สรุป SCBX ยานแม่ใหม่ของ SCB /โดย ลงทุนแมน
หลังจากที่ได้รายงานข่าวด่วนของ SCB เกี่ยวกับการนำบริษัทออกจากตลาด
และจะมีการแลกหุ้นบริษัทใหม่ ชื่อว่า “SCBX” ในโพสต์ที่แล้ว
https://www.facebook.com/113397052526245/posts/1148880625644544
เรามาดูกันต่อว่า SCB ทำแบบนี้ เพราะอะไร ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ทางบริษัทได้ให้เหตุผลว่าการจัดตั้ง SCBX ขึ้น เพื่อทำให้ธุรกิจยังคงมีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตได้ โดย SCB ให้คำนิยามกับ SCBX ว่าเป็น Mothership หรือ “ยานแม่”
เพราะปัจจุบัน แม้ว่า SCB จะมีธุรกิจอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากสถาบันการเงิน เช่น SCB10X ที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
แต่ด้วยความที่ยังอยู่ภายใต้โครงสร้างของแบงก์ จึงทำให้มีข้อจำกัดและดำเนินกิจการได้ไม่เต็มที่
โดยโครงสร้างใหม่ภายใต้บริษัทแม่อย่าง SCBX จะทำให้บริษัทสามารถแบ่งรูปแบบของธุรกิจได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ก็คือ
1. ธุรกิจ Cash Cow ซึ่งก็คือ ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจประกัน
2. ธุรกิจ New Growth
จากการแบ่งกลุ่มธุรกิจ จะเห็นได้ว่า SCB พยายามแยกธุรกิจแบงก์กับธุรกิจอื่นออกจากกัน
ซึ่งก็จะทำให้ธุรกิจใหม่ ไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบและกฎเกณฑ์ของธุรกิจธนาคารเดิม
และจากการแถลงเกี่ยวกับธุรกิจ New Growth
สิ่งที่เห็น ก็คือ SCB จะย่อยแต่ละธุรกิจออกเป็นบริษัทย่อย
ซึ่งแต่ละบริษัท ก็จะมีทีมและมีผู้บริหาร ซึ่งแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง เช่น
- Card X บริษัทที่โอนกิจการออกมาจาก SCB (Spin-Off) ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต โดยน่าจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในเร็ว ๆ นี้
- Alpha X บริษัทที่ร่วมมือกับ Millennium Group ปล่อยสินเชื่อให้กับเจ้าของรถหรูและยานพาหนะทางน้ำ เช่น เรือยอช์ต
- Tech X ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ทำธุรกิจเทคโนโลยี
- AISCB ร่วมมือกับ AIS ทำสินเชื่อ Digital
โดยบริษัท ก็ได้ตั้งเป้าหมายให้แต่ละบริษัทย่อย สามารถเติบโตและ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งการเติบโตที่ว่านั้น ก็จะรวมไปถึงการรุกธุรกิจไปยังต่างประเทศในระดับภูมิภาค เช่น อินโดนีเซียและเวียดนาม เพื่อสร้างการเติบโตให้กับฐานลูกค้า ที่ปัจจุบันมีอยู่ 14 ล้านราย ให้เป็น 200 ล้านราย
โดยบริษัททั้งหมดในเครือ มีมูลค่ารวมกันราว “1 ล้านล้านบาท” ในอนาคต
ในขณะเดียวกัน SCB ก็ได้ประกาศจัดตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600 - 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 20,100 - 26,800 ล้านบาท) ร่วมกับเครือซีพี โดยมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีด้านบล็อกเชน, สินทรัพย์ดิจิทัล, Decentralized Finance, FinTech และเทคโนโลยีอื่น ๆ
โดยกองทุน Venture Capital นี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์และกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ จะลงทุนเป็นจำนวนเงิน ฝ่ายละ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือจะระดมทุนจากนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง (Accredited Investor)
สำหรับทีม SCB10X เดิม บางส่วนก็จะเข้ามาร่วมทำงานใน Venture Capital ใหม่นี้
นอกจากนั้น SCBX ที่เป็นยานแม่ที่ทำตัวเป็นบริษัทโฮลดิงก็ยังถือหุ้นในอีกหลายธุรกิจ เช่น
- Auto X ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ลีสซิ่ง เน้นกลุ่มรากหญ้า
- SCB Securities ทำธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่ง SCB Securities จะถือหุ้นใน Token X ที่ดูแลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล
- Purple Ventures ที่ทำธุรกิจส่งอาหารชื่อ Robinhood ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี
- SCB ABACUS ที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อออนไลน์ “เงินทันเด้อ” โดยใช้เทคโนโลยี AI ที่เพิ่งคว้าเงินระดมทุน 400 ล้านบาท
