Speed (7.5/10)
มาพูดถึงหนังเรื่อง Speed กันหลังหนังฉายไปแล้ว ผู้คนคงจะจดจำแต่ความสำเร็จและความสนุกของหนัง แต่ถ้าพูดถึง Speed เมื่อตอนก่อนออกฉายแล้วคงจะมีแต่ประเด็นว่าหนังแบบนี้จะไปรอดเหรอ ขนาดสตูดิโอ Paramount ที่ได้สคริปต์มาในปี 1992 ยังปฏิเสธที่จะทำเป็นหนังเพราะคิดว่ามันคงไม่เวิร์ค ซึ่งทำให้สตูดิโอ 20th Century Fox เอามาทำต่อเอง แต่พอเอาไปเสนอผู้กำกับดัง ๆ ในยุคนั้นอย่าง 'จอห์น แมคเทียร์แนน' ที่ประสบความสำเร็จต่อเนื่องมาจาก Predator, Die Hard, The Hunt for Red October แต่มาเจ๊งกับ Last Action Hero ก็ยังโดนปฏิเสธ ตอนนั้นสตูดิโอเลยล้มเลิกความคิดจะเอาผู้กำกับดังมาทำหนังแล้วไปหาผู้กำกับหน้าใหม่เอาก็ได้ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครสักคน สุดท้ายสงสัยอยากได้กลิ่นอายความเป็นหนังแอ็คชั่นแบบ Die Hard เลยไปเลื่อนขั้นเอา 'แจน เดอ บอนต์' ผู้กำกับภาพในหนังของจอห์น แมคเทียร์แนนมากำกับหนังซะเลย ซึ่งตอนนั้นเขาก็คุ้นเคยกับหนังแอ็คชั่นอยู่พอตัวเพราะเป็นคนกำกับภาพทั้ง Die Hard, The Hunt for Red October, รวมถึง Black Rain กับ Lethal Weapon 3 ด้วย
-------------------------------
ได้ตัวผู้กำกับมาแล้วก็ถึงคิวการหานักแสดง ในเมื่อหนังขายชื่อผู้กำกับไม่ได้ก็ขอขายชื่อนักแสดงนำชายละกัน ตอนนั้นสตูดิโอเลยเล็งไปแต่ตัวเป้ง ๆ ไล่ตั้งแต่ ทอม แฮงค์ส, ทอม ครูซ, ไมเคิล คีตัน ตอนนั้นเป็นแบทแมน, จอห์นนี่ เดปป์, แฮร์ริสัน ฟอร์ด, เมล กิ๊บสัน, กระทั่ง อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ กับซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ยังได้รับการทาบทามแต่พวกเขาล้วนปฏิเสธบทกันมา พอสตูดิโอไปหาตัวรอง ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่ดังมากอย่างพวกแบรด พิตต์, จอร์จ คลูนี่ย์, นิโคลัส เคจ, มิกกี้ รู้ค, จอห์น ทราโวลต้า ก็ไม่มีใครเอาสักคน สุดท้ายผู้กำกับเลยเสนอไปว่าเอา 'คีอานู รีฟส์' ไหมล่ะ ผมเคยเห็นเขาเล่น Point Break (1991) แล้วโอเคเลยนะ เขาดูเป็นมิตรสำหรับผู้ชายด้วยกันแถมยังหน้าดีในสายตาสาว ๆ ด้วย
.
แต่พอสตูดิโอติดต่อคีอานู รีฟส์ปุ๊บ เจ้าตัวอ่านบทแล้วปฏิเสธปั๊บ เหตุผลง่าย ๆ เลยคืออ่านสคริปต์ตอนแรกแล้วทำไมมันคล้าย Die Hard ขนาดนี้ จะให้เล่นเป็นบรูซ วิลลิสคนที่สองเหรอไง ตอนนั้นบอนต์คงคิดเหมือนกันเลยไปดึงตัวนักแก้บทมือวางอันดับต้น ๆ ของฮอลลีวูดอย่าง 'จอส วีดอน' มาแก้บทซะเลย ซึ่งพอคีอานู รีฟส์ได้ยินเช่นนั้นจึงตกลงเล่นหนังทันที ซึ่งหลัก ๆ แล้ววีดอนเข้ามาแก้ไดอะล็อกในหนังเกือบทั้งหมด แต่ว่าไม่ได้ขึ้นเครดิตเป็นคนเขียนบทหนังแต่อย่างใด (เอาแต่เงินไม่เอาหน้าจ้า)
.
