【10.20集結案】
//2019 年 10 月 20 日九龍遊行案,前民陣召集人陳皓桓、民主黨前主席何俊仁、社民連前立法會議員梁國雄等 7 人,被指煽惑他人參與未經批准集結、組織未經批准集結等。7 人早前承認控罪,法官胡雅文今(1 日)在區域法院判 7 人監禁 11 至 16 個月。除了黃浩銘,其餘被告的刑期與早前 8.18、8.31、10.1 未經批准集結案刑期同期執行。//
以下是文遠的感言:
【吳文遠 - 10.20九龍遊行案件感言】
這是一宗政治案件,所以我認為這篇陳詞適合放在政治脈絡下開展。
我們生活在急劇轉變及充滿挑戰的時代。基於政府所謂「安全」的理由,記者、報館、網台主持、學者、教師、學生、藝人、歌手、工會人、社運人、民意代表以及許多市民,都一一被迫沉默,以至逐個被拘捕、檢控、囚禁。
尤有甚者,「安全」的定義還在不斷挪移及擴大。昨日出版的一篇報紙文章、一次演講、一種主張、一個標語,今天都可能被視為對「安全」的威脅。
短短數年前那些通常被判罰款或社區服務令的行動,現在會被判監禁。這裡曾經存在和而不同及真誠辯論觀點的言論空間,但現在只剩下觸目驚心的紅線。
每天都帶來法規的重新演繹,每天都突破荒謬的下限。有他們的眼中,現在甚至連兒童繪本都成為了對「安全」的威脅。
問題無可避免地浮現:究竟這些法規是要保護誰的「安全」?是公民的自由,抑或是實際上已經非常有權力的人的權力?
我們追求怎樣的秩序?這些法規的設計,是為了所有公民能夠享有法治、自由、公平競爭及繁榮的機會嗎?還是旨在引領我們進入一個政府不受挑戰及不受限制的時代?
我們發現自身正處於一個這樣的時代,人們需要作出看似簡單卻極為困難的選擇——就如哈維爾所指——我們要活在真實中,還是要服從於謊言及荒謬?
在我追求的真實生活中,我們只是像《國王的新衣》中的小孩那樣呼喊:「喂,國王根本冇著衫喎!」
—————-
【Avery Ng: On October 20 Kowloon Rally】
This is a political case, so I think it is appropriate to frame my remarks within the political context of this matter.
We live in rapidly changing and challenging times. Journalists, newspaper publishers, broadcasters, academics, teachers, students, artists, singers, trade unionists, political activists, democratically elected representatives, and many other citizens are being silenced, arrested, prosecuted and imprisoned by the Hong Kong government for supposed reasons relating to “security”.
What’s more, the definition of this “security” is constantly shifting and expanding. A newspaper article published yesterday, a speech, an opinion, a slogan--even a gesture may be treated as a threat to security today.
Actions that would have previously and sometimes rightly merited community service or fines just a few short years ago, now lead to the possibility of jail. Where once there was the space to disagree agreeably and debate ideas honestly. Now there is intolerance.
Every day brings a new re-interpretation of the rules. Every day we reach a new level of absurdity. Even children’s cartoon books have now reached the status that they are seen by some as a threat to “security”.
The inevitable question arises: Whose security is being protected--the liberty of citizens? Or are these laws in fact protecting and securing the power of the already-powerful?
What kind of order are we seeking? Are these laws designed to uphold the rule of law, ensure freedom, a level playing field, and the chance of prosperity for all citizens? Or are they meant to usher in an era in which the government can rule unchallenged and unchecked?
In the times that we find ourselves in, one needs to make a choice that is at once simple yet immensely difficult. As Vaclav Havel writes: Do we live in the truth? Or conform to lies and absurdity?
In my pursuit to live in the truth, we are merely the kid who yelled “hey, the Emperor wears no clothes.”
———————————
文遠交低話大家記住一定要撐 #文遠Patreon 呀!
