How many of you waited for the previous glitched photo to load? Hahaha!! 😂 Sorry for the terrible prank 😅
⠀
Everyone hates to see that ‘photo not loaded’ icon... if you want to never experience the super annoying zzz feeling of your mobile plan’s data running or glitching out on you again, #glitchyourditch with @gigaexperience’s newest plan! You get a whooping 40GB at $20 for 12 months (plan reverts to $30 for 40GB after) and they offer FREE rollover data 😱😱😱
⠀
This means if you don’t use up your 40GB you get to rollover your data to the next month! Say whut 😶 Apparently they are the only telco to provide this, and 40GB is a LOT! How much do you guys typically use a month, leave a comment to tell me please I’m like so curious. I don’t think I’ve ever used more than 20gb?
⠀
More good news: You don’t need a contract to sign up! And yes you can retain your old phone number! So if you are one of those people who live a tragic life being all stingy about using phone data, maybe you wanna... stop being one of them? 🤣 Check out #gigaexperience’s awesome data-centric plan, because seriously who cares how many free sms or call time you give us, nobody even uses those things anymore amirite 😳 ONLY INTERNET IS KING
#giga #sp
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過15萬的網紅しゅんしゅんクリニックPチャンネル,也在其Youtube影片中提到,【HEY HEY DOCTOR】 This is a song about what doctors often do. Singing is a Shun P, Japanese doctor and comedian. Please listen and dance. これは医者のあるあるを歌...
「nobody cares about me」的推薦目錄:
- 關於nobody cares about me 在 Xiaxue Facebook 的最佳貼文
- 關於nobody cares about me 在 Patchai Pakdeesusuk Facebook 的最讚貼文
- 關於nobody cares about me 在 Oom BNK48 Facebook 的最佳解答
- 關於nobody cares about me 在 しゅんしゅんクリニックPチャンネル Youtube 的最佳貼文
- 關於nobody cares about me 在 bubzbeauty Youtube 的精選貼文
- 關於nobody cares about me 在 pennyccw Youtube 的最讚貼文
nobody cares about me 在 Patchai Pakdeesusuk Facebook 的最讚貼文
1
ผมไม่เชื่อว่ามนุษย์จะทำได้ทุกอย่าง
แม้เชื่อว่าถ้ามีวินัยและความพยายาม มนุษย์สามารถทำในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้กระทั่งสำเร็จ แต่ก็ไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะทำทุกอย่างได้ดีในเวลาเดียวกัน
หนึ่งเรื่องที่ทุ่มเท เรากำลังแลกกับหนึ่งเรื่องที่ปล่อยมือไป
งานจึงช่วงชิงเวลาจากความสัมพันธ์ การหาความรู้จึงยื้อยุดเวลากับการออกกำลังกาย เฮฮากับเพื่อนฝูงจึงแย่งเวลากับห้วงสงบเมื่ออยู่ตามลำพัง
เรามัก 'เห็น' คนที่ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ดี เพราะเมื่อทำได้ดีแสงสปอร์ตไลท์จะจับจ้องไปที่ตัวเขา ผู้คนในสื่อจำนวนมากคือคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ที่จริงมีวงเล็บต่อท้ายว่า (ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง) สำหรับบางคนอาจสำเร็จหลายเรื่อง กระนั้นก็มีวงเล็บอยู่ดีว่า (แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องในชีวิตหรอก)
เพราะหนึ่งความสำเร็จนั้นแลกมาด้วยการยอมเสียอะไรไปบางอย่าง สิ่งที่เขาเสียไปเราอาจไม่เห็นและไม่รู้
ขณะที่คนที่จัดสมดุลชีวิตได้ดีอาจไม่ใช่คนโดดเด่น เพราะเขาอาจไม่เก่งเป็นที่หนึ่ง แต่เก่งพอประมาณ มีความสุขกับชีวิต และมีเวลากับเรื่องที่ตัวเองอยากทำ รักษาสัมพันธ์ได้กลมกล่อม คนแบบนี้ถ้าให้คะแนนในด้านต่างๆ อาจประมาณ 7 คะแนน แต่ทุกช่องไม่มีต่ำกว่า 7 จึงไม่ค่อยมีใครสนใจเขา
ท่ามกลางการรับรู้ผ่านสื่อ เรามักให้ความสนใจกับคนที่ได้คะแนนเต็ม 10 หรือทะลุไปถึง 15 ในด้านใดด้านหนึ่ง แต่เราไม่มีวันรู้เลยว่าถ้าต้องกรอกคะแนนให้ตัวเองในช่องอื่น เขาจะกรอกคะแนนเท่าไร เป็นไปได้ว่าบางช่องอาจได้แค่ 2 คะแนนจากเต็มสิบ
...
