวยสุดในเอเชีย ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในปี 1948 หรือเมื่อ 73 ปีก่อน ชายชาวอินเดียวัย 16 ปี
ที่ชื่อ Dhirubhai Ambani ได้ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดไปทำงานที่ประเทศเยเมน
ผ่านไป 10 ปี Dhirubhai กลับมาที่อินเดียพร้อมกับเงินเก็บ เพื่อมาเริ่มสร้างธุรกิจเอง
Dhirubhai เริ่มจากการนำเข้าเส้นใยสังเคราะห์และส่งออกเครื่องเทศ ก่อนจะเริ่มทำธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จน Dhirubhai ได้ขยายกิจการไปในอุตสาหกรรมอื่น และเปลี่ยนมาใช้ชื่อบริษัทว่า “Reliance Industries” ในปี 1973
Reliance Industries สามารถ IPO ได้ในปี 1977 ซึ่งหุ้นของบริษัทก็มีชาวอินเดียสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดเคยจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่สเตเดียม
ตั้งแต่ที่กิจการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว Dhirubhai ก็เริ่มให้ลูกชายทั้ง 2 คนของเขา เข้ามาช่วยบริหารงานที่บริษัท
Mukesh Ambani ลูกชายคนโต เป็นประธาน
Anil Ambani ลูกชายคนรอง เป็นกรรมการผู้จัดการ
แต่แล้วในปี 2002 Dhirubhai ได้เสียชีวิตลงและได้ทิ้งกิจการ Reliance Industries ไว้กับลูกชายทั้ง 2 คน
Dhirubhai ที่จากโลกนี้ไปไม่ได้ทำพินัยกรรมและข้อตกลงแบ่งกิจการให้กับลูกแต่ละคนไว้ ซึ่งเขาก็คงไม่คิดว่า จะเกิดปัญหาตามมา
โดยปัญหาที่ว่านั้นเริ่มเกิดขึ้นเพราะลูกชายทั้ง 2 คน ที่เริ่มเข้าทำงานและมีบทบาทในบริษัทมาพร้อม ๆ กัน
กลับตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นเจ้าของและใครจะดูแลและรับผิดชอบบริษัทไหนบ้าง
สุดท้ายแล้ว ในช่วงปี 2004 ถึง 2005 ผู้เป็นแม่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
โดยการจ้างบุคคลที่ 3 ให้เข้ามาจัดการเรื่องการแยกบริษัทออกจากกันไปเลย
Mukesh Ambani คนพี่ได้ธุรกิจหลักคือปิโตรเลียม ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการขยายกิจการในส่วนนี้มาตั้งแต่แรก และยังได้ธุรกิจอื่น ๆ อย่างเช่นปิโตรเคมี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจยุคเก่า โดยกลุ่มบริษัทของ Mukesh ใช้ชื่อว่า Reliance Industries
Anil Ambani คนน้องได้ธุรกิจหลักคือ Reliance Communications ธุรกิจโทรคมนาคมที่เพิ่งเริ่มกิจการได้ไม่นาน แต่ก็กลายเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอินเดีย ซึ่งแม้ว่า Mukesh จะมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่ต้น แต่ Anil ก็อยากได้ธุรกิจนี้เช่นกัน
นอกจากธุรกิจเทเลคอมแล้ว กิจการอื่นที่ Anil Ambani ได้รับไปดูแลอีกก็อย่างเช่น ธุรกิจพลังงาน และบริการทางการเงิน ซึ่งส่วนมากจะเป็นธุรกิจยุคใหม่ โดยกลุ่มธุรกิจของ Anil Ambani ใช้ชื่อว่า “Reliance ADA Group”
หลังจากจบเรื่องการแบ่งธุรกิจแล้ว แต่ละคนก็เริ่มต่อยอดธุรกิจตามเส้นทางของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น
Mukesh Ambani เริ่มทำธุรกิจค้าปลีกในปี 2006 จน Reliance Retail กลายมาเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่สุดในอินเดีย