⭐️支持文遠⭐️請訂閱Patreon⭐️
⭐️Please show your support by subscribing to Avery’s Patreon ⭐️
www.patreon.com/AveryNg
同時也有35部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅hulan,也在其Youtube影片中提到,用機械手被抓飲料 看起來是遊戲 但是卻包含了很多細微的動作 從電腦螢幕可以監看他動作的情況 這個在展覽中的小遊戲 很受到歡迎 如果能夠抓到飲料就可以帶回家囉 Automation Taipei 2019 was positioned as one of the largest industrial...
trade show 2019 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
วิกฤติ เลบานอน ประเทศที่ GDP ต่อหัว ลดลง 36% ในปีเดียว /โดย ลงทุนแมน
“วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับเลบานอน นับเป็นหนึ่งในวิกฤติเศรษฐกิจ ที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 170 ปี”
ธนาคารโลกได้ให้คำจำกัดความกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของเลบานอนในปี 2020
ปี 2019 ชาวเลบานอนมี GDP ต่อหัว อยู่ที่ 7,584 ดอลลาร์สหรัฐ
ใกล้เคียงกับ GDP ต่อหัวของชาวไทย ที่ 7,817 ดอลลาร์สหรัฐ
ในปี 2020 ขณะที่เศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลกล้วนเผชิญการหดตัวจากวิกฤติโควิด 19
GDP ต่อหัวของไทย ลดลงเหลือ 7,189 ดอลลาร์สหรัฐ
แต่ GDP ต่อหัวของชาวเลบานอน ลดลงเหลือเพียง 4,891 ดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็นอัตราการลดลงถึง 36% ภายในปีเดียว
เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศเลบานอน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
หลายคนคงยังจดจำภาพเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ 2 ระลอกที่ท่าเรือกรุงเบรุต ในวันที่ 4 สิงหาคม 2020 ได้
ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับกรุงเบรุต ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเลบานอน
และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
แต่นอกจากเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว เลบานอนก็ยังมีอีกหลายปัญหาที่ยืดเยื้อและเป็นชนวนสำคัญของความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ
ครั้งหนึ่ง กรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เคยได้รับฉายาว่าเป็น “ปารีสแห่งตะวันออกกลาง”
ด้วยความที่เลบานอนเคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และกรุงเบรุตถูกตั้งให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายมาตั้งแต่ยุคอาณานิคม ความรุ่งเรืองทำให้เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยอาคารสวยงามสไตล์ฝรั่งเศสมากมาย
ด้วยทำเลของประเทศที่ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นักธุรกิจชาวเลบานอนจึงเป็นผู้เชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศในแอฟริกา และกลุ่มประเทศอาหรับ โดยเฉพาะการค้าอัญมณี
เลบานอนไม่มีภาษีนำเข้าสำหรับสินแร่โลหะ และอัญมณี ทำให้สามารถนำเข้าแร่มีค่าจากประเทศในแอฟริกาได้ในราคาถูก
บวกกับช่างฝีมือชาวเลบานอนที่เก่ง และมีค่าแรงถูกกว่าช่างฝีมือในภูมิภาคยุโรปเกือบครึ่งหนึ่ง ทำให้กรุงเบรุตขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางค้าอัญมณีที่สำคัญ ยังรวมถึงการเป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของตะวันออกกลางอีกด้วย
อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของเลบานอน คิดเป็นมูลค่ากว่า 37,000 ล้านบาท
ในปี 2019 และคิดเป็นสัดส่วน 6% ของการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมดของเลบานอน
บริษัท Tabbah บริษัทเครื่องประดับสัญชาติเลบานอน ก่อตั้งขึ้นในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ในปี 1862 เป็นผู้นำในการออกแบบเครื่องประดับ ที่มีลูกค้าอยู่ทั่วทุกมุมโลก
การค้าขายอัญมณีที่คึกคัก ทำให้กรุงเบรุต ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของตะวันออกกลางอีกด้วย ภาคการเงินมีสัดส่วนถึง 7% ของการส่งออกสินค้าและบริการของประเทศ
นอกจากนี้ เลบานอนยังเป็นประเทศอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของตะวันออกกลาง
ถึงแม้จะมีพื้นที่เพียง 10,452 ตารางกิโลเมตร ใกล้เคียงกับจังหวัดขอนแก่น แต่ก็สามารถส่งออกพืชผลได้มากมาย
โดยเฉพาะพืชผลที่เติบโตในภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ทั้งองุ่น มะกอก ผลไม้ตระกูลส้ม และถั่ว รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่างไวน์ และน้ำมันมะกอก
นอกจากผลผลิตทางการเกษตร การค้าอัญมณี และภาคการเงินแล้ว ด้วยความที่ทำเลที่ตั้งของเลบานอน คือที่ตั้งของอาณาจักรต่าง ๆ ตั้งแต่ยุคโบราณ เลบานอนจึงมีโบราณสถานในยุคสมัยต่าง ๆ มากมาย ทั้งโรงละครสมัยโรมัน โบสถ์คริสต์ มัสยิดสมัยออตโตมัน
ทั้งที่เป็นประเทศเล็ก ๆ แต่เลบานอนมีมรดกโลกทางวัฒนธรรมมากถึง 5 แห่ง
การท่องเที่ยวจึงเป็นภาคส่วนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด การท่องเที่ยวสร้างรายได้กว่า 330,000 ล้านบาท
คิดเป็นสัดส่วนถึง 61% ของการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมดของเลบานอน
จากข้อมูลที่กล่าวมา ดูเหมือนว่า เลบานอนจะเป็นประเทศที่มีภาคเศรษฐกิจที่หลากหลาย
ซึ่งจาก GDP ต่อหัวของชาวเลบานอน ในปี 2019 อยู่ที่ 7,584 ดอลลาร์สหรัฐ ก็ถือว่าดีระดับหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทั้ง ๆ ที่เลบานอนไม่ได้มีทรัพยากร โดยเฉพาะ “น้ำมัน” เหมือนประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาหรับ
แล้วอะไรที่ซ่อนอยู่ในเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะหลากหลายและมั่นคง ?