2
เป็นไปได้ไหมว่าการรับรู้เช่นนี้ทำให้เราอาจเป็นคนที่มีคะแนนเต็มสิบอยู่ตลอดเวลา และถ้าเป็นไปได้เราก็อยากเต็มสิบในทุกช่องของชีวิต
งานดี กีฬาเด่น ครอบครัวสุขสันต์ จิตใจสดใส เที่ยวก็ได้ไป หนังก็ได้ดู ดนตรีได้เล่น ดำน้ำลึก ฝึกปีนผา เป็นอาสาเพื่อชุมชน อ่านหนังสือร้อยเล่มต่อปี พูดบาลีคล่อง อ่านสเปนออก จัดดอกไม้เป็น คิดเห็นเป็นนวัตกรรม ก้าวทันเทคโนโลยี มีสตาร์ทอัพยูนิคอร์น สอนลูกให้เก่งกว่าลูกข้างบ้าน เบิกบานเป็นอิสระทางการเงิน ฯลฯ อีกมากมาย
เรานำเอาคุณสมบัติ 'เต็มสิบ' ของทุกคนทุกเรื่องราวที่เสพมาวางไว้บนบ่าตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แรงปรารถนานั้นบอกว่าฉันอยากเป็นให้ได้
ความคาดหวังมากมายกับตัวเองอาจนำพาความคาดคั้นเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของเราออกมาในทุกมิติโดยเชื่อว่ายังมีอีก 'หลายก๊อก' ซุกซ่อนอยู่ในตัวเรา ราวน้ำพุไม่มีวันเหือด
...
3
กระนั้น, ความจริงมีอยู่ว่า พลังและเวลาของมนุษย์มีจำกัด
เมื่อทุ่มให้กับอะไรสักอย่างย่อมมีบางอย่างถูกปล่อยปละไป-\-\นี่คือสัจธรรมอันมิอาจเลี่ยง
การพยายามประคับประคองทุกอย่างเอาไว้ด้วยสองมือกับยี่สิบสี่ชั่วโมงที่มีเท่าเดิมมีโอกาสที่จะสร้างบาดแผลในใจให้เกิดขึ้น ยิ่งนานก็ยิ่งบอบช้ำและลงลึก
ผมค่อยๆ เข้าใจผ่านประสบการณ์ปรารถนาฉวยคว้าทุกอย่างไว้และทำให้เต็มที่ที่สุดด้วยคำตอบง่ายๆ กับตัวเองว่า-\-\มึงทำไม่ได้หรอก
ประหลาดแท้! ทันทีที่ยอมรับว่าเราทำทุกอย่างให้เต็มสิบไม่ได้หรอก ทันใดนั้นภูเขายักษ์นาม 'ความคาดหวัง' ก็ไหลหล่นลงจากบ่าหายวับไปกลายเป็น 'ที่ว่าง' ให้ผมเลือกสิ่งที่อยากนำมาวางไว้บนบ่าของตัวเองใหม่
ไม่ใช่ 'ทุกอย่าง' อีกต่อไป แต่เป็นเพียง 'บางอย่าง' ที่สำคัญในช่วงเวลานี้
บางอย่างที่ยังไม่ต้องทำให้สำเร็จตอนนี้ ผมเลื่อนเวลาออกไปก่อน หากต้องกรอกคะแนนมันอาจจะเป็น 0 ในตอนนี้ เช่น หนังสือบางเล่มที่ตั้งใจเขียนให้เสร็จภายในปลายปีนี้ ผมลองพักวางไว้และจะใช้สมาธิตั้งใจเขียนให้จบภายในปีหน้าแทน เมื่อคิดได้ก็เบาใจไปเยอะ
...
4
"ค่อยๆ สำเร็จทีละเรื่อง" คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ เพราะสำเร็จพร้อมกันทุกเรื่องนั้นกดดันตัวเองเกินไป เรามีชีวิตยืนยาวพอที่จะให้เรา "ค่อยๆ ทำ" ระหว่างน้ันจะได้ใช้เวลาไปกับมิติอื่นในชีวิตไปพร้อมกันด้วย
เมื่อเลือกน้อยสิ่งเราจะใส่ใจและใส่พลังลงไปกับมันได้มากขึ้น สำคัญกว่านั้น, เราจะมองเห็นตัวเองตามความเป็นจริงมากขึ้นว่า "มึงไม่ใช่ซูเปอร์แมน" และที่สำคัญที่สุดคือ-\-\เราไม่ต้องเป็นซูเปอร์แมน
เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ที่เกลี่ยคะแนนชีวิตในช่องต่างๆ ให้มีค่าเฉลี่ยที่น่าพอใจ จากเคยมีช่องที่ได้ 15 เต็มสิบ ก็เกลี่ยมาให้กลายเป็น 7 คะแนน แล้วแบ่งคะแนนไปใส่ช่องที่เคยเป็น 0 หรือ 2 ให้กลายเป็น 7 แทน
คนอาจไม่ปรบมือให้เราหรอก เพราะช่องที่คะแนนเพิ่มขึ้นนั้นอาจไม่มีใครเห็นหรือรับรู้ แต่ตัวเรารับรู้อยู่ด้วยหัวใจที่เป็นสุขขึ้น เสียงหัวเราะของคนรอบตัวที่เรามีเวลาได้ฟังบ่อยขึ้น มิตรภาพที่แน่นแฟ้นกว่าเดิม
ที่สำคัญ, เราไม่รู้สึกกดดันตลอดเวลา ซึ่งจะว่าไปอาจไม่มีใครกดดันเราเลย แต่เป็นตัวเรานั่นเองที่กดดันให้ตัวเองต้องเก่งทุกด้าน ทำทุกสิ่ง และสำเร็จทุกอย่างมากเกินไป
...
