เดี๋ยววว ครับ เดี๋ยว พี่ต้อมมมม .... คนอื่นโดนหลอกว่า กล้อง motion capture นั่นเป็นเครื่องถ่ายผี ถ่ายวิญญาณ จับผีเปรตอะไร ผมไม่ว่านะ แต่ระดับผู้กำกับชื่อดังของประเทศไทยอย่าง พี่ต้อม ยุทธเลิศ นี่ Oh Nooooo !!
ภาพจากรายการในยูทูป https://youtu.be/md2_M3Y-OM4
--------------------
เอาบทความของคุณ Sittiphol Phanvilai ที่อธิบายเรื่องนี้ไว้ มาให้อ่านกันอีกทีนะครับ (จาก https://www.facebook.com/nuuneoi/posts/10219055004822209)
อุปกรณ์ตัวนี้มีชื่อว่า "SLS Kinect Camera" ชื่อก็บอกแล้วหละว่ามันคือกล้อง Kinect แล้วถามว่ามีอะไรมากกว่านั้นมั้ย ? ... ไม่มี ! แค่ Kinect นั่นแหละ แถมต้องเป็น Kinect 1 ด้วยนะ Kinect 2 ไม่ได้ ... มันแม่นไป !
.
ซึ่งกล้อง Kinect 1 เป็นกล้องที่เอาไว้วัดความลึกได้แบบคร่าว ๆ ด้วยการยิง Array ของจุดอินฟราเรดออกไปแล้วใช้กล้องอีกตัววัดค่าแต่ละจุด แล้วก็เอากลับมาพลอตเป็นความลึกของจุดต่าง ๆ พอได้ภาพความลึกมาก็จะเอาไปประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ประเภท FAAST (Flexible Action and Articulated Skeleton Toolkit) ซึ่งเป็นโปรแกรมพื้นฐานของ Image Processing ที่เอาไว้ตรวจหาโครงสร้างมนุษย์ (Skeleton) นั่นแหละ
.
สรุป มันคือ "กล้องที่ใช้ความเชื่อว่าแสงอินฟราเรดจะสามารถถ่ายเจอวิญญาณได้" ซึ่งถ้าถ่ายเจอได้ก็จะเห็นเป็นร่างคนแล้วซอฟต์แวร์จะตรวจจับได้ อย่างไรก็ดี ถ้าสมมติฐานนี้ผิดก็แปลว่ากล้องนี้ใช้ไม่ได้เลย
.
ซึ่งมันผิดไงเฮ้ยยยยย ...
.
เอ๊ะ แล้วทำไมถึงตรวจจับเห็นรูปร่างคนเป็นก้างปลาได้หละ ?
.
Kinect 1 เป็นอุปกรณ์ที่มีออกมา 9 ปีได้แล้ว ความสามารถตอนนั้นถือว่าหวือหวามาก ในวงการเกมคือเป็นตัวเปิดประสบการณ์การเล่นเกมแบบใหม่ ๆ เลย ส่วนวงการ Image Processing มันคือกล้องวัดความลึกตัวแรก ๆ ที่จับต้องได้
.
อย่างไรก็ตาม ความละเอียดของภาพถือว่า "ย่อยยับ" มาก ความแม่นยำอยู่ในระดับที่เล่นเกมยังตรวจเจอคนแบบผิด ๆ ถูก ๆ เลย พูดง่าย ๆ แค่ตัวฮาร์ดแวร์มันก็ไม่มีอะไรเชื่อถือได้แล้ว
.
พออินพุตมั่ว ก็ไม่ต้องแปลกใจที่ซอฟต์แวร์จึงตรวจเจออะไรแปลก ๆ รวมถึงรูปร่างมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหลักการของซอฟต์แวร์ FAAST นั้นตรงไปตรงมามาก แค่ตรวจหากลุ่มวัตถุที่สีใกล้ ๆ กันแล้วรวบเป็นก้อนเดียวกัน (Color Labelling) หากโครงสร้างเหมือนคนก็จะอนุมานว่าเป็นคนและวาดก้างปลาขึ้นมา
.
และจากที่เคยเล่นสมัยโน้น คือแค่ส่องอะไรที่เป็นวัตถุมันก็คิดว่าเป็นคนแล้วอ่ะ เช่น ส่องเก้าอี้ ส่องเสา ส่องโซฟา ส่องโต๊ะ ขาคน เสาธง กำแพง ขอเป็นอะไรก็ได้ที่เป็นวัตถุโดดออกมาจากพื้นหลังในระยะที่ Kinect รวบเป็นก้อนได้ง่าย แค่นั้นเอะอะมันก็จะเห็นเป็นคนหมด (คนทำงานไมโครซอฟต์ด้าน Kinect เป็นคนออกมายันเองเลยด้วยซ้ำว่ากล้องมันมีโอกาสตรวจเห็นพวกวัตถุเป็นตัวคนได้ง่ายมาก)
.
