#葉郎每日讀報 #娛樂產業國際要聞揀3條
│原本預估票房數字保守的《尚氣》首週賣破1.2億美元,並成為今年北美開票第二高電影│
• 上個週末是向來電影票房比較難有表現的勞動節檔期,沒想到 Marvel 首部以亞洲人為主角的 PG-13 保護級電影《Shang-Chi and the Legends of the Ten Rings 尚氣與十環傳奇》衝出了跌破眼鏡的佳績。該片北美首週票房賣破7140萬美元,成為2021年僅次於《Black Widow 黑寡婦》的8030萬的北美首週票房記錄。全球票房估計超過1.27億美元。因為是少之又少以亞洲人為主角的超級英雄電影,而且還是知名度相對低的漫畫,外界原本對該片的票房預期都相當保守,萬萬沒想到甚至賣得比重量級大片《F9 玩命關頭9》還要受到觀眾歡迎。
• 《尚氣與十環傳奇》還一口氣衝出了這些記錄:打破了美國勞動節連假過去由2007年版的《Halloween 惡靈07月光光心慌慌》的賣座記錄;以1320萬美元票房打破勞動節連假的 IMAX 票房紀錄;歷年的9月票房記錄之中,也只有前後兩集的《It 牠》賣超過《尚氣與十環傳奇》。當然勞動節原本是屬於擁擠的暑假檔結束之後整個業界喘口氣的時候,過去本來就很少有大片選在這個檔期上映,更別提一部製作成本超過1.5億美元的漫威電影。但此刻嗷嗷待哺的電影院業迫切需要這部賣座電影。一個禮拜前的 CinemaCon 之上,NATO 美國電影院經營者協會才公開催促會員極盡所能一定讓該片賣錢。
• •雖然該世界最大的電影市場——中國政府還沒有放行《尚氣與十環傳奇》,因此中國上映日期仍然還沒有訂出來,但外界普遍的評論是漫威非常小心翼翼地處理了漫畫中原本的刻板印象毛病,若有機會上映應該能獲得不錯成績。
• 《尚氣與十環傳奇》衝出好票房的其中一個原因是 Disney 選擇了45天空窗期的發行模式,因此沒有在第一時間前往電影院買票的觀眾很可能要45天後才有可能在家裡看到該片。稍早,另一部採用零空窗期的同步上架發行策略的漫威電影《黑寡婦》則引發女主角Scarlett Johansson 對簿公堂。下一步要上映的漫威電影《Eternals 永恆族》目前還沒有完全確定發行方式,雖然 Marvel Studios 的 Kevin Feige 曾暗示該片應該會上 Disney+。
• Comscore 的票房分析師 Paul Dergarabedian 說《尚氣與十環傳奇》的票房意義非凡,因為這是2019年7月的《Spider-Man: Far From Home 蜘蛛人:離家日》以來首部在電影院獨家發行的漫威電影。《尚氣與十環傳奇》等於驗證了漫威電影仍然可以驅動大量觀眾前往電影院。
• 早先 Disney 的執行長 Bob Chapek 曾把《尚氣與十環傳奇》的電影院獨家上映模式說成是一種「實驗」,引發該片男主角劉思慕跳出來反駁說該片從來不是一個,而是被低估的文化和娛樂產品。"We are the surprise. I’m fired the f**k up to make history on September 3rd; JOIN US." 劉思慕的發言一語成讖。
• Forbes 則利用這個時機提醒大家 Disney 2009年花40億美元買下 Marvel,如今預估整個 Marvel 價值530億,約佔整個 Disney 市值的16%。相比之下,同樣花40億買下來的 Lucasfilm 相形之下遜色許多。
◇ 新聞來源:
Marvel’s Shang-Chi smashes Labor Day record with $71.4m in ticket sales(https://flip.it/4q30Bl)
Box Office: ‘Shang-Chi’ Smashes Labor Day Record with $83M-Plus(https://flip.it/3_dOrx)
From Avengers To Shang-Chi, What Marvel Studios Is Really Worth To Walt Disney(https://flip.it/aN3bbn)
───────────────
其他今天也可以知道一下的事:
│韓團 BTS 的微博帳號因違法募款而被關閉帳號│
◇ 新聞來源:China's Weibo Bans BTS Fan Account for Illegal Fundraising(https://flip.it/.tU1_f)
│ 後來賣給 Amazon 的 Paramount 電影《The Tomorrow War 明日之戰》在中國上映賣得800萬美元│
◇ 新聞來源:Rare ‘Tomorrow War’ Theatrical Release Scores $8 Million in China(https://flip.it/qjuX3i)
同時也有5部Youtube影片,追蹤數超過24萬的網紅暗網仔 2.0,也在其Youtube影片中提到,Instagram: https://www.instagram.com/dw_kid12/ Facebook: https://www.facebook.com/deepwebkid/?modal=admin_todo_tour Subscribe: https://www.youtube.c...
