Kevin Mitnick แฮกเกอร์ที่ FBI เคยต้องการตัวมากที่สุด /โดย ลงทุนแมน
เมื่อ 30 กว่าปีก่อน มีบุคคลหนึ่งที่ FBI ไล่ตามจับกุมอย่างแทบเป็นแทบตาย
จนเขาถูกขึ้นบัญชีเป็นอาชญากรที่ทางการของสหรัฐอเมริกาต้องการตัวมากที่สุด
เขาคนนั้น คือ Kevin Mitnick แฮกเกอร์ที่สร้างวีรกรรมไว้มากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้วยการแฮกบริษัทระดับชาติและหน่วยงานรัฐรวมแล้วทั้งหมด 40 กว่าแห่ง
แต่ในเวลาต่อมา เขาคนนี้กลับได้กลายเป็นคนสำคัญในการพัฒนาวงการ Cyber Security
หรือความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ที่บริษัทระดับชาติและหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ยอมรับกัน
เรื่องราวของ Kevin Mitnick น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Kevin Mitnick เกิดเมื่อปี 1963 ที่แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้วยความที่เขาเติบโตท่ามกลางยุคโทรศัพท์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพิ่งเกิดขึ้นใหม่
สิ่งเหล่านี้จึงช่วยหล่อหลอมให้เขามีความหลงใหลและมีทักษะด้านเทคโนโลยีตั้งแต่วัยเด็ก
แต่สิ่งที่ Mitnick แตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีนั้น ก็คือเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ใช้งานเท่านั้น แต่เขามักพยายามหาผลประโยชน์จากช่องโหว่จากระบบต่าง ๆ อยู่เสมอ
ในวัย 12 ปี Mitnick เริ่มฉายแววการเป็นแฮกเกอร์ครั้งแรก เริ่มต้นจากการโกงตั๋วโดยสารรถเมล์
เมื่อก่อน รถเมล์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะใช้ตั๋วแบบเจาะรู
ดังนั้นหากใครมีเครื่องเจาะตั๋วไว้อยู่กับตัว เท่ากับว่าสามารถปั๊มตั๋วเมื่อไรก็ได้
Mitnick จึงไปหลอกถามคนขับรถเมล์ว่าหาซื้อเครื่องเจาะตั๋วแบบเดียวกันนี้ ได้ที่ไหนบ้าง
โดยเขาหลอกว่าจะนำไปใช้สำหรับโปรเจกต์ของโรงเรียน
คนขับรถเมล์จึงได้แนะนำว่าให้เขาไปค้นหาแถวถังขยะใกล้ ๆ สถานีรถบัส
ซึ่งเขาพบว่ามีเครื่องเจาะตั๋วอยู่จริง ทำให้ Mitnick สามารถขึ้นรถเมล์ฟรีได้สักพักหนึ่ง
โดยพฤติกรรมแบบนี้ เรียกว่า “Social Engineering” แปลเป็นไทยว่า วิศวกรรมสังคม
ซึ่งถือเป็นศาสตร์หนึ่งของแฮกเกอร์ ที่หลอกลวงผู้คนให้เปิดเผยข้อมูลของตนเองออกมา
โดยใช้หลักจิตวิทยา เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ตามที่ตัวเองต้องการ
ซึ่งรูปแบบการหลอกมีตั้งแต่ โทรสอบถาม หรือส่ง SMS ที่มีลิงก์ปลอมมาให้กดผ่านทางโซเชียลต่าง ๆ และบางครั้งอาจมาในรูปแบบที่ไม่ได้เจาะจงถามถึงข้อมูลที่ต้องการโดยตรง
ยกตัวอย่าง หากแฮกเกอร์ต้องการรหัสผ่านบัญชีของเรา
เขาจะไม่ถามตรง ๆ ว่า รหัสผ่านของเรานั้น คืออะไร
แต่จะถามสิ่งรอบตัวที่เราสามารถนำไปสร้างเป็นรหัสผ่านได้
เช่น ชื่อแฟน ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือวันเดือนปีเกิด
หลังจากได้ข้อมูลเสร็จ แฮกเกอร์ก็จะนำข้อมูลเหล่านี้มาให้คอมพิวเตอร์ทำการสับเปลี่ยนไปมา
เพื่อให้ได้รหัสผ่าน ทำให้การหลีกเลี่ยงจาก Social Engineering ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
และจากความสำเร็จในการขึ้นรถเมล์ฟรีครั้งนี้ ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ปลูกฝังให้ Mitnick มีความคิดและพฤติกรรมรูปแบบนี้มาโดยตลอด
ส่งผลให้เวลาต่อมา เมื่อเขามีอายุได้ 16 ปี เขาก็ได้เข้าสู่วงการแฮกเกอร์อย่างเต็มตัว
โดยเหยื่อที่ทำให้เขาเริ่มถูกพูดถึงก็คือ บริษัท Digital Equipment Corporation หรือ DEC
ที่เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำในสมัยนั้น
Mitnick ทำเช่นเดียวกับการโกงรถเมล์ คือใช้วิธี Social Engineering โดยปลอมตัวเป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้ แล้วหลอกผู้ดูแลระบบของบริษัท ให้ทำการรีเซตรหัสผ่านใหม่