ดังนั้นเราจะไม่เคยเห็นว่าเครื่องนี้ส่องไปในอากาศแล้วเห็นร่างคนลอยอยู่ มันจะไปแมปกับวัตถุอะไรสักอย่างเสมอ ...
.
และนี่เป็นเหตุผลว่าเจ้าเครื่องนี้ต้องใช้ Kinect 1 เท่านั้น เพราะ Kinect 2 จะแม่นไปและไม่ทำให้เกิดความผิดพลาดจนเห็นทุกอย่างเป็นคน ...
.
ส่วนนี่คือคุณสมบัติของรูปร่างมนุษย์ก้างปลาที่ได้จากกล้อง Kinect + แอป ฯ FAAST
.
- ถ้าวัตถุกว้าง ก้างปลาที่ตรวจได้จะเต้นยับ เพราะมันมั่วไปเรื่อย
.
- ถ้าวัตถุแคบ ก้างปลาจะยืนนิ่ง ๆ เพราะมันเต้นเกินขอบที่ Labelling ไว้ไม่ได้
.
- เมื่อยืนมือไปใกล้ ๆ ก้างปลาจะจับมือเราเสมอ เพราะมันเห็นมือเราเป็นวัตถุรูปร่างคล้ายมือแล้วไปแมปกับก้างปลาเดิม
同時也有12部Youtube影片,追蹤數超過14萬的網紅アスキー,也在其Youtube影片中提到,不鮮明な画像の中から""点""を検出することで、さまざまな分析を可能にする「点検出AIシステム」。明るい都市の夜空から不鮮明な星を検出する、点検出AIシステムがバージョンアップし、星以外のものにも応用可能となりました。例えば、顕微鏡画像から植物細胞、衛星写真から漁船やダムといった、人間の目では見逃し...
「processing motion」的推薦目錄:
- 關於processing motion 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
- 關於processing motion 在 สาระศาสตร์ Facebook 的最佳貼文
- 關於processing motion 在 สาระศาสตร์ Facebook 的最讚貼文
- 關於processing motion 在 アスキー Youtube 的最佳解答
- 關於processing motion 在 TianChad 田七摄影 Youtube 的最讚貼文
- 關於processing motion 在 李根興 Edwin商舖創業及投資分享 Youtube 的最佳解答
processing motion 在 สาระศาสตร์ Facebook 的最佳貼文
Productive คำนี้คงพอคุ้นหูกันมาบ้างใช่มั้ยครับ ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบอ่านบทความพัฒนาตัวเองด้วยแล้ว คำว่า Productive หรือการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คงจะคุ้นชินเป็นอย่างดี
เพราะการทำงานอย่าง Productive เป็นเรื่องที่ไม่ว่าอาชีพไหน ทำงานด้านใด ก็ต่างต้องการ เพราะเราคงไม่อยากทำงานมากแต่ได้ประสิทธิภาพที่น้อยแน่ๆ และการที่เราจะทำอะไรให้ได้ประสิทธิภาพก็ต้องจำเป็นลดสิ่งไม่จำเป็นหรือการทำอะไรที่สูญเปล่าทิ้งไป
ซึ่งการลดสิ่งที่สูญเปล่าหรือสิ่งไม่จำเป็นนั้นไปตรงกับ 7 Waste หลักการคิดของ Toyota ที่ผมได้อ่านเจอพอดี
7 Waste หรือ การสูญเปล่า 7 ประการ เป็นหลักคิดของ Toyota ที่ใช้ลดความสูญเสียที่ซ่อนในกระบวนการผลิต ได้แก่
1. ความสูญเสียจากการผลิตมากเกินไป (Over Production Waste)
- การผลิตสินค้ามาเกินความจำเป็น และผลิตไว้ล่วงหน้า ทำให้เสียแรงและเสียเวลา เสียพื้นที่ในการจัดเก็บ
2. ความสูญเสียเนื่องจากการเก็บวัสดุคงคลัง (Inventory)
- การซื้อวัสดุมาเก็บไว้ครั้งละมากๆ เพราะคิดว่าจะมีวัสดุสำหรับผลิตได้ตลอดเวลา หรือเพื่อให้ได้ส่วนลดจากการซื้อ ส่งผลให้มีวัสดุคงคลังมากจนเกินความต้องการใช้
3.ความสูญเสียเนื่องจากการขนส่ง (Transportation)
- การขนส่งที่มากเกินจำเป็นไม่ทำให้เกิดมูลค่า จึงต้องลดขั้นตอนการขนส่งลงไป ให้เหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อลดต้นทุนในการขนส่งที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์
4.ความสูญเสียเนื่องจากการเคลื่อนไหว (Motion)
- การทำงานในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเดิมๆซ้ำๆ ทำให้เกิดความเมื่อยล้าให้แก่ร่างกาย จนเกิดความล่าช้าในการทำงาน เป็นการทำให้สูญเสียเวลา เนื่องระยะทางในการเคลื่อนไหว
5.ความสูญเสียเนื่องจากกระบวนการผลิต (Processing)
