กรณีศึกษา Amazon.com โอกาสอันกว้างใหญ่ ของคนขายสินค้าออนไลน์
Amazon Global Selling X ลงทุนแมน
“ที่ใดมีผู้คน ที่นั่นย่อมมีโอกาส”
เรื่องนี้เป็นหัวใจของทุกธุรกิจบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะตลาด E-Commerce
แล้วถ้าถามว่าสถานที่ไหนบนโลกของ E-Commerce ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากที่สุด
ชื่อของ Amazon น่าจะถูกยกให้เป็นอันดับหนึ่ง
เพราะรู้หรือไม่ว่า...ในแต่ละเดือนมีคนเข้าเว็บไซต์ Amazon มากกว่า 5,700 ล้านครั้ง
ข้อมูลนี้หากเป็นคนอื่นอาจจะเฉยๆ แต่สำหรับผู้ประกอบการ ทั้งเจ้าของแบรนด์สินค้าและและผู้ผลิตชาวไทยที่ขายอยู่บนโลกออนไลน์
อาจมองเห็นเป็นแหล่งขุมทรัพย์ใหม่ ที่จะสร้างธุรกิจให้มีรายได้เติบโต
เพียงแต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า
แล้วเราจะเข้าไปขายสินค้าใน Amazon อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่าเวลานี้ Amazon เข้าไปเปิดพื้นที่ Marketplace ใน 20 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งก็ส่งผลให้ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนหรือการค้าขายออนไลน์ระหว่างประเทศเติบโตมหาศาล
ทีนี้แล้วประเทศไหน ที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการไทย?
ตัวเลือกอันดับแรกๆ ก็คือ Amazon.com หรือในตลาดสหรัฐอเมริกา
เพราะนี่คือตลาด E-Commerce ขนาดใหญ่มีมูลค่าตลาดมากกว่าประเทศไทยถึง 23 เท่า
นอกจากจำนวนประชากร 328 ล้านคนแล้วนั้น
พฤติกรรมชาวอเมริกันยังชอปออนไลน์จนกลายเป็นเรื่องปกติ
แล้วหากเราลงลึกในข้อมูลจะพบว่า ยอดขายจากผู้ค้าภายนอกมีสัดส่วนถึงประมาณ 60% ของยอดขายสินค้าทั้งหมดบน Amazon.com
จึงเห็นได้ว่า โอกาสในตลาดนี้เปิดกว้างเป็นอย่างมาก
ผู้ประกอบการไทยที่เริ่มจะสนใจค้าขายบน Amazon จะต้องทำอย่างไร
ขั้นแรกคือ ผู้ประกอบการจะต้องลงทะเบียน โดยเสียค่าสมาชิก 39 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
ซึ่งเมื่อขายสินค้าบน Amazon.com ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากทีมงาน Amazon Global Selling ในประเทศไทย ที่พร้อมให้ความรู้และสนับสนุนในการขยายธุรกิจผ่านมาร์เก็ตเพลสของ Amazon เริ่มตั้งแต่การเปิดบัญชีผู้ขาย การสร้างรายการสินค้า การบริหารจัดการบัญชีผู้ขาย การใช้บริการ Fulfillment by Amazon และอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะทำธุรกิจอะไรนั้น สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ ลูกค้าเราเป็นใคร จะขายสินค้าอะไร
พูดง่ายๆ ก็คือ การวิเคราะห์ตลาดให้แม่นยำนั้นเอง
รู้หรือไม่ว่า เราสามารถประเมินคร่าว ๆ ว่าสินค้าชิ้นไหนได้รับความนิยมในช่วงนี้
โดยดูสถิติจากรายการสินค้าขายดี หรือ Best Seller
ขณะเดียวกันก็ต้องดูราคาขายของสินค้าประเภทนี้ว่าราคาที่ขายในตลาดอยู่ที่เท่าไร
เพื่อประเมินการตั้งราคาสินค้าที่เราจะขายนั่นเอง
เมื่อวิเคราะห์ข้อมูล จนเห็นโอกาส แล้วสรุปได้ว่าเราควรจะขายอะไรดี
ก็มาถึงการสร้างหน้ารายละเอียดสินค้าบน Amazon.com
ขั้นตอนนี้เราต้องใส่ใจในรายละเอียด ทั้งการถ่ายภาพสินค้าหลาย ๆ มุมอย่างชัดเจน
การบอกคุณภาพสินค้าให้สั้น กระชับ เข้าใจง่าย
ประโยชน์ของการเป็นผู้ประกอบการที่ค้าขายบน Amazon.com ที่สำคัญอันหนึ่งคือ สามารถใช้บริการ Fulfillment by Amazon หรือ FBA