ทำให้ Mitnick สามารถเจาะเข้าไปในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของ DEC
และคัดลอกซอฟต์แวร์ของบริษัทออกมา
แม้ว่าจุดประสงค์การแฮกครั้งนี้เพียงเพื่อพิสูจน์ว่า ตัวเองมีความสามารถเท่านั้น
ไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์ทางการเงินหรือสร้างความเสียหายต่อบริษัทแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นอาชญากรรม
Mitnick จึงถูกตัดสินจำคุก 1 ปี และถูกควบคุมให้อยู่ภายใต้การดูแลอีก 3 ปี
แต่แทนที่จะเจ็บแล้วจำ เขากลับเริ่มแฮกบริษัทอื่นอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ยังถูกควบคุมอยู่
และต่อมา เขาก็ได้หลบหนีทันที หลังจากถูกปล่อยตัว
อย่างไรก็ตามคราวนี้ Mitnick วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเขาได้ทำการดัดแปลงระบบโทรศัพท์ของตัวเองคือ Motorola MicroTAC ให้สามารถซ่อนตำแหน่งของตัวเองไว้ได้
แต่การดัดแปลงระบบโทรศัพท์ใช่ว่าอยู่ ๆ ใครจะสามารถเข้าไปทำได้ เพราะคนที่ทำได้จำเป็นต้องมี Source Code ของโทรศัพท์รุ่นนั้นเสียก่อน
เขาจึงต้องทำการโจรกรรมข้อมูลครั้งใหญ่อีกรอบ ซึ่งเป้าหมายในครั้งนี้
คือบริษัท “Motorola” หนึ่งในผู้นำบริษัทโทรศัพท์ในขณะนั้น
Mitnick เริ่มต้นแผนการด้วยการโทรไปหาฝ่าย Call Center ของบริษัท
โดยแสร้งทำเป็นว่ามีธุระสำคัญ จำเป็นต้องขอคุยกับ Project Manager
หลังจากโอนสายไปมาถึง 9 ครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้เบอร์ติดต่อของ Project Manager
แต่เมื่อเขาโทรไปตามเบอร์ที่ได้รับ กลับพบวอยซ์เมลตอบกลับมาว่า Project Manager หญิงคนนี้กำลังพักร้อนอยู่ ซึ่งโชคดีที่เธอฝากข้อความต่อว่าหากมีธุระด่วนให้ติดต่อ Aleesha ซึ่งเป็นเลขาฯ ตามเบอร์ที่ระบุไว้
Mitnick จึงได้โทรหาเลขาฯ สาวในทันที โดยจากการพูดคุยไปมาในแต่ละแผนกถึง 8 สาย ทำให้เขามีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับบริษัท ส่งผลให้เขาสามารถพูดคุยกับ Aleesha ได้อย่างลื่นไหลไม่ต่างอะไรไปจากพนักงานประจำของบริษัท
หลังจากทักทายแบบหอมปากหอมคอเป็นที่เรียบร้อย Mitnick ก็เข้าสู่ประเด็น
Mitnick แจ้งว่าก่อนที่ Project Manager จะไปพักร้อน เธอบอกว่าจะส่ง Source Code โทรศัพท์มาให้กับเขา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืม Mitnick จึงทาบทามให้ Aleesha ช่วยส่งมาให้แทนได้หรือไม่
ด้วยความที่เธอเป็นเลขาฯ ที่ใสซื่อ ก็ตอบตกลงและทำตามคำสั่งของเขาโดยไม่ได้แคลงใจ
แต่ต่อมามีปัญหาเพราะว่า Source Code ที่จะส่งให้ไปนั้นมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่เกินไป
Mitnick จึงแก้ปัญหาด้วยการลงมือสอนวิธีบีบอัดไฟล์ให้แก่เลขาฯ
ซึ่ง Aleesha ทำตามคำแนะนำเป๊ะ ๆ จนสามารถรวบรวมไฟล์ทั้งหมดได้เป็นไฟล์เดียว
แต่แล้วก็เกิดปัญหาอีกครั้ง เมื่อพบว่าการส่งไฟล์เกิดล้มเหลวขึ้นมา
เธอเลยไปตาม Security Manager มาช่วยดูว่าเกิดปัญหาตรงไหน
พอถึงจุดนี้ Mitnick เริ่มกังวลใจแล้วว่า ตัวเองอาจจะโดนจับได้แล้ว
เขาจึงพยายามคิดว่าตัวเองได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้บ้าง
แต่ในระหว่างที่เขากำลังคิด
Aleesha ก็กลับมาพูดสายอีกครั้งและได้ชี้แจงว่าปัญหาเกิดจาก IP ของผู้รับไฟล์ซึ่งก็คือของ Mitnick ไม่ใช่ของคนในองค์กรจึงไม่สามารถรับไฟล์ได้ และบอกอีกด้วยว่า ไม่เป็นไร เธอหาวิธีส่งแบบอื่นให้ได้แล้ว
ในที่สุด Mitnick จึงได้ Source Code มาครอบครองและสามารถดัดแปลงโทรศัพท์ได้สำเร็จ
จากรายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ระหว่างที่ Mitnick หลบหนี