5
กระนั้นก็ใช่ว่าการทำเช่นนี้จะไม่ต้องแลกกับอะไรเลย แลกสิครับ แลกเหมือนกัน มันแลกกับการที่กลายเป็นคนที่ไม่สำเร็จมากมาย ไม่โดดเด่นนัก ไม่เป็นซูเปอร์แมน
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องช่วงเวลาของชีวิต บางช่วงของชีวิตเราอาจไม่พร้อมแลก แต่บางช่วงเราก็อาจอยากแลก และไม่อยากเป็นซูเปอร์แมนอีกต่อไปแล้ว
สำหรับผม, ซึ่งผ่านช่วงวัยหนุ่มอันร้อนแรงลุกโชนมาแล้ว, ข้อดีที่สุดของวัยสี่สิบปีคือการยอมให้ตัวเอง 'ไม่ทำ' หรือ 'ไม่สำเร็จ' หรือ 'ไม่เก่ง' บ้างในบางเรื่อง เพื่อใช้เวลาไปกับสิ่งอื่นที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน เช่น ความสงบในใจ การใช้เวลากับพ่อแม่ที่แก่ชราลง และเสียงหัวเราะของเพื่อนเก่าที่เข้าใจกัน
ในวัยหนุ่มกว่านี้ผมชอบตัวเลข 10 และอยากดันตัวเองให้ทะลุไปถึง 11 หรือมากกว่านั้น แต่ในวัยนี้ผมชอบตัวเลข 7 ซึ่งถ้าเป็นคะแนนสอบก็คือ ผ่านมาได้แบบกำลังดี และเมื่อทุกวิชาได้ 7 แล้ว เราก็ไปเน้นในบางวิชาในบางเทอมให้ได้ 10 สักครั้ง ทีละเรื่องก็พอ เท่านี้ก็เป็นชีวิตที่น่าพอใจ
ผมทบทวนเรื่องนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ว่า สิ่งที่เรากำลังทุ่มพลังและเวลาให้นั้น เราแลกมันกับอะไร
และมันคุ้มหรือไม่ที่เราจะแลก
1
I don't believe humans can do anything.
Even though I believe that if discipline and effort, human beings can do what seems impossible, even succeed, but they don't think one person will do everything well at the same
One dedicated story. We are in exchange for one that let go.
So the job takes time from the relationship. Finding knowledge, so I hold on time with exercise. Fun with friends. So I steal time with peace when they are alone.
We always 'see' people who do something well because when we do well, spotlight will stare at him. Many people in the media are successful people, but in fact, there is a parence (in something) for Some people may accomplish many things. There is a bracket (but not everything in life)
Because one success comes by losing something. What he lost, we may not see and not know.
While a person who balances life well may not be outstanding because he may not be good at first, but moderately, happy with life and have time with what he wants to do. Keep relationship. This kind of person. If you rate in different aspects, it may be approx. 7 POINTS BUT EVERY CHANNEL IS NOT LESS THAN 7 so nobody cares about him.
In the midst of media awareness, we often pay attention to people who score 10 or through 15 on one side. But we never know how much points to fill in other fields, they will fill in other points. It's possible. The channel may only get 2 points out of ten.
...
2
Is it possible that perception like this makes us to be the one with a full ten score all the time? and if possible, we want to be full ten in every channel of
Good work, Sports, happy family, bright mind, you can travel, go to movies, watch music, play scuba diving, practice climbing, volunteer for the community, read a hundred books a year, speak bali fluently, read Spain, arrange flowers as an innovation, move in time for technology Cuddle unicorns teach kids to be better than the kids next door. Cheerful, financially independent, etc.
We bring the 'full ten' qualities of everyone. Every story that I use on my shoulder unintentionally, but the desire says I want to be.
Many expectation with ourselves may bring out our highest potential in every dimension, believing that there are 'many taps' hidden in us. The Fountain will never be seen.
...
3
However, the truth is that human power and time are limited.
When you give to something, something will be released -\-\ this is the cuddle truth that cannot avoid.
Trying to hold everything with two hands and twenty-four hours with the same. There is a chance to create wounds in your heart. The longer it takes, the more traumatized and deep.
I slowly understand through experience, desire, seize everything and do my best with a simple answer to myself -\-\ you can't do it.
So weird! As soon as I admit that we can't do everything to the full ten, suddenly a giant mountain named ' expectation ' fell from my shoulder. Cuddle baht to become ' space '. Let me choose what I want to put on my shoulder.
NOT ' everything ' anymore, but just ' something ' that matters in the moment.