- กระบวนการผลิตที่ทำซ้ำๆกันในหลายขั้นตอน ซึ่งไม่จำเป็นเลย เพราะมันไม่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มกับผลิตภัณฑ์ อาจทำให้เกิดจุดที่เป็นคอขวดของสายการผลิต ทำให้เสียเวลาในการในการเตรียมและการผลิตที่ไม่จำเป็น
6.ความสูญเสียเนื่องจากการรอคอย (Delay)
- การรอคอยนื่องจากเครื่องจักรหรือพนักงานต้องหยุดการทำงานเนื่องจากเหตุและปัจจัยที่จำเป็นต่อการผลิต เช่น รอคอยวัตถุดิบ ทำให้เกิดความล่าช้าในการผลิต ส่งผลทำให้มีผลกระทบในการส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้า
7.ความสูญเสียเนื่องจากการผลิตของเสีย (Defect)
- สินค้าผลิตออกมาผิดจนทำให้กลายเป็นของเสีย สินค้าถูกโดนนำไปแก้ไขใหม่หรือถูกนำไปกำจัดทิ้ง ทำให้เกิดการสูญเสีย เนื่องจากการผลิตของเสียขึ้น จึงเกิดการสูญเสียต้นทุนวัตถุดิบ เครื่องจักร แรงงาน ไปโดยเปล่าประโยชน์
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
ซึ่งพอเราเอา 7 Waste มาจับรูปแบบการทำของเรา ก็จะเห็นได้ชัดเจนครับว่าเรานั้นทำอะไรที่สูญเปล่าในการทำงานแต่ละขั้นตอนบ้าง ตัวอย่างในกรณีของผม
Over Production Waste ของผมคือการหาข้อมูลเยอะเกินไป ในการเขียนแต่ละบทความ ผมหาข้อมูลสะเปะสะปะโดยไม่ตั้งโจทย์ไว้ก่อนว่าจะเขียนอะไร พอไม่รู้จะเขียนอะไรก็อ่านมั่วซั่วไปหมดทำให้เสียเวลาและไม่เกิดประโยชน์
Inventory ของผมคือผมชอบทดลองโปรแกรมและซื้อ Tool ต่างๆ ไว้ เพื่อจะเอาใช้พัฒนารูปแบบการทำคอนเท้นต์ต่างๆ ผมมีโปรแกรมสร้างเกมส์ แต่งเพลง แต่งรูป แต่งภาพ เต็มเครื่องไปหมด แต่พอใช้ทำงานจริงๆ กลับใช้แค่แต่งรูปกับตัดต่อวิดีโอ ( ทุกวันนี้ยังทำบีทเพลงได้แค่ 1 ห้อง กับทำเกมส์ได้แค่ 10 วินาทีอยู่เลย ฮ่าๆ )
Transportation ด้วยอาชีพที่ทำงานแต่หน้าคอม ปัญหาการเดินทางของผมคงต่างจากอาชีพทั่วๆไป อาชีพอื่นปัญหาในการ Transportation คือการเสียเวลากับรถติดหรือการไม่วางแผนก่อนเดินทาง แต่สำหรับผม ผมเสียเวลาไปกลับการเดินหาซื้ออะไรกิน ผมใช้เวลาเดินไปและเดินกลับ 7-11 ประมาณ 15-20 นาที ต่อรอบ ทำแบบนี้ 3 รอบ เช้า กลางวัน เย็น เท่ากับผมหมดเวลาไป 1 ชั่วโมงต่อวันกับการเดินไป 7-11 ถ้าผมซื้อของมารวดเดียวตอนเช้าตุนไว้ถึงเย็น ผมจะมีเวลาเพิ่มขึ้นในการทำงานอีก 40 นาที
Motion : คนทำงานออฟฟิศน่าจะเจอปัญหาเดียวกัน คือ การนั่งท่าเดิมนานๆ ทำให้เมื่อยหลัง เมื่อยคอ ยิ่งนั่งนานๆโดยไม่ลุกขึ้นมาพักด้วยแล้วจะยิ่งเมื่อยหนัก เมื่อรู้สึกเมื่อยล้าแน่นอนว่าส่งผลต่อการทำงานแน่นอน
Processing: สำหรับผมยังไม่มีโปรแกรมเดียวที่ตอบโจทย์การทำงานได้ทั้งหมด ทำให้ต้อง เปิดๆปิดๆ โปรแกรมสลับไปมาในการทำงานแต่ครั้ง ซึ่งทำเสียเวลามากๆ
Delay : สำหรับการสูญเปล่าข้อนี้สำหรับผมไม่เกี่ยวกับเครื่องจักรแต่เป็นตัวผมเองที่ชอบทำอะไรตามอารมณ์ บางที Feel ไม่มาก็ไม่อยากทำ ช่วงไหนขี้เกียจก็จะขี้เกียจจนไม่ทำอะไรเลย
Defect: หลายครั้งที่รีบเขียน รีบอัดเสียง รีบทำวิดีโอ เกินไป โดยเอาเร็วเข้าว่าไม่ทำให้ละเอียดก่อน พอตรวจงานตัวเองซ้ำ เห็นถึงความชุ่ยจนต้องลบทิ้ง ( บทความนี้เขียนตั้งแต่เมื่อคืน ด้วยความรีบทำให้ไม่ได้ดราฟเอาไว้ก่อน พอกดรีเฟรชไอ้ที่เขียนไว้ก็หายเรียบจนต้องมานั่งเขียนใหม่อีกรอบในเช้านี้ )
