【倍依思今日の穿搭】
BASE1是藏身於公寓裡的小店
即所謂的 基地一號
從基地出發 時不時帶給大家
搭配上的新選擇 及 稀有的物品
這週將以庫存新品為系列
從基地一號推出搭配建議
以濃厚的東洋氣息作為開場
褲子與襯衫都是庫存新品
上身的橫須賀外套顏色組成有
淡金 紅色 黑色
與淡粉紅格子襯衫
以及下身的日本學生褲相相呼應
褲子的版型相當好看上寬下窄
正面做有兩條打摺線
穿起來很有幽遊白書以及不良少年的感覺
眼前馬上浮現日劇中的打鬥畫面
庫存新品宛如前人埋下的寶藏
被後人完完整整的挖出而重現於世
在古著氛圍下就像一位冒險家
遊走穿梭在歷史年代之間
✰以後的星期二跟四
晚間六點半
持續帶給大家BASE1推薦搭配
ITEMS
上衣:50’S ESSLEY DRESS SHIRT (DEAD STOCK) 15-2 WITH GUSSET
外套:DEATHVALLEY X WALT DISNEY REVERSIBLE SOUVENIR JACKET M
褲子:80~90’S JAPANESE SCHOOL PANTS DEAD STOCK (MADE IN JAPAN)
包包:PORTER REVERSIBLE TOTE BAG (MADE IN JAPAN)
MODEL
光頭 173cm 61kg
✰衣服詳細歡迎私訊✰
大家也用BASE ONE單品來穿搭
歡迎tag #倍依斯穿搭 or #BASE1穿搭
📍台北市中山區中山北路二段16巷4號1F
☎︎0966588731
🚉中山捷運站4番出口
walt disney stock 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
Disney+ เปิดตัววันแรก ได้สมาชิก 10 ล้านคน แล้ว Netflix จะเดินเกมอย่างไร? / โดย ลงทุนแมน
ล่าสุด Disney+ แพลตฟอร์ม Video Streaming ใหม่จากค่าย Disney
เปิดตัวไปได้วันเดียวก็มีสมาชิกถึง 10 ล้านคน
เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้หุ้นของ Disney ก็บวก 7% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 550,000 ล้านบาทภายในวันเดียว
ซึ่งถือว่าเป็นราคาหุ้นที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท Disney
เรื่องนี้น่าสนใจ
เพราะ Disney+ น่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Netflix ในอนาคต
แล้วในสงคราม Streaming ตอนนี้มีใครบ้าง
แต่ละรายต้องเสียค่าสมาชิกเท่าไร
เรียงลำดับจากแพงสุดไปถูกสุด
HBO Now 453 บาท
Amazon Prime 390 บาท
Netflix 280 บาท
Disney+ 211 บาท
YouTube Premium 159 บาท
Apple TV+ 99 บาท
จะเห็นได้ว่า Disney+ ตั้งราคาที่ต่ำกว่า Netflix
แต่ถ้าเทียบจำนวนคอนเทนต์ที่ให้ดูในตอนนี้
อาจจะต้องบอกว่า Netflix ยังนำ Disney+ อยู่หลายช่วงตัว
อย่างไรก็ตาม Disney+ มีภาพยนตร์และซีรีส์ มากมายที่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำรอลงในแพลตฟอร์มในอนาคต ซึ่งในตอนนี้ Disney+ มีภาพยนตร์ 500 เรื่อง และ รายการทีวี 7,500 ตอน ซึ่งรวมแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ The Simpsons, The Avengers, Star Wars และ Toy Story
แต่ก็ยังไม่มากพอ Disney กำลังหาคอนเทนต์มาลงมากกว่านี้อีก โดยทาง Disney วางแผนที่จะเปิดตัวรายการทีวีกว่า 10,000 ตอน ภาพยนตร์มากกว่า 600 เรื่อง และซีรีส์พิเศษอีก 50 เรื่อง ภายในปี 2024
ผลประกอบการล่าสุดของ Walt Disney (ปิดงบเดือนกันยายน)
ปี 2017 มีรายได้ 1,666,240 ล้านบาท กำไร 271,376 ล้านบาท
ปี 2018 มีรายได้ 1,796,095 ล้านบาท กำไร 380,712 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 2,102,405 ล้านบาท กำไร 334,052 ล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก
เครือข่ายสื่อโทรทัศน์ 35%
สวนสนุก ผลิตภัณฑ์ต่างๆ 37%
สตูดิโอผลิตคอนเทนต์ 15%
บริการสตรีมมิง, สื่อต่างประเทศ และโฆษณา 13%
ซึ่งแน่นอนว่า Disney หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้าง Disney+ ให้เป็นรายได้หลักไม่แพ้ช่องทางรายได้อื่น
คิดดูเล่นๆ ว่า ถ้า Disney ได้ค่าสมาชิกเดือนละ 211 บาท แล้ว Disney มีสมาชิก 10 ล้านคน
ก็หมายความว่า Disney จะรับรายได้จากช่องทางนี้เริ่มต้นก็เดือนละ 2,110 ล้านบาท หรือ 25,320 ล้านบาทต่อปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม สมาชิก 10 ล้านคนเริ่มแรกนี้น่าจะมีหลายคนที่ทดลองใช้บริการ ซึ่งอาจยกเลิกในภายหลัง
แล้ว Netflix ผู้เป็นเจ้าตลาดนี้จะทำอย่างไร?