เขาได้ทำการแฮกบริษัทไปมากกว่า 40 แห่ง ทั้งบริษัทใหญ่และหน่วยงานรัฐ
ในไม่ช้า เขากลายเป็นที่รู้จักในนาม “The Condor” และ “The Darkside Hacker”
จนติดอันดับแฮกเกอร์ที่ทางการของสหรัฐอเมริกาหมายหัวและต้องการตัวมากที่สุดในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ FBI ร่วมมือกับ Tsutomu Shimomura สุดยอดไวต์แฮต หรือแฮกเกอร์สายขาว ช่วยกันตามไล่ล่า Mitnick เป็นระยะเวลายาวนานถึง 2 ปีครึ่ง
ในที่สุด ในปี 1995 พวกเขาก็จับกุม Mitnick ได้สำเร็จ ณ อะพาร์ตเมนต์ของเขาเอง
Mitnick ถูกตั้งข้อหาหลายคดี
ตั้งแต่การใช้ประโยชน์จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อโจรกรรมข้อมูล
การสกัดกั้นการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์
การเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาโดยไม่ได้รับอนุญาต
รวมถึงทำให้คอมพิวเตอร์เสียหาย
Mitnick ยอมรับเพียงบางคดีเท่านั้น และเขาได้ถูกศาลตัดสินโทษจำคุกเป็นระยะเวลา 5 ปี 8 เดือน
แต่การที่เขาถูกตัดสินโทษนี้ ก็ได้ทำให้ชุมชนชาวแฮกเกอร์ต่างตกใจ
เพราะพวกเขาเห็นว่าบทลงโทษที่ Mitnick ได้รับเป็นบทลงโทษที่เกินกว่าเหตุ
แฮกเกอร์และเหล่าแฟนคลับของเขา จึงมารวมตัวกันประท้วงตามท้องถนน
รวมถึงได้แฮกเว็บไซต์ Yahoo เพื่อแสดงข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัว Mitnick ออกมา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้ช่วยให้ Mitnick ถูกลดโทษแต่อย่างใด
และเขาต้องจำคุกเต็มเวลาเช่นเดิม
จนกระทั่งเดือนมกราคม ปี 2000 Mitnick ได้รับการปล่อยตัว
แต่เขาก็ยังถูกห้ามไม่ให้ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารใด ๆ
เว้นแต่โทรศัพท์ธรรมดาที่สามารถทำได้เพียงแค่โทรเข้า-ออกเท่านั้น
รวมถึงถูกห้ามแสวงหาผลกำไรจากภาพยนตร์หรือหนังสือ
ที่สร้างจากเรื่องราวของเขา เป็นระยะเวลายาวนานถึง 7 ปีอีกด้วย
จากเรื่องนี้จึงทำให้เขายังคงต่อสู้กับคำตัดสินเรื่องการห้ามใช้เทคโนโลยีสื่อสารต่อไป
จนสุดท้าย เขาสามารถชนะคดี และกลับมาใช้อินเทอร์เน็ตได้ดังเดิมอีกครั้ง
จากคดีต่าง ๆ ที่ Mitnick เคยทำไว้ ส่งผลให้ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องออกกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ รวมถึงสร้างความตระหนักแก่ผู้คนเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี
ปัจจุบัน Mitnick ได้กลับตัวกลายเป็นไวต์แฮต ที่คอยช่วยเหลือป้องกันการโจมตีจากโลกไซเบอร์และเขายังได้เขียนหนังสือทั้งหมด 4 เล่ม เพื่อตีแผ่กลโกงของเหล่าแฮกเกอร์ ประกอบด้วย
Ghost in the Wires เรื่องราวการเป็นแฮกเกอร์ของเขา
The Art of Intrusion ศิลปะแห่งการเจาะระบบ
The Art of Deception ศิลปะแห่งการหลอกลวง
The Art of Invisibility ศิลปะแห่งการล่องหน
รวมถึงก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Mitnick Security Consulting” ซึ่งทำธุรกิจให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย บริการทดสอบเจาะระบบและสอนวิชา Social Engineering แก่บริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ
โดยกลุ่มลูกค้าของเขาก็มีตั้งแต่บริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 หรือกลุ่มบริษัทที่มีรายได้สูงสุด 500 อันดับแรกของโลก ไปจนถึง FBI หน่วยงานที่เคยจับกุมเขาก็มาเป็นลูกค้าของเขาอีกด้วย
ซึ่งจากการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาของ Mitnick ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทั้งบริษัทเอกชนและภาครัฐต่าง ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันแฮกเกอร์ได้นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://cobalt.io/blog/top-ten-famous-hackers
