นักท่องเที่ยวจีนสำคัญต่อ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมากแค่ไหน? /โดย ลงทุนแมน
การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กำลังส่งผลกระทบหลายด้าน ไม่เพียงแต่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหลายประเทศ แต่รวมไปถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกด้วย
เพราะตอนนี้ นักท่องเที่ยวจากจีนกำลังชะลอตัวลง
หลายประเทศปิดกั้นไม่ให้ชาวจีนเดินทางเข้าประเทศในช่วงนี้
แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกในหลายปีที่ผ่านมา
แล้วนักท่องเที่ยวจีนสำคัญขนาดไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
ข่าวภาษาอังกฤษเข้าใจง่ายเหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง ที่ Bite Size Bangkok
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
รู้ไหมว่า ถ้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นประเทศ จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของโลก ซึ่งใหญ่กว่าขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและเยอรมนี
นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 1,600 ล้านคน ในปี 2019 เทียบกับปี 1950 ที่มีจำนวนเพียง 25 ล้านคน
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 10% ของ GDP โลก มีการสร้างงานกว่า 318 ล้านตำแหน่ง
และแน่นอนว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นเกี่ยวเนื่องกับหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร จนถึงห้างสรรพสินค้า
แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ
รู้หรือไม่ว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก ส่วนสำคัญเกิดจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่เติบโตเกือบ 3 เท่าในช่วงระหว่างปี 2010-2019
ปี 2010 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจำนวน 57 ล้านคน
ปี 2019 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจำนวน 166 ล้านคน
โดย ทุกๆ 100 คน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดนั้น
จะเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนไม่ต่ำกว่า 10 คน
ปรากฏการณ์นี้ สาเหตุหลักเกิดจากการที่เศรษฐกิจของจีนนั้นเติบโตอย่างมาก ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี
ปี 2010 รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเท่ากับ 142,000 บาท
ปี 2019 รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเท่ากับ 315,000 บาท
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คนจีนจึงมีการเดินทางและใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวมากขึ้น เมื่อรายได้พวกเขาเพิ่มขึ้น
ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจากจีนเป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุดในโลกอีกด้วย
3 อันดับนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากสุดในโลก
1. จีน มูลค่ารวมกันกว่า 8.6 ล้านล้านบาท
2. สหรัฐอเมริกา มูลค่ารวมกันกว่า 4.5 ล้านล้านบาท
3. เยอรมนี มูลค่ารวมกันกว่า 2.9 ล้านล้านบาท
ดูแบบนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่า การระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศชะลอตัวลงนั้น กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในหลายประเทศ
เพราะแค่ยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากจีนนั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 16% ของค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกทั้งหมด
และนี่อาจไม่กระทบแค่ภาคบริการ การท่องเที่ยวโดยตรง
แต่มันอาจส่งผลกระทบไปยังอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องในทางอ้อม
ซึ่งยิ่งเรื่องลากยาวไปนานเท่าไร
ผลกระทบก็น่าจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น..
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
Facebook: Bite Size Bangkok https://www.facebook.com/bitesizebangkok
Instagram: bitesize_bkk https://www.instagram.com/bitesize_bkk/
Twitter: @BitesizeBkk https://twitter.com/BitesizeBkk
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
References
-https://www.wttc.org/…/economic-…/regions-2019/world2019.pdf
-https://www.statista.com/…/countries-with-the-highest-expe…/
-https://www.statista.com/…/total-number-of-international-t…/
-https://www.travelchinaguide.com/tourism/2019statistics/
-https://www.youtube.com/watch?v=O3bx5miizBw
-https://news.gtp.gr/…/international-tourism-revenue-hit-1-…/
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過677萬的網紅VRZOchannel,也在其Youtube影片中提到,เมื่อทีมพี่ปลื้ม , หมอโอ๊ต Ouixz และTakoChan ต้องมาดวลเกม Speed Drifters กับทีมMaser Gamer , เต๋า Flixkle และมอส Chatmong กลางงาน Garena world2019 ใค...