อย่างไรก็ตามพอสตูดิโอเห็นคีอานู รีฟส์เป็นนำชายเดี่ยว ๆ แล้วกลัวจะไม่รอดเหลือเกิน เพราะว่ากันตามจริงแล้วในเวลานั้นเขายังเป็นนักแสดงค่อนไปทางไม่มีชื่อเสียงอยู่เลย สตูดิโอเลยเสนอไปว่าจะหานักแสดงหญิงดัง ๆ มาประกบซะหน่อยจะได้พอขายได้บ้าง แต่ผู้กำกับอย่างบอนต์ยืนกรานหนักแน่นว่าไม่เอา(โว้ย) เถียงกันอยู่นานจนในที่สุดสตูดิโอยอมอ่อนข้อให้(แต่นึกในใจว่าตูคนออกเงินนะ) แล้วก็ไปมองหานักแสดงหญิงไม่ค่อยดังเท่าไร ในตอนแรกพวกเขาเลือก 'ฮัลลี่ เบอร์รี่' ที่เริ่มถูกจับตามองจากบททาสในละครโทรทัศน์ขนาดสั้นเรื่อง Queen แต่เธอตอบปฏิเสธกลับมา โดยภายหลังที่ Speed ออกฉายแล้วประสบความสำเร็จอย่างดีก็มีคนไปถามเธอว่าเสียใจไหมที่ปฏิเสธหนังดัง ซึ่งเธอไม่เสียใจเลยพร้อมกับบอกว่าถ้าเธอแสดงหนังคงไม่ประสบความสำเร็จแบบนี้ เพราะบทเธอคงกลายเป็นแค่คนขับรถบัสผิวดำเท่านั้น
.
ในตอนนั้นสตูดิโอก็เริ่มหานักแสดงหญิงคนอื่น ๆ ไปด้วย มีทั้งโจแอน คูแซ็ค, เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์, ชารอน สโตน (ตอนนั้นมี Basic Instinct), เดมี มัวร์ (Ghost), เด็บบรา วิงเกอร์ แต่สุดท้ายสตูดิโอเลือกเบนเข็มไปหา 'แซนดร้า บูลล็อค' ที่เวลานั้นมีผลงานเด่น ๆ เป็นบทสมทบในหนังไซไฟแอ็คชั่นเรื่อง Demolition Man ซึ่งก็ได้ตัวบูลล็อคมากระชั้นชิดมาก ๆ เพราะอีกแค่ 2 สัปดาห์ก็จะเปิดกองถ่ายหนังอยู่แล้ว
.
ปรากฎว่ายังไม่ทันเปิดกองถ่ายก็มีความขัดแย้งรอบสองระหว่างสตูดิโอกับผู้กำกับเรื่องทรงผมของคีอานู รีฟส์ ซึ่งฝ่ายบอนต์ยืนยันหนักแน่นว่าบทตำรวจทำงานหนักมันต้องไว้ผมเกรียนทั้งหัว (buzz cut) แหละเหมาะสมดีแล้ว ส่วนฝั่งสตูดิโอไม่เห็นด้วยเลยตัดสินใจเลื่อนเปิดกองออกไปอีกหน่อยเพื่อรอให้ผมคีอานู รีฟส์ยาวขึ้นกว่านี้สักนิดนึง ซึ่งอันนี้อาจจะเป็นฝั่งสตูดิโอที่ตัดสินใจถูกต้องเพราะทรงผมของพระเอก Speed ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองจริง ๆ ส่วนบอนต์ก็มาได้เครดิตเรื่องการเพิ่มฉากรสบัสกระโดดข้ามถนนยกระดับที่ขาด ซึ่งกลายเป็นฉากดังของหนัง โดยในตอนแรกมันไม่ได้มีอยู่ในบทแต่บอนต์ได้ไอเดียมาจากตอนที่เขาขับรถในลอส แองเจลิสแล้วสังเกตว่าส่วนหนึ่งของถนน I-105 มันหายไป เลยเอามาใส่ในหนังซะเลย จะว่าไปหนังก็ถ่ายบนถนน I-105 มาตั้งแต่แรกแล้วด้วย โดยเวลานั้นมันเพิ่งสร้างเสร็จแต่ยังไม่เปิดให้คนทั่วไปใช้บริการ กองถ่ายเลยมีอิสระกันสุด ๆ
.