Something that hasn't had to be accomplished. Now I have to postpone the time. If I have to fill out the score, it may be 0 now. Such as some books that I intended to finish writing by the end of this year. I tried cuddle put it and I End of next year instead. When I think about it, it's too light.
...
4
" gradually successful one by one " is what I learned because everything is done together. It's too pressure on ourselves. We live long enough to " slowly do " between cuddle am so that we can spend time with other dimensions in life together.
When we choose less, we will pay more power and put more energy. More important, we will see ourselves in fact that "you are not superman" and the most important thing is -\-\ we don't have to be superman.
I am a normal human being who spreads life in various channels to have a satisfying average. There was a channel that got 15 full of ten, it into 7 points and then divided the points to the channel that used to be 0 OR 2 Let's become 7 instead
People may not applaud us because the channel where the score may not see or know, but we know with a happier heart. The laughter of those around us have more often. Stronger friendship.
Most importantly, we don't feel pressure all the time. No one may pressure us, but it's me who pressure ourselves to be good at all aspects. Do everything and accomplish everything too much.
...
5
It's not that doing this doesn't have to exchange for anything. It's the same. It's in exchange for becoming a lot of unsuccessful. Not outstanding, not superman.
This is a moment of life. Some of our lives may not be ready to exchange, but sometimes we may want to trade and don't want to be superman anymore.
For me, who has passed the hot young age, the best thing of forty years old is to allow myself to ' not do ' or ' unsuccessful ' or ' not good ' in some things to spend time with other things that matter. Less, such as peace in mind, spending time with older parents and laughter of old friends who understand each other.
At a younger age, I like the number 10 and I want to push myself through 11 or more. But at this age, I like the number 7 which if it's a test score, it's good and when all subjects are fine. 7 and we go to focus on some subjects in some semester. 10 once at a time. This is enough. This is a satisfying life.
I review this more and more often what we are giving power and time we trade it for.
And is it worth us to tradeTranslated
nobody cares about me 在 Oom BNK48 Facebook 的最佳解答
1
ผมไม่เชื่อว่ามนุษย์จะทำได้ทุกอย่าง
แม้เชื่อว่าถ้ามีวินัยและความพยายาม มนุษย์สามารถทำในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้กระทั่งสำเร็จ แต่ก็ไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะทำทุกอย่างได้ดีในเวลาเดียวกัน
หนึ่งเรื่องที่ทุ่มเท เรากำลังแลกกับหนึ่งเรื่องที่ปล่อยมือไป
งานจึงช่วงชิงเวลาจากความสัมพันธ์ การหาความรู้จึงยื้อยุดเวลากับการออกกำลังกาย เฮฮากับเพื่อนฝูงจึงแย่งเวลากับห้วงสงบเมื่ออยู่ตามลำพัง
เรามัก 'เห็น' คนที่ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ดี เพราะเมื่อทำได้ดีแสงสปอร์ตไลท์จะจับจ้องไปที่ตัวเขา ผู้คนในสื่อจำนวนมากคือคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ที่จริงมีวงเล็บต่อท้ายว่า (ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง) สำหรับบางคนอาจสำเร็จหลายเรื่อง กระนั้นก็มีวงเล็บอยู่ดีว่า (แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องในชีวิตหรอก)
เพราะหนึ่งความสำเร็จนั้นแลกมาด้วยการยอมเสียอะไรไปบางอย่าง สิ่งที่เขาเสียไปเราอาจไม่เห็นและไม่รู้
ขณะที่คนที่จัดสมดุลชีวิตได้ดีอาจไม่ใช่คนโดดเด่น เพราะเขาอาจไม่เก่งเป็นที่หนึ่ง แต่เก่งพอประมาณ มีความสุขกับชีวิต และมีเวลากับเรื่องที่ตัวเองอยากทำ รักษาสัมพันธ์ได้กลมกล่อม คนแบบนี้ถ้าให้คะแนนในด้านต่างๆ อาจประมาณ 7 คะแนน แต่ทุกช่องไม่มีต่ำกว่า 7 จึงไม่ค่อยมีใครสนใจเขา
ท่ามกลางการรับรู้ผ่านสื่อ เรามักให้ความสนใจกับคนที่ได้คะแนนเต็ม 10 หรือทะลุไปถึง 15 ในด้านใดด้านหนึ่ง แต่เราไม่มีวันรู้เลยว่าถ้าต้องกรอกคะแนนให้ตัวเองในช่องอื่น เขาจะกรอกคะแนนเท่าไร เป็นไปได้ว่าบางช่องอาจได้แค่ 2 คะแนนจากเต็มสิบ
...