ในขณะที่ Anil Ambani ก็ได้ต่อยอดทำธุรกิจบันเทิง อย่างเช่นในปี 2005 ได้ซื้อบริษัท Adlabs Films ที่เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ซึ่งกลายมาเป็นโรงภาพยนตร์ที่มีสาขามากสุดในอินเดียในอีก 3 ปีถัดมา
ในปี 2008 Reliance Entertainment ของ Anil Ambani ก็ได้เซ็นสัญญากับบริษัทผลิตภาพยนตร์ DreamWorks ของผู้กำกับ Steven Spielberg ซึ่งได้ร่วมผลิตภาพยนตร์ที่ได้รางวัลมากมาย อย่างเช่น The Help และ Lincoln
และปีเดียวกันนี้ Anil Ambani ก็ได้นำบริษัทพลังงานอย่าง Reliance Power จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าการระดมทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น
ผ่านไป 6 ปีหลังจากการเสียชีวิตของ Dhirubhai
ดูเหมือนว่าลูกชายของเขาทั้งคู่ก็ต่อยอดกิจการไปได้อย่างสวยงาม
จนทำให้ในปี 2008 Mukesh มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก และ Anil มีทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
แต่หลังจากนั้น เส้นทางความมั่งคั่งของพี่น้องคู่นี้ กลับเริ่มมีทิศทางที่สวนทางกัน
คนพี่รวยขึ้น ส่วนคนน้องความมั่งคั่งหายไปเกือบหมด
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?
เรื่องทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากเงินที่บริษัท Reliance Power ของ Anil Ambani ได้มาจากการ IPO มีแผนจะใช้สร้างโรงไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่จะผลิตจากก๊าซ
โดยก๊าซที่ Reliance Power ใช้ ก็มาจากบริษัทก๊าซธรรมชาติในเครือ Reliance Industries ของ Mukesh นั่นเอง
ซึ่งในตอนที่แยกบริษัทกัน สองพี่น้องก็ได้เซ็นสัญญาว่าบริษัทก๊าซของ Mukesh Ambani จะขายก๊าซให้โรงไฟฟ้าของน้องชายที่ราคาหนึ่ง
แต่ในวันที่โรงไฟฟ้าสร้างใกล้จะเสร็จและถึงเวลาที่พี่ชายจะขายก๊าซให้กับน้อง ราคาก๊าซในตลาดโลกกลับเพิ่มสูงขึ้นไปเกือบเท่าตัว
Anil Ambani จึงต้องการซื้อก๊าซในราคาที่ตกลงกัน เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น
แต่ทาง Mukesh Ambani ไม่สามารถขายก๊าซตามราคาที่ตกลงกันไว้ได้เพราะบริษัทของเขาจะขาดทุน
แต่แทนที่จะเจรจาตกลงกัน Anil Ambani กลับเลือกที่จะยื่นฟ้องบริษัทพี่ชายในปี 2010 เพื่อให้ซื้อก๊าซได้ในราคาเดิมที่เคยตกลงกัน
แต่ศาลก็ได้มีคำสั่งให้ Anil Ambani ซื้อก๊าซในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดโลก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายราคาก๊าซของประเทศ
สุดท้ายแล้ว Anil Ambani ที่ต้องแบกรับต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จึงไม่สามารถจัดหาก๊าซเพื่อไปใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าที่สร้างรอไว้แล้วได้
Reliance Power จึงกลายเป็นบริษัทที่มีหนี้มหาศาล จนต้องขายทรัพย์สินและกิจการบางส่วนออกไป เพื่อเอามาใช้หนี้ ซึ่งรวมถึงกิจการโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ที่ซื้อมาเมื่อปี 2008 ด้วย
แต่ความผิดพลาดทางธุรกิจของ Anil Ambani ยังไม่ได้จบลงแค่นี้ เพราะเรื่องราวที่ร้ายแรงกว่านั้น เกิดขึ้นกับธุรกิจโทรคมนาคมอย่าง Reliance Communications (RCom)
ในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่ RCom เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ RCom เลือกใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่เรียกว่า CDMA ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่างเช่น Airtel เลือกใช้เทคโนโลยีที่ชื่อ GSM
แม้เทคโนโลยีทั้ง 2 แบบจะใช้ได้ดีกับ 2G และ 3G เหมือนกัน แต่ปัญหาก็คือ CDMA ที่ RCom เลือกใช้ ไม่สามารถรองรับ 4G และ 5G ได้แบบ GSM ที่เหล่าคู่แข่งเลือกใช้
นั่นจึงทำให้ช่วงเวลาที่ทั่วโลกเปลี่ยนผ่านจาก 3G มาเป็น 4G อย่างรวดเร็ว RCom เลยตามคนอื่นไม่ทัน จน RCom กลายเป็นบริษัทที่เริ่มมีหนี้มากขึ้น
และจุดพลิกผันครั้งใหญ่ของ RCom รวมไปถึงทั้งอุตสาหกรรมเทเลคอมของอินเดีย ก็เกิดขึ้นในปี 2016
เมื่อ Mukesh Ambani ได้ก่อตั้งบริษัทย่อยของ Reliance Industries ในชื่อ “Jio” ซึ่งเป็นบริษัท
ที่เน้นบริการด้านเทคโนโลยี รวมถึงการให้บริการโทรคมนาคมแบบเดียวกับ RCom ด้วย
ด้วยชื่อเสียงของ Reliance Industries ก็ทำให้ Jio มีจำนวนผู้ใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กำไรของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอย่าง Airtel ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้อีก 2 บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดรองลงมาอย่าง Vodafone และ Idea ต้องควบรวมกิจการกัน
ในเวลาต่อมาบริษัท Jio ของ Mukesh Ambani ก็กลายมาเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่สุดในอินเดีย ส่วน RCom ของ Anil ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ก็หายไปจากการแข่งขันในตลาดเทเลคอม จนทำให้บริษัทขาดทุนและกลายเป็นหนี้มหาศาล
RCom ต้องยอมขายสินทรัพย์ของกิจการบางส่วนให้กับ Jio เพื่อลดหนี้
แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ของ RCom ดีขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 RCom ได้ทำข้อตกลงกับ Ericsson โดยจ้างให้ Ericsson มาเป็นผู้บริหารเครือข่ายในบริเวณทางเหนือและตะวันตกของอินเดีย แต่ผลจากการขาดทุนต่อเนื่องก็ทำให้ RCom ไม่มีเงินจ่ายให้ Ericsson ตั้งแต่ปี 2016
RCom ติดหนี้ Ericsson 2.46 พันล้านบาท ซึ่ง RCom ก็ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามกำหนด และขอเลื่อนเวลาการจ่ายหนี้ออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว RCom จ่ายหนี้ได้เพียง 528 ล้านบาท นำไปสู่การถูกฟ้องร้องในเวลาต่อมา
ศาลสูงสุดจึงมีคำตัดสินว่า ถ้าภายใน 1 เดือน RCom ยังจ่ายหนี้ให้ Ericsson ไม่ได้ Anil จะต้องถูกจำคุก 3 เดือน
สุดท้ายแล้วพี่ชายของ Anil Ambani อย่าง Mukesh ก็เข้ามาช่วย
โดยการจ่ายหนี้ที่เหลือ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทให้
ในขณะที่ บริษัท RCom ก็ต้องยื่นล้มละลาย
แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น เพราะ RCom ยังมีหนี้ก้อนใหญ่อีกก้อน ที่กู้ยืมมาจาก 3 ธนาคารขนาดใหญ่ของจีน ทั้ง ICBC, China Development Bank และ EXIM Bank of China เป็นมูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท
ทั้ง 3 ธนาคารจึงยื่นฟ้อง RCom และ Anil Ambani..
ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่ง Anil ได้พูดระหว่างพิจารณาคดีออนไลน์กับศาลของประเทศอังกฤษว่า เขาไม่มีเงินใช้หนี้ เพราะความมั่งคั่งของเขาตอนนี้ใกล้จะเป็นศูนย์แล้ว.. ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเขาจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้
จากความขัดแย้งเพื่อแย่งกิจการกันเองในครอบครัว บวกกับการบริหารธุรกิจที่ผิดพลาด การทุ่มเงินลงทุนขนาดใหญ่แต่ได้ผลลัพธ์แย่กว่าที่คาด ทำให้บริษัทก่อหนี้ก้อนโต
ทั้งหมดนี้ก็ได้ส่งผลไปยังทรัพย์สินของผู้ที่เคยรวยติดอันดับ 6 ของโลกอย่าง Anil Ambani ได้หายไปเกือบหมด ในขณะที่พี่ชายที่เติบโตมาพร้อมกัน กลับเดินสวนทางกัน เพราะประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย นั่นเอง
ถ้าใครเชื่อว่าชีวิตของเราถูกกำหนดมาแล้วตั้งแต่เกิด
เกิดมาในครอบครัวที่รวย ก็ย่อมมีแรงส่งให้พวกเขารวยขึ้น
ซึ่งมันก็เป็นจริงในหลายกรณี
แต่ในบางกรณี มันก็อาจเป็นตรงกันข้าม
ซึ่งอย่างน้อย มันก็เกิดขึ้นแล้วกับ Anil Ambani น้องชายของ มหาเศรษฐี ที่รวยสุดในเอเชีย นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.in/thelife/personalities/news/anil-ambanis-journey-from-42-billion-net-worth-to-claiming-poverty/articleshow/74028627.cms
-https://www.scmp.com/magazines/style/celebrity/article/3093874/mukesh-vs-anil-why-did-one-ambani-brother-go-bankrupt
-https://economictimes.indiatimes.com/industry/telecom/telecom-news/from-glory-to-dust-an-ambani-brands-journey-to-bankruptcy/articleshow/67837769.cms?from=mdr
-https://www.businesstoday.in/latest/economy-politics/story/anil-ambani-road-to-bankruptcy-how-the-brother-of-indias-richest-man-lost-his-way-271119-2020-08-25
-https://www.moneycontrol.com/news/business/a-timeline-of-reliance-communications-versus-ericsson-case-3661261.html
-https://youtu.be/dBH0E20kc30
-https://www.forbes.com/forbes/2008/0324/080.html?sh=3e185f910f2e
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Industries
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Group
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「net worth celebrity」的推薦目錄:
- 關於net worth celebrity 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於net worth celebrity 在 Cổ Động Facebook 的最讚貼文
- 關於net worth celebrity 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳貼文
- 關於net worth celebrity 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳貼文
- 關於net worth celebrity 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於net worth celebrity 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於net worth celebrity 在 Celebrities Net Worth - Home | Facebook 的評價
net worth celebrity 在 Cổ Động Facebook 的最讚貼文
BAN NHẠC ABBA TÁI HỢP SAU GẦN 4 THẬP KỶ
Theo kế hoạch, thông báo lịch sử này được ABBA chính thức tuyên bố vào lúc 16h45 ngày 2/9 (theo giờ GMT - tức 23h45 cùng ngày giờ Việt Nam). Sự trở lại đang làm nức lòng người hâm mộ trên toàn thế giới.
Theo những thông tin ban đầu, ABBA dự kiến sẽ trình làng các ca khúc mới, đồng thời ra mắt một chương trình sân khấu mang tên 'Abbatars' hoặc 'Abba Voyage', trong đó họ sẽ biểu diễn dưới hình ảnh ba chiều.
Từ tuần trước, các thành viên nhóm nhạc, gồm Anni-Frid Lyngstad (75 tuổi), Agnetha Faltskog (71 tuổi), Bjorn Ulvaeus (76 tuổi) và Benny Andersson (74 tuổi) - thông báo trên Twitter rằng: "Cảm ơn các bạn đã chờ đợi, cuộc hành trình sắp bắt đầu."