ทีนี้พอเปิดกองถ่ายหนังก็ดันกลัวแป้ก ๆ กัน นักแสดงในเรื่องอย่าง 'เจฟฟ์ แดเนียลส์' ก็คิดว่าหนังคงเจ๊งแน่นอน สตูดิโอยังเสียว ๆ ว่าหนังจะไม่รอดเลยจนกระทั่งเอาไปฉายรอบทดลองแล้วปรากฎว่าเสียงตอบรับดีมาก แถมระหว่างฉายเนี่ยมีคนปวดฉี่แต่แทนที่จะเดินออกไปตามปกติเขากลับค่อย ๆ เดินถอยหลังช้า ๆ เพราะแทบไม่อยากพลาดฉากในหนังแม้แต่นิดเดียว ซึ่งตอนนั้นทำให้สตูดิโอมั่นใจมากว่าหนังเปรี้ยงแน่นอน แล้วเจฟฟ์พอได้มาดูหนังหลังถ่ายเสร็จก็เปลี่ยนใจมาเชื่อว่าจะไม่เจ๊งหรอก ฟันธง
.
โดยตอนแรกสตูดิโอวางกำหนดฉาย Speed เอาไว้เดือนสิงหาคม เพราะคิดว่ายังไงหนังก็เจ๊งแน่ ๆ เอาไปฉายหลัง True Lies ของเจมส์ คาเมร่อนที่จะเปิดตัวเดือนกรกฎาคมเลยละกัน ยังไงก็ไม่น่ารอดอยู่แล้ว แต่พอฉายรอบทดลองแล้วกระแสดีมากกกกกกกกกกกจึงทำให้สตูดิโอเปลี่ยนใจทันที เลื่อน Speed เข้ามาฉายเดือนมิถุนายน ให้ชนกับช่วงต่อของ The Flintstones วัดกันไปเลยระหว่างหนังแอ็คชั่นสำหรับผู้ใหญ่กับหนังครอบครัวใครจะอยู่ใครจะไป ซึ่งน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ 20th Century Fox เพราะหนังทำเงินเฉพาะในอเมริกาสูงถึง 121 ล้านเหรียญ ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 8 ของปี 1994 ทั้ง ๆ ที่ทุนสร้างแค่ 30 ล้านหรียญเท่านั้นเอง แถมทำเงินทั่วโลกสูงถึง 350 ล้านเหรียญ เป็นอันดับ 5 ของปีนั้นด้วย
.
ซึ่งความสำเร็จของ Speed จึงทำให้เกิดภาคต่อตามมาในชื่อ Speed 2: Cruise Control ที่สตูดิโอมั่นใจว่าภาคแรกดังขนาดนี้ภาคต่อคงฮิตถล่มทลายแน่นอน จึงทุ่มทุนสร้างสูงถึง 160 ล้านเหรียญ แต่ปรากฎว่าฉายจริงแป้กสนิท ทำเงินไปเหงา ๆ ในอเมริกาแค่ 48 ล้านเหรียญ รวมทั้งโลก 164 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังเจ๊งสนิทปิดอนาคตแฟรนไชส์ Speed กันไปเลย แต่ภาคแรกคือสนุกสุด ๆ เลยนะ
.
.
.
.
ดูแบบซับไทยได้เลยใน Disney+ Hotstar: https://www.hotstar.com/th/movies/speed/1770000923
.
.
.
.
ดูรีวิวซีรีส์จากทุกค่ายได้ที่: http://bit.ly/2STE5O4
อ่านเกร็ดหนังคั่นเวลา: http://bit.ly/2QMsEVV
หรืออยากอ่านสาระยาว ๆ แก้เบื่อ: http://bit.ly/2QnHCmb
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
true lies disney+ 在 JUST ดู IT. Facebook 的最佳解答
"หวนคืนสู่โลกใบใหม่..ที่บ้านหลังใหม่"
มหึมาภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่จาก James Cameron
ผู้สร้าง True Lies, Terminator 2 และ Titanic
ตัวอย่าง: https://youtu.be/peujAH2szpI
AVATAR อวตาร
วันนี้ ที่ Disney+ hotstar
#จดอ #JUSTดูT #DisneyPlusTH #DisneyPlusHotstar
true lies disney+ 在 Kit Da Sketch - Kit Man Facebook 的最讚貼文
早排睇多咗劇
覺得享用得太多別人嘅創作(input)
太少 output 創作
好浪費人生
呢 D 嘢都係適可而止
不如試下用嚟緊呢 7 日
學下你諗咗好耐又無學過嘅嘢呀?