「walt disney history」的推薦目錄:
walt disney history 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 1 /โดย ลงทุนแมน
เราก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่เปลี่ยนโลกของการสื่อสารไปตลอดกาล
การเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต ไปจนถึงโซเชียลมีเดีย
ล้วนค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราไปทีละน้อย
ท้ายที่สุด แทบทุกแง่มุมในชีวิตของเรากับโลกไอที ก็ล้วนข้องเกี่ยวจนราวกับเป็นโลกใบเดียวกัน
ซึ่งประเทศที่มีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้มากที่สุด จะเป็นที่ไหนไม่ได้
นอกจาก “สหรัฐอเมริกา”
สหรัฐอเมริกาส่งออกบริการด้านไอทีคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของโลก
บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับ Top 5 ของโลก เป็นบริษัทไอทีสัญชาติอเมริกันถึง 4 แห่ง
และศูนย์รวมอุตสาหกรรมไอทีอย่าง “ซิลิคอนแวลลีย์”
คือยอดเขาแห่งเทคโนโลยี ที่คนทั้งโลกจับตามอง..
เส้นทางอุตสาหกรรมไอทีของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างไร ?
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ?
“การเน้นการศึกษา” คือคุณสมบัติสำคัญที่สุดที่ผู้ตั้งรกรากในยุคอาณานิคมหล่อหลอมให้กับชาวอเมริกัน
นับตั้งแต่เข้ามาตั้งรกรากในศตวรรษที่ 17
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สหรัฐอเมริกาจะมีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง
ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาก่อนการตั้งประเทศด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยเยล หรือมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
นอกจากการศึกษา ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกสั่งสมมาควบคู่กันก็คือ “การทำงานหนัก”
การมุ่งเน้นด้านการศึกษา ทำให้มีองค์ความรู้ที่พร้อมสำหรับการต่อยอด
ส่วนการทำงานหนัก เป็นการปลูกฝังว่า ใคร ๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จ
และสั่งสมความมั่งคั่ง จนเปลี่ยนฐานะเป็นคนร่ำรวยได้ ถ้ามีความพยายามมากพอ..
คุณสมบัติทั้งหมดล้วนหล่อหลอมให้ผู้อพยพที่เข้ามายังดินแดนแห่งเสรีภาพนี้
มีความเชื่อมั่นในความพยายาม มองโลกในแง่ดี และมั่นใจในอนาคต
ซึ่งเป็นคุณสมบัติของชาวอเมริกันที่โดดเด่นเหนือใคร และยังคงมีอยู่มาจนถึงยุคปัจจุบัน
แม้สหรัฐอเมริกาจะตามหลังประเทศในยุโรปในการปฏิวัติอุตสาหกรรม
แต่ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอุตสาหกรรมของโลกได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 100 ปี
การเป็นศูนย์รวมของผู้อพยพที่มีความคิดก้าวหน้า กล้าเสี่ยง
เปี่ยมไปด้วยความพยายามและความรู้ มีรัฐบาลที่สนับสนุนในเรื่องสิทธิบัตร
ทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์มากมายที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
และก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์
โดยเฉพาะโลกของการสื่อสาร..