Một trang web cũng đã được ra đời để chuẩn bị cho "buổi truyền trực tiếp lịch sử theo hình thức trực tuyến" (livestream) và hãng Universal Music Group dự kiến tổ chức một sự kiện đặc biệt tại tháp quan sát ArcelorMittal Orbit ở Công viên Olympic Nữ hoàng Elizabeth, phía Đông London.
Cách đây 3 năm, các thành viên ABBA cũng đã tiết lộ rằng họ sẽ trở lại phòng thu để ghi âm các bản nhạc mới.
Trả lời phỏng vấn tờ The Sun (Anh), đại diện nhóm này cho biết: "Cả 4 chúng tôi đều cảm thấy rằng sau khoảng 35 năm, sẽ rất vui khi được hợp tác cùng nhau lần nữa trong phòng thu âm. Vì vậy, chúng tôi đã thực hiện điều này."
Trong khi đó, Ulvaeus chia sẻ với The Times rằng ông đã viết lời cho các bài hát mới của ABBA, trong khi Andersson sáng tác nhạc và cả nhóm vẫn "nghe rất nhiều nhạc của ABBA."
Theo The Sun, các thành viên đã cùng thu âm ít nhất 8 ca khúc, trong đó có 'I Still Have Faith in You' và 'Don't Shut Me Down'.
Nguồn tin này cho biết, các thành viên ABBA sẽ lồng tiếng cho những hình ảnh 3 chiều của chính mình trong thời kỳ hoàng kim cho một chương trình sân khấu nghệ thuật 'Abba Voyage' sẽ được tổ chức tại một nhà hát có sức chứa 3.000 người ở Công viên Olympic của London.
Chương trình sẽ được công chiếu vào tháng 2/2022 và diễn 8 suất/tuần, với những nội dung kết hợp từ những hình ảnh đã quay và dựng sẵn, cùng các nghệ sĩ biểu diễn trực tiếp.
Chương trình dự kiến sẽ diễn ra tại Anh đến năm 2025, sau đó chuyển tới Stockholm (Thụy Điển) hoặc Las Vegas (Mỹ).
Những rắc rối trong hôn nhân giữa các cặp thành viên nhóm nhạc này đã dẫn tới sự rạn nứt của ABBA, cụ thể là cuộc ly hôn năm 1979 của Bjorn và Agnetha (khởi nguồn cho ca khúc 'The Winner Takes It All') và sau đó Benny - Frida tan vỡ hôn nhân vào năm 1981.
Kể từ khi ABBA tan rã vào năm 1982, các thành viên ban nhạc đã nhất quyết từ chối mọi đề xuất "tái hợp."
Theo Celebrity Net Worth, năm 2000, nhóm nhạc từ chối lời đề nghị trị giá 1 tỷ USD để thực hiện 100 buổi biểu diễn vòng quanh thế giới.
...
Theo NME & Thanh Phương (TTXVN)
net worth celebrity 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳貼文
‘Kris Jenner’ คุณแม่ผู้อยู่เบื้องหลัง 5 ลูกสาวอายุน้อยหมื่นล้านแห่งอาณาจักร Kardashian และ jenner
.
Kardashian และ jenner หนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยและโด่งดังที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก ต้องเคยได้ยินข่าวสารของสมาชิกครอบครัวนี้ โดยเฉพาะความสำเร็จของบรรดาลูกสาวทั้ง 5 คน ผู้หญิงที่เป็นนิยาม “เทรนด์” ต่างๆ ในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น Kylie Jenner, kandall Jenner, Kim Kardashian West, Khloé Kardashian และ Kourtney Kardashian แต่ละคนกลายเป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินรวมแล้วกว่าพันล้านและหมื่นล้าน!
.
ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยจัดการดูแลและผลักดันลูกสาวของเธอ ก็คือ “Kris Jenner” คุณแม่ผู้ผันตัวจากแอร์โฮสเตส สู่การสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุด
.