-https://www.knowbe4.com/products/who-is-kevin-mitnick/
-https://www.mitnicksecurity.com/about-kevin-mitnick-mitnick-security
-https://www.britannica.com/topic/cybercrime/Hacking#ref829231
-https://www.thefamouspeople.com/profiles/kevin-mitnick-37791.php
-https://medium.com/@caden/social-engineering-an-unpatchable-flaw-f262775c2553
-https://stem.in.th/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5-kevin-mitnick-%E0%B8%82%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%A2-source-code-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-motorola/
-https://www.mitnicksecurity.com/in-the-news/kevin-mitnick-genius-and-one-of-the-most-famous-hackers-in-history
-https://www.investopedia.com/terms/w/wirefraud.asp
-https://www.cyfence.com/article/what-is-social-engineering/
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過361萬的網紅Dan Lok,也在其Youtube影片中提到,Discover the top secrets about webinars that top marketers won't tell you. Listen to what the King of High-Ticket Sales Dan Lok has to say about a kil...
what is social engineering 在 AppWorks Facebook 的最佳解答
Interview with A Founder: Edwin Wong (Co-founder of Cloudbreakr - 亞洲網紅行銷平台)
By Ching Tseng (AppWorks Associate)
Edwin Wong is the founder & CEO of Cloudbreakr - an AI-powered influencer marketing platform in Asia. He has focused on influencer marketing & social analytics for years, with an aim to empower pioneers and brands to share the stories that influence people. The company has expanded its services from Hong Kong to Taiwan, Malaysia, and Thailand, servicing over 10,000 marketers in over 6 GSEA countries.
1. What is the best advice you would give to first-time founders? What is the most important question that you can ask yourself?
You need to have a strong belief in what you are doing. Before getting good traction, people will keep questioning you why you are doing this. If you don’t have a strong belief in what you are working on, you might give up easily. On top of that, I always ask myself how to be a better founder all the time because founders are the people who have the deepest impact on the company. Your management style and your ability matters. If founders can’t strive to improve themselves, then the company won’t be able to grow as well.
2. What experience made you the founder you are? And what motivates you?
In the early days of Cloudbreakr, I’m the only full time founder, and the team didn’t have a strong engineering ability. With limited work experience, I wasn’t good at arranging tasks which made our development progress sluggish; in the end, two of my co-founders jumped the boat earlier than I expected. At that moment, I realized that I might fail this startup if I kept on managing the company like this, so that’s probably the moment I became the most determined to take this company to an impactful level. Also, I’m not the type of person who gives up easily, I don’t want to let my friends and family down because they have been supporting us this whole time. All of these are what motivate me everyday.