นับตั้งแต่วันที่ Alexander Graham Bell เป็นผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์
สิ่งที่เปลี่ยนสัญญาณเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และเดินทางไปไกลตามสายไฟฟ้า
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัท AT&T ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
ด้วยความที่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ การจะส่งเสียงจากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
ข้ามทวีปไปยังฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก จำเป็นจะต้องมีสิ่งที่ช่วยขยายสัญญาณไฟฟ้า
นำมาสู่การประดิษฐ์ “หลอดสุญญากาศ” หรือ หลอดอิเล็กตรอน
ซึ่งมีหลักการคือการให้กระแสไฟฟ้า ผ่านไส้หลอดที่เป็นโลหะ จนไส้หลอดร้อน และเกิดการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน ความสามารถในการควบคุมการไหลของอิเล็กตรอนนี้เอง
ทำให้สามารถขยายสัญญาณอ่อน ๆ ให้แรงขึ้น และส่งสัญญาณไปได้ไกลกว่าเดิม
การสื่อสารผ่านโทรศัพท์ทางไกลครั้งแรก เกิดขึ้นในปี 1915 ระหว่างนครนิวยอร์ก เมืองใหญ่ทางตะวันออก กับซานฟรานซิสโก เมืองท่าที่กำลังเติบโตทางฝั่งตะวันตก
หลอดสุญญากาศนี้เองที่เป็นรากฐานและจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรม “อิเล็กทรอนิกส์”
ที่ปฏิวัติโลกของอุปกรณ์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีการสื่อสาร
องค์ความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์จุดประกายให้เกิดการวิจัยและพัฒนา
ในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นคือมหาวิทยาลัยในเมืองพาโล อัลโต
บริเวณหุบเขาทางตอนใต้ของอ่าวซานฟรานซิสโก ที่ชื่อว่า “มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด”
มหาวิทยาลัยที่เพิ่งก่อตั้งในปี 1891 แห่งนี้ จะเป็นผู้พลิกโฉมบริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก
หรือเรียกว่า “เบย์แอเรีย” จากย่านที่เต็มไปด้วยสวนผักและสวนผลไม้
ให้กลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
โดยบุคลากรคนสำคัญที่มีส่วนผลักดันก็คือ ศาสตราจารย์ Frederick Terman
คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ได้ชักชวนเพื่อนนักวิจัยด้านอิเล็กทรอนิกส์
ให้มาร่วมงานที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ และบุกเบิกการเรียนการสอนอย่างเข้มข้น
พร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ ด้วยการจัดตั้ง
Business Incubator for SMEs ที่ช่วยบ่มเพาะให้ลูกศิษย์ก่อตั้งบริษัทอิเล็กทรอนิกส์
เป็นของตัวเอง โดยใช้บ้านพักของอาจารย์ที่ยังว่างอยู่เป็นที่จัดตั้งบริษัท
แล้วความพยายามก็ประสบผลสำเร็จในปี 1939