จะเห็นได้ว่าพอเอา 7 Waste มาจับการทำงานแล้วจะเห็นความสูญเปล่าที่เกิดในแต่ละขั้นตอนเต็มไปหมด ( ซึ่งก่อนจะเขียนบทความนี้ผมก็ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรสูญเปล่าเยอะขนาดนี้ ฮ่าา ) ซึ่งพอเราลดการสูญเปล่าในแต่ละขั้นตอนได้ก็จะทำให้เราทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือเรียกว่า Productive นั่นเองครับ
processing motion 在 สาระศาสตร์ Facebook 的最讚貼文
Productive คำนี้คงพอคุ้นหูกันมาบ้างใช่มั้ยครับ ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบอ่านบทความพัฒนาตัวเองด้วยแล้ว คำว่า Productive หรือการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คงจะคุ้นชินเป็นอย่างดี
เพราะการทำงานอย่าง Productive เป็นเรื่องที่ไม่ว่าอาชีพไหน ทำงานด้านใด ก็ต่างต้องการ เพราะเราคงไม่อยากทำงานมากแต่ได้ประสิทธิภาพที่น้อยแน่ๆ และการที่เราจะทำอะไรให้ได้ประสิทธิภาพก็ต้องจำเป็นลดสิ่งไม่จำเป็นหรือการทำอะไรที่สูญเปล่าทิ้งไป
ซึ่งการลดสิ่งที่สูญเปล่าหรือสิ่งไม่จำเป็นนั้นไปตรงกับ 7 Waste หลักการคิดของ Toyota ที่ผมได้อ่านเจอพอดี
7 Waste หรือ การสูญเปล่า 7 ประการ เป็นหลักคิดของ Toyota ที่ใช้ลดความสูญเสียที่ซ่อนในกระบวนการผลิต ได้แก่
1. ความสูญเสียจากการผลิตมากเกินไป (Over Production Waste)
- การผลิตสินค้ามาเกินความจำเป็น และผลิตไว้ล่วงหน้า ทำให้เสียแรงและเสียเวลา เสียพื้นที่ในการจัดเก็บ
2. ความสูญเสียเนื่องจากการเก็บวัสดุคงคลัง (Inventory)
- การซื้อวัสดุมาเก็บไว้ครั้งละมากๆ เพราะคิดว่าจะมีวัสดุสำหรับผลิตได้ตลอดเวลา หรือเพื่อให้ได้ส่วนลดจากการซื้อ ส่งผลให้มีวัสดุคงคลังมากจนเกินความต้องการใช้
3.ความสูญเสียเนื่องจากการขนส่ง (Transportation)
- การขนส่งที่มากเกินจำเป็นไม่ทำให้เกิดมูลค่า จึงต้องลดขั้นตอนการขนส่งลงไป ให้เหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อลดต้นทุนในการขนส่งที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์
4.ความสูญเสียเนื่องจากการเคลื่อนไหว (Motion)
- การทำงานในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเดิมๆซ้ำๆ ทำให้เกิดความเมื่อยล้าให้แก่ร่างกาย จนเกิดความล่าช้าในการทำงาน เป็นการทำให้สูญเสียเวลา เนื่องระยะทางในการเคลื่อนไหว
5.ความสูญเสียเนื่องจากกระบวนการผลิต (Processing)
- กระบวนการผลิตที่ทำซ้ำๆกันในหลายขั้นตอน ซึ่งไม่จำเป็นเลย เพราะมันไม่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มกับผลิตภัณฑ์ อาจทำให้เกิดจุดที่เป็นคอขวดของสายการผลิต ทำให้เสียเวลาในการในการเตรียมและการผลิตที่ไม่จำเป็น
6.ความสูญเสียเนื่องจากการรอคอย (Delay)
- การรอคอยนื่องจากเครื่องจักรหรือพนักงานต้องหยุดการทำงานเนื่องจากเหตุและปัจจัยที่จำเป็นต่อการผลิต เช่น รอคอยวัตถุดิบ ทำให้เกิดความล่าช้าในการผลิต ส่งผลทำให้มีผลกระทบในการส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้า
7.ความสูญเสียเนื่องจากการผลิตของเสีย (Defect)
- สินค้าผลิตออกมาผิดจนทำให้กลายเป็นของเสีย สินค้าถูกโดนนำไปแก้ไขใหม่หรือถูกนำไปกำจัดทิ้ง ทำให้เกิดการสูญเสีย เนื่องจากการผลิตของเสียขึ้น จึงเกิดการสูญเสียต้นทุนวัตถุดิบ เครื่องจักร แรงงาน ไปโดยเปล่าประโยชน์
------------------------------------------------------------------------
