KFC ในประเทศไทย ใครเป็นเจ้าของ? /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงแบรนด์ไก่ทอด หลายคนคงนึกถึง KFC
KFC เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา
และเป็นหนึ่งในร้านอาหารจานด่วนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
แล้วเราเคยสงสัยไหมว่า KFC ในประเทศไทย มีใครเป็นเจ้าของบ้าง
และแต่ละรายมีผลประกอบการเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
รู้หรือไม่ว่า KFC ย่อมาจาก “Kentucky Fried Chicken”
ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2473 หรือเมื่อ 90 ปีที่แล้ว
โดยพันเอกฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอส์
ชายผู้ผ่านความล้มเหลวมาเกือบทุกเรื่องในชีวิต
แต่เรื่องเดียวที่เขาทำสำเร็จคือ “ทอดไก่ขาย”
จนสุดท้ายแบรนด์ไก่ทอดของเขาก็โด่งดังไปทั่วโลก
ปี พ.ศ. 2562 KFC มีสาขาทั่วโลกกว่า 22,621 สาขา
กระจายอยู่ใน 150 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
ปัจจุบัน KFC เป็นแบรนด์ในเครือ บริษัท “Yum! Brands” หนึ่งในบริษัทเจ้าของแบรนด์อาหารที่เป็นที่นิยมและเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
สำหรับในประเทศไทย ธุรกิจร้านอาหารจานด่วน (Quick Service Restaurant) มูลค่าตลาดกว่า 31,200 ล้านบาท ซึ่งมูลค่านี้มากที่สุดในบรรดาธุรกิจร้านอาหารรูปแบบต่างๆ
และแน่นอนว่า KFC ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง ในธุรกิจร้านอาหารจานด่วนของไทย
โดย KFC ในประเทศไทย มี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) หรือ ยัม! ประเทศไทย ทำหน้าที่บริหารแบรนด์ ทำการตลาด และโปรโมชัน
ต้องบอกก่อนว่า ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา
บริษัท Yum! Brands มีนโยบายจะให้ร้านอาหารในเครือเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งหมด
จึงทำให้ร้าน KFC ในประเทศไทย จะมี ยัม! ประเทศไทย บริหารแบรนด์และทำการตลาดให้
ส่วนหน้าที่การบริหารจัดการร้าน จะเป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้รับสิทธิ์การจัดจำหน่าย หรือที่เรียกว่า “แฟรนไชซี” เป็นผู้ดำเนินการ
โดยแฟรนไชซี จะต้องทำตามข้อตกลงที่ทำไว้กับ ยัม! ประเทศไทย ทั้งรูปแบบสาขา การปรับปรุงร้าน เมนูอาหาร และเครื่องดื่มที่จำหน่ายในร้าน ทุกอย่างต้องผ่านการยินยอมและอนุมัติจาก ยัม! ประเทศไทย ทั้งสิ้น
ซึ่งแฟรนไชซีของแบรนด์ KFC ในประเทศไทยตอนนี้ มีอยู่ทั้งหมด 3 ราย คือ
1. บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG)
2. บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (RD)
3. บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSA)
KFC เข้ามาเปิดสาขาแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 หรือ 35 ปีที่แล้ว ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว
ซึ่งเป็นการนำเข้ามาของ เครือเซ็นทรัล ที่เป็นเจ้าแรกที่ได้สิทธิ์เป็นแฟรนไชซีแบรนด์ KFC
ซึ่งปัจจุบัน KFC ก็อยู่ภายใต้การบริหารงานของเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป (CRG) บริษัทในเครือเซ็นทรัล
ผลประกอบการของบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG)
ปี พ.ศ. 2561 รายได้ 11,007 ล้านบาท กำไร 681 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2562 รายได้ 11,288 ล้านบาท กำไร 570 ล้านบาท
ซึ่งต้องหมายเหตุว่า เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป ไม่ได้ขายแค่ไก่ทอด KFC เท่านั้น
แต่ยังมีแบรนด์อาหารอื่นๆ ในพอร์ตอีก เช่น Mister Donut, Auntie Anne’s รวมทั้งร้านอาหารไทยและร้านอาหารญี่ปุ่น รวมกว่า 15 แบรนด์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 ยัม! ประเทศไทย ได้มอบสิทธิ์แฟรนไชส์ KFC ให้กับแฟรนไชซีรายที่ 2
คือ บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (RD)