world2019 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
นักท่องเที่ยวจีนสำคัญต่อ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมากแค่ไหน? /โดย ลงทุนแมน
การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กำลังส่งผลกระทบหลายด้าน ไม่เพียงแต่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหลายประเทศ แต่รวมไปถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกด้วย
เพราะตอนนี้ นักท่องเที่ยวจากจีนกำลังชะลอตัวลง
หลายประเทศปิดกั้นไม่ให้ชาวจีนเดินทางเข้าประเทศในช่วงนี้
แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกในหลายปีที่ผ่านมา
แล้วนักท่องเที่ยวจีนสำคัญขนาดไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
----------------------
ข่าวภาษาอังกฤษเข้าใจง่ายเหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง ที่ Bite Size Bangkok
----------------------
รู้ไหมว่า ถ้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นประเทศ จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของโลก ซึ่งใหญ่กว่าขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและเยอรมนี
นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 1,600 ล้านคน ในปี 2019 เทียบกับปี 1950 ที่มีจำนวนเพียง 25 ล้านคน
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 10% ของ GDP โลก มีการสร้างงานกว่า 318 ล้านตำแหน่ง
และแน่นอนว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นเกี่ยวเนื่องกับหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร จนถึงห้างสรรพสินค้า
แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ
รู้หรือไม่ว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก ส่วนสำคัญเกิดจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่เติบโตเกือบ 3 เท่าในช่วงระหว่างปี 2010-2019
ปี 2010 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจำนวน 57 ล้านคน
ปี 2019 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจำนวน 166 ล้านคน
โดย ทุกๆ 100 คน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดนั้น
จะเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนไม่ต่ำกว่า 10 คน
ปรากฏการณ์นี้ สาเหตุหลักเกิดจากการที่เศรษฐกิจของจีนนั้นเติบโตอย่างมาก ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี
ปี 2010 รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเท่ากับ 142,000 บาท
ปี 2019 รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเท่ากับ 315,000 บาท
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คนจีนจึงมีการเดินทางและใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวมากขึ้น เมื่อรายได้พวกเขาเพิ่มขึ้น
ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจากจีนเป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุดในโลกอีกด้วย
3 อันดับนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากสุดในโลก
1. จีน มูลค่ารวมกันกว่า 8.6 ล้านล้านบาท
2. สหรัฐอเมริกา มูลค่ารวมกันกว่า 4.5 ล้านล้านบาท
3. เยอรมนี มูลค่ารวมกันกว่า 2.9 ล้านล้านบาท
ดูแบบนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่า การระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศชะลอตัวลงนั้น กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในหลายประเทศ
เพราะแค่ยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากจีนนั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 16% ของค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกทั้งหมด
และนี่อาจไม่กระทบแค่ภาคบริการ การท่องเที่ยวโดยตรง
แต่มันอาจส่งผลกระทบไปยังอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องในทางอ้อม
ซึ่งยิ่งเรื่องลากยาวไปนานเท่าไร
ผลกระทบก็น่าจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น..
----------------------
Facebook: Bite Size Bangkok https://www.facebook.com/bitesizebangkok
Instagram: bitesize_bkk https://www.instagram.com/bitesize_bkk/
Twitter: @BitesizeBkk https://twitter.com/BitesizeBkk
----------------------
References
-https://www.wttc.org/-/media/files/reports/economic-impact-research/regions-2019/world2019.pdf
-https://www.statista.com/statistics/273127/countries-with-the-highest-expenditure-in-international-tourism/
-https://www.statista.com/statistics/209334/total-number-of-international-tourist-arrivals/
-https://www.travelchinaguide.com/tourism/2019statistics/
-https://www.youtube.com/watch?v=O3bx5miizBw
-https://news.gtp.gr/2019/06/11/international-tourism-revenue-hit-1-7-trillion-2018/
world2019 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ประเทศที่พึ่งพาแต่การท่องเที่ยว ดีหรือไม่ /โดย ลงทุนแมน
ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติเป็นรายได้หลักช่องทางเดียว มักจะถูกเรียกว่าเป็นประเทศที่โดน “คำสาปทรัพยากร” (Resource Curse)
เพราะรายได้จากทรัพยากรที่ได้มาแบบง่ายๆ จะทำให้ประเทศไม่สนใจที่จะพัฒนาภาคเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น เกษตรกรรม หรืออุตสาหกรรมการผลิต
และเมื่อทรัพยากรนั้นราคาตก ทำให้เศรษฐกิจของประเทศต้องพบกับปัญหา
ตัวอย่างของประเทศเหล่านี้ เช่น เวเนซุเอลา ไนจีเรีย แองโกลา
แต่สิ่งที่น่าสนใจต่อมาก็คือ
นักเศรษฐศาสตร์บางคนกล่าวว่า ประเทศที่พึ่งพาแต่การท่องเที่ยว
ก็อาจเรียกว่าถูกคำสาปทรัพยากรเช่นกัน..