寫 GAME
砌 3D
揼隻廢柴機械人
作一個故事
畫一次短篇漫畫
練下寫大字
點睇? XD
【正版煲劇大法】
有人問我,我就會講!
既然最大盜版網上煲劇平台「楓林網」陣亡咗,而Gimy.tv亦已自行下架保平安,咁小編就帶大家重回正途,講下香港有乜方法科水睇劇啦!
1. Netflix
簡介:手機可以安裝,大部份智能電視都內置咗Netflix,內包美、西、德、韓、中等地劇集及電影,節目多到瀉,登記後任睇任用!
月費:最平63蚊/月,最貴4K 98蚊/月(呢個其實抵,因為可以四個人Share用一,平均每個戶口25蚊)
自家招牌劇:
《怪奇物語》(Stranger Things)、《黑錢勝地》(Ozark)、《紙牌屋》(House Of Card)、《王冠》(The Crown)等等
今個月新劇:
4月20日《The Last Dance》(Michael Jordan紀錄片)、4月24日《後補人生》(After Life)S2、《Extraction》(雷神新動作電影)
2. HBO
簡介:香港觀眾要經NowTV或NowE先可以睇到HBO,唔想大拿拿科水俾NowTV綁死,建議用NowE去睇HBOGo,超方便
月費:68蚊/月(NowE)、128蚊/月(簽約一年NowTV,包埋FOX,呢個其實抵,仲有200蚊超市現金券送)
自家招牌劇:
《西部極樂園》(Westworld)、《權力遊戲》(Game Of Thrones)、《美麗謊言》(Big Little Lies)
今個月新劇:
4月13日《Run》、4月25《Bad Education》(電影)、4月27日《I Know This Much Is True》
3. Amazon Prime Video
簡介:自家出品劇甚有質素,更有自家日劇出品,近日兒童節目免費開放,可以俾小朋友任睇!
月費:首六個月約HK$24/月; 其後約HK$47/月
自家招牌劇:
《漫才梅索太太》(The Marvelous Mrs Maisel)、 《高堡奇人》(The Man In The High Castle)、《黑袍糾察隊》(The Boys)、《邋遢女郎》(Fleabags)全部中文劇名都係官方,因為有晒中文字幕!
今個月新劇:
4月17日《Selah and the Spades》
4. Fox
簡介:已包括多條頻道包括FOX、FX、Lifetime、Fox Crime等八條頻道內容,有劇有電影有飲食節目
月費:128蚊/月(簽約一年NowTV,包埋HBO,呢個其實抵,仲有200蚊超市現金券送)、998蚊/年(連NowE盒一齊買,送Fox+12個月通用證,除開83蚊一個月,包埋睇波睇網球,再送3套電影點播券)
自家招牌劇:《陰屍路》(The Walking Dead)、《9-11》
今個月新劇:
4月15日《低俗殭屍玩出佂》(What We Do In The Shadows)S2
5. AppleTV+
簡介:手機Download Apps或各大智能電視均有得睇,月費只包自家劇集,電影逐套買。
月費:38蚊/月(七日免費試用)、買Apple裝置送一年帳戶
自家招牌劇:《晨早直播室》(The Morning Show)、《靈異女僕》(Servant)、《小記者 大真相》(Home Before Dark)
今個月新劇:
4月24日《捍衛我兒》(Defending Jacob)、《音樂野孩子》(電影:Beastie Boys Story)
VPN 無中文字幕介紹
6. Disney+
簡介:全球最大電影王國旗下OTT平台,全線迪士尼電影有齊
月費:6.99美金/月或69.9美金/年(付款戶口必須透過美國App Store帳戶綁定)
自家招牌劇:
《The Mandalorian》、《1/2的魔法》(Onward 電影)
今個月新劇:
舊片庫加多咗新戲包括4月10日上架《幻海奇緣》(Edward Scissorhands)、《翻生侏羅館》(Night at the Museum)等
7. Hulu
簡介:同樣收歸迪士尼旗下,不過取向較成年人向
月費:5.99美金/月
自家招牌劇:
《侍女的故事》(The Handmaid's Tale 香港可經由HBOGo睇)、《Castle Rock》、《Devs》
今個月新劇:
4月15日《Mrs America》