3. What is the biggest mistake and takeaway in your founder journey?
I don’t like to fight with others; I tend to compromise. For example, when negotiating salaries with our employees, I used to accept all the requests just because I didn’t want them to leave or make me unhappy. I didn't take the company’s long term benefit into consideration when making those decisions. Later on I realized this would do long term harm to the company. In order to urge myself to do more long term thinking, I asked my co-founders to give me direct feedback whenever I’m not dealing with things from a more rational perspective.
4. What have you learned in 2020?
It’s a tough year for everyone but also a great moment for the ones with a solid base to shine. How fast you can make the right decisions is a crucial ability in 2020. For example, it’s difficult to predict things and decide whether you should keep the project ongoing or not, and how to react to city lock-down while you still want to have a great momentum of business expansion. I learned to not drown myself in the daily tasks, but to make strategic decisions at the management level, after all, being able to identify the long term goal of the company is what a leader should strive for.
About Cloudbreakr
With the vision to build the largest community for influencers and brands in Asia, Cloudbreakr provides an integrated influencer marketing platform and all-rounded solutions to connect marketers with hundreds of thousands of influencers across Asia.
From influencer discovery, profile analysis, complete campaign management to social monitoring, we empower every retail brand, shopping mall, and marketing agency to optimize the ROI on influencer marketing. The company currently operates in Hong Kong, Taiwan, Malaysia, and Thailand, servicing 100+ Fortune 500 brands.
We welcome all AI, Blockchain, or Southeast Asia founders to join AppWorks Accelerator: https://bit.ly/33cXkq4
what is social engineering 在 李開復 Kai-Fu Lee Facebook 的最佳解答
分享亞勤的精彩演講。這是他上周在哥倫比亞大學工學院2020畢業典禮演講。他稱為是絕對是最大的“熵”的一屆畢業生。
本文來自人工智能學家微信公眾號
……………………………………
張亞勤2020寄語哥倫比亞大學畢業生:引領未知時代
2020年5月18日,人工智慧和數位視訊的世界級科學家和企業家,美國藝術與科學院院士、百度前總裁、清華大學智慧科學講席教授張亞勤博士,在哥倫比亞大學工程學院的畢業典禮上發表了主題演講。
張亞勤說:“面對全球疫情,技術成為最關鍵的變革力量,高速網路、軟體和人工智慧等基礎技術塑造我們生活、學習、工作和娛樂方式。”他提到:“隨著世界進入一個充滿挑戰和不確定性的新階段,年輕工程師迎來了回應歷史使命的決定性時刻,不僅要以技術創新,還要以同理心、勇氣和人文主義精神來迎接使命。”
哥倫比亞大學工程學院院長瑪麗·博伊斯(MaryC. Boyce)表示:“我們很高興能請到張亞勤博士(Dr.Ya-Qin Zhang)給我們的畢業生做演講,以此來紀念這一重要的里程碑。”她談到:“我們的畢業生將進入一個變化的世界,他們也將成為時代變化的締造者。學生們將受益張亞勤博士的觀點,其非凡職業道路也將鼓舞學生們。”(引用哥倫比亞大學新聞報導)
以下為百度前總裁、清華大學智慧科學講席教授張亞勤在2020年哥倫比亞大學工程學院畢業典禮上的致辭全文:
尊敬的Bollinger校長, Boyce院長,家長們,同學們,大家好。
我很榮幸能夠在這個非常時期,以特殊的形式出席這次特別的典禮。首先,恭喜2020屆畢業生,對你們取得的傑出成就表示衷心祝賀。你們做到了!
我也是一名哥倫比亞大學的學生家長。我的兒子現在哥大工學院二年級學生,我女兒是哥大商學院2020屆的畢業生。我想與所有家長分享這份難以言表的喜悅和驕傲,我們都做到了!