เมื่อศิษย์เก่าวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Bill Hewlett และ David Packard ได้นำหลอดสุญญากาศมาพัฒนาเป็น
Electronics Oscillator จนประสบความสำเร็จ และได้ก่อตั้งบริษัท Hewlett Packard หรือ HP ขึ้นที่โรงรถในเมืองพาโล อัลโต โดยลูกค้าคนสำคัญที่ซื้ออุปกรณ์นี้ไปทำภาพยนตร์ก็คือ Walt Disney Production
Hewlett Packard นับเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์แห่งแรก ๆ ที่ลงหลักปักฐานในย่านเบย์แอเรีย
หลังจากบริษัทได้ทำสัญญากับกองทัพสหรัฐฯ ดึงดูดเม็ดเงินจากการลงทุนให้สะพัดไปทั่วย่านแห่งนี้
หลอดสุญญากาศยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย รวมไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรก ๆ แต่หลอดสุญญากาศก็มีข้อเสีย
การต้องให้ความร้อนแก่โลหะจึงจะมีการปล่อยอิเล็กตรอน
ทำให้หลอดต้องใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล และมีราคาแพง
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง จึงมีการประดิษฐ์สิ่งที่จะมาทดแทนหลอดสุญญากาศ
เรียกว่า “ทรานซิสเตอร์”
ทรานซิสเตอร์ถูกประดิษฐ์ขึ้นในห้องทดลองของบริษัท AT&T ที่รัฐเวอร์จิเนีย ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา มีคุณสมบัติเป็นสารกึ่งตัวนำ หรือ Semiconductor ทำให้ปล่อยสัญญาณไฟฟ้าที่อ่อนกว่า และควบคุมสัญญาณได้ดีกว่าหลอดสุญญากาศ
หนึ่งในผู้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลก็คือ William Shockley ได้ออกมาตั้งบริษัทของตัวเองเพื่อพัฒนาทรานซิสเตอร์ให้ดียิ่งขึ้น ใช้ชื่อว่า Shockley Semiconductor
และก็เป็น ศาสตราจารย์ Frederick Terman แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ได้ชักชวนให้ Shockley มาเลือกทำเลที่ตั้งของบริษัทอยู่ในย่านเบย์แอเรีย ซึ่งก็คือเมืองเมาน์เทนวิว
ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จึงทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างภาคเอกชนกับนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย
Shockley ได้ตัดสินใจจ้างวิศวกรปริญญาเอก 8 คน จากมหาวิทยาลัยชื่อดังฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ทั้งฮาร์วาร์ดและ MIT ให้มารวมตัวกันในบริษัทที่เมาน์เทนวิว
นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เบย์แอเรียเริ่มมีนวัตกรรมที่ก้าวล้ำนำหน้าภูมิภาคอื่น ๆ ของสหรัฐอเมริกา
ในช่วงแรกสารกึ่งตัวนำที่นิยมใช้ก็คือธาตุเจอร์เมเนียม (Ge) ซึ่งหายาก และมีราคาสูง
แต่ต่อมาพบว่ายังมีธาตุอีกชนิดหนึ่งซึ่งสามารถนำมาทำสารกึ่งตัวนำได้ดี และพบได้ง่ายกว่าเจอร์เมเนียมมาก ธาตุนั้นก็คือ ซิลิคอน (Si)
การใช้ซิลิคอนมาทำสารกึ่งตัวนำนี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หุบเขาย่านเบย์แอเรีย
ถูกเรียกว่า “ซิลิคอนแวลลีย์” ในเวลาต่อมา..