ซึ่งพอเราเอา 7 Waste มาจับรูปแบบการทำของเรา ก็จะเห็นได้ชัดเจนครับว่าเรานั้นทำอะไรที่สูญเปล่าในการทำงานแต่ละขั้นตอนบ้าง ตัวอย่างในกรณีของผม
Over Production Waste ของผมคือการหาข้อมูลเยอะเกินไป ในการเขียนแต่ละบทความ ผมหาข้อมูลสะเปะสะปะโดยไม่ตั้งโจทย์ไว้ก่อนว่าจะเขียนอะไร พอไม่รู้จะเขียนอะไรก็อ่านมั่วซั่วไปหมดทำให้เสียเวลาและไม่เกิดประโยชน์
Inventory ของผมคือผมชอบทดลองโปรแกรมและซื้อ Tool ต่างๆ ไว้ เพื่อจะเอาใช้พัฒนารูปแบบการทำคอนเท้นต์ต่างๆ ผมมีโปรแกรมสร้างเกมส์ แต่งเพลง แต่งรูป แต่งภาพ เต็มเครื่องไปหมด แต่พอใช้ทำงานจริงๆ กลับใช้แค่แต่งรูปกับตัดต่อวิดีโอ ( ทุกวันนี้ยังทำบีทเพลงได้แค่ 1 ห้อง กับทำเกมส์ได้แค่ 10 วินาทีอยู่เลย ฮ่าๆ )
Transportation ด้วยอาชีพที่ทำงานแต่หน้าคอม ปัญหาการเดินทางของผมคงต่างจากอาชีพทั่วๆไป อาชีพอื่นปัญหาในการ Transportation คือการเสียเวลากับรถติดหรือการไม่วางแผนก่อนเดินทาง แต่สำหรับผม ผมเสียเวลาไปกลับการเดินหาซื้ออะไรกิน ผมใช้เวลาเดินไปและเดินกลับ 7-11 ประมาณ 15-20 นาที ต่อรอบ ทำแบบนี้ 3 รอบ เช้า กลางวัน เย็น เท่ากับผมหมดเวลาไป 1 ชั่วโมงต่อวันกับการเดินไป 7-11 ถ้าผมซื้อของมารวดเดียวตอนเช้าตุนไว้ถึงเย็น ผมจะมีเวลาเพิ่มขึ้นในการทำงานอีก 40 นาที
Motion : คนทำงานออฟฟิศน่าจะเจอปัญหาเดียวกัน คือ การนั่งท่าเดิมนานๆ ทำให้เมื่อยหลัง เมื่อยคอ ยิ่งนั่งนานๆโดยไม่ลุกขึ้นมาพักด้วยแล้วจะยิ่งเมื่อยหนัก เมื่อรู้สึกเมื่อยล้าแน่นอนว่าส่งผลต่อการทำงานแน่นอน
Processing: สำหรับผมยังไม่มีโปรแกรมเดียวที่ตอบโจทย์การทำงานได้ทั้งหมด ทำให้ต้อง เปิดๆปิดๆ โปรแกรมสลับไปมาในการทำงานแต่ครั้ง ซึ่งทำเสียเวลามากๆ
Delay : สำหรับการสูญเปล่าข้อนี้สำหรับผมไม่เกี่ยวกับเครื่องจักรแต่เป็นตัวผมเองที่ชอบทำอะไรตามอารมณ์ บางที Feel ไม่มาก็ไม่อยากทำ ช่วงไหนขี้เกียจก็จะขี้เกียจจนไม่ทำอะไรเลย
Defect: หลายครั้งที่รีบเขียน รีบอัดเสียง รีบทำวิดีโอ เกินไป โดยเอาเร็วเข้าว่าไม่ทำให้ละเอียดก่อน พอตรวจงานตัวเองซ้ำ เห็นถึงความชุ่ยจนต้องลบทิ้ง ( บทความนี้เขียนตั้งแต่เมื่อคืน ด้วยความรีบทำให้ไม่ได้ดราฟเอาไว้ก่อน พอกดรีเฟรชไอ้ที่เขียนไว้ก็หายเรียบจนต้องมานั่งเขียนใหม่อีกรอบในเช้านี้ )
จะเห็นได้ว่าพอเอา 7 Waste มาจับการทำงานแล้วจะเห็นความสูญเปล่าที่เกิดในแต่ละขั้นตอนเต็มไปหมด ( ซึ่งก่อนจะเขียนบทความนี้ผมก็ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรสูญเปล่าเยอะขนาดนี้ ฮ่าา ) ซึ่งพอเราลดการสูญเปล่าในแต่ละขั้นตอนได้ก็จะทำให้เราทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือเรียกว่า Productive นั่นเองครับ
processing motion 在 アスキー Youtube 的最佳解答
不鮮明な画像の中から""点""を検出することで、さまざまな分析を可能にする「点検出AIシステム」。明るい都市の夜空から不鮮明な星を検出する、点検出AIシステムがバージョンアップし、星以外のものにも応用可能となりました。例えば、顕微鏡画像から植物細胞、衛星写真から漁船やダムといった、人間の目では見逃してしまうような暗い""点""を効率良く検出し、人間の目にもわかりやすい画像として情報を得ることができます。
この「点検出AIシステム」が持つ可能性は無限大です。
Using a point-detection AI system, motion correction, and Deep Neural Network (DNN) training, taking clear photos of the stars in the night sky may soon be a simple process. See how the AI works to process these photos to create vivid astrophotography.