ซึ่งเป็นบริการสำหรับผู้ประกอบการบน Amazon ทุกราย ทำหน้าที่เป็นคลังสินค้า จัดการงานหลังบ้านต่าง ๆ แทนผู้ประกอบการ ตั้งแต่การจัดเก็บสินค้า เมื่อมีคำสั่งซื้อ ทางเจ้าหน้าที่ของ Amazon จะหยิบสินค้า ใส่บรรจุภัณฑ์ และจัดส่ง และติดตามการจัดส่งจนถึงมือผู้ซื้อ รวมทั้งจัดการเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งการรับคืนสินค้า และการคืนเงิน
ทีนี้โจทย์ก็มาอยู่ที่ว่าแล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อสร้างยอดขายใน Amazon
อย่าลืมว่าแม้จะมองเห็นแล้วว่าเราควรขายสินค้าอะไร
แต่...หากสินค้านั้นไม่ถูกซื้อเพื่อเกิดการใช้และบอกต่อไปยังวงกว้าง
ต่อให้สินค้าเราดีขนาดไหน ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
และวิธีที่จะทำให้เกิดการซื้อได้ง่ายที่สุด ก็คือการทำโปรโมชันในเรื่องของราคา
จากนั้นเมื่อมีคนได้ใช้สินค้าเราแล้วถูกใจ จนเกิดการรีวิวในออนไลน์
และหากยิ่งเราใช้สื่อโฆษณาทำตลาดเข้มข้น ก็จะทำให้ยอดขายดีมากขึ้นไปอีก
อีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ประกอบการทุกคนอยากรู้ก็คือค่าคอมมิชชันที่เราต้องจ่ายให้ Amazon
ในการขายสินค้าอยู่ที่เท่าไร
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าชนิดของสินค้า โดยเรตจะอยู่ระหว่าง 8 - 25%
สมมติหากขายขนมหรือของทานเล่นก็จะอยู่ที่ 8%
หากขายเพชร หรือเครื่องประดับราคาแพงอยู่ที่ 25% เพราะต้องมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าเครื่องประดับนั้นของแท้หรือปลอม
ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ น่าจะทำลายกำแพงความเชื่อของใครหลายคน
ที่ในอดีตอาจเข้าใจผิดคิดว่าการขายสินค้าใน Amazon.com เป็นเรื่องยุ่งยาก
ซึ่งพอเรารู้เข้าใจข้อมูลทั้งหมด ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ
และในความง่ายนี้เอง ก็น่าจะทำให้ผู้ประกอบการไทยหลายคน
มอง Amazon.com เป็นโอกาสใหม่ในธุรกิจตัวเอง
ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น
มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะสร้างสินค้าที่มาตอบสนอง Demand ขนาดใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าได้สำเร็จ นั่นเอง..
ทาง Amazon กำลังเตรียมจัดงาน Amazon Global Selling Thailand Seller Conference 2020 ระหว่าง 17 – 18 ธันวาคม 2563 นี้ ซึ่งเป็นงานสัมมนาออนไลน์ครั้งใหญ่ที่สุดประจำปีสำหรับผู้ประกอบการ ทั้งเจ้าของแบรนด์สินค้า และผู้ผลิตชาวไทย โดยจะมีการนำเสนอข้อมูล เนื้อหาและความรู้ครอบคลุมในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ การคัดเลือกสินค้า การจัดการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้า การเริ่มต้นธุรกิจกับ Amazon และสร้างยอดขายให้เติบโต การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ฯลฯ
โดยงานนี้เปิดให้ผู้ประกอบการไทย และผู้สนใจเข้าฟังฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
หากคุณกำลังสนใจที่จะทำธุรกิจส่งออกสินค้าสู่ต่างประเทศกับ Amazon และอยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์และความช่วยเหลือของ Amazon สำหรับผู้ประกอบการไทย เทรนด์โลกของอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ และความมุ่งมั่นของ Amazon ในการนำสินค้าไทยไปสร้างความเติบโตในตลาดโลก รวมทั้งรับฟังข้อมูลอินไซต์ แนวทางการทำธุรกิจ และประสบการณ์จริงจากผู้ประกอบไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วบน Amazon ต้องไม่พลาดงานนี้!
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่นี่ https://bit.ly/37fVVBB
References
-เอกสารข้อมูลจาก amazon
-https://fastship.co/what-is-amazon-prime/