เรื่องราวนี้เป็นจริงหรือไม่
แล้วประเทศที่มีการท่องเที่ยวเป็น “ลมหายใจ” อย่างประเทศไทย จะทำอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
ไม่พลาดวิดีโอความรู้จากลงทุนแมน
ที่ youtube.com/longtunman
┗━━━━━━━━━━━━┛
จริงๆ แล้ว ภาคการท่องเที่ยวอาจไม่ใช่ “คำสาปทรัพยากร” เสียทีเดียว
เพราะทรัพยากรจากการท่องเที่ยว หากดูแลรักษาให้ดี ก็ไม่ใช่ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เหมือนทรัพยากรอย่างน้ำมัน หรือแร่ธาตุ
และรายได้จากการท่องเที่ยว ไม่ได้มีแค่ภาคบริการโดยตรง เช่น โรงแรม สนามบิน หรือบริษัททัวร์เท่านั้น
แต่นักท่องเที่ยวยังต้องเข้าร้านอาหาร ซึ่งหากใช้วัตถุดิบในประเทศ
ก็จะเกิดการกระจายรายได้ไปยังภาคเกษตรกรรม
ส่วนนักท่องเที่ยวที่ชอปปิงเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง
สิ่งเหล่านี้ก็เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ
ยังรวมไปถึงงานบริการอื่นๆ ที่จะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยว เช่น การขนส่ง โรงพยาบาล ร้านขายยา ร้านขายเสื้อผ้า ธุรกิจบันเทิง
ดังนั้น ผลของการท่องเที่ยวจึงกระจายไปยังเศรษฐกิจหลายส่วน
และมีส่วนในการพัฒนาประเทศได้มากกว่าที่คิด
สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) ได้คำนวณสัดส่วนของภาคการท่องเที่ยว ต่อ GDP โดยรวม
ทั้งรายได้ทางตรง เช่น รายได้จากธุรกิจโรงแรม สนามบิน สายการบิน ธุรกิจทัวร์
และคาดการณ์รายได้ทางอ้อม เช่น รายได้จากร้านอาหาร เสื้อผ้า ของที่ระลึก ธุรกิจบันเทิงต่างๆ
หลายประเทศถึงแม้จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่และหลากหลาย ก็ยังมีภาคการท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ฝรั่งเศส ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดในโลก
การท่องเที่ยวมีสัดส่วน 9.5% ของ GDP
สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดในโลก
การท่องเที่ยวมีสัดส่วน 7.8% ของ GDP
แล้วประเทศไหนที่การท่องเที่ยวมีสัดส่วนต่อ GDP มากที่สุด?
ประเทศที่การท่องเที่ยวมีสัดส่วนต่อ GDP มากที่สุด 3 อันดับแรก ก็คือ
1. เซเชลส์ ประเทศหมู่เกาะในทวีปแอฟริกา มีสัดส่วน 67.1%
2. มัลดีฟส์ ประเทศหมู่เกาะทางตอนใต้ของอินเดีย มีสัดส่วน 66.4%
3. เซนต์คิตส์และเนวิส ประเทศหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน มีสัดส่วน 62.7%
โดยประเทศที่มีสัดส่วนจากการท่องเที่ยวสูงกว่า 40% ของ GDP
ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรไม่ถึง 400,000 คน
ความหลากหลายของเศรษฐกิจจึงมีน้อย และพึ่งพาการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสำคัญ
แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ ไม่นับประเทศเล็กๆ และโฟกัสกับประเทศที่มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคน และมีสัดส่วนของการท่องเที่ยวต่อ GDP มากที่สุด 3 อันดับแรก
ผลที่ได้น่าสนใจ..