โดย RD เป็นบริษัทที่เกิดจากการร่วมทุนของผู้ลงทุนทั้งไทยและอาเซียน และได้รับการสนับสนุนโดย บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งญี่ปุ่น
ผลประกอบการของบริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (RD)
ปี พ.ศ. 2561 รายได้ 4,067 ล้านบาท ขาดทุน 93 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2562 รายได้ 4,370 ล้านบาท ขาดทุน 127 ล้านบาท
และในปลายปี พ.ศ. 2560 ยัม! ประเทศไทย ก็มีแฟรนไชซีเพิ่มมาอีกหนึ่งราย
บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSA) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยเบฟเวอเรจ
ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี
ผลประกอบการของบริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSA)
ปี พ.ศ. 2561 รายได้ 6,117 ล้านบาท กำไร 169 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2562 รายได้ 7,745 ล้านบาท กำไร 108 ล้านบาท
โดยข้อมูล ณ สิ้นปี พ.ศ. 2562 KFC ในประเทศไทยมีทั้งหมด 826 สาขา แบ่งเป็น
เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) 283 สาขา
เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ (RD) 207 สาขา
คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSA) 336 สาขา
จากข้อมูลผลประกอบการสองปีที่ผ่านมา
จะเห็นว่า KFC ภายใต้การดำเนินงานของ เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ (RD) ยังขาดทุนอยู่เมื่อเทียบกับแฟรนไชซีอีก 2 ราย
ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจำนวนสาขาที่น้อยกว่า ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ที่น้อยกว่าแฟรนไชซีอีกสองเจ้า
สรุปแล้ว ถ้าถามว่า KFC ในประเทศไทย ใครเป็นเจ้าของ?
ก็ต้องตอบว่า ถ้าในมุมของการเป็นเจ้าของแบรนด์ ผู้ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ KFC ในไทย ก็คือ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ Yum! ประเทศไทย
ส่วนถ้าเป็นในแง่ของการเป็นเจ้าของสิทธิ์ในการบริหารร้าน KFC หรือที่เรียกว่า แฟรนไชซี ก็จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ราย คือ เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป (CRG), เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ (RD) และ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย (QSA) นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ Yum! Brands คือ บริษัทร้านอาหารที่เป็นที่นิยมและเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE)
โดยในปี พ.ศ. 2562 Yum! Brands มีรายได้ 175,000 ล้านบาท และกำไร 40,500 ล้านบาท
ปัจจุบัน Yum! Brands มีมูลค่าบริษัทประมาณ 950,000 ล้านบาท ซึ่งถ้า Yum! Brands จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นไทย ก็จะมีมูลค่าเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Yum!_Brands
-แบบฟอร์ม 56-1 ปี 2562, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)
-http://www.rdthailand.com/about/th
-https://foa.co.th/brand/kfc/pages/about_en.html
-https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/892602
-https://finance.yahoo.com/quote/YUM/
nyse yum 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
รู้จัก Chipotle ร้านอาหารเม็กซิโก ที่กำลังมาแรง ในสหรัฐฯ /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงร้านอาหารแนวเม็กซิโก ที่มีชื่อเสียง
คนจำนวนไม่น้อยจะคุ้นเคยกับร้าน Taco Bell
ที่มีเจ้าของคือ บริษัท Yum! Brands เจ้าของแบรนด์ร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง Pizza Hut และ KFC
แต่รู้หรือไม่ว่า ในตอนนี้ Yum! Brands กำลังมีมูลค่าน้อยกว่า เชนร้านอาหารเม็กซิโกที่มีสาขาอยู่ 2,622 สาขา ในสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อว่า Chipotle Mexican Grill (Chipotle)
Chipotle เป็นใคร ?