2
เป็นไปได้ไหมว่าการรับรู้เช่นนี้ทำให้เราอาจเป็นคนที่มีคะแนนเต็มสิบอยู่ตลอดเวลา และถ้าเป็นไปได้เราก็อยากเต็มสิบในทุกช่องของชีวิต
งานดี กีฬาเด่น ครอบครัวสุขสันต์ จิตใจสดใส เที่ยวก็ได้ไป หนังก็ได้ดู ดนตรีได้เล่น ดำน้ำลึก ฝึกปีนผา เป็นอาสาเพื่อชุมชน อ่านหนังสือร้อยเล่มต่อปี พูดบาลีคล่อง อ่านสเปนออก จัดดอกไม้เป็น คิดเห็นเป็นนวัตกรรม ก้าวทันเทคโนโลยี มีสตาร์ทอัพยูนิคอร์น สอนลูกให้เก่งกว่าลูกข้างบ้าน เบิกบานเป็นอิสระทางการเงิน ฯลฯ อีกมากมาย
เรานำเอาคุณสมบัติ 'เต็มสิบ' ของทุกคนทุกเรื่องราวที่เสพมาวางไว้บนบ่าตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แรงปรารถนานั้นบอกว่าฉันอยากเป็นให้ได้
ความคาดหวังมากมายกับตัวเองอาจนำพาความคาดคั้นเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของเราออกมาในทุกมิติโดยเชื่อว่ายังมีอีก 'หลายก๊อก' ซุกซ่อนอยู่ในตัวเรา ราวน้ำพุไม่มีวันเหือด
...
3
กระนั้น, ความจริงมีอยู่ว่า พลังและเวลาของมนุษย์มีจำกัด
เมื่อทุ่มให้กับอะไรสักอย่างย่อมมีบางอย่างถูกปล่อยปละไป-\-\นี่คือสัจธรรมอันมิอาจเลี่ยง
การพยายามประคับประคองทุกอย่างเอาไว้ด้วยสองมือกับยี่สิบสี่ชั่วโมงที่มีเท่าเดิมมีโอกาสที่จะสร้างบาดแผลในใจให้เกิดขึ้น ยิ่งนานก็ยิ่งบอบช้ำและลงลึก
ผมค่อยๆ เข้าใจผ่านประสบการณ์ปรารถนาฉวยคว้าทุกอย่างไว้และทำให้เต็มที่ที่สุดด้วยคำตอบง่ายๆ กับตัวเองว่า-\-\มึงทำไม่ได้หรอก
ประหลาดแท้! ทันทีที่ยอมรับว่าเราทำทุกอย่างให้เต็มสิบไม่ได้หรอก ทันใดนั้นภูเขายักษ์นาม 'ความคาดหวัง' ก็ไหลหล่นลงจากบ่าหายวับไปกลายเป็น 'ที่ว่าง' ให้ผมเลือกสิ่งที่อยากนำมาวางไว้บนบ่าของตัวเองใหม่
ไม่ใช่ 'ทุกอย่าง' อีกต่อไป แต่เป็นเพียง 'บางอย่าง' ที่สำคัญในช่วงเวลานี้
บางอย่างที่ยังไม่ต้องทำให้สำเร็จตอนนี้ ผมเลื่อนเวลาออกไปก่อน หากต้องกรอกคะแนนมันอาจจะเป็น 0 ในตอนนี้ เช่น หนังสือบางเล่มที่ตั้งใจเขียนให้เสร็จภายในปลายปีนี้ ผมลองพักวางไว้และจะใช้สมาธิตั้งใจเขียนให้จบภายในปีหน้าแทน เมื่อคิดได้ก็เบาใจไปเยอะ
...
4
"ค่อยๆ สำเร็จทีละเรื่อง" คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ เพราะสำเร็จพร้อมกันทุกเรื่องนั้นกดดันตัวเองเกินไป เรามีชีวิตยืนยาวพอที่จะให้เรา "ค่อยๆ ทำ" ระหว่างน้ันจะได้ใช้เวลาไปกับมิติอื่นในชีวิตไปพร้อมกันด้วย
เมื่อเลือกน้อยสิ่งเราจะใส่ใจและใส่พลังลงไปกับมันได้มากขึ้น สำคัญกว่านั้น, เราจะมองเห็นตัวเองตามความเป็นจริงมากขึ้นว่า "มึงไม่ใช่ซูเปอร์แมน" และที่สำคัญที่สุดคือ-\-\เราไม่ต้องเป็นซูเปอร์แมน
เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ที่เกลี่ยคะแนนชีวิตในช่องต่างๆ ให้มีค่าเฉลี่ยที่น่าพอใจ จากเคยมีช่องที่ได้ 15 เต็มสิบ ก็เกลี่ยมาให้กลายเป็น 7 คะแนน แล้วแบ่งคะแนนไปใส่ช่องที่เคยเป็น 0 หรือ 2 ให้กลายเป็น 7 แทน
คนอาจไม่ปรบมือให้เราหรอก เพราะช่องที่คะแนนเพิ่มขึ้นนั้นอาจไม่มีใครเห็นหรือรับรู้ แต่ตัวเรารับรู้อยู่ด้วยหัวใจที่เป็นสุขขึ้น เสียงหัวเราะของคนรอบตัวที่เรามีเวลาได้ฟังบ่อยขึ้น มิตรภาพที่แน่นแฟ้นกว่าเดิม
ที่สำคัญ, เราไม่รู้สึกกดดันตลอดเวลา ซึ่งจะว่าไปอาจไม่มีใครกดดันเราเลย แต่เป็นตัวเรานั่นเองที่กดดันให้ตัวเองต้องเก่งทุกด้าน ทำทุกสิ่ง และสำเร็จทุกอย่างมากเกินไป
...