หลังจากรวมตัวได้ไม่นาน วิศวกรทั้ง 8 คน ก็ตัดสินใจลาออกมาตั้งบริษัททรานซิสเตอร์ของตัวเองในปี 1957 ซึ่งต่อมาก็ได้บริษัทผลิตกล้องถ่ายรูป Sherman Fairchild เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน จึงใช้ชื่อบริษัทว่า Fairchild Semiconductor
การเข้ามาร่วมลงทุนของ Fairchild เป็นการปูทางให้นักลงทุนผู้มั่งคั่ง
เข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดเป็นธุรกิจเงินร่วมลงทุน
หรือ Venture Capital (VC) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนเหล่านี้
ก็มักจะนั่งในตำแหน่งคณะกรรมการบริหาร และคอยให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ แก่บริษัท
ถึงแม้จะดีกว่าหลอดสุญญากาศ แต่ทรานซิสเตอร์ยังจำเป็นต้องต่อกับส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น
ตัวต้านทาน และตัวเก็บประจุ
เหล่าวิศวกรใน Fairchild Semiconductor จึงเกิดความคิดที่จะวางทรานซิสเตอร์จำนวนมาก ๆ และส่วนประกอบอื่น ๆ ไว้ในแผ่นซิลิคอนเพียงตัวเดียว
ความคิดนี้บรรลุผลสำเร็จในปี 1959
และสิ่งนั้นถูกเรียกว่า “แผงวงจรรวม” (Integrated Circuit) หรือ “ชิป”
ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในอุปกรณ์
ให้สามารถติดต่อและรับส่งข้อมูลถึงกัน และทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว
ต่อมาวิศวกรที่เคยทำงานที่นี่ทั้ง 8 คนก็ได้ออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง
ซึ่งความสามารถทางเทคโนโลยีจะทำให้เกิดธุรกิจย่อยขึ้นมาอีกกว่า 120 ธุรกิจ
2 ใน 8 คนก็คือ Robert Noyce และ Gordon Moore
ที่ได้ออกมาก่อตั้งบริษัทผลิตชิป ในปี 1968
โดยใช้ชื่อบริษัทว่า “Intel” โดยมีสำนักงานแห่งแรกในเมืองเมาน์เทนวิว
จำนวนแผงวงจรที่สามารถวางลงในชิปหนึ่งตัว เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในทุก ๆ 1 ปีครึ่ง
ทำให้ประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลของชิปทุก ๆ 1 ปีครึ่ง ถูกพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ซึ่งมีมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นผู้ผลักดันงานวิจัยร่วมกับบริษัทเอกชน
ในที่สุดก็เกิดชิปที่มีขนาดเล็ก และมีแผงวงจรรวมมหาศาลที่เรียกว่า “ไมโครโพรเซสเซอร์”
การพัฒนาไมโครโพรเซสเซอร์จะเปิดทางให้การผลิตคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงจนคนทั่วไปสามารถมีไว้ครอบครอง และถูกเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
หรือ PC (Personal Computer)
หนึ่งในผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ
คือผู้ช่วย 2 คน ที่เคยทำงานให้กับบริษัท Hewlett Packard
ผู้ช่วย 2 คนนั้นมีชื่อว่า “Steve Wozniak” และ “Steve Jobs”..
ติดตามซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 และอ่านบทความในซีรีส์นี้ย้อนหลังได้ที่ Blockdit - blockdit.com/download
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=undefined&product=403&year=2018&productClass=HS&target=Product&partner=undefined&startYear=undefined
-https://www.forbes.com/sites/gilpress/2013/04/08/a-very-short-history-of-information-technology-it/?sh=82924872440b
-https://www.stanford.edu/about/history/
-https://www.capterra.com/history-of-software/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://www.businessinsider.com/silicon-valley-history-technology-industry-animated-timeline-video-2017-5
-https://historycooperative.org/history-of-silicon-valley/
-https://endeavor.org.tr/wp-content/uploads/2016/01/How-SV-became-SV.pdf
walt disney history 在 People Persona Facebook 的最佳貼文
“โลกเต็มไปด้วย ผู้ล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เรา”
.
The world is full of successful failures!
.
ตัวอย่าง คนที่1
.
ผู้ชายคนหนึ่งถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองทำงาน ด้วยเหตุผลที่ว่า “เค้าขาดจินตนาการ และไม่มีไอเดียใหม่ๆที่ดีพอ”
เค้าเปิดบริษัทตัวเอง แต่กว่าบริษัทจะมีรายได้ เค้าต้องอดทนรอถึง 6 เดือน
ว่ากันว่า เค้าประทังชีวิตด้วยอาหารสุนัข
.
เค้ามีชื่อว่า “Walt Disney” ตำนานแห่งโลกอนิเมชั่นผู้สรรสร้างตัวละครมากมาย
ผู้บันดาลสิ่งสวยงานให้โลกใบนี้
ทั้งยังมีผลงานเข้าชิง Academy Awards ถึง 59 ครั้ง
.