Subscribe and see more innovative tech: https://bit.ly/3djZ5G3
Official Website: https://innouvators.com/en/
Twitter: https://twitter.com/InnoUvators
Facebook: https://www.facebook.com/InnoUvators/
Instagram: https://www.instagram.com/innouvators/
#異能vation #innovation
----------------------------------------------
★ムービーサイト「アスキーTV」http://ascii.jp/asciitv/
★ニュースサイト「ASCII.jp」http://ascii.jp/
★超ファンクラブ「ASCII倶楽部」http://ascii.jp/asciiclub/
----------------------------------------------

processing motion 在 TianChad 田七摄影 Youtube 的最讚貼文
I've got new camera toy to test out so let's start with an impromptu unboxing video of these new gears shall we?
Thanks @nikonmalaysia
for the review and testing opportunity. I am currently a fullframe camera user but let just see if I would love this APS-C super light weight camera.
Stay tune on my Youtube/IG feed for photos taken using this new beast!
#NikonZ50 #Nikon #mirrorlesw #NikonMalaysia #NikonZphotographer #NikonMyZ #ZCreators
_____________________________________
Nikon Z50 is the smallest mirror-less camera from Nikon, designed around their visionary Z mount. Delivering 4K Ultra HD 1080-pixel quality with time-lapse and slow-motion features, Z50 is the smallest interchangeable lens DX-format camera ever!
With the widest lens mount amongst any comparable camera system, Z50 can shoot stills up to IS0 51 ,200 with virtually no noise, making it great for low-light shots. Like the other cameras in the Z series, 26 and 27, Z50 too is powered by Nikon's fast, comprehensive EXPEED 6 image processing system.
With built-in Wi-FI and Bluetooth, one simply needs to install Nikon's #SnapBridge app to make their phones a powerful ally for the Z50.
Stay tuned for my review video of the Nikon Z50. Do leave your question about this Nikon mirrorless camera and I will try to answer them for you =) THANKS FOR WATCHING!

processing motion 在 李根興 Edwin商舖創業及投資分享 Youtube 的最佳解答
【足本版】《Blue Ocean Strategy 藍海策略: 三部曲》
做生意有兩個海。 紅海,就是人做你做,價格競爭,互相廝殺,血染大海。 藍海, 就是你費時同人爭,自己游開去, 當競爭對手無到。
一般的公司,要識得 compete, 片低競爭對手,可惜 ,搞到個海紅曬。真正叻嘅公司,係應該識得 create, 做大個餅,唔使理啲競爭對手, 享受自己嘅碧海暢泳, 因為佢已經游出咗個藍海 。點做? 聽落去你就明。
........
Invitation: Blue Ocean Breakfast @ American Club Central
2019年6月 (星期六 10-12pm) (約4/5位)
報名方法: 請WhatsApp你的卡片到
9218 5223 (聯絡Suki/Monica)
Free, 我請食早餐!
......