這無疑是我們有生記憶以來最具挑戰性和不確定性的一個時期。
我們不僅看到了科技創新的極速進步和第四次工業革命的巨大力量,人工智慧、納米技術、量子電腦和5G通信等等技術不斷突破。
我們還目睹了百年一遇的流行疾病在全球範圍內帶來的突發性破壞和災難性影響,對我們的社會基礎、經濟結構和生活方式帶來挑戰。
對於那些學習過熱力學第二定律的人來說,“熵”這個術語一定不陌生,它表示動態系統中的混沌程度(Chaos)。資訊理論的創始者Claud Shannon將這一概念擴展到了資訊的不確定性和隨機性。可以說,2020屆畢業生是被賦予“熵”值最高的一屆。未來的不可預測和混沌程度都是前所未有的。對你們如此,對我們所有人也是如此。
與你們的交流令我回想起我的學生時代和年輕時的工程師工作經歷。1990年畢業後,我的第一份工作是開發演算法,壓縮圖像和視頻,完成遠端傳輸,對國際標準MPEG和H.26x做出一點小貢獻:MPEG和H.26x也是如今Netflix、YouTube、Skype和Zoom等流行視頻應用程式的重要基礎。在過去的三十年裡,我有幸一直在激動人心的創新技術中徜徉, HDTV、自動駕駛、人工智慧和雲計算等等。在這一路走來,收穫的不僅是無窮的樂趣,也有超凡的艱辛。我想跟同學們分享我的三個體會:
1)在數據爆炸和不斷變化的世界中,成為具備強適應能力的學習者。在瞬息萬變的技術行業中,五年前學到的知識大多已無用處。你們在哥倫比亞大學中學習到最有價值的是學習新知的能力,是從繁雜噪音中分別信號的能力,是從眾多數據中提取“熵”的能力。我有一個行之有效的習慣,每天早上花10分鐘,找出對我而言最新的發現或最重要的3件事情,當天來學習。
2) 要擁有獨特的觀點和視角。當你們進入現實世界,會自然而然的開始被“打磨”,去遵循已有的趨勢,融入他人。我懇請你們保持自己的尖銳、棱角和與眾不同。當我與年輕工程師面聊時,我期待他們的觀點、他們的“熵”、他們鮮活的想法,這些遠比圓滑、打磨、“正確”要重要得多。
3) 無論做什麼事情,要秉承道德和人性。兩千多年前,偉大的希臘思想家蘇格拉底將道德作為追求真理的靈魂。大約同一時期,偉大的中國哲學家孔子把人性的“仁義”作為社會結構的基礎。在截然不同的文化下,兩位偉大思想家所見略同,並非巧合。今天,當我們面臨更多選擇、迷茫和誘惑時,這一點就變得更加重要。技術是中立的,但創新者是有使命的。技術是工具,但技術人員是為人類服務的。院長Mary Boyce對哥倫比亞工學院提出的願景“技術以人為本”是工程學的核心,也是我們工程師和技術人員的宗旨。
年輕的朋友們,對你們而言,這是一個決定性的時刻,請盡情的用你們的才華、激情和創新,更用你們的同理心,勇氣和人性,去展現,去閃耀,回應使命的召喚!
再次恭喜你們,2020屆畢業生!
以下是哥倫比亞大學對張亞勤作為畢業生典禮發言人的報導和過往成就的介紹
https://engineering.columbia.edu/news/class-day-2020-ya-qin-zhang
人工智慧和數位視訊的世界級科學家和企業家,百度前總裁張亞勤於2020年5月18日,在哥倫比亞大學工程學院的畢業典禮上發表主題演講。因為疫情的緣故,演講和畢業典禮將採取提前錄製形式,發送給全球的畢業生及其家人。
百度作為科技巨頭,向全球超過20億人提供包括移動互聯網和雲計算等服務,張亞勤曾負責智慧駕駛、雲計算、新興業務和公司的技術部門。是一位廣受讚譽的科學家和技術專家和創新領導者。他是聯合國、世界經濟論壇和許多公共論壇的領導人和發言人,積極討論新技術對社會變革性的影響以及如何縮小數位鴻溝。2018年,他帶領百度成為第一家加入國際人工智慧道德組織AI (PAI)的中國公司,目前也是全球最大自動駕駛開源平臺Apollo理事會的主席。
張亞勤說:“面對全球疫情,技術成為最關鍵的變革力量,高速網路、軟體和人工智慧等基礎技術塑造我們生活、學習、工作和娛樂方式。”他提到:“隨著世界進入一個充滿挑戰和不確定性的新階段,年輕工程師迎來了回應歷史使命的決定性時刻,不僅要以技術創新,還要以同理心、勇氣和人文主義精神來迎接使命。”
加入百度之前,張亞勤擔任了16年Microsoft的高管,任公司全球資深副總裁和微軟亞州研究院院長。2011年,他在中國創立了微軟風險投資加速器(Microsoft VentureAccelerator)。作為中國最有活力的創業引擎之一,該加速器已經幫助孵化了200多家公司。
張亞勤將在7月加入清華大學,擔任AI科學講席教授,並創立智慧產業研究院(AIR),將專注於第四次工業革命中的技術,包括自動駕駛,人工智慧、物聯網以及神經網路計算。
哥倫比亞大學工程學院院長瑪麗·博伊斯(MaryC. Boyce)表示:“我們很高興能請到張亞勤博士(Dr.Ya-Qin Zhang)給我們的畢業生做演講,以此來紀念這一重要的里程碑。”她談到:“在這個非凡的時代,沒有人能夠更好地講述技術在我們生活中扮演的角色,來描述技術在創造一個更緊密、更安全、更有創造力的人類社會中的潛力。無論工作還是社交,我們比以往任何時候都更加依賴技術來保持聯繫,我們的畢業生將進入一個變化的世界,他們也將成為時代變化的締造者。學生們將受益張亞勤博士的觀點,其非凡職業道路也將鼓舞學生們。”
張亞勤在12歲進入中國科技大學少年班,並獲得電氣工程學士和碩士學位。之後前往美國獲得喬治華盛頓大學的理學博士學位。他畢業于哈佛大學高管商業課程,在職業生涯的早期,曾擔任新澤西州普林斯頓(現為SRI)的Sarnoff Corp多媒體實驗室總監,還曾是GTE Labs(現為Verizon)的高級技術人員。
張亞勤是美國藝術與科學院院士和澳大利亞國家工程院院士。
1997年,年僅31歲的他,成為有史以來最年輕的科學家,被任命為IEEE會士。他撰寫了550多篇論文、12本書,並獲得了62項美國專利,為視頻編碼、流媒體、互聯網服務等領域的演算法和理論制定了全球標準。被IT時報、CNBC、《商業週刊》和全球商務評為亞洲十大CEO、年度CEO、50位全球傑出人物和十大創新者。
張亞勤博士是哥倫比亞工學院2022屆學生和2020屆商學院畢業生的家長,他同時還是哥倫比亞工學院訪問委員會的成員,也是哥倫比亞商學院的高級學者。
張亞勤哥倫比亞大學畢業典禮演講英文原文:
Leading in times ofuncertainty
President Bollinger, Dean Boyce, Parentsand Students:
I am honored to be here at this veryspecial occasion, at a very special time, in the most special form. First, abig congratulation to the class of 2020 for your remarkable accomplishments. Youmade it!
I am also a proud parent of Columbia.My son is a rising junior at the engineering school, and my daughter is also aclass 2020 for the business school. I share the immense joy and incrediblepride with all the parents, we all made it too!
This is undoubtedly the mostchallenging and uncertain time in our living memory.
We see the staggering pace ofinnovation and the transformative power of the fourth industrial revolution,with technology breakthroughs such as artificial intelligence, nano-technology,quantum computing, and 5G advanced communications.
We also see the sudden disruption andcatastrophic impact of the once-in-a-century pandemic at a global scale thatchallenges the very foundation of our social fabric, economic structure, andlife style.
For those of you who have learned the 2ndlaw of thermodynamics, you know the term “entropy”, which represents degree of chaosin a dynamic system. Claud Shannon, the founding father of information theory,extended this notion to measure information uncertainty and randomness. It’s fair to say that the Class of 2020 is the one that is “given” the highest entropy. The level ofunpredictability and chaos is unprecedented for you -- and for all of us.
Talking with you reminds me of my earlyyears as a student and young engineer. My first job after graduation in 1990was developing algorithms to compress imagery and video for remote transmission,essentially to extract the maximum entropy. The work eventuallycontributed in a small way to a set of international standards known as MPEGand H.26x, the base for today’s popular video applications used in Netflix, YouTube, Skype andZoom. Over last three decades, I had the distinct opportunity to work on someof the most exciting technologies such as HDTV, autonomous driving, AI, and cloudcomputing. I have had the wildest ride with not only a great deal of fun, butalso extraordinary hardship along the way. Let me share with you three of mypersonal learnings:
1) Be an adaptive learner in the world of dataexplosion and constant change. In today’s fast changing technology industry, most of what you learned fiveyears ago is irrelevant. The most valuable skill you’vegained at Columbia is the ability to learn new things, to discern the signalfrom the noise, and to extract entropy from the ocean of data. One routine Ifind particularly helpful is to commit just 10 minutes each morning and prioritize3 things – anything new and important to me – to learn that day.
2) Have a unique point of view and perspective. When you get into the realworld, there is a natural tendency to become “polished”, to follow existing trends, and toblend in with the rest.