โดยโครงสร้างใหม่จะทำให้แยกธุรกิจธนาคาร SCB เดิม ออกมาจากธุรกิจอื่น ๆ โดยมี SCBX เป็นบริษัทโฮลดิงเสมือนเป็นผู้ดูแลจัดการการลงทุนธุรกิจในเครืออีกทีหนึ่ง
สำหรับขั้นตอนต่อไปก็คือ SCB จะให้ผู้ถือหุ้น SCB เดิม ทำการแลกหุ้นกับ SCBX ต่อมาก็จะเพิกถอน SCB ออกจากตลาดหลักทรัพย์
และหลังจากนั้นจะให้ SCB เดิมจ่ายเงินปันผลมูลค่า 70,000 ล้านบาทให้กับ SCBX
เมื่อ SCBX ได้รับเงินปันผลมา จะนำเงินประมาณ 70% หรือคิดเป็น 49,000 ล้านบาท ไปใช้ในการจัดตั้งธุรกิจใหม่ ตามที่ได้กล่าวมา
ส่วนอีก 30% หรือคิดเป็น 21,000 ล้านบาท จะถูกนำออกมาจ่ายเป็นปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น SCBX ซึ่งคาดว่าจะจ่ายได้ในช่วงปีหน้า ซึ่งถ้าเทียบ 21,000 ล้านบาท กับ Market Cap ของ SCB ตอนนี้ที่ 365,000 ล้านบาท ก็จะได้ประมาณ 5.7%
จากแผนการทั้งหมดนี้นับเป็น Big Move ที่ SCB กล้าตัดสินใจ
และดูเหมือน SCB ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ถ้าดูจากอดีตเสมอมา
SCB ก็เป็นคนที่กล้าเป็นผู้นำ ที่ทำอะไรที่เกินคาด แบบนี้มาตลอด
- ตั้งแต่ลดค่าธรรมเนียมการโอนข้ามธนาคาร เป็น 0 บาท
จนธนาคารอื่นต้องปรับให้เป็น 0 บาทตามกันหมด ซึ่งแน่นอนว่าธนาคารสูญเสียรายได้มหาศาล
แต่รู้ไหมว่า การทำแบบนี้ เท่ากับปิดประตู คู่แข่งเกิดใหม่ด้าน Payment ที่จะเข้ามาแข่งได้
ซึ่งถ้าดูจากเมืองนอกที่ผู้คนหันไปใช้แอป Payment ใหม่เกิดเป็นยูนิคอร์นมากมายในต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศไทย คนไทยยังใช้แอปธนาคารในการจ่ายเงิน ซึ่ง Move ตอนนั้นของ SCB น่าจะเป็นสิ่งที่ได้ผลคุ้มค่าสิ่งที่เสียไป
- หรือการกล้าทำแอป Robinhood ที่ไม่คิดค่า GP ที่ช่วยเหลือร้านอาหารเล็ก ๆ ให้มีทางเลือก ถึงแม้มันจะขาดทุน แต่ในวันนี้ Robinhood ก็ยืนแข่งกับผู้เล่นต่างประเทศได้อย่างสบาย และก็น่าจะมีมูลค่าซ่อนอยู่ในแพลตฟอร์มนี้อยู่ไม่น้อย
ในวันที่ธุรกิจธนาคารเดิม ค่อย ๆ ถูกกัดกินส่วนแบ่งตลาด จากธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม
มันก็จะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง นั่นก็คือ
1. อยู่เฉย ๆ รอให้ทุกคนเข้ามารุม
2. ลุกขึ้น แล้วปรับเปลี่ยนแนวทางดำเนินธุรกิจ ให้เข้ากับยุคสมัย
และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ SCB เลือกแบบที่ 2
ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะเป็นทางเดินที่ได้ผลดีหรือร้ายอย่างไร
แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้
ถ้าเราต้องรอจนชัดเจนว่าควรเลือกอะไร
ถึงเวลานั้น มันอาจจะไม่เหลืออะไรให้เราเลือกแล้ว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-งานแถลงข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์
-https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=16322678076521
-https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=16322678080101
spin-off ipo 在 Facebook 的最佳解答
香港時間 0215,我講吓 #ByteDance 唔美國 #IPO 會玩殘 #Tiktok
-
成為會員:https://member.martinoei.com/checkout/?rid=pIOrwc
買嘢就:https://shop.martinoei.com
spin-off ipo 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
Lamborghini ทำกำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์ ในปีวิกฤติ /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่นานมานี้ Lamborghini ได้ออกมาประกาศผลประกอบการทั้งปี 2020
โดยได้ระบุว่าโรคระบาดโควิด 19 ได้ทำให้โรงงานผลิตรถยนต์ หยุดชะงักลง
และเรื่องดังกล่าวได้ส่งผลไปยังปริมาณการส่งมอบรถยนต์ ที่ทำได้เพียง 7,430 คัน ลดลง 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทกลับประกาศว่าสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์
แล้วทำไม Lamborghini มีรายได้ลดลง แต่กำไรเพิ่มขึ้น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จากการที่ Lamborghini ต้องปิดโรงงานผลิตไปเกินกว่า 2 เดือน ส่งผลกระทบให้การผลิต และการส่งมอบรถยนต์ลดลง สะท้อนไปยังรายได้ของบริษัท ที่ทำได้ 5.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการปรับตัวลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม รายได้ที่ลดลง ส่วนใหญ่มาจากทวีปยุโรป แต่ในประเทศที่ฟื้นตัวได้เร็วอย่างประเทศจีน มีรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
หากเรามาดูสัดส่วนรายได้ตามแต่ละประเทศของบริษัท Lamborghini
อันดับ 1 ประเทศสหรัฐอเมริกา
อันดับ 2 ประเทศเยอรมนี
อันดับ 3 ประเทศจีน
สำหรับปีนี้ ทางผู้บริหารของบริษัท หรือคุณ Stephan Winkelmann ได้ระบุว่ารถยนต์ได้ถูกจองไว้ลากยาวไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปี
ในขณะที่ รายได้จากการขายรถยนต์ในประเทศจีน จะยังเติบโตต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะแซงขึ้นไปเป็นอันดับที่ 2 แซงหน้าประเทศเยอรมนี
อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่รายได้ของบริษัทลดลง แต่ก็ไม่ได้ลดลงมาก ก็เพราะว่าโมเดลรถยนต์รุ่น Lamborghini Urus ที่เป็นรถประเภท SUV สามารถเข้ามาสร้างการเติบโตให้กับบริษัท
ในปีที่ผ่านมา โมเดลรถยนต์รุ่นนี้ก็ได้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน
ในขณะเดียวกัน ที่บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงขึ้น เป็นผลมาจาก
- ราคารถยนต์ต่อคัน ที่แพงขึ้น
- รายได้จากการปรับแต่งรถยนต์สำหรับลูกค้ารายบุคคล
ซึ่งตรงนี้ ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้า ที่มีกำลังซื้อสินค้าหรู
ไม่ได้มีความอ่อนไหวต่อวิกฤติ แถมยังมีความต้องการที่จะจ่ายแพงขึ้น
โดยนอกเหนือจาก Lamborghini แล้ว กลุ่มธุรกิจแบรนด์หรูอื่น ๆ ก็ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดที่ต่ำ
ที่เห็นได้ชัดก็คือ LVMH บริษัทแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าบริษัทปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี
สวนทางกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่โดนแรงเทขายมหาศาล
จากความกังวลเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ในช่วงที่ผ่านมา
ในอีกมุมหนึ่ง กลุ่มธุรกิจรถสปอร์ต อย่าง Lamborghini และ Ferrari ก็ยังมีความท้าทายในเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเริ่มเข้ามาปรับกฎเกณฑ์ควบคุม
นั่นจึงทำให้บริษัทเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะต้องมีการวิจัย พัฒนารถยนต์สปอร์ตไฟฟ้า เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
สำหรับความเคลื่อนไหวของเครื่องยนต์ไฟฟ้าของ Lamborghini เอง ก็เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดของบริษัทในรุ่น Sian FKP 37 ที่มีราคาราว 110 ล้านบาท ต่อคัน..
ปัจจุบัน Lamborghini เป็นบริษัทภายใต้ Volkswagen Group
และยังไม่ได้มีความคืบหน้าเรื่องการ Spin-off หรือการแยกธุรกิจออกมาจัดตั้งเป็นอีกบริษัท
เหมือนอย่างที่ Fiat Chrysler ได้เคยแยก Ferrari ออกมาจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 4 ปีก่อน
ซึ่งก็ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำเร็จ เพราะมูลค่าของบริษัท Ferrari เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า เมื่อเทียบกับราคา IPO
จากผลประกอบการของ Lamborghini ก็เหมือนจะสะท้อน
ให้เห็นว่าธุรกิจรถยนต์ในอนาคต จะถูกแยกออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกก็คือ การแข่งขันกันระหว่างบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า
และบริษัทรถยนต์ดั้งเดิม ที่กำลังจะรุกเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า
ที่ต้องแข่งกันวิจัยพัฒนา ควบคุมต้นทุนการผลิตให้ต่ำที่สุด
เพื่อให้ขยายธุรกิจได้จากการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วโลก
กับอีกกลุ่มหนึ่ง ก็คือ กลุ่มธุรกิจรถยนต์หรู ที่ต้องแข่งขันกับตัวเอง
เพื่อเอาชนะใจ “กลุ่มคนที่มีกำลังจ่าย” และผลิตเพียงไม่กี่พันคัน ต่อปี..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://media.lamborghini.com/english/latest-news/all/automobili-lamborghini--strong-profitability-and-second-best-year-ever-for-turnover-and-sales/s/feb6ace0-d0bb-4694-849e-25ccf620871d
-https://www.cnbc.com/2021/03/18/lamborghini-reports-record-profits-teases-electric-future-.html