而家係法國 INSEAD 商學院嘅 Blue Ocean Strategy Institute 讀書。 自2005年出版以來,呢本 Blue Ocean Strategy 書就翻譯咗44個唔同語言, 全球賣出咗400萬本。 根據Thinkers50, 作者INSEAD 教授 W. Chan Kim 同埋 Renee Mauborgne 都連續五屆成為全球頭五名 Business Thinker 最具影響力嘅商界智囊。
係呢本書,佢哋研究咗全球108間公司推出嘅新產品,發現86%都係一啲叫做紅海嘅產品,即係人做佢做。只得14%係藍海產品。 但係嗰14%嘅藍海產品, 對整體公司收入嘅影響就增加咗38%, 對利潤嘅影響仲增加咗61%。 換句話說,如果你推出藍海嘅產品,你賺錢嘅比率係比紅海高出接近十倍。
咁點樣先能夠搵到藍海呢? 三部曲:
(1) 先要知道邊個係你批客
(2) 了解佢哋由購買、使用、至保養、棄置嘅痛點 Pain Point 喺邊度
(3) 透過ERRC (Eliminate, Reduce, Raise and Create) 去重新佈局自己嘅產品
Step (1) 你先要知道邊個係你批客
係嗰行做生意,好多人覺得最緊要知道嗰行頭嘅核心客人喺邊個。Who are the core customers? 服務得佢地好,咁就賺大錢啦。錯啦!
根據藍海策略,你要打低行家,賺大錢,比 core customers 更加重的就係要知道邊個係 non-customers 非客戶。 你唔係要去 compete, 而係要去 create. 你搵到呢班non-customers喺邊度,吸引佢哋過嚟幫襯你。
Non-customers (非客戶) 有三種。
Tier 1 : "Soon-to-be" non-customers. They are noncustomers who are on the edge of your market waiting to jump ship. 佢哋好唔滿意個行業嘅現況,好想離開唔玩。
Tier 2: "Refusing" non-customers who conciously choose against your market. 呢班人已經決定咗唔幫襯你個行業。
Tier 3: "Unexplored" non-customers who are in markets distant from yours. 呢班人諗都冇諗過幫襯你嗰行。
以我自己為例。喺香港買間街舖平均要三千萬港幣,就當買舖投資係個行業。 有啲人覺得買咗間舖之後租唔出,好煩,以後都唔會再買多間。呢班就係 Tier 1 "soon-to-be" non-customers. 佢哋已經入咗嚟個行業啦,但係好唔滿意個行頭,好想走,以後可能唔再返來。Soon to be not customers anymore.
有啲人睇嚟睇去都冇從入手, 覺得買舖好難, 都係買返住宅工商物業好啲。呢班就係 Tier 2 "refusing" non-customers. 佢哋已經決定咗唔幫襯呢個買舖行業。
Tier 3 "unexplored" non-customers, 呢班人完全諗都冇諗過要買舖投資。 佢哋只有買一般股票、債券,或者將啲錢放銀行就算數啦。
如果我只係target嗰班 core customers 核心客戶, 即係買開舖嗰班老手或者抄家, 咁我間舖就要特別平或者特別靚,core customers 先至會買。 蘋果對蘋果,又要平又要靚,我梗係賺唔到錢啦。
但如果我 target 班 non-customers, 只要我係能夠滿足佢哋想降低風險,唔想煩,但又要有合理回報嘅需求,我charge 嘅收費同埋畀佢批貨就可能好唔同。 而家就係用緊個橙同蘋果比,無得直接比較,咁先有我哋嘅獨特價值。 呢個,亦都我公司商舖基金專注行緊嘅方向。
再講下班入面另一個你同我都一定玩過嘅行業 - 打機。 喺電子遊戲機呀。
一諗起打機,可能你就會覺得 core customers 核心客戶就係嗰班十零廿歲靚仔,日打晚打,坐喺度對咗個screen淨係用隻手指係咁篤。 咁多年最出名嘅應該都係Sony Playstation 同埋 Microsoft Xbox。如果你係第三間打機公司,咁點打低佢哋兩個呢?
咁你要試下 target non-customers。諗真啲其實市場上有三班 non-customers.