อะไรทำให้เจ้าของเชนร้านอาหารรายนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Chipotle อ่านว่า “ชิ-โป-เล่”
เรื่องราวของร้านนี้ เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1993
ผู้ก่อตั้งร้านนี้คือ คุณ Steve Ells อดีตผู้ช่วยเชฟจากร้านอาหารหรูในซานฟรานซิสโก
ที่ตัดสินใจหันมาเปิดร้านอาหารสไตล์เม็กซิโกเล็กๆ ของตัวเอง ในเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา
ร้านแห่งนี้ได้รับความนิยมในช่วงเวลาไม่ถึงเดือนหลังจากเปิดให้บริการ
จากที่เขาคาดว่าจะขาย Burrito ได้เพียงวันละ 100 ชิ้น
กลับกลายเป็นขายได้มากถึง 1,000 ชิ้นต่อวัน
ที่น่าสนใจคือ ในปี 1998 McDonald’s เชนร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง ยังได้ให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนด้วยในร้าน Chipotle อีกด้วย
เรื่องนี้ทำให้ Chipotle สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว
จาก 14 สาขา เพิ่มขึ้นไปเป็นเกือบ 500 สาขาใน 7 ปี
จนสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 2006
และหลังจากที่เข้าตลาดได้ไม่นาน McDonald’s ก็ตัดสินใจถอนทุนออกจาก Chipotle ทั้งหมดในภายหลัง
แต่ก่อนที่จะมาประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้ Chipotle ก็เคยมียุคตกต่ำในช่วงหนึ่งเช่นกัน
เรื่องที่ว่านั่นก็คือ อาหารในร้าน Chipotle ถูกตรวจพบว่ามีเชื้อแบคทีเรียอีโคไล ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดอาการอาหารเป็นพิษร้ายแรง ทำให้ยอดขายของ Chipotle ลดลงอย่างมากในช่วงปี 2015 ถึง 2018
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ถึงขนาดที่ทำให้คุณ Steve Ells ผู้ก่อตั้ง ต้องตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง CEO เลยทีเดียว
แต่แล้วก็เหมือนมีวีรบุรุษขี่ม้าขาวมาช่วย
เมื่ออดีต CEO ของ Taco Bell อย่างคุณ Brian Niccol ตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่ง CEO คนใหม่
คุณ Brian เข้ามาช่วยคุมเข้มเรื่อง สุขอนามัยของวัตถุดิบต่างๆ และ ปรับรูปแบบ Chipotle ให้มีความเป็นมาตรฐานมากขึ้น
ด้วยประสบการณ์ที่คุณ Brian เคยบริหารกิจการร้านอาหารแนวเม็กซิโก Taco Bell มาก่อน ทำให้เขาสามารถฟื้นฟูชื่อเสียงและความนิยมของ Chipotle ให้กลับมาได้อีกครั้ง
โดยนับตั้งแต่คุณ Brian เข้ามารับตำแน่ง ก็ทำให้มูลค่าบริษัทของ Chipotle ในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นจากช่วงตกต่ำมาแล้วกว่า 183%
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยแล้วว่า Chipotle นั้นมีดีอะไร ที่ทำให้สามารถกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ Chipotle แตกต่างจากร้านอาหารแนวเม็กซิโกร้านอื่น
ประเด็นแรกคือ Chipotle ให้ความสำคัญในเรื่องวัตถุดิบมากกว่าร้านฟาสต์ฟู้ดทั่วๆ ไป
อย่างเช่น เนื้อสัตว์ที่ใช้ต้องปราศจากฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะ ส่วนผักที่ใช้ก็ต้องเป็นผักออร์แกนิก ไม่มีการตัดต่อพันธุกรรม และทั้งเนื้อและผักต้องไม่ใส่สารกันบูด ทำให้ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพอาหารของร้าน และตอบโจทย์คนรักสุขภาพ
ประเด็นที่สอง คือ เมนูอาหาร
รู้ไหมว่า Chipotle มีเมนูหลักเพียง 4 อย่างเท่านั้น คือ
1. Taco
2. Burrito
3. Burrito Bowl
4. สลัด
ซึ่งทั้ง 4 อย่างนี้ใช้วัตถุดิบที่ใกล้เคียงกันคือ ผัก แผ่นแป้ง เนื้อสัตว์ และข้าว แต่แตกต่างกันตรงที่รูปแบบการประกอบให้เป็นเมนูต่างๆ
การที่มีเมนูจำนวนไม่มาก ช่วยให้ Chipotle ไม่ต้องสต็อกวัตถุดิบหลายอย่าง และง่ายต่อการจดจำของผู้บริโภคด้วย
ซึ่งสิ่งสำคัญของเมนูทั้งหมด คือจะเน้นรสชาติแบบต้นตำรับอาหารเม็กซิโกแท้ๆ
ในขณะที่ร้านอื่นอย่างเช่น Taco Bell จะมีการปรับเปลี่ยนให้อาหารเม็กซิโกมีรสชาติถูกปากชาวอเมริกันมากขึ้นหรือที่เรียกว่าอาหารสไตล์ Tex-Mex (Texan-Mexican)
และประเด็นสุดท้ายที่น่าสนใจคือ
ปัจจุบัน Chipotle มีสาขาในสหรัฐฯ ทั้งหมด 2,622 สาขา และในต่างประเทศอีก 31 สาขา
โดย Chipotle ทำหน้าที่บริหารเองทั้งหมด
ในขณะที่ Taco Bell จะเป็นรูปแบบการขยายสาขาในแบบแฟรนไชส์มากกว่า
ซึ่งการบริหารสาขาทั้งหมดด้วยตัวเจ้าของแบรนด์เอง
จะสามารถควบคุมคุณภาพอาหารและบริการของร้าน ได้สะดวกและทั่วถึงกว่าแบบให้แฟรนไชส์
แล้ว Chipotle รายได้ดีแค่ไหน?
