ทำไมบริษัทต่างธุรกิจ จึงหันมาลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ /โดย ลงทุนแมน
หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, แสนสิริ, ศุภาลัย หรือพฤกษา ซึ่งเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ อันดับต้น ๆ ของไทย
ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว อยู่ทั่วประเทศ
แต่กลับมีบางบริษัทต่างสาขาธุรกิจ ที่เริ่มสนใจเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ก้าวเข้ามาเป็นหน้าใหม่ ร่วมแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งแม้ว่าบริษัทเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จ และมีกำไรเติบโตจากธุรกิจของตนอยู่แล้ว
จึงทำให้เกิดคำถามที่ว่า..
ทำไม ? บริษัทที่เชี่ยวชาญในสายธุรกิจเดิมเหล่านี้ เริ่มหันมาลงทุนเพิ่มในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
และมีจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อีกด้วย
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
หากลองสังเกตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
จะเริ่มเห็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ให้เช่า หรือบริหารโครงการหลายแห่ง
ที่มีเจ้าของเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในสายธุรกิจอื่น เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ตัวอย่าง สิงห์ เอสเตท บริษัทในเครือของบุญรอดบริวเวอรี่
ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันดับต้น ๆ ของไทย
เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มที่คนไทยรู้จักดีอย่าง สิงห์และลีโอ
ซึ่งจากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เครือบุญรอดฯ นับว่ามีเม็ดเงินจากธุรกิจแอลกอฮอล์มากมาย
บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด
- ปี 2561 มีรายได้รวม 106,209 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 1,762 ล้านบาท
- ปี 2562 มีรายได้รวม 114,124 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 2,187 ล้านบาท
- ปี 2563 มีรายได้รวม 107,370 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 2,468 ล้านบาท
แต่เครือบุญรอดฯ ยังเลือกที่จะต่อยอดธุรกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น
โดยมองว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ จะเปิดโอกาสที่มาของรายได้จากทรัพย์สิน Passive Income ตัวอย่างเช่น รายได้ที่เป็น ค่าเช่า ต่างจากรายได้ของธุรกิจหลักที่เป็นรายได้จากการขายสินค้าแบบ Active Income
แต่เดิมเครือบุญรอดฯ เคยลงทุนในหลายโครงการร่วมกับบริษัทผู้พัฒนาอื่น ๆ
ก่อนจะควบรวมกิจการกับ “รสา พร็อพเพอร์ตี้” ที่มีผลงานเป็นโครงการที่อยู่อาศัย สำนักงานเช่า และโรงแรมรีสอร์ต และเปลี่ยนชื่อมาเป็น “สิงห์ เอสเตท” เข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว
โดยบริษัทเคยชนะประมูลการเช่าที่ดินระยะเวลา 50 ปี บริเวณหัวมุมถนนอโศกมนตรีและเพชรบุรีตัดใหม่
จึงพัฒนาโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ที่มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 120,000 ตารางเมตร
ซึ่งแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2561 กลายมาเป็น Mixed-Use โครงการแรกของบริษัท
นอกจากนี้ ยังเปิดตัวแบรนด์คอนโดมิเนียม The ESSE และ The Extro
และยังมีโครงการ S Oasis สำนักงานเช่าบนถนนวิภาวดีรังสิต คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565
ยังไม่นับรวมการลงทุนในกลุ่มโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศอีกมากมาย
อีกบริษัทที่มีมุมมองในการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์
ก็คือ AIA ซึ่งเป็นที่รู้จักในสายธุรกิจประกันชีวิตในไทยกว่า 83 ปี
โดยเลือกที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบสำนักงานปล่อยเช่า บนทำเลศักยภาพต่าง ๆ
นอกจากจะได้ครอบครองแปลงที่ดินบนทำเลศักยภาพแล้ว