ที่ผ่านมานักวิเคราะห์มองว่า Netflix มีดีที่ ภาพยนตร์ หรือ ซีรีส์ที่ทำขึ้นเอง (Original)
จริงๆ แล้วคู่แข่งที่น่ากลัวของ Netflix ก็คือ Amazon Prime ในสหรัฐอเมริกา ที่มีซีรีส์ของตัวเองไม่แพ้ Netflix
และสิ่งที่เกิดขึ้นคือซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จใน Netflix ก็ไม่ใช่ซีรีส์ที่ Netflix ทำขึ้นเอง แต่กลับกลายเป็นซีรีส์ของสตูดิโอยักษ์ใหญ่เจ้าอื่นที่นับวันสตูดิโอเหล่านั้นจะดึงกลับไปลงแพลตฟอร์มของตัวเอง
ถามว่าข้อได้เปรียบของ Netflix ตอนนี้คืออะไร?
คำตอบอาจจะเปลี่ยนไป เพราะทุกค่ายก็เริ่มทำซีรีส์ของตัวเองทั้งหมด
แต่ข้อได้เปรียบของ Netlifx ก็คือฐานจำนวนสมาชิกที่มากที่สุดในโลกตามแต่ละประเทศ
ทำให้ Netflix ได้เปรียบเรื่องความเป็นนานาชาติในแพลตฟอร์ม
เมื่อไปดูจำนวนสมาชิก
ตอนนี้ Netflix มีจำนวนสมาชิก 158 ล้านคน ซึ่ง 60 ล้านคนอยู่ในสหรัฐอเมริกา
จะเห็นได้ว่าสมาชิกนอกสหรัฐอเมริกาของ Netflix มีเยอะมาก
เยอะจนเรียกได้ว่า Netflix เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก
ที่ไม่เหมือนแพลตฟอร์ม Streaming เจ้าอื่น
ตอนนี้ Netflix จึงพยายามใช้โมเดลในการซื้อซีรีส์ท้องถิ่นจากประเทศต่างๆ มาเสริมการทำ Original แบบเดิม
เราจะได้เห็น ละครช่อง 3 เข้าไปอยู่ใน Netflix
ประเทศอื่นมีโอกาสได้ดูละครไทย ภาพยนตร์ไทย
และเรามีโอกาสได้ดูซีรีส์จากทางฝั่งยุโรป เกาหลี หรือแม้แต่ การ์ตูนอนิเมะจากญี่ปุ่น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ Disney+ และ Amazon Prime ยังไม่มี
นั่นหมายความว่า Netflix กำลังเดินเกมความหลากหลาย และความเป็นนานาชาติ ที่ตอนนี้ตนเองได้เปรียบอยู่
ก็ต้องติดตามกันว่า คนจะสนใจภาพยนตร์และซีรีส์ ที่มีความเป็นอเมริกันมากๆ จากฝั่ง Disney+ หรือ ความหลากหลายจากฝั่ง Netflix
แต่ที่แน่ๆ ผู้บริโภคอย่างเราๆ มีตาแค่คู่เดียว ซึ่งคงต้องเลือกไม่อันใดก็อันหนึ่ง..