Tier 1 soon-to-be non-customers 就係嗰班打開機嘅靚仔,日打夜打已經打到好悶, 分分鐘屋企人又反對,想試下啲新嘢。 佢哋就嚟想離開個行業。
Tier 2 refusing non-customers 就係嗰班女仔或者鍾意運動嘅靚仔, 唔想日日坐喺度篤篤篤打機, 佢哋特登就係唔想玩 Playstation或者Xbox。
Tie 3 unexplored non-customers 就係嗰班老人家,父母, 好似我咁,從來冇諗過要係屋企打機, 仲成日反對個仔女打機㖭。
咁點樣可以吸引到呢三班人呢? Nintedo 就喺2006年推出咗 Wii, 我相信你都可能玩過Wii。Wii 就係唔單止坐係道篤篤篤, 而係配合有好多全身嘅運動, 先至打到tennis ,出到拳, 閃到身。
佢就吸引咗個班已經玩到厭,想試下新嘢嘅 Tier 1 soon-to-be non-customers, 較鍾意運動喐下嘅 tier 2 refusing non-customers, 同埋想同屋企人一齊玩而本身年紀較大嘅 Tier 3 unexplored non-customers,好似我咁。 我當時自己都買咗部Wii同屋企人玩。但Paystation Xbox? 我從來都無買過, 亦都唔打算買。
講完 Step (1) 班客係邊個,再Step (2) 了解班客由購買、使用、至保養、棄置嘅痛點 Pain Point 喺邊度
Wii 點解我會買? 因為解決咗我同好多人嘅痛點, 就係覺得另外嗰兩個牌子啲遊戲太複雜, 唔鍾意成日坐喺度淨係搵手指篤, 但係又唔想好似同時代脫節,見到啲靚仔玩自己又唔識玩。 因此點都要買返部覺得自己 "in" 啲。Wii 就係成功行咗第二步,(2) 了解 non customers 嘅痛點 Pain Point 喺邊度,解決咗佢,吸引新嘅客源。
做生意有本事,你就樣樣嘢都做得好過人。但咁樣,通常成本會過高。樣樣嘢都慳 ,產品就會太渣。 必須要喺一個取捨,就要行第三步
Step (3) ERRC. Eliminate 刪除, Reduce 減少, Raise 增加 and Create 創造,去重新佈局自己嘅產品
呢個就係Wii 當年嘅 Strategy Canvas 戰略佈局圖。佢 eliminate 刪除咗高解像度嘅圖像,eliminate 咗打機以非必要functions 同埋接駁 HDTV 嘅功能。 佢 reduce 減少咗 processing power and online gaming 嘅能力, 由於部機簡單咗,所以價錢亦都比當時嘅入門版 Playstation 3 (賣緊美金$499或599 )同埋 Xbox (賣緊美金$299或399) 平,Wii 2016年推出嘅時候只賣美金249,平均平咗4成半。
雖然平啲,Wii 就 Raise 增加咗部機嘅設計美感,感覺比較有型,同埋推出更加多不同嘅遊戲比玩家選擇。佢create 創造咗 motion gaming ,要全身旭先至能夠打到機, 同埋家庭友善,可以全家人一齊玩嘅遊戲。
亦都因為咁佢就搵到佢嘅藍海 Blue Ocean, 2006年一推出就大受歡迎, 吸引咗嗰班從來無買過Playstation同埋Xbox嘅客戶去買。推出頭一年, Wii 全球賣出咗超過二千萬部, 有超過五成嘅市佔率, 多過playstation同埋Xbox兩個加起嚟。
如果當初Wii 係諗住吸引返同一班打開機嘅核心客戶 core customers ,即係嗰班hard core 打開機嘅靚仔嘅話,肯定冇咁嘅成績。Wii 唔單止 compete, 而係create 咗個新市場叫做 Motion Gaming. 雖然近年少咗人玩Wii,但佢推出短短十年就全球賣出咗超過一億部,come on, I have no complaint, man!
最後,好重要嘅就係藍海嘅產品,例如上面嘅 Wii,係會同時令公司嘅成本降低,但人客嘅價值提升。呢個先係 value innovation 價值創新。 如果你嘅成本無降低到,或者人客嘅價值無提升過,你只係停留緊喺個紅海入面, 鬥平或者鬥靚,未游到出去個藍海。
記住,做生意唔一定要 compete,而係要 create 呀。唸下班 Tier 1, 2, 3 non-customers, 有乜嘢可以降低自己成本,同時又提升客戶嘅價值,吸引班 non-customers 過來, 解決佢哋嘅痛點, 透過ERRC 做大個餅。 我嗰班買舖嘅客,好多都唔會自己單獨去買。 你批客呢? 你個海又係紅定藍呢?
總結 Summary:
《Blue Ocean Strategy 藍海策略: 三部曲》
(1) 尋找到那班 non-customers (非客戶)
Tier 1 : "Soon-to-be" non-customers.
Tier 2: "Refusing" non-customers.
Tier 3: "Unexplored" non-customers.
(2) 了解班 non-customers 由購買、使用、至保養、棄置的痛點 Pain Points 在那裏?
(3) 透過ERRC (Eliminate, Reduce, Raise and Create) 去重新策略佈局公司的產品,游出藍海。
#藍海策略三部曲,#BlueOceanStrategyIn3Steps,#最簡單地解釋藍海策略
盛滙投資商舖基金/買舖/租舖/放舖熱線: 2830 1111 或 whatsapp +852 90361143
盛滙商舖基金 Bridgeway 網頁 www.bwfund.com
李根興創業之友 https://www.facebook.com/EdwinNetwork/
李根興商舖之友 https://www.facebook.com/edwinprimeshop/
李根興 youtube 商舖創業及投資分享商舖創業及投資分享https://www.youtube.com/channel/UCEN66AnLghXESgCDIsz-3Nw
購買李根興的「買舖 要買得 PRO」書,請付款$198,透過以下渠道:
(1) PayMe at +852 90361143
或
(2) 永隆銀行戶口
020-644-0000-3123