ก็ยังจะได้รับผลตอบแทนในรูปของค่าเช่า ซึ่งได้พัฒนาอาคารสำนักงานเช่าไปแล้ว 2 โครงการ คือ
- อาคาร AIA Capital Center บนถนนรัชดาภิเษก แล้วเสร็จปี 2557
เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ ที่มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 1,000 บาทต่อตารางเมตร
และยังมีกลุ่ม Regus เข้าไปทำธุรกิจพื้นที่เช่า Co-Working Space อีกด้วย
- อาคาร AIA Sathorn Tower บนถนนสาทรใต้ แล้วเสร็จปี 2558
เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ ที่มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 1,000 บาทต่อตารางเมตร
และกำลังจะมีโครงการแห่งที่ 3 คือ อาคาร AIA East Gateway
ที่เรียกได้ว่าเป็น อาคารสำนักงานพรีเมียมเกรดเอแห่งแรก บนถนนบางนา-ตราด
ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565
นอกจากธุรกิจอื่น ๆ จะเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์
ในรูปแบบของการลงทุนพัฒนา เพื่อเป็นเจ้าของโครงการเองแล้ว
เรายังพบในลักษณะของการถือครองหุ้น หรือเข้าไปร่วมบริหารองค์กร อีกด้วย
ตัวอย่าง บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ สายธุรกิจย่อยในด้านอสังหาริมทรัพย์
ในเครือของเคพีเอ็น กรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับสยามกลการ และเครือสยามมอเตอร์
ซึ่งโดดเด่นในสายธุรกิจรถจักรยานยนต์และเครื่องดนตรี ร่วมกับแบรนด์ Yamaha
เดิมที เคพีเอ็น แลนด์ เคยมีผลงานโครงการคอนโดมิเนียมมาแล้ว 3 โครงการ ได้แก่
- แบรนด์ The Diplomat จำนวน 2 โครงการ
- แบรนด์ The Capital จำนวน 1 โครงการ
จากนั้นจึงเข้ามามีส่วนร่วมในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อว่า ไรมอน แลนด์
โดยปัจจุบัน เคพีเอ็น แลนด์ คือผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ที่มีสัดส่วน 23.97%
ขณะเดียวกันนั้น นายกรณ์ ณรงค์เดช จาก KPN ยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (CEO) ของไรมอน แลนด์ อีกด้วย
มาถึงตรงนี้ เราจะเริ่มเห็นได้ว่า..
หลายบริษัทที่เริ่มต้นธุรกิจในด้านอื่น ๆ และประสบความสำเร็จมาแล้วถึงจุดหนึ่ง
จะเริ่มก้าวเข้ามาร่วมแข่งขัน หรือร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ถ้าถามถึงเหตุผลว่า ทำไมบริษัทเหล่านี้ จึงหันมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็คงจะมีหลายเหตุผล เช่น
1. ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีขนาดตลาดที่ใหญ่เป็นหลักล้านล้านบาท เพราะยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคนทุกคนในเรื่อง ที่อยู่อาศัย การทำงาน และการใช้ชีวิต
เมื่อธุรกิจมีกระแสเงินสดมาจากธุรกิจหลัก ก็สามารถนำเม็ดเงินเหล่านี้ไปลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีความต้องการมหาศาลมาดูดซับได้ ตัวอย่างเช่น การสร้างหนึ่งตึกในสมัยนี้ก็มีมูลค่าโครงการหลักพันล้านบาทแล้ว
2. ตลาดอสังหาริมทรัพย์มี Barriers to Entry น้อย ผู้เล่นเดิมจะไม่ได้เปรียบผู้เล่นหน้าใหม่เหมือนอุตสาหกรรมอื่น เพราะผู้ลงทุนสามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมาทำแทนได้ ตั้งแต่ การออกแบบ การรับเหมา การทำตลาด การจัดการ ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าบริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโครงการ หรืออาคารได้สำเร็จ ไม่แพ้ผู้เล่นหน้าเก่าเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดของตลาดนี้ก็คือ “เงินทุน”
3. ลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะให้ผลตอบแทนที่พอจะคาดการณ์ได้ และสามารถเปลี่ยนมือได้ นั่นหมายความว่าผู้ลงทุนสามารถซื้อสินทรัพย์ หรือซื้อหุ้นต่อจากผู้เล่นรายอื่นได้ โดยดูผลตอบแทนที่คาดการณ์ไม่ว่าจะเป็น Yield หรือ IRR ว่าจะยอมจ่ายเงินเพื่อลงทุนที่ราคาเท่าไร ดังนั้นถ้าผู้เล่นหน้าใหม่อยากเข้ามาก็สามารถซื้อต่อจากผู้เล่นเดิมได้ง่าย