5
กระนั้นก็ใช่ว่าการทำเช่นนี้จะไม่ต้องแลกกับอะไรเลย แลกสิครับ แลกเหมือนกัน มันแลกกับการที่กลายเป็นคนที่ไม่สำเร็จมากมาย ไม่โดดเด่นนัก ไม่เป็นซูเปอร์แมน
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องช่วงเวลาของชีวิต บางช่วงของชีวิตเราอาจไม่พร้อมแลก แต่บางช่วงเราก็อาจอยากแลก และไม่อยากเป็นซูเปอร์แมนอีกต่อไปแล้ว
สำหรับผม, ซึ่งผ่านช่วงวัยหนุ่มอันร้อนแรงลุกโชนมาแล้ว, ข้อดีที่สุดของวัยสี่สิบปีคือการยอมให้ตัวเอง 'ไม่ทำ' หรือ 'ไม่สำเร็จ' หรือ 'ไม่เก่ง' บ้างในบางเรื่อง เพื่อใช้เวลาไปกับสิ่งอื่นที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน เช่น ความสงบในใจ การใช้เวลากับพ่อแม่ที่แก่ชราลง และเสียงหัวเราะของเพื่อนเก่าที่เข้าใจกัน
ในวัยหนุ่มกว่านี้ผมชอบตัวเลข 10 และอยากดันตัวเองให้ทะลุไปถึง 11 หรือมากกว่านั้น แต่ในวัยนี้ผมชอบตัวเลข 7 ซึ่งถ้าเป็นคะแนนสอบก็คือ ผ่านมาได้แบบกำลังดี และเมื่อทุกวิชาได้ 7 แล้ว เราก็ไปเน้นในบางวิชาในบางเทอมให้ได้ 10 สักครั้ง ทีละเรื่องก็พอ เท่านี้ก็เป็นชีวิตที่น่าพอใจ
ผมทบทวนเรื่องนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ว่า สิ่งที่เรากำลังทุ่มพลังและเวลาให้นั้น เราแลกมันกับอะไร
และมันคุ้มหรือไม่ที่เราจะแลก
1
I don't believe humans can do anything.
Despite believing that if there is discipline and effort, human beings can do what seems impossible until it's accomplished, but it doesn't think that one person will do everything well at
One dedicated story. We're exchanging for one thing to let go.
Work is so that we take time from relationship. Knowledge is holding on to exercise. Fun with friends. So we steal time with peace when we are alone.
We often ' see ' people doing something good because when it's done well, the spotlight will stare at him. Many people in media are successful people, but in fact, there is a bracket of suffix (in any story) for Some people may accomplish many things. There is a bracket. (but not everything in life)
Because one success is redeemed by surrendering something. What he lost, we may not see and not know.
While a person who has a good balance of life may not be outstanding because he may not be first, but he is good at moderately. Enjoys life and has time with what he wants to do. Heal a relationship with this kind of person. If you rate in various aspects, it may be estimated. 7 points but every channel is no lower than 7 so nobody cares about him.
Among media awareness, we always pay attention to those who score 10 or get 15 on either side. But we never know how much points they have to fill in other fields. It's possible that some. The channel may only get 2 points from the full ten.
...
2
Is it possible that this perception makes us a person with a full ten score all the time? And if possible, we want to have ten in every channel of life.
Good event, sport, family. Happy family. Good mind. Travel and go to movies. Watch music, play deep dive, practice climbing, volunteer for community. Read hundreds of books per year. Speak Bali fluently, read Spain, arrange flowers. It's innovative, innovative, innovative, technology, startup. cuddle Unicorns. Teach kids to be better than the kids next door. Cheerful, financial freedom, etc.
We accidentally put every 'full ten' feature on our own shoulders, but the desire says I want to be able to be.
Many expectations with oneself may bring squeezed to pull out our highest potential in every dimension, believing that there are ' many tap s' hidden in us. The fountain rails will never be seen.
...
3
Rather, the truth exists that human power and time are limited.
When you give to something, something will be released -\-\ This is the cuddle truths that cannot avoid.
Trying to hold everything by two hands and twenty-four hours with the same amount of time. There is a chance to create a wound in your heart. The longer it takes, the more painful and deep down.
I slowly understand through the experience, desire, grab everything and do my best with the simple answer to myself -\-\ You can't do it.
What a freak! Once I admit that I can't do everything to the top ten. Suddenly, a giant mountain of ' expectation ' fell from my shoulder to be ' space '. Let me choose what I want to put on my own shoulder.
Not ' everything ' anymore, but just ' something ' that matters in this moment.
Something that hasn't to be accomplished. Now I'm postponed. If I have to score, it may be 0 now. Like some books that are intended to be written by the end of this year. I have tried cuddle deer and I will concentrate on writing it. End within next year instead. When you think about it, it's a lot of heart
...
