กองทุนบัวหลวง x ลงทุนแมน
BBASIC โอกาสการเติบโตกับธุรกิจปัจจัย 4 พร้อมผลตอบแทนสม่ำเสมอ
แม้ว่าทุกวันนี้ การเติบโตแบบก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีกำลังจะกลายมาเป็นตัวเร่งสำคัญ
ที่มีแนวโน้มจะทำให้พฤติกรรมของมนุษย์เราเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่มนุษย์ยังคงต้องการอยู่ก็คือ “ปัจจัย 4”
นั่นก็คือ อาหาร, ที่อยู่อาศัย, เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค
หากเรายังเชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตมนุษย์
และบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังมีพื้นที่ในการเติบโต
เราก็อาจจะนำเงินออมของเราบางส่วน เข้าไปลงทุนเพื่อเติบโตไปพร้อมกัน
แล้วตอนนี้ เราจะเติบโตไปกับปัจจัย 4 ได้อย่างไร ?
หนึ่งในกองทุนที่เน้นการลงทุนในเรื่องนี้ก็คือ กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 (BBASIC) จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM
กองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ และทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
โดยผู้เชี่ยวชาญจาก BBLAM จะคัดเลือกสินทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีในอนาคต
ทีนี้ เรามาดูสัดส่วนการลงทุนของ BBASIC ตามแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
(อ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2563)
ธุรกิจพาณิชย์ 25.33%
ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 18.99%
ธุรกิจการแพทย์ 17.14%
ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม 10.66%
ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง 9.65%
ธุรกิจอื่น ๆ อีก 18.23%
สำหรับบริษัทที่เข้าไปลงทุนก็เช่น บริษัทซีพี ออลล์ เจ้าของเซเว่น, แม็คโคร และโลตัส, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ ซึ่งเป็นเชนโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ที่เป็นเจ้าของทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และห้างบิ๊กซี
ในขณะเดียวกัน BBASIC ยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกปี
เริ่มจ่ายมาตั้งแต่ปี 2557 จนมาถึงรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 11
โดยรอบล่าสุดที่เพิ่งประกาศจ่ายเงินปันผลมีมูลค่า 1.21 บาท ต่อหน่วยลงทุน
สำหรับมุมมองการลงทุนในปีนี้ BBLAM ได้มองว่าประเทศไทยมีปัจจัยหนุนด้าน Fund Flow
ที่มีแนวโน้มจะไหลกลับมาสู่ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ
โดยมีเหตุผลสำคัญก็เพราะว่าเราเริ่มมีการฉีดวัคซีนแล้ว และมีสัญญาณการเกิด Pend Up Demand ในบางกลุ่มอุตสาหกรรม
จุดนี้เองที่ BBLAM มองว่าประเทศไทยอาจจะมีการฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งจะหนุนให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของแนวโน้มว่าเม็ดเงินในสหรัฐอเมริกาที่อาจจะเคลื่อนย้ายมาในฝั่งเอเชียมากขึ้น ตามนโยบายการขึ้นค่าจ้าง และภาษีของโจ ไบเดน รวมถึงความกังวลเรื่องการลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE Tapering ที่ผ่อนคลายลงมาก เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
ถึงตรงนี้ เราก็คงสรุปได้ว่า BBASIC ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ
เพราะนอกจากเราจะคุ้นเคยกับธุรกิจที่เข้าไปลงทุนแล้ว
ธุรกิจเหล่านี้ก็ยังมีความจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของเรา
ที่เพิ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติในปีที่ผ่านมา และกำลังจะฟื้นตัว
อีกเรื่องสำคัญก็คือ BBASIC ยังเป็นกองทุนที่มีการจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล
ซึ่งนอกจากเราจะมีโอกาสได้สร้างผลตอบแทนจากมูลค่าธุรกิจที่เพิ่มขึ้นแล้ว
เรายังสามารถสร้าง “กระแสเงินสด” จากการลงทุนสม่ำเสมอ เป็นประจำทุกปี..
คำเตือน - ข้อมูลในบทความนี้เป็นข้อมูลที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงได้โดยทั่วไป และเป็นข้อมูลที่เชื่อว่าน่าจะเชื่อถือได้ แต่ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (“บริษัท”) มิได้ยืนยันหรือรับรองถึงความถูกต้อง หรือสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด ความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอในมุมมองของบริษัท และเป็นความคิดเห็น ณ วันที่ปรากฏในบทความเท่านั้น ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าว โดยบริษัทไม่จำเป็นต้องแจ้งสาธารณชน หรือผู้ลงทุนทราบ บทความฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการนำข้อมูลหรือความคิดเห็นใดๆไปใช้ในทุกกรณี ดังนั้นผู้ลงทุนควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณา เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