จุดเริ่มต้นของอาณาจักร Kardashian และ jenner เริ่มต้นขึ้นเมื่อครอบครัวต้องประสบกับปัญหาทางการเงิน เพื่อให้มีเงินมีเพียงพอต่อการเลี้ยงดูลูกๆ เธอตัดสินใจเป็น ผู้จัดการของบรูซ (สามีของเธอในตอนนั้น) โดยเธอจะส่งโปรไฟล์ของสามีส่งไปตามบริษัทใหญ่ระดับโลก เพื่อไปบรรยายในเชิงให้แรงบันดาลใจตามบริษัทต่าง ๆ ซึ่งก็สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้เป็นอย่างดี รวมถึงเธอสามารถปิดดีลทำไลน์วิดิโอฟิตเนสยอดฮิตในตอนนั้นได้ โดยมีชื่อว่า “Super Fit with Bruce and Kris Jenner” ยิ่งทำให้พวกเขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้น
.
ต่อมาในช่วงปี 2007 Kris ได้ไปขายคอนเซ็ปต์การทำเรียลลิตี้โชว์กับทาง E! Entertainment โดยใช้ชื่อว่า “Keeping Up with the Kardashians” ได้สำเร็จ และรับหน้าที่เป็น Executive Producer มีการนำไปออกอากาศทั่วโลกกว่า 150 ประเทศ ล่าสุด มีการประกาศว่า เรียลลิตี้โชว์ยอดฮิตนี้ จะออกอากาศซีซันสุดท้ายในช่วงต้นปีหน้า
.
โดยเหตุผลหลักคือการที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทและเปลี่ยนการบริโภคสื่อของผู้บริโภคและแฟนๆรายการทั่วโลก รวมถึงพวกเธอสามารถอัปเดตวิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ และสามารถขายของผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ ทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และสแนปแชท
.
ต่อมา Kris ได้จัดตั้งบริษัท Jenner Communications และเธอก็เป็นผู้จัดการของทุกคนในครอบครัว ช่วงแรกเธอจะเน้นให้ลูกๆ ไปงานโชว์ตัว รวมถึงเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ แต่ปัญหาก็คือ แต่ละคนจะได้แค่ส่วนแบ่งค่าตัวเท่านั้น เธอจึงแก้ปัญหาด้วยการ ให้ลูกๆ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเองซะเลย เพื่อให้ได้รับผลกำไรแบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่ค่าตัวเหมือนที่เคยได้
.
ซึ่งการแก้ปัญหาของเธอในครั้งนี้ ยิ่งทำให้อาณาจักร Kardashian และ jenner มีความยิ่งใหญ่มากขึ้น แต่ละแบรนด์ของลูกๆ ของเธอ เป็นที่รู้จักและโด่งดังระดับโลก รวมถึงลูกๆของเธอเองก็เรียกได้ว่า เป็นเซเลปแถวหน้าของวงการ มีมูลค่าทรัพย์สินกว่าหลักพันล้าน และหมื่นล้าน ซึ่งหนึ่งในนั้น ถูกยกให้เป็น เศรษฐีนีหมื่นล้านอายุน้อยที่สุดในโลก! มาดูกันว่าบรรดาลูกๆของเธอ มีทรัพย์สินรวยเท่าไหร่กันบ้าง
.
#Kylie Jenner (อายุ 23 ปี)
เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง Kylie Cosmetics
Kylie เธอถูกยกให้เป็น “เศรษฐีนีหมื่นล้านที่อายุน้อยที่สุดโลก” จากนิตยสาร Forbes ด้วยวัยเพียง 23 ปี เธอมีทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 31,000 ล้านบาท ซึ่งแบรนด์ Kylie Cosmetic ของเธอก็มีมูลค่าถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 37,000 ล้านบาท
.
#Kim Kardashian (อายุ 40 ปี)
มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 28,000 ล้านบาท
Kim ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในยุคของ Disruptive ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไร มักถูกพูดถึงอยู่เสมอ ซึ่งเธอเป็นเจ้าของแบรนด์ Skims และ KKW Beauty อีกทั้งยังเคยเปิดร้านมัลติแบรนด์สโตร์ DASH 4 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา
.