ประการแรก ความขัดแย้งของประชากรและรัฐบาลที่คอร์รัปชัน
ประชากร 6.8 ล้านคนของเลบานอน เป็นชาวมุสลิม 65% และชาวคริสต์ 35%
ความแตกต่างทางศาสนานี้ ทำให้รัฐสภาของเลบานอนประกอบไปด้วยสมาชิกที่เลือกตั้งมาจากกลุ่มศาสนา ซึ่งมักเกิดปัญหาขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง
ครั้งรุนแรงที่สุดก็ลุกลามจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองในช่วงปี 1975-1990 ที่สร้างความเสียหายให้กับกรุงเบรุตอย่างหนัก
รัฐบาลของเลบานอนแต่ละสมัยจึงต้องพยายามสมานฉันท์จากผู้คนทั้ง 2 กลุ่ม แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็เกิดปัญหาการคอร์รัปชันอย่างหนัก ซึ่งเลบานอนถูกจัดเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน ปี 2020 เลบานอนอยู่ในอันดับที่ 149 จาก 179 ประเทศ
ประการที่ 2 การพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวมากเกินไป
เลบานอนเป็นประเทศเล็ก ๆ การท่องเที่ยวจึงเป็นภาคส่วนที่สำคัญมากต่อเศรษฐกิจ
ในปี 2019 การท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนถึง 61% ของการส่งออกสินค้าและบริการของประเทศ
ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรีย ประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือของเลบานอน ก็ส่งผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเลบานอนลดลงเรื่อย ๆ เมื่อการท่องเที่ยวซบเซา การค้าขาย เศรษฐกิจภาพรวมก็ซบเซาตามไปด้วย
รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายจ่ายอย่างมหาศาล
เมื่อรวมกับการต้องรองรับผู้อพยพชาวซีเรียกว่า 1 ล้านคน ทำให้หนี้สาธารณะของเลบานอนพุ่งสูงถึง 155% ของ GDP ในปี 2019
รัฐบาลที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
จึงต้องหารายได้เพิ่มด้วยการพยายามขึ้นภาษี ทั้งภาษีบุหรี่ ภาษีน้ำมัน และภาษีสำหรับการใช้โทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจาก Social Media เช่น WhatsApp, Facebook และ Messenger
เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับประชาชน จนนำมาสู่การประท้วงอย่างรุนแรงในปี 2019 ผลที่ได้ก็สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ จน GDP ของเลบานอนในปี 2019 ติดลบกว่า 5.6%
พอมาถึงปี 2020 เศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วก็ถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของโควิด 19 ที่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวหยุดชะงัก และซ้ำร้ายด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ ที่ท่าเรือในกรุงเบรุต ซึ่งความเสียหายครั้งนี้ถูกประเมินว่าอาจสูงกว่า 500,000 ล้านบาท
ทำให้ปี 2020 GDP ของเลบานอน ติดลบถึง 20.3%
ประการที่ 3 สกุลเงินปอนด์เลบานอน
นับตั้งแต่ปี 1997 รัฐบาลเลบานอนได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
ค่าเงินถูกตรึงไว้ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 1,500 ปอนด์เลบานอน