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลเบื้องต้นว่าทำไมบริษัทต่างธุรกิจ จึงหันมาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กันได้ง่าย ถ้าจะให้สรุปคำตอบง่าย ๆ ก็คือ บริษัทเหล่านั้นมีเงินทุน และตลาดอสังหาริมทรัพย์มีขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาได้ไม่ยาก นั่นเอง
ก็น่าติดตามต่อไปว่า แล้วจะมีกลุ่มธุรกิจใดที่จะก้าวเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
จนกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เดิม ต้องจับตามองกันบ้าง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.singhaestate.co.th/th/#intro
-https://www.prachachat.net/property/news-745384
-https://datawarehouse.dbd.go.th/
-https://positioningmag.com/1297091
-https://www.reuters.com/article/aia-thailand-idUSL4E7MM15O20111122
同時也有5部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Youtube影片中提到,Bond yield คืออะไร? ทำไมทำตลาดหุ้นทั่วโลก ผันผวนขนาดนี้? ลงทุนแมนสัมภาษณ์พิเศษ คุณแบงค์ - ชยนนท์ รักกาญจนันท์ Co-Founder และ CAO บลน.Finnomena แล...
apple yield 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ทำไมบริษัทอสังหาฯ เริ่มนิยมทำ Branded Residence ที่ปล่อยเช่ารายวันได้ /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึง Branded Residence ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทย
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ยังรู้จักเพียงในแวดวงนักลงทุนและผู้ที่สนใจด้านอสังหาริมทรัพย์
และโครงการลักษณะนี้ ยังเริ่มพัฒนาได้ไม่นานในประเทศไทย
โดยส่วนใหญ่มักเป็นโครงการระดับ Luxury เน้นความหรูหรา
ตั้งในทำเลใจกลางเมือง หรือทำเลที่ชาวต่างชาติให้ความนิยม
จับกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นชาวต่างชาติ หรือชาวไทยที่มีกำลังซื้อสูง
ที่มีเป้าหมายในการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนอย่างชัดเจน
แล้ว Branded Residence ที่ว่านี้ มีความน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Branded Residence คือรูปแบบที่อยู่อาศัยแนวสูงที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และแบรนด์โรงแรมชั้นนำ มาพัฒนาโครงการและบริหารโครงการร่วมกัน
โดยองค์ประกอบหลัก ๆ ของ Branded Residence จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนสำคัญ นั่นคือ
- รูปแบบโครงการหรูหรา และมีมูลค่าโครงการสูง
- ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ เช่น ย่าน CBD หรือเมืองตากอากาศ
- มีบริการอำนวยความสะดวกผู้อยู่อาศัยรอบด้าน
โดยบริการอำนวยความสะดวกเหล่านั้น จะเป็นมาตรฐานระดับแบรนด์โรงแรม
เช่น บริการยกกระเป๋า, บริการทำความสะอาด, บริการเสิร์ฟอาหาร, บริการจัดเลี้ยง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังรวมถึงงานบริหารนิติบุคคล และบริหารการเช่า อีกด้วย
ซึ่งการเช่าของ Branded Residence จะต่างไปจากคอนโดมิเนียมทั่วไป
เพราะโดยปกติแล้ว คอนโดมิเนียมทั่วไปสามารถปล่อยเช่าในรูปแบบรายเดือนรายปีได้
แต่จะไม่สามารถปล่อยเช่ารายวันอย่างโรงแรมได้
แต่สำหรับ Branded Residence ที่มีแบรนด์โรงแรมเป็นผู้บริหารโครงการ
เมื่อมีการจดใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ก็จะสามารถปล่อยเช่าห้องแบบรายวันได้อย่างถูกกฎหมาย
จึงนับว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Branded Residence โดดเด่นกว่าโครงการที่อยู่อาศัยทั่วไป
จากผลสำรวจปี 2020 ของ Savills บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์
ยังพบว่า Branded Residence ช่วยให้โครงการสามารถตั้งราคาขายได้สูงกว่าระดับทั่วไปในตลาดถึง 31% และยังช่วยให้โครงการดูดีมีมูลค่ามากกว่าโครงการแบบอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับ Segment เดียวกัน
Branded Residence จึงกลายเป็นหนึ่งรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดโอกาสใหม่ ๆ อย่างน่าสนใจ เช่น