#Kendall Jenner (อายุ 25 ปี)
Kendall ขึ้นแท่นเป็นนางแบบที่มีค่าตัวสูงที่สุด มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,200 ล้านบาท
โดยรายได้หลักๆของเธอมาจากการเป็นนางแบบและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์แบรนด์ต่างๆ และได้ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจร่วมมือกับ Kylie เปิดตัวเครื่องสำอางคอลเลกชัน Kendall X Kylie รวมถึงก่อนหน้านี้เธอก็เคยร่วมมือกับ Kylie เปิดแบรนด์เสื้อผ้ามาแล้วเช่นกัน
.
#Khloe Kardashian (อายุ 36 ปี)
มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,200 ล้านบาท
ซึ่งรายได้ต่างๆของเธอ นอกเหนือจากเงินเดือน KUWTK เธอยังได้รับจากการทำรายการทีวี รวมถึงการทำแบรนด์แฟชั่น Good American ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2559
.
#Kourtney Kardashian (อายุ 41 ปี)
มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,000 ล้านบาท
พี่ใหญ่ของน้องๆตระกูล Kardashian และ Jenner รายได้ส่วนใหญ่ของเธอมาจากรายการเรียลลิตี้โชว์ อีกทั้งยังมาจากแบรนด์ไลฟ์สไตล์และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตัวเองที่มีชื่อว่า Poosh
.
นอกจากนี้ Kris ยังมีลูกชายอีกหนึ่งคน นั่นคือ Rob Kardashian ที่มูลค่าทรัพย์สินของเขาก็ไม่ได้น้อยๆเลย เพราะเขามีทรัพย์สินรวมกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 313 ล้านบาท
.
จะเห็นว่าความสำเร็จของลูกๆ ตระกูล Kardashian และ Jenner เป็นเพราะมีคุณแม่อย่าง Kris คอยสนับสนุน และผลักดันอยู่ตลอดเส้นทางการทำงาน รวมถึงเธอยังต้องคอยดูแลควบคุมภาพลักษณ์ของครอบครัว
ซึ่งตัวของ Kris เองก็ได้ทำการตลาดของตัวเองให้เป็นแบรนด์ด้วย เช่น แคมเปญ Me And My Peekaboo ของแบรนด์ Fendi และทำคอลเลกชันวันแม่ของแบรนด์ Kylie Cosmetics เป็นต้น ถึงแม้ว่าอายุของเธอจะล่วงเลยเข้าสู่เลข 6 แล้วลูก ๆ ของเธอก็ประสบความสำเร็จกันทุกคนแล้ว แต่เธอก็ยังเต็มเปี่ยมด้วยพลัง เป็นเสาหลักของครอบครัว รวมถึงไม่หยุดผลักดันและพัฒนาแบรนด์ของครอบครัว
.
สิ่งที่เราจะสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ก็คือการเป็นเสาหลักครอบครัว รักและดูแลครอบครัว ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค หรือความล้มเหลว ที่ต้องเผชิญ เมื่อมองเห็นว่าอะไรที่พอเป็นโอกาสในการต่อยอดทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ก็ลงมือทำ ไม่รอให้โอกาสผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
.
ที่มา : https://www.forbes.com/profile/kris-jenner/#312dec6a49d1
https://www.forbes.com/sites/carlieporterfield/2020/10/21/kim-kardashian-west-says-oj-simpson-murder-trial-tore-my-family-apart-in-rare-admission/#e829aff2d615
https://www.harpersbazaar.com/celebrity/latest/a22117965/kardashian-family-net-worth/
https://www.harpersbazaar.com/celebrity/latest/a22117965/kardashian-family-net-worth/
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#Kardashian #Jenner #KrisJenner #KylieLenner
net worth celebrity 在 Celebrities Net Worth - Home | Facebook 的推薦與評價
Celebrities Net Worth. 47 likes. This page is all about Celebrities net worth, biographies and latest news & Gossip!! https://www.whosebirthdaytoday.com/ ... <看更多>