4
′′ Slowly succeeding one by one ′′ is what I have learned. Because everything is too successful. We have too much pressure on ourselves. We live long enough to let us ′′ slowly do it ′′ between cuddle am to spend time with other dimensions in life together.
When you choose less, we will pay attention and put more energy into it. More importantly, we will see ourselves more truthfully as ′′ you are not superman ′′ and most importantly -\-\ we don't have to be superman.
I am a normal human being who spreads life points in various channels to have a satisfying average. From once there is a channel that gets 15 in the 15th, spreads to 7 points and points to the channel that used to be 0 or 2 To become 7 instead
People may not applaud us, because the channel where points increase may not be seen or known, but we are aware of it with a happier heart. The laughter of those around us. We have time to listen more often. Stronger friendships.
Importantly, we don't feel pressure all the time. There may be no one to pressure us. But it's me who puts pressure on myself. You must be good at all aspects. Do everything and accomplish
...
5
It's not that doing this doesn't have to exchange for anything. Let's exchange it. It's in exchange for becoming a lot of unsuccessful people. Not outstanding. Not superman.
This is about life time. Some parts of our lives may not be ready to exchange, but sometimes we want to exchange and not want to be Superman anymore.
For me, through the hot youth, the best of forty years is to allow yourself to ' not ' or ' not ' or ' not ' good ' in some things to spend time on something important. Less than each other, like peace of mind, spending time with older parents and laughter of old friends who understand each other.
In younger age, I like 10 numbers and want to push myself through 11 or more. But in this age, I like 7 numbers. If it's an exam score, it's good and when all subjects are fine. 7 and we will focus on some subjects in some semester. 10 for once. This is enough. It's a satisfying life.
I've been reviewing this more often what we're giving power to and time to give it to.
And is it worth it for us to tradeTranslated
nobody cares about me 在 しゅんしゅんクリニックPチャンネル Youtube 的最佳貼文
【HEY HEY DOCTOR】
This is a song about what doctors often do.
Singing is a Shun P, Japanese doctor and comedian.
Please listen and dance.
これは医者のあるあるを歌ったヘイヘイドクターという歌です!
是非聴いて踊ってみてください!
【Japanese Version】
https://www.youtube.com/watch?v=Px5C8dFN1CA
【Shun P YouTube Official Channel】
https://www.youtube.com/channel/UCbdwk05xDKDIP0fpgNYd1Jw?view_as=subscriber
☆Twitter
https://twitter.com/fleming_miya
☆Instagram
https://www.instagram.com/shun.miyamoto/
Please follow me!!!!!
Lyrics:
When I go on a date, I don’t notice her hairstyle.
But I notice when she looks pale.
(デートをしているときに 彼女の髪型よりも 顔色の悪さに気づく)
After using the bathroom, I wash my hands up to my elbows.
(トイレで用を足した後 手を洗うとき肘まで洗っちゃう)
There’s no doctor like a TV star.
(ドラマの男性アイドルみたいな医者いない)
The next day after a TV show about health was broadcasted. It is crowded with outpatients. Annoying!
(テレビで健康番組が放送された翌日は 外来が混んでちょっと迷惑!)
Operation scene on a TV show
Real doctors don’t pose like this. this or this (Oh!)
(ドラマの手術のシーン こういうポーズ本当はしない)
Never seen a baseball player promising to hit home run. (often seen in a sketch comedy)
(ホームランを約束する野球選手見たことない(コントでよくある))
Hey Hey Doctor Hey Doctor
After an operation, We go eat yakiniku.
Hey Hey Doctor Hey Doctor
We are bullied by experienced nurses
(ヘイヘイドクターヘイドクター 手術した後 焼肉食べ行く ヘイヘイドクターヘイドクター お局看護師にいじめられるんだ)
We also catch a cold like a normal person when the seasons are changing.
But everyone says, “Even a doctor catches cold.” Nobody cares about us at all. It’s painful.
(僕たちも季節の変わり目にはみんなと同じように風邪を引く でもみんなからは「医者なのに風邪引くんだ」と言われ全然心配されなくて辛いんだ)
Hey Hey Doctor Hey Doctor
Surgeons tend to be naked when drunk
Hey Hey Doctor Hey Doctor
Female doctors are not that sexy
Hey Hey Doctor Hey Doctor
Most orthopedists love to party.
Hey Hey Doctor Hey Doctor
I perform surgery but I hate gross movies.
(ヘイヘイドクターヘイドクター 外科医は酔ったら裸になりがち ヘイヘイドクターヘイドクター 思ってるほど女医はエロくない ヘイヘイドクターヘイドクター 整形外科医はチャラいやつ多い ヘイヘイドクターヘイドクター 手術したりするけどグロい映画は普通に苦手)
Music: なんぶ Nanbu
Choreographer: 新道トモカ Shindo Tomoka
Editer: 小林哲平 Kobayashi Teppei
Dancer: Shindo's class kids dancers
Translation: ひーちゃん Hichan
nobody cares about me 在 bubzbeauty Youtube 的精選貼文
It's officially Valentines Day over here in HONG KONG!!