การที่ค่าเงินถูกตรึงให้คงที่เป็นระยะเวลานาน ทำให้เงินปอนด์เลบานอน มีค่าสูงกว่าความเป็นจริง
ส่งผลให้สินค้านำเข้ามีราคาถูกกว่าความเป็นจริง
เลบานอนเป็นประเทศที่เน้นการส่งออกภาคบริการ แต่นำเข้าสินค้าในปริมาณมาก เนื่องจากไม่มีทรัพยากร และภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง
การนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะน้ำมัน ยารักษาโรค รถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทำให้เลบานอนขาดดุลการค้าต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2004
ธนาคารกลางพยายามควบคุมค่าเงินปอนด์เลบานอนให้คงที่ ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงอย่างหนัก ประกอบกับเงินค่อย ๆ ไหลออกนอกประเทศ ถึงขนาดที่ทำให้ธนาคารกลางต้องจำกัดการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเพื่อสกัดเงินไหลออก
ในปี 2020 เมื่อเกิดวิกฤติที่ทำให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ค่าเงินปอนด์เลบานอนก็ยิ่งลดลงอย่างมาก โดยเงินปอนด์เลบานอนในตลาดมืด มีมูลค่าน้อยกว่ามูลค่า ณ อัตราแลกเปลี่ยนทางการถึง 33%
การขาดแคลนเงินตราต่างประเทศทำให้การนำเข้าสินค้าเกิดปัญหา ชาวเลบานอนขาดแคลน
ยารักษาโรค เครื่องมือแพทย์ น้ำมัน แม้แต่รัฐวิสาหกิจที่ควบคุมการผลิตไฟฟ้า ยังไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อเชื้อเพลิงมาผลิตไฟฟ้า ทำให้ประชาชนต้องประสบปัญหาไฟดับรายวัน
เมื่อเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบหนัก รวมกับค่าเงินปอนด์เลบานอนที่อ่อนค่าลงมาก
ทำให้ GDP ต่อหัวของเลบานอน ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมาเกือบ 36%
ภายในระยะเวลาแค่ปีเดียว
ท่ามกลางความวุ่นวายจากการระเบิดครั้งใหญ่ รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และการระบาดของโควิด 19 ที่มีต่อเนื่องมาถึงปี 2021
รู้หรือไม่ว่า ระหว่างนั้นเลบานอนไม่มีนายกรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐบาลชุดเก่าลาออกเพื่อรับผิดชอบจากเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเบรุต ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เสียที และเพิ่งมีนายกรัฐมนตรี ไปเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2021 นี้เอง
ความล้มเหลวและความสิ้นหวัง ผลักดันให้ชาวเลบานอนนับแสนคน
อพยพออกไปอยู่ต่างประเทศ ตลอดปี 2020
ทั้งประเทศร่ำรวยใกล้เคียงอย่างไซปรัส อิสราเอล และประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย
หรือประเทศห่างไกลที่มีชุมชนชาวเลบานอนอยู่ อย่างบราซิลและฝรั่งเศส
องค์การสหประชาชาติคาดว่า ในปี 2021 จะมีผู้อพยพออกจากเลบานอนเพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึง 32%
ใครจะไปคาดคิดว่าครั้งหนึ่ง ประเทศที่เคยมีเศรษฐกิจที่หลากหลาย มั่นคง และเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค มีเมืองหลวงที่สวยงาม เป็น “ปารีสแห่งตะวันออกกลาง” จะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้..
ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่า GDP ปี 2021 ของเลบานอน จะติดลบอย่างน้อย 6%
ดูเหมือนว่าวิกฤติของเลบานอนครั้งนี้จะยังไม่สิ้นสุดลง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=TH-LB
-https://www.worldbank.org/en/news/press-release/2021/05/01/lebanon-sinking-into-one-of-the-most-severe-global-crises-episodes
-https://www.arabianbusiness.com/banking-finance/453652-reforms-urged-as-lebanons-economy-set-to-shrink-to-2002-levels
-https://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=124&product=undefined&year=2019&productClass=HS&target=Product&partner=undefined&startYear=undefined
-https://www.focus-economics.com/country-indicator/lebanon/trade-balance
-https://www.macrotrends.net/countries/LBN/lebanon/net-migration
trade show 2019 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
เกาหลีใต้ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในประเทศเวียดนาม /โดย ลงทุนแมน
เศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปในอนาคต
นั่นจึงทำให้บริษัทและนักลงทุนจากต่างชาติ ต่างก็สนใจเข้าไปลงทุนในประเทศแห่งนี้
โดยเฉพาะการลงทุนสร้างโรงงาน เพื่อให้เวียดนามกลายเป็นฐานการผลิตหลัก อย่างเช่น รองเท้าของ Nike และสมาร์ตโฟนของ Samsung รวมถึงอีกหลายบริษัทที่กำลังย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนาม เช่น Apple และ Foxconn
แต่รู้หรือไม่ว่าประเทศเวียดนามที่เนื้อหอมในสายตาโลก ผู้ที่ทุ่มเงินลงทุนในประเทศแห่งนี้มากที่สุด คือประเทศ “เกาหลีใต้”
แล้วเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในเวียดนาม อย่างไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เงินลงทุนจากต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนโดยตรงในประเทศเวียดนามแบบสะสม (FDI Stock) จนถึงปี ค.ศ. 2019 มีสัดส่วนมากที่สุด 5 อันดับแรก ก็คือ
อันดับ 1 เกาหลีใต้ 18.7%
อันดับ 2 ญี่ปุ่น 16.3%
อันดับ 3 สิงคโปร์ 13.7%
อันดับ 4 ไต้หวัน 8.9%
อันดับ 5 สหภาพยุโรป 7.0%
สำหรับประเทศจีนอยู่ในอันดับ 8 มีสัดส่วน 4.5% ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับ 10 มีสัดส่วน 3.0%
โดยเกาหลีใต้ คือประเทศที่ลงทุนโดยตรงในประเทศเวียดนามมากที่สุด โดยความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศนี้ เริ่มแน่นแฟ้นมากขึ้น จากจุดเปลี่ยนที่สำคัญในอดีต 2 ครั้ง
ปี ค.ศ. 2007 ประเทศเวียดนาม เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกหรือ WTO
ปี ค.ศ. 2015 ประเทศเวียดนามและเกาหลีใต้ ทำข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA ที่ส่งผลให้ เกาหลีใต้ลดภาษีนำเข้าจากเวียดนามลง 95% และเวียดนามลดภาษีนำเข้าจากเกาหลีใต้ลง 89%
นอกจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว เรื่องโครงสร้างแรงงานในประเทศเวียดนาม ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่บริษัทเกาหลีใต้ต้องการ
ทั้งเรื่องอายุของคนวัยทำงาน ที่โดยเฉลี่ยอยู่ในช่วงอายุ 30 ปี ต่างจากหลายประเทศ โดยเฉพาะในเกาหลีใต้เอง ที่คนวัยทำงานโดยเฉลี่ยอยู่ในช่วงอายุ 40 ปี
รวมถึงปัจจัยด้านค่าจ้างโดยเฉลี่ย ที่นอกจากค่าจ้างแรงงานในเวียดนามจะคิดเป็นเพียง 1 ใน 8 ของค่าจ้างในเกาหลีใต้แล้ว งานที่ใช้ทักษะสูงขึ้นก็มีค่าจ้างที่ต่ำกว่าอย่างมีนัย เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่งวิศวกร ที่ค่าจ้างในเวียดนามคิดเป็น 1 ใน 5 ของค่าจ้างในเกาหลีใต้
หรือแม้แต่ตำแหน่งผู้จัดการ ที่ค่าจ้างในเวียดนามคิดเป็น 1 ใน 3 ของค่าจ้างในเกาหลีใต้
อีกปัจจัยสำคัญก็คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เพราะประเทศที่เกาหลีใต้ส่งออกไปมากที่สุดตามลำดับก็คือ จีน สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
แต่เมื่อจีนและสหรัฐอเมริกากีดกันทางการค้ากันมากขึ้น จึงช่วยเร่งให้เกาหลีใต้ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตจากจีนมาที่เวียดนามเร็วขึ้น
แล้วเกาหลีใต้ เข้ามาลงทุนอะไรในเวียดนามบ้าง ?