.
ตัวอย่างคนที่ 2
.
ผู้ชายคนนี้ หนังสือเรื่องแรกที่เค้าเขียน ถูกสำนักพิมพ์ 30 แห่งปฏิเสธ เหตุผลที่เจ็บแสบที่สุดก็คือ “นี่มัน Dark Utopia ชัดๆไม่มีใครอยากอ่านงานขยะแบบนี้หรอก”
เค้าปาต้นฉบับลงในถังขยะแล้วตัดสินใจว่าจะเลิกพยายามอีกต่อไป
แต่ภรรยาของเค้าแอบเก็บมันขึ้นมาแล้วมอบให้กับเค้าพร้อมกำลังใจและรอยยิ้ม
เธอเชื่อว่างานชิ้นนี้ สนุกที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา
.
เค้าคนนี้ชื่อ “Stephen King”
ราชานักเขียนนวนิยายสยองขวัญ ผู้มีผลงานถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์
ส่วนงานต้นฉบับที่ถูกปาลงถังขยะมีชื่อว่า “Carrie”
.
.
ตัวอย่างคนที่ 3
.
เธอเป็นสุภาพสตรีที่เกิดในชนชั้นกรรมาชนผู้ยากจน เธอมีวัยเด็กที่ยากลำบากและขมขื่น
เธอเคยถูกข่มขืน และเธอตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุ 14
แต่ลูกชายของเธอก็ตายหลังจากคลอดได้ไม่นาน
เธอต่อสู้อย่างหนักจนได้ทำงานในสถานีโทรทัศน์ตอนอายุ 19
แต่เรื่องราวชีวิตไม่เคยง่าย เธอถูกปรับออกหลายครั้ง
ในหลายรายการด้วยเหตุผลที่ว่า “เธอไม่เหมาะกับวงการทีวี”
.
เธอมีชื่อว่า “Oprah Winfrey”
เรื่องราวของเธอผมคงไม่ต้องบรรยายต่อมั้ง? (The rest is history)
.
ตัวอย่างคนที่ 4
.
สุภาพบุรุษท่านนี้เป็นทหาร เค้าเคยผ่านสงคราม แต่ในวัย 62 ปี สิ่งที่เค้ามีก็แค่เช็ค สวัสดิการผู้สูงอายุ เดือนละร้อยเหรียญ
อ้างอิงจากรายงานบอกว่า เค้าอยากขายอาหาร
แต่ถูกปฏิเสธจากร้านอาหารและนักลงทุนถึง 1009 ครั้ง
แต่แทนที่เค้าจะถอดใจ...
ชายชราคนนี้เอาเงินเก็บสะสมอันน้อยนิดมาเปิดร้ายขายไก่ทอดของตัวเอง
และมียอดขายเพิ่มถึง 3 เท่าใน 1 ปี จากนั้นก็ขยายกลายเป็น อาณาจักรไก่ทอดไร้เทียมทานที่เด็กๆทั่วโลกรู้จักกันดี
.
ผู้ชายคนนี้ชื่อ........
ใช่แล้ว” Colonel Sanders” ผู้ก่อตั้ง KFC
.
ตัวอย่างคนที่ 5
.
เค้าเป็นเด็กผู้ชายที่มารดาไม่เต็มใจอยากให้เกิด
เพราะความยากจนกลัวจะเลี้ยงลูกคนที่ 4 ไม่ไหว
แต่สุดท้ายแม่ของเค้าก็เชื่อในพระเจ้าและไม่ยอมทำแท้ง
ตอนเด็กๆเค้าชอบร้องไห้ขี้แยเพราะถูกรังแกบ่อย
ในวัย 10 ขวบเขา ชอบเล่นฟุตบอล
มากกระทั่งกระโดดหนีทางหน้าต่างที่บ้านเพื่อออกไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อน เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนตอนอายุ 14
เขามี "พรสวรรค์" ที่ไม่ได้มีมาตั้งแต่กำเนิด แต่มาจาก "พรแสวง" และ "วินัย" อันยิ่งใหญ่
ทุกวันนี้เค้าเป็นนักฟุตบอลที่สร้างแรงบันดาลใจ และ เป็นไอดอลในใจของ เด็กๆและผู้คนนับล้านทั่วโลก
.
เค้าชื่อ “Christiano Ronaldo”
1 ในนักฟุตบอลที่เก่งและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในยุคปัจจุบัน
............
.
.
.
ทั้งหมดที่เขียนมานี้ เพราะวันนี้เมื่อ 4 ปีก่อน
เป็นวันแรกที่ผมเริ่มต้นอ่านข่าวที่รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้”
หนึ่งในจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต
...แม้ว่า 16 เดือนต่อมาผมจะต้องถูกเลิกจ้าง
แล้วตกงาน(เฉพาะงานข่าว) อยู่สองเดือนเต็มๆ
แต่ผมก็ไม่เคยท้อ หรืออยากยอมแพ้เลย ชีวิตมันไม่ง่าย
แต่ผมจะยิ้มรับ แล้วก็พยายามต่อในแบบของผม
เพราะมีเรื่องราวของคนแบบนี้ ที่มีอีกเป็นร้อยเป็นพันตัวอย่างให้ได้อ่าน ได้เรียนรู้และให้กำลังใจตัวเองต่อไป
.
“ผู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ ยากที่จะเข้าใจรสชาติที่แท้จริงแห่งชัยชนะ และความสำเร็จ”
.
ชีวิตไม่จีรัง จงเรียนรู้และเริ่มต้นด้วยการเป็น
“ผู้พ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่”
.
สวัสดีวันจันทร์ ที่ไม่มีเคอร์ฟิวส์ ครับ ^^
#peoplepersona
#เขย่งก้าวกระโดด
#theworldsuccessfulfailure
walt disney history 在 暗網仔 2.0 Youtube 的精選貼文
Instagram: https://www.instagram.com/dw_kid12/
Facebook: https://www.facebook.com/deepwebkid/?modal=admin_todo_tour
Subscribe: https://www.youtube.com/channel/UC8vabPSRIBpwSJEMAPCnzVQ?sub_confirmation=1
DISNEY迪士尼FROZEN冰雪奇緣有什麼黑歷史? Walt disney低溫冷藏傳說 都市傳聞是真是假? 拍Elsa冰雪奇緣真正的原因是什麼? 華特迪士尼死前跟FBI又有什麼關係?
低溫冷藏: https://www.youtube.com/watch?v=wbVp-P1g9TE
walt disney history 在 Happy Channel Youtube 的最讚貼文
รอบนี้ น้องฟิวส์เลี้ยง หมู เลี้ยงแกะ เลี้ยงแพะ สนุกมากเลยค่ะ และไปดูนกค่ะ น่ารักทุกตัวเลย น้องฟิวส์ชอบมากค่ะ มีนกยูง กับนกแก้วด้วยนะค่ะ
walt disney history 在 Huy Cung Official Youtube 的精選貼文
walt disney history 在 Walt Disney - Wikipedia 的相關結果
Walter Elias Disney was an American entrepreneur, animator, writer, voice actor, and film producer. A pioneer of the American animation ... ... <看更多>
walt disney history 在 Disney History - D23 的相關結果
Walt Disney arrived in California in the summer of 1923 with a lot of hopes but little else. He had made a cartoon in Kansas City about a little girl in a ... ... <看更多>
walt disney history 在 Walt Disney | Biography, Movies, Company, Characters ... 的相關結果
Walt Disney, American film and TV producer, a pioneer of animated cartoon films, and creator of the characters Mickey Mouse and Donald Duck. ... <看更多>