- ผู้พัฒนาโครงการ ได้เพิ่มความหลากหลายของตัวสินค้า จับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุน
- แบรนด์โรงแรม มีรายได้จากการรับบริหารโครงการ และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ๆ
- ลูกค้าหรือนักลงทุนที่ซื้อโครงการ ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนทั้งในรูปแบบการปล่อยเช่า (Rental Yield) และการขายเพื่อกำไรในอนาคต (Capital Gain) จากโครงการที่ได้รับการดูแลบริหารจัดการระดับแบรนด์โรงแรม
ทีนี้ลองมาดู Branded Residence ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศกันบ้าง โดยจะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ นั่นคือ
- Hotel Branded Residence ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับในประเทศไทย ที่เกิดจากการร่วมมือทางธุรกิจกันระหว่างผู้พัฒนาโครงการและเครือโรงแรมผู้คอยให้บริการ
โครงการเหล่านี้ จึงต้องระบุท้ายด้วยชื่อแบรนด์โรงแรมเสมอ
เช่น Four Seasons, InterContinental, Mandarin Oriental, The Ritz-Carlton และ Westin
- Non-Hotel Branded Residence จะพัฒนาโดยเครือธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากแบรนด์โรงแรม แต่ยังคงมีบริการระดับโรงแรม หรือบริการด้าน Hospitality
เช่น Residences By Armani Casa ที่มีแบรนด์ Armani ร่วมออกแบบโครงการ
ปัจจุบันการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ Branded Residence มีจำนวน 430 แห่ง ตั้งกระจายอยู่ทั่วโลก และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ในประเทศไทยเองมีโครงการ Branded Residence ราว 30 โครงการ
ทั้งในรูปแบบของคอนโดมิเนียม และบางโครงการก็อยู่ในรูปแบบ Mixed-Use เช่น
- The Residences at Mandarin Oriental ที่พัฒนาโดย MQDC
ภายใต้มาตรฐานการบริการของเครือโรงแรม Mandarin Oriental
และยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Mixed-Use อย่าง ICONSIAM
บนทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นทำเลทองระดับ Luxury ของกรุงเทพฯ
ล้วนเป็นปัจจัยสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตให้กับโครงการได้
- Wyndham Residence Bangkok พัฒนาโดย Siamese Asset
ภายใต้มาตรฐานการบริการของเครือโรงแรม Wyndham Hotel Group
ที่มีจุดเด่นเรื่องของราคาขายเริ่มต้น 8 ล้านบาท ไม่สูงเท่าโครงการอื่น ๆ
เน้นเจาะทำเลแนวรถไฟฟ้า MRT และตั้งอยู่ในย่าน CBD
นับเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ Branded Residence ของ Siamese Asset แตกต่างจากโครงการคู่แข่งได้
- Dusit Residences ส่วนหนึ่งในโครงการ Dusit Central Park
ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างเครือโรงแรมดุสิตธานีและกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา (CPN)
บนที่ตั้งเดิมของโรงแรมดุสิตธานีบริเวณแยกศาลาแดง ที่นับว่าเป็นทำเล CBD ใจกลางกรุงเทพฯ
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า Branded Residence กลายเป็นหนึ่งรูปแบบใหม่ ๆ ของการพัฒนาโครงการในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ทำให้คอนโดมิเนียมสามารถปล่อยเช่ารายวันได้ และผู้บริโภคก็สามารถเป็นเจ้าของห้องชุดที่มีบริการระดับโรงแรมได้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-http://www.realist.co.th/blog/เจาะลึกเทรนด์-branded-residence/
-https://www.ddproperty.com//ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2020/7/190310/จับตา-branded-residence-เทรนด์ที่อยู่อา
-https://pdf.savills.asia/selected-international-research/1809-branded-residences-en.pdf
-https://www.savills.com/research_articles/255800/306439-0
-https://propholic.com/prop-now/ดุสิต-เซ็นทรัล-พาร์ค-เป/
apple yield 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุปประเด็นจากห้อง Clubhouse จัดพอร์ตลงทุนยังไง ในไตรมาสนี้ ?