ปิดท้ายด้วยคำพูดของ รีด ฮาสติงส์ CEO ของ Netflix
ที่กล่าวถึงสถานการณ์ สงครามนองเลือดของอุตสาหกรรม Video Streaming ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ยอดสมาชิก ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ถูกต้องว่าใครเป็นผู้ชนะ
เวลาที่ผู้ชมใช้ไปกับการดู Video Streaming ต่างหากที่สำคัญกว่า”..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://finance.yahoo.com/…/disney-streaming-reached-10-mil…
-https://www.cnbc.com/…/disney-10-million-subscribers-vs-com…
-https://www.fool.com/…/disney-stock-surges-new-high-disney-…
-Financial Report_2019
walt disney stock 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
Disney+ เปิดตัววันแรก ได้สมาชิก 10 ล้านคน แล้ว Netflix จะเดินเกมอย่างไร? / โดย ลงทุนแมน
ล่าสุด Disney+ แพลตฟอร์ม Video Streaming ใหม่จากค่าย Disney
เปิดตัวไปได้วันเดียวก็มีสมาชิกถึง 10 ล้านคน
เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้หุ้นของ Disney ก็บวก 7% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 550,000 ล้านบาทภายในวันเดียว
ซึ่งถือว่าเป็นราคาหุ้นที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท Disney
เรื่องนี้น่าสนใจ
เพราะ Disney+ น่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Netflix ในอนาคต
แล้วในสงคราม Streaming ตอนนี้มีใครบ้าง
แต่ละรายต้องเสียค่าสมาชิกเท่าไร
เรียงลำดับจากแพงสุดไปถูกสุด
HBO Now 453 บาท
Amazon Prime 390 บาท
Netflix 280 บาท
Disney+ 211 บาท
YouTube Premium 159 บาท
Apple TV+ 99 บาท
จะเห็นได้ว่า Disney+ ตั้งราคาที่ต่ำกว่า Netflix
แต่ถ้าเทียบจำนวนคอนเทนต์ที่ให้ดูในตอนนี้
อาจจะต้องบอกว่า Netflix ยังนำ Disney+ อยู่หลายช่วงตัว
อย่างไรก็ตาม Disney+ มีภาพยนตร์และซีรีส์ มากมายที่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำรอลงในแพลตฟอร์มในอนาคต ซึ่งในตอนนี้ Disney+ มีภาพยนตร์ 500 เรื่อง และ รายการทีวี 7,500 ตอน ซึ่งรวมแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ The Simpsons, The Avengers, Star Wars และ Toy Story
แต่ก็ยังไม่มากพอ Disney กำลังหาคอนเทนต์มาลงมากกว่านี้อีก โดยทาง Disney วางแผนที่จะเปิดตัวรายการทีวีกว่า 10,000 ตอน ภาพยนตร์มากกว่า 600 เรื่อง และซีรีส์พิเศษอีก 50 เรื่อง ภายในปี 2024
ผลประกอบการล่าสุดของ Walt Disney (ปิดงบเดือนกันยายน)
ปี 2017 มีรายได้ 1,666,240 ล้านบาท กำไร 271,376 ล้านบาท
ปี 2018 มีรายได้ 1,796,095 ล้านบาท กำไร 380,712 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 2,102,405 ล้านบาท กำไร 334,052 ล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก
เครือข่ายสื่อโทรทัศน์ 35%
สวนสนุก ผลิตภัณฑ์ต่างๆ 37%
สตูดิโอผลิตคอนเทนต์ 15%
บริการสตรีมมิง, สื่อต่างประเทศ และโฆษณา 13%
ซึ่งแน่นอนว่า Disney หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้าง Disney+ ให้เป็นรายได้หลักไม่แพ้ช่องทางรายได้อื่น
คิดดูเล่นๆ ว่า ถ้า Disney ได้ค่าสมาชิกเดือนละ 211 บาท แล้ว Disney มีสมาชิก 10 ล้านคน
ก็หมายความว่า Disney จะรับรายได้จากช่องทางนี้เริ่มต้นก็เดือนละ 2,110 ล้านบาท หรือ 25,320 ล้านบาทต่อปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม สมาชิก 10 ล้านคนเริ่มแรกนี้น่าจะมีหลายคนที่ทดลองใช้บริการ ซึ่งอาจยกเลิกในภายหลัง
แล้ว Netflix ผู้เป็นเจ้าตลาดนี้จะทำอย่างไร?