I ASK you tomaintain your sharpness, your edge, and your differences. When I interviewpeople, particularly young engineers, I look for their point of view, theirentropy, and their flash of ideas, which to me is far more important than beingsmooth, polished or “correct”.
3) Hold Ethics and humanity at theheart of what you do. Over 2000 years ago, the great Greek thinker Sock-ruh-tease put ethics as the soul forthe pursuit of truth. Around the same time, the great Chinese philosopher Confuciusplaced “Renyi”, whichessentially means humanity, as the foundation for social structure. It is nocoincidence that two of the greatest minds from vastly different cultures hadthe same idea. This has become even more critical today as we all face morechoices, confusion, and temptations. Technology is neutral, but innovatorshave purpose. Engineering is a tool, but engineers serve humanity. “Engineering for Humanity”, the vision set byDean Mary Boyce for Columbia engineering is the very core of engineering andwhat engineers are all about.
My youngfriends, this is the defining moment for you, for you to rise, to shine andanswer the historic call of duty, with not only your talent, spark andinnovations, but also compassion, courage and humanity.
Congratulations again, Class 2020 !
what is social engineering 在 Dan Lok Youtube 的最佳貼文
Discover the top secrets about webinars that top marketers won't tell you. Listen to what the King of High-Ticket Sales Dan Lok has to say about a killer webinar.
★☆★BONUS FOR A LIMITED TIME★☆★
You can download Dan Lok's best-selling book F.U. Money for FREE:
http://webinarsecrets.danlok.link
★☆★ SUBSCRIBE TO DAN'S YOUTUBE CHANNEL NOW ★☆★
https://www.youtube.com/user/vanentrepreneurgroup?sub_confirmation=1
Check out these Top Trending Playlist:
1.) How to Sell High Ticket Products & Services: https://www.youtube.com/playlist?list=PLEmTTOfet46PlgDZSSo-gxM8ahZ9RtNQE
2.) The Art of High Ticket Sales - https://www.youtube.com/playlist?list=PLEmTTOfet46NufVkPfYhpUJAD1OBoQEEd
3.) Millionaire Mindset - https://www.youtube.com/playlist?list=PLEmTTOfet46O591glMGzRMoHaIJB-bQiq
Dan Lok, a.k.a. The King of High-Ticket Sales is one of the highest-paid and most respected consultants in the luxury and “high-ticket” space.
Dan is the creator of High-Ticket Millions Methodology™, the world's most advanced system for getting high-end clients and commanding high fees with no resistance.
Dan works exclusively with coaches, consultants, thought leaders and other service professionals who want a more sustainable, leveraged lifestyle and business through High-Ticket programs and Equity Income.
Dan is one of the rare keynote speakers and business consultants that actually owns a portfolio of highly profitable business ventures.
Not only he is a two times TEDx opening speaker, he's also an international best-selling author of over 12 books and the host of Shoulders of Titans show.
Dan's availability is extremely limited. As such, he's very selective and he is expensive (although it will be FAR less expensive than staying where you are).
Many of his clients are seeing a positive return on their investments in days, not months.
But if you think your business might benefit from one-on-one interaction with Dan, visit http://danlok.com
Or consider becoming a member of his high-level mastermind for experts: http://www.danlokinnercircle.com
★☆★ WANT TO OWN DAN'S BOOKS? ★☆★
http://www.amazon.com/Dan-Lok/e/B002BLXW1K
★☆★ NEED SOLID ADVICE? ★☆★
Request a call with Dan:
https://clarity.fm/danlok
★☆★ CONNECT WITH DAN ON SOCIAL MEDIA ★☆★
Blog: http://www.danlok.com/blog/
Podcast: http://www.shouldersoftitans.com/
FB Group: https://www.facebook.com/groups/highticketconsulting/
Twitter: https://twitter.com/danthemanlok
Instagram: https://www.instagram.com/danlok/
YouTube: https://www.youtube.com/user/vanentrepreneurgroup
Linkedin: https://www.linkedin.com/in/danlok
Meetup: http://www.meetup.com/Vancouver-Entrepreneurs-Group-Business-Network/
Amazon: http://www.amazon.com/Dan-Lok/e/B002BLXW1K
This video is about: Webinar Secrets The Top Marketers Won't Tell You (Controversial)
https://youtu.be/HWzuGDmuU0w
https://youtu.be/HWzuGDmuU0w