หลัก ๆ แล้ว กว่า 70% ของการเข้ามาลงทุนในเวียดนามทั้งหมด บริษัทเกาหลีใต้จะเข้ามาสร้าง “โรงงานผลิต” เพื่อหวังเป็นฐานการผลิตหลัก และผู้ลงทุนที่ทรงพลังมากที่สุดก็คือ Samsung
Samsung เริ่มเข้าไปสร้างโรงงานที่เวียดนามในปี ค.ศ. 2008 และเริ่มผลิตโทรศัพท์มือถือเพื่อส่งออกในปีถัดมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ Samsung มีโรงงานผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบัน Samsung มีโรงงานในเวียดนามสำหรับผลิตสมาร์ตโฟน 2 แห่งและโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 1 แห่ง
โดยสมาร์ตโฟน Samsung ที่ส่งออกทั่วโลกมากกว่าครึ่งหนึ่ง ผลิตที่เวียดนาม โดยสินค้าจาก Samsung คิดเป็น 1 ใน 5 ของการส่งออกทั้งหมดของเวียดนาม ซึ่งก็เรียกได้ว่าประเทศเวียดนามถือเป็นฐานการผลิตสำคัญของบริษัทไปแล้ว นั่นเอง
นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐบาลเวียดนามพยายามทำมาสักพักแล้วก็คือ โน้มน้าวให้ Samsung มาตั้งโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ผลิตชิปในประเทศด้วย
เมื่อบริษัทที่ใหญ่สุดในเกาหลีใต้อย่าง Samsung เลือกประเทศเวียดนาม จึงทำให้บริษัทอื่นก็ขยับตาม
เริ่มจากคู่แข่งอย่าง LG ที่เริ่มสร้างโรงงานผลิตที่เวียดนามในปี ค.ศ. 2014 ก่อนที่จะสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ตามมา เพื่อเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและชิ้นส่วนรถยนต์ ที่เป็นจอแสดงผลและระบบสร้างความบันเทิง
แต่นอกจากประเทศเวียดนามจะได้เปรียบในเรื่องค่าแรงที่ถูกกว่าเกาหลีใต้แล้ว บุคลากรในตลาดแรงงานของเวียดนามยังมีระดับการศึกษาโดยเฉลี่ยที่สูงกว่าประเทศอาเซียนอื่นที่มีระดับค่าจ้างพอ ๆ กัน อย่างเช่น ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และลาว
นั่นจึงทำให้บริษัทจากเกาหลีใต้ ไม่เพียงสร้างโรงงานการผลิตเท่านั้น แต่ยังลงทุนสร้าง “ศูนย์วิจัยและพัฒนา” หรือ R&D Center ที่ประเทศเวียดนามด้วย
อย่าง Samsung ได้ลงทุนสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาที่เมืองฮานอย ซึ่งตั้งใจว่าจะเป็นหนึ่งในศูนย์หลักของ Samsung ที่ใช้วิจัยและพัฒนาสมาร์ตโฟน รวมถึงนวัตกรรมด้านอื่น โดยคาดว่าจะเปิดในปี ค.ศ. 2022 และจะจ้างวิศวกรท้องถิ่นราว 3,000 คน
ด้าน LG ก็มีศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ฮานอยแล้ว และกำลังสร้างอีกศูนย์เพิ่มที่เมืองดานัง โดยเน้นวิจัยด้านชิ้นส่วนรถยนต์เป็นหลัก
ศูนย์วิจัยและพัฒนาเหล่านี้ ทำให้ประเทศเวียดนามไม่ได้เป็นเพียงแค่ฐานการผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น แต่จะทำให้ประเทศเวียดนามมีโอกาสสูงที่จะได้เรียนรู้และถูกถ่ายโอนเทคโนโลยีมาด้วย
และนอกจากการลงทุนไปกับการสร้างโรงงานผลิตหรือศูนย์วิจัยแล้ว บริษัทเกาหลีใต้ยังสนใจลงทุนในเวียดนามผ่านการเป็น “ผู้ถือหุ้น” ในกิจการท้องถิ่นด้วย
อย่างเมื่อปี ค.ศ. 2019 บริษัท Samsung SDS ได้เข้าไปถือหุ้น 30% ในบริษัท CMC ซึ่งเป็นบริษัท IT ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเวียดนาม
แต่บริษัทที่ทุ่มเงินลงทุนในบริษัทเวียดนามมากที่สุดก็คือ SK กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้
ที่เป็นรองแค่ Samsung และ Hyundai ยกตัวอย่างเช่น
ปี ค.ศ. 2018 SK เข้าไปถือหุ้น 9.5% ใน Masan Group กลุ่มบริษัทด้านอาหารขนาดใหญ่
ปี ค.ศ. 2019 SK เข้าไปถือหุ้น 6.1% ใน Vingroup กลุ่มบริษัทที่ใหญ่สุดในเวียดนาม
ปี ค.ศ. 2021 SK เข้าไปถือหุ้น 16.3% ใน VinCommerce เชนร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ที่เพิ่งเปลี่ยนเจ้าของจาก Vingroup ไปเป็น Masan Group เมื่อปี ค.ศ. 2019
ซึ่งการลงทุน 3 ครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 62,700 ล้านบาท
การเข้ามาลงทุนของบริษัทเกาหลีใต้ที่นิยมอีกรูปแบบก็คือ การ “เปิดสาขา” ในประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าบริโภค ร้านค้าปลีก และบริการต่าง ๆ อย่างเช่นบริการการเงิน ซึ่งก็น่าสนใจว่าบริษัทเหล่านี้แทบจะไม่เคยมีสาขานอกประเทศเกาหลีใต้เลย
เพราะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางในประเทศเวียดนาม ซึ่งยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว
ถูกประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดและเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่สำคัญก็คือความนิยมในสื่อบันเทิงและวัฒนธรรมของเกาหลีใต้
ซึ่งมีส่วนช่วยให้ชาวเวียดนามกลุ่มหนึ่งคุ้นเคยกับแบรนด์เหล่านี้อยู่แล้ว
อย่าง Lotte หนึ่งในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ ที่สร้าง Lotte Center ที่เมืองฮานอย โดยเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับ 3 ในเวียดนาม มีทั้งโรงแรม 5 ดาว, ส่วนพักอาศัย, ห้างสรรพสินค้า Lotte, ซูเปอร์มาร์เก็ต Lotte Mart รวมถึงภัตตาคาร สปา และบริการอื่น ๆ คล้ายกับ Lotte Tower ในกรุงโซล
นอกจากนี้ Lotte ยังมีธุรกิจอื่นในเครือที่ประสบความสำเร็จในเวียดนาม อย่างเช่น ร้าน Lotteria ที่เริ่มเปิดสาขาเวียดนามในปี ค.ศ. 1998 จนในปัจจุบันกลายเป็นเชนฟาสต์ฟูด ที่มีสาขามากที่สุดในเวียดนาม
รวมถึงโรงภาพยนตร์ Lotte Cinema ที่เริ่มให้บริการที่เวียดนามในปี ค.ศ. 2008 ซึ่งนอกจาก Lotte แล้ว กลุ่ม CJ บริษัทแม่ของผู้ผลิตสื่อบันเทิงขนาดใหญ่ในเกาหลีใต้ อย่างเช่น Mnet, tvN และ Studio Dragon ก็มาเปิดสาขาโรงภาพยนตร์ CJ CGV ที่เวียดนามตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005
ซึ่งโรงภาพยนตร์จากเกาหลีใต้ ก็กลายเป็นเจ้าตลาดในเวียดนาม โดยกว่า 70% ของจำนวนโรงภาพยนตร์ทั้งหมดในประเทศเวียดนาม เป็นของ CJ CGV และ Lotte Cinema
ในส่วนของบริการทางการเงิน กลุ่มบริษัทการเงิน ธนาคาร รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ก็เลือกมาเปิดสาขาที่เวียดนาม เช่นกัน
อย่างเช่น Shinhan Financial Group กลุ่มการเงินอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ เข้ามาเปิดสาขาธนาคาร Shinhan Bank Vietnam ตามเมืองใหญ่ในเวียดนาม รวมถึงบริษัท Shinhan Investment ที่ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทหลักทรัพย์ท้องถิ่น
หรือ Hana Bank ธนาคารของกลุ่มการเงินอันดับ 4 ของเกาหลีใต้ ก็เข้ามาถือหุ้น 15% ในธนาคารรัฐวิสาหกิจของเวียดนาม ที่ชื่อ Bank for Investment and Development of Vietnam (BIDV) และมีแผนจะขยายสาขาในเวียดนามผ่านเครือข่ายสาขาของ BIDV
รวมถึงบริษัทการลงทุนขนาดใหญ่อย่าง Mirae Asset Global Investments ซึ่งเป็นบริษัทแรกของเกาหลีใต้ที่ได้เปิดบริษัทจัดการกองทุนในเวียดนาม และเป็นสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเข้ามาลงทุนหลากหลายรูปแบบในประเทศเวียดนามของเกาหลีใต้ มีส่วนสำคัญในการเพิ่มการจ้างงานเกือบล้านตำแหน่งในตลาดแรงงานเวียดนาม รวมถึงยังทำให้เวียดนามมีโอกาสได้รับการถ่ายโอนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปด้วย
ที่สำคัญก็คือเรื่องของการส่งออก ที่ราว 1 ใน 3 ของการส่งออกทั้งหมดของเวียดนาม มาจากการผลิตของโรงงานสัญชาติเกาหลีใต้
นอกจากนี้โครงสร้างการส่งออกของเวียดนาม ก็ปรับมามีสัดส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก
โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์คุณภาพสูง จากเมื่อ 20 ปีก่อน ที่แทบไม่มีการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เลย
ถึงตรงนี้ เราก็พอจะสรุปได้ว่าประเทศเกาหลีใต้ คือผู้มีบทบาทสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2019-04-10/south-korea-s-investment-bonanza-in-vietnam-doesn-t-add-up
-https://asia.nikkei.com/Business/Business-trends/South-Korea-s-SK-Group-bets-big-on-Vietnam-s-100m-consumer-market
-https://asia.nikkei.com/Business/Business-deals/SK-Group-takes-16-stake-in-Vietnam-s-top-retailer
-https://asia.nikkei.com/Business/Business-trends/South-Korean-investment-in-Vietnam-grows-amid-U.S.-China-trade-war
-https://m.koreatimes.co.kr/pages/article.asp?newsIdx=280920
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20181122000128
-https://www.kroll.com/-/media/kroll/pdfs/publications/the-rise-of-korean-investment-in-vietnam.ashx
-http://www.mpi.gov.vn/en/Pages/chuyenmuctin.aspx?idcm=277
-https://www.krungsri.com/en/research/regional-economic/RH/ih-vietnam-2021
-https://advicecenter.kkpfg.com/th/money-lifestyle/money/economic-trend/country-competitiveness
trade show 2019 在 hulan Youtube 的最佳貼文
用機械手被抓飲料
看起來是遊戲
但是卻包含了很多細微的動作
從電腦螢幕可以監看他動作的情況
這個在展覽中的小遊戲
很受到歡迎
如果能夠抓到飲料就可以帶回家囉
Automation Taipei 2019 was positioned as one of the largest industrial trade fair in recent years. Whether in the exhibition scale, exhibitor numbers, or buyer validity, the show performance had an outstanding growth by comparison with the past few years. It has been reputed as the prominent industrial exhibition in Taiwan, regarding to over 904 international exhibitors with 3,050 booths located.
The core topic in industry are all involved in the show arrangment, such as industrial robot arm, key components of robotic arm, industrial internet of things (IIoT), industrial automation software, machine vision & inspection and artificial intelligence(AI). Additionally, there were 50 fringe events held by organizers and exhibitors simultaneously, appealing more than 220 thousand visits in total.
trade show 2019 在 hulan Youtube 的最讚貼文
這個在展覽會場中的公司
主要的核心是軸承
他們發展出各式各樣的機械手臂
應用在生活裡還有製造
他們也提供了一個趣味遊戲
讓大家來試一試如何操作機械手臂
據說他們也跟賣場合作來推廣
增加賣場的人氣跟銷售
不過他們所做的這一些機械手臂
都是只租不賣
對於一下子沒有辦法負擔
比較多購買金額的廠商來說
這種方法 是可以比較經濟的
就享受到自動化的便利
Automation Taipei 2019 was positioned as one of the largest industrial trade fair in recent years. Whether in the exhibition scale, exhibitor numbers, or buyer validity, the show performance had an outstanding growth by comparison with the past few years. It has been reputed as the prominent industrial exhibition in Taiwan, regarding to over 904 international exhibitors with 3,050 booths located.
The core topic in industry are all involved in the show arrangment, such as industrial robot arm, key components of robotic arm, industrial internet of things (IIoT), industrial automation software, machine vision & inspection and artificial intelligence(AI). Additionally, there were 50 fringe events held by organizers and exhibitors simultaneously, appealing more than 220 thousand visits in total.
trade show 2019 在 hulan Youtube 的最讚貼文
後疫之最!2020台北國際自動化工業大展陣容盛大
這個自動化倉儲的攤位
在展覽會場吸引了很多人
因為他們展示了
在倉儲裡如何用自動化的方式
把貨物送上輸送帶一直到分裝
在運送出去在電子商務十分盛行的今天
受到很多的關注
Automation Taipei 2019 was positioned as one of the largest industrial trade fair in recent years. Whether in the exhibition scale, exhibitor numbers, or buyer validity, the show performance had an outstanding growth by comparison with the past few years. It has been reputed as the prominent industrial exhibition in Taiwan, regarding to over 904 international exhibitors with 3,050 booths located.
The core topic in industry are all involved in the show arrangment, such as industrial robot arm, key components of robotic arm, industrial internet of things (IIoT), industrial automation software, machine vision & inspection and artificial intelligence(AI). Additionally, there were 50 fringe events held by organizers and exhibitors simultaneously, appealing more than 220 thousand visits in total.