ปี 2017 รายได้ 139,000 ล้านบาท กำไร 5,480 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 151,000 ล้านบาท กำไร 5,490 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 174,000 ล้านบาท กำไร 10,895 ล้านบาท
หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของรายได้ ปีละ 12%
โดยเฉพาะในช่วงโควิด 19 ระบาดในสหรัฐฯ
ยอดขายช่องทางออนไลน์ ในไตรมาสที่ 2 นั้นเพิ่มขึ้นถึง 216% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
เรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้ความคาดหวังของนักลงทุนสูงขึ้น
จนทำให้มูลค่าบริษัทของ Chipotle เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท
ซึ่งมูลค่านี้ สูงกว่า Yum! Brands เจ้าของ Taco Bell, Pizza Hut และ KFC ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 913,000 ล้านบาท ในตอนนี้เสียอีก
เรื่องของ Chipotle เป็นกรณีศึกษาที่ดีว่า
ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารแบบจานด่วนหรือฟาสต์ฟู้ด
ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าจะต้องได้รับประสบการณ์แบบร้านฟาสต์ฟู้ด คือเน้นที่ความรวดเร็ว แต่คุณภาพอาหารอาจไม่ดีเสมอไป
อย่างที่ผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Steve Ells ได้เคยกล่าวไว้ว่า
“Food served fast doesn't have to be a traditional fast-food experience.”
“อาหารจานด่วน ไม่ได้จำเป็นจะต้องให้ประสบการณ์แบบ “จานด่วน” เสมอไป”..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-Chipotle Maxican Grill Inc, Annual Report 2019
-https://www.businessinsider.com/the-chipotle-story-2011-3
-https://www.tradingview.com/symbols/NYSE-CMG/
-https://www.investopedia.com/articles/active-trading/041315/why-chipotle-so-successful-popular.asp
-https://www.cnbc.com/2020/07/22/chipotle-mexican-grill-cmg-q2-2020-earnings.html#:~:text=Chipotle's%20digital%20sales%20soared%20216,digital%20orders%20drive%20sales%20growth.
-https://www.businessinsider.com/chipotle-digital-sales-up-216-customers-choose-carryout-over-dine-in-2020-7
nyse yum 在 積God投資日記 Facebook 的最佳解答
一文看懂下周回港二次上市招股的百勝中國(NYSE: YUMC)
百勝中國將在下星期回港二次上市招股,集資HKD196億,據傳每股招股價不高於每股HKD468,每手50股,入場費高達23,635元。
百勝中國前身為Yum! Brands中國事業部,於2016年11月1從Yum! Brand分拆出來之後,在紐約證券交易所上市,是中國最大的餐飲公司,旗下餐廳數目超過一萬間。YUMC在中國市場擁有以下7大品牌:
獨家運營和授權經營權: 肯德基(KFC)、必勝客(Pizza Hut)和塔可貝爾(Taco Bell)
獨家連鎖餐飲品牌: 小肥羊、東方既白、黃記煌和COFFii&JOY
招股書顯示...