1. ฟิลิปปินส์ มีสัดส่วน 24.7%
2. ไทย มีสัดส่วน 21.6%
3. โมร็อกโก มีสัดส่วน 19%
ฟิลิปปินส์มีแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดชาวต่างชาติ คือ ชายหาดและแหล่งดำน้ำ
โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 อันดับแรก มาจากเกาหลีใต้ จีน และสหรัฐอเมริกา
แม้สินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์จะมาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แต่ฟิลิปปินส์มีประชากรมากถึง 100 ล้านคน การท่องเที่ยวซึ่งสร้างงานได้หลากหลายกว่าจึงกลายเป็นภาคส่วนเศรษฐกิจที่สำคัญ
โมร็อกโก ประเทศตอนเหนือของทวีปแอฟริกา อยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้กับทวีปยุโรป และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอาหรับยุคกลาง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงมาจากยุโรป โดย 3 อันดับแรก มาจากสเปน เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์
โมร็อกโกมีสินค้าส่งออกหลักคือ แร่ฟอสเฟต และผลผลิตทางการเกษตร ภาคอุตสาหกรรมยังไม่หลากหลาย การท่องเที่ยวจึงกลายเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของโมร็อกโก
ส่วนประเทศไทย ถึงแม้จะมีระบบเศรษฐกิจที่หลากหลายกว่า 2 ประเทศที่กล่าวมา สินค้าส่งออกมีตั้งแต่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และสินค้าเกษตร
แต่ด้วยความที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญ
ไทยจึงเป็นประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงเป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2018
และทำให้ภาคการท่องเที่ยวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้การท่องเที่ยวจะช่วยกระจายรายได้ไปยังภาคเศรษฐกิจอื่นๆได้มากกว่าการพึ่งพาแต่เพียงทรัพยากรธรรมชาติ
แต่การท่องเที่ยวก็มีจุดอ่อน และมีความเปราะบางต่อสถานการณ์ต่างๆ
โดยเฉพาะสถานการณ์อย่างโรคระบาด ความไม่มั่นคงทางการเมือง ภัยธรรมชาติ
การก่อการร้าย หรือแม้แต่สงคราม
การพึ่งพาการท่องเที่ยวมากเกินไปจึงอาจไม่ใช่คำตอบที่ดี..
สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทย
เป็นสิ่งที่ทำให้ต้องคิดกันต่อไปว่า หากเราไม่อยากพึ่งพาแต่ “การท่องเที่ยว”
เราจะพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความหลากหลายได้อย่างไร..
┏━━━━━━━━━━━━┓
ไม่พลาดวิดีโอความรู้จากลงทุนแมน
ที่ youtube.com/longtunman
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.bot.or.th/…/Resea…/DocLib_/Article_22May2018.pdf
-https://knoema.com/…/Contribution-of-travel-and-tourism-to-…
-https://www.wttc.org/…/economic-…/regions-2019/world2019.pdf
-https://www.moroccoworldnews.com/…/tourists-morocco-touris…/
world2019 在 VRZOchannel Youtube 的最佳貼文
เมื่อทีมพี่ปลื้ม , หมอโอ๊ต Ouixz และTakoChan ต้องมาดวลเกม Speed Drifters
กับทีมMaser Gamer , เต๋า Flixkle และมอส Chatmong กลางงาน Garena world2019
ใครแพ้ ใครชนะ ไปดูพร้อมกันเลยยยย !!
สั่งซื้อสินค้าของเราได้ที่ https://www.facebook.com/socialsosick/
สอบถามงานโปรดักชั่นส์และโฆษณา : vrzo.productions@gmail.com
InstaGram : https://www.instagram.com/pleum_official
FaceBook : https://www.facebook.com/VRZOclub/
ที่ปรึกษาด้านกฏหมายของ บ.วีอาร์โซ จำกัด - สำนักงาน ช.ชนะสงคราม ทนายความ
E-mail : CHOR.LAWOFFICE@HOTMAIL.COM
#VRZO #SpeedDrifters #Gamer