Happy Valentines Day/ Forever Alone Day / Single Awareness Day ! Take your pick.
I decided to do something different this year. I'm not going to do a Valentines Day makeup tutorial because... well, Tim and I aren't doing anything special to be honest. Yup, it's our 10th Valentines Day together and we're cool about it.
I know some of you must be a bit bummed out about having no plans for the "most romantic day of the year". No fear because Bubz is here (HEY IT RHYMES!!!)
No, I've been meaning to make a Beauty Day video for a while. Some days when you're feeling extra pissed off or down, it's nice to put your feet up and pamper yourself. Am I right?
Ok, nobody in this world has time for an ENTIRE day of beauty but you guys get my drift right? Even if you don't have a few hours, give yourself a BEAUTY HOUR.
Beauty Day is FUN whether you're doing it alone or with friend(s). I felt so refreshed and fabulous afterwards. You have nowhere to go? Who cares! You can relax and pamper yourself with your own HOME BEAUTY SPA!
In this video, I demonstrated some possible beauty treatments you can do but there are so much more you can choose instead such as doing your brows, giving yourself a pedicure, a sheet mask, facial massage, DIY Beauty masks etc. You can do WHATEVER you want that makes you feel awesome baby!!! Strut in your home. Dance in your underwear (check to see curtains are shut first). Sing your heart out.
Maybe I'm just getting older now (and possibly more antisocial haha) but I am appreciating 'staying in' days. In fact, I am really craving a good board game... Who wants to play Monopoly? Game of Life? Going off topic now...
You can give yourself a beauty day whenever you're feeling down and need a little pampering or even whenever you're happy (and free hopefully and with time to burn). Sometimes we can get so carried away with life, we forget to take care of ourselves.
Perhaps you have a special event (like a prom or a date) and you want to prep yourself for it. BEAUTY DAY!!! Beauty day doesn't mean you have to do everything 'beauty related'. Do whatever that makes your heart happy whether its reading, getting creative or whatever it is.
Ok bed time!! Have a wonderful day guys!
Stay beautiful!
Much love, Bubz xx
nobody cares about me 在 pennyccw Youtube 的最讚貼文
Iverson Shines on Broadway
Allen Iverson and the Philadelphia 76ers aren't the most welcome guests in NBA arenas. The league's best road team simply hasn't given opposing fans much to cheer about.
Iverson scored 23 of his 31 points in the second half to help Philadelphia beat the New York Knicks 87-80 Thursday night at Madison Square Garden. Philadelphia is 21-5 on the road, surpassing last season's total for victories away from home.
The Sixers, who had a 13-game road winning streak snapped Tuesday in Toronto, moved 7½ games ahead of the second-place Knicks in the Atlantic Division.
"This is the first real team I've been on in my life," Iverson said. "There are no egos, nobody cares who's shooting the ball, who has the name, who's the All-Star. It's all about one common goal: bringing a championship to Philadelphia."
And Iverson is the biggest reason why, despite his latest controversy. He made headlines after verbally sparring with fans in Indiana on Sunday.
"It was blown out of proportion because people heard me responding back," Iverson said. "But if you listen, you'll hear things way worse than what I said. But I'm Allen Iverson and I have an 'X' on my chest. I handled it the wrong way. I shouldn't have yelled back."
Iverson received a mixed reaction from the New York crowd when he was introduced Thursday, and even joked with a couple of fans as Theo Ratliff shot free throws in the final seconds.
Iverson shot 11-of-30 and had eight assists against the NBA's stingiest defense, but hit two long jumpers in the final three minutes to keep Philadelphia in the lead.
"You can contain him, but you can't stop him," teammate Tyrone Hill said. "He has never met his match."
Allan Houston scored 27 points and Latrell Sprewell had 21 for the Knicks, who have lost four of five. Sprewell missed two key shots in the last minute.
The Knicks, who trailed most of the game, drew within one on a basket by Marcus Camby with 3:06 left. "I did good against him until the last two or three minutes," Sprewell said. "But hey, if he hits one in your face like that, you just have to take it."
A finger roll by Sprewell made it 83-80, but the Knicks did not score in the final 1:25.
"We rely on the jump shot," Knicks coach Jeff Van Gundy said. "It can be a great weapon and it also can be an inconsistent way to score."
Iverson missed his first shot of the third quarter, his 13th miss in 17 tries. But then he heated up, hitting three-pointers on three straight trips early, at one time imploring Larry Brown to "gimme the ball," as the coach tried to call a set play.
Aaron McKie added 16 points for the Sixers, Hill had 12 and Ratliff finished with nine points and 13 rebounds.
Camby had 12 points and nine rebounds in his first game back from a five-game suspension for throwing a punch at San Antonio's Danny Ferry.
Notes: Toni Kukoc missed his third straight game for the Sixers with a strained lower back. ... Knicks forward Kurt Thomas missed his second straight game with a sprained right ankle.