Clubhouse BBLAM x ลงทุนแมน
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ลงทุนแมน ชวนผู้เชี่ยวชาญหุ้นเทคโนโลยีจากกองทุนบัวหลวง มาร่วมพูดคุยอัปเดตสถานการณ์การลงทุนครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และแนวทางการจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสม ในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้
โดย 3 Speakers มากประสบการณ์จากกองทุนบัวหลวง ได้มาร่วมพูดคุย ร่วมให้ไอเดียกัน
- คุณสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน กองทุนบัวหลวง
- คุณเศรณี นาคธน AVP, Portfolio Management กองทุนบัวหลวง
- คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, AVP, Portfolio Management กองทุนบัวหลวง
สถานการณ์โลกการลงทุนครึ่งปีแรกเป็นอย่างไร แล้วเราควรจัดพอร์ตลงทุนอย่างไรในไตรมาสนี้ ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
คุณสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน กองทุนบัวหลวง เริ่มต้นประเด็นแรก ด้วยการสรุปภาพรวมการลงทุนทั่วโลก ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
ตั้งแต่เริ่มปี 2021 มา เราเห็นเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากปีที่แล้วมากขึ้น ซึ่งทำให้หุ้นวัฏจักร ที่ฟื้นตัวได้ดีตามเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มน้ำมัน ธนาคาร ได้รับประโยชน์และฟื้นตัวกลับมาได้ดี
ขณะที่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ หลังเข้าช่วงครึ่งปีหลังมา เริ่มลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ที่เคยขึ้นไปสูงช่วงต้นปีก็ลดต่ำลง ทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็นหุ้นเติบโต (Growth Stock) เริ่มกลับมาเติบโตได้ต่อ
แล้วตลาดในแต่ละภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมา และตอนนี้ เป็นอย่างไร ?
เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป กำลังฟื้นตัวได้เร็วโดยมีปัจจัยสำคัญคือ มีประชากรได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ และเริ่มทยอยกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
ขณะที่ประเทศกลุ่มกำลังพัฒนา อย่างเช่นแถว ๆ ไทยเรา ยังคงเผชิญปัญหาการระบาดระลอกใหม่ และประชากรยังได้รับวัคซีนน้อย ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเป็นไปได้ล่าช้ากว่า
กองทุนบัวหลวงมองว่า โลกการลงทุนวันนี้มี “Unknown” หรือสิ่งที่เราไม่รู้ คือ รู้ว่าจะเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด หรือไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะเป็นเช่นไร ทำให้ยังต้องติดตามสถานการณ์กันมากพอสมควร เช่น เรื่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่อาจควบคุมการระบาดได้ยากขึ้น, เงินเฟ้อที่รู้ว่ามาแน่ แต่ก็ไม่รู้ชัดว่าจะหนักและยาวนานแค่ไหน
เพราะฉะนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงไตรมาสนี้และครึ่งปีหลัง แนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง ไม่เน้นหนักไปที่ตลาดใดตลาดหนึ่ง
นอกจากนั้น การถือเงินสดบางส่วนไว้เตรียมลงทุน หากมีเหตุการณ์หรือจังหวะที่เหมาะสมเข้ามา ก็จะทำให้เราไม่พลาดโอกาสการลงทุนดี ๆ ได้เหมือนกัน
ในช่วงนี้กองทุนบัวหลวงยังให้มุมมองเชิงบวกกับตลาดของประเทศพัฒนาแล้วมากกว่า โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่ให้จับตาช่วงครึ่งปีหลัง ที่เงินทุนจะเริ่มไหลเข้าตลาดฝั่งเอเชีย
ปัจจุบันบริษัทในเอเชียเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เช่น TSMC, Samsung Electronics และที่หลายคนอาจยังไม่ค่อยคุ้นหูอย่าง ASUSTek ที่ถือเป็นหุ้นคุณภาพ ราคาไม่แพง มีการเติบโตสูง ในช่วงปีที่ผ่านมา
ขณะที่บริษัทในดัชนี MSCI All Country Asia Ex Japan ที่ถือเป็นตัวแทนของตลาดเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น มี P/E อยู่ที่ 14 เท่า เท่านั้น ซึ่งถือว่าราคาถูกและน่าสนใจ หากเอเชียควบคุมสถานการณ์โรคระบาดได้ดีขึ้นในอนาคต
ทางกองทุนบัวหลวง ก็มีกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นเอเชีย คือ B-ASIA ที่ไปลงทุนในหุ้นเอเชียที่มีศักยภาพเติบโตเหล่านี้
คราวนี้ มาเจาะลึกกันที่ “จีน” กันบ้าง..
จีนยังคงเน้นการสร้างเสถียรภาพในภาพรวมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความเด็ดขาด ชัดเจน และเข้มแข็งในการกำกับดูแล นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับนโยบายเน้นการบริโภคภายในประเทศควบคู่ไปกับการส่งออก และพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ที่ผ่านมาเราจะเห็นทางการจีน เริ่มเข้มงวดกับหลาย ๆ กลุ่มในตลาด เช่นกลุ่มเทคโนโลยี แต่ความเข้มงวดนี้ ก็น่าจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพของจีนในระยะยาว
เมื่อบวกกับแนวโน้มการเติบโตต่อจากนี้ของจีน ที่คาดว่าจะโตเฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งถือว่าไม่น้อยสำหรับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก ณ ตอนนี้ ก็ถือว่าการลงทุนในจีน เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
แล้วเราจะลงทุนในหุ้นจีนแบบไหนดี ?
พูดถึงการลงทุนในจีน หลายคนจะกังวลเรื่องหุ้นเทคโนโลยีจีนที่ดูทรงไม่ค่อยดีในช่วงที่ผ่านมา แต่การลงทุนในจีนนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องหุ้นเทคโนโลยีเท่านั้น
ถ้าดูบริษัทในตลาดหุ้นจีนแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค, การสื่อสาร, การเงิน และการแพทย์ ส่วนบริษัทเทคโนโลยีนั้น มีสัดส่วนแค่ 6.5% ในดัชนี MSCI China
ตัวอย่างความน่าสนใจของจีนคือ กำลังบริโภคของคนรุ่นใหม่ในจีนนั้นมีแนวโน้มเติบโตสูงมาก เพราะเป็นกลุ่มที่เติบโตมาในครอบครัวที่เริ่มมีฐานะแล้ว
โดยกลุ่มนี้ มีความนิยม Local Brand มากขึ้น เช่น ใช้สมาร์ตโฟนของ Xiaomi ใช้อุปกรณ์กีฬา Li-Ning, Anta Sports เพราะมองว่าสินค้าเหล่านี้คุณภาพคุ้มราคากว่าแบรนด์นอก นี่จึงเป็นปัจจัยทำให้หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากในอนาคต
ซึ่งบริษัทเหล่านี้ ก็เป็นบริษัทที่กองทุน B-CHINE-EQ ของกองทุนบัวหลวงไปลงทุนด้วย
คำถามต่อมาคือ ถ้าลองดูรายเซกเตอร์ มีเซกเตอร์ไหนบ้างที่น่าสนใจในตอนนี้ ?
มาเริ่มกันที่ “หุ้นเทคโนโลยี”
กองทุนบัวหลวงมองว่าหลังวิกฤติโควิด 19 บางสินค้า บางบริการที่คนเคยใช้แล้วติดใจ ใช้แล้วรู้สึกขาดไม่ได้แล้ว กลุ่มนี้จะยังเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ
ส่วนอีกปัจจัยที่ทำให้หุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกยังไปต่อได้ คือภาครัฐโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและจีน ที่สนับสนุนด้านเทคโนโลยีกันอย่างชัดเจน เพื่อแข่งขันกันเป็นผู้นำเทคโนโลยีโลก
นอกจากนั้น ยิ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ปรับลดลงมาอย่างในตอนนี้ ก็ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้นเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่อ Bond Yield เติบโตต่อได้
แล้วเราจะเลือกหุ้นเทคโนโลยีอย่างไรดี ?
กองทุนบัวหลวงมองว่า ให้พยายามเลือกหุ้นเทคโนโลยีตัวใหญ่ ๆ ที่เป็นเจ้าของบริการที่ “คนขาดไม่ได้” อย่างเช่น Microsoft, Apple, Google, Facebook เอาไว้เป็นทางเลือกแรก ๆ
เพราะตอนนี้ตลาดมองหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เหล่านี้ว่าเป็น Defensive Stock ไปแล้ว พูดง่าย ๆ ว่า เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี ก็เติบโตได้
ซึ่งบางบริษัทเหล่านี้ ก็เป็นบริษัทที่กองทุน B-INNOTECH ของกองทุนบัวหลวงเน้นไปลงทุน
แล้วเซกเตอร์ Go Green หรือหุ้นกลุ่มเน้นความยั่งยืน น่าสนใจไหม ?
ระยะยาวทั่วโลกจะให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันยังคงเป็นแค่เพียงช่วงเริ่มต้น และยังมีโอกาสที่จะพัฒนาไปได้อีกไกล
เช่น กลุ่มยานยนต์ ที่หันมาใช้พลังงานไฟฟ้า กลุ่มพลังงานที่หันมาพัฒนาพลังงานสะอาด หรือกลุ่มแบตเตอรี่ที่พัฒนาให้สามารถจัดเก็บพลังงานได้มากขึ้น
ซึ่งใครที่สนใจ Theme การลงทุนนี้ กองทุนบัวหลวงก็มี B-SIP กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในบริษัทที่เน้นความยั่งยืน และมีนวัตกรรมรักษ์โลก
ตัดภาพกลับมาที่หุ้นไทยกันบ้าง ช่วงนี้เป็นอย่างไร ?
ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ตกใจกับตัวเลขผู้ติดเชื้อมากนัก คนมองไปข้างหน้ากันมากและให้ความหวังกับตลาดไปไกลแล้ว อีกทั้งสภาพคล่องในตลาดยังล้นอยู่ เพราะเอาเงินไปฝากธนาคารได้ผลตอบแทนน้อย คนก็หันมาลงหุ้นมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเราก็ต้องติดตามสถานการณ์รายวันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการควบคุมการระบาดในประเทศ ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน กองทุนบัวหลวงมองว่า ช่วงนี้ตลาดจะเคลื่อนไหวขึ้นลง Sideway ไปก่อน
โดยแนวทางการลงทุนหุ้นไทยตอนนี้ คือต้อง “เลือกหุ้น” จะดีกว่าลงแบบเหมารวม ให