ที่ผ่านมานักวิเคราะห์มองว่า Netflix มีดีที่ ภาพยนตร์ หรือ ซีรีส์ที่ทำขึ้นเอง (Original)
จริงๆ แล้วคู่แข่งที่น่ากลัวของ Netflix ก็คือ Amazon Prime ในสหรัฐอเมริกา ที่มีซีรีส์ของตัวเองไม่แพ้ Netflix
และสิ่งที่เกิดขึ้นคือซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จใน Netflix ก็ไม่ใช่ซีรีส์ที่ Netflix ทำขึ้นเอง แต่กลับกลายเป็นซีรีส์ของสตูดิโอยักษ์ใหญ่เจ้าอื่นที่นับวันสตูดิโอเหล่านั้นจะดึงกลับไปลงแพลตฟอร์มของตัวเอง
ถามว่าข้อได้เปรียบของ Netflix ตอนนี้คืออะไร?
คำตอบอาจจะเปลี่ยนไป เพราะทุกค่ายก็เริ่มทำซีรีส์ของตัวเองทั้งหมด
แต่ข้อได้เปรียบของ Netlifx ก็คือฐานจำนวนสมาชิกที่มากที่สุดในโลกตามแต่ละประเทศ
ทำให้ Netflix ได้เปรียบเรื่องความเป็นนานาชาติในแพลตฟอร์ม
เมื่อไปดูจำนวนสมาชิก
ตอนนี้ Netflix มีจำนวนสมาชิก 158 ล้านคน ซึ่ง 60 ล้านคนอยู่ในสหรัฐอเมริกา
จะเห็นได้ว่าสมาชิกนอกสหรัฐอเมริกาของ Netflix มีเยอะมาก
เยอะจนเรียกได้ว่า Netflix เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก
ที่ไม่เหมือนแพลตฟอร์ม Streaming เจ้าอื่น
ตอนนี้ Netflix จึงพยายามใช้โมเดลในการซื้อซีรีส์ท้องถิ่นจากประเทศต่างๆ มาเสริมการทำ Original แบบเดิม
เราจะได้เห็น ละครช่อง 3 เข้าไปอยู่ใน Netflix
ประเทศอื่นมีโอกาสได้ดูละครไทย ภาพยนตร์ไทย
และเรามีโอกาสได้ดูซีรีส์จากทางฝั่งยุโรป เกาหลี หรือแม้แต่ การ์ตูนอนิเมะจากญี่ปุ่น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ Disney+ และ Amazon Prime ยังไม่มี
นั่นหมายความว่า Netflix กำลังเดินเกมความหลากหลาย และความเป็นนานาชาติ ที่ตอนนี้ตนเองได้เปรียบอยู่
ก็ต้องติดตามกันว่า คนจะสนใจภาพยนตร์และซีรีส์ ที่มีความเป็นอเมริกันมากๆ จากฝั่ง Disney+ หรือ ความหลากหลายจากฝั่ง Netflix
แต่ที่แน่ๆ ผู้บริโภคอย่างเราๆ มีตาแค่คู่เดียว ซึ่งคงต้องเลือกไม่อันใดก็อันหนึ่ง..
ปิดท้ายด้วยคำพูดของ รีด ฮาสติงส์ CEO ของ Netflix
ที่กล่าวถึงสถานการณ์ สงครามนองเลือดของอุตสาหกรรม Video Streaming ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ยอดสมาชิก ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ถูกต้องว่าใครเป็นผู้ชนะ
เวลาที่ผู้ชมใช้ไปกับการดู Video Streaming ต่างหากที่สำคัญกว่า”..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://finance.yahoo.com/news/disney-streaming-reached-10-million-172138033.html
-https://www.cnbc.com/2019/11/13/disney-10-million-subscribers-vs-competition.html
-https://www.fool.com/investing/2019/11/13/disney-stock-surges-new-high-disney-plus-subs.aspx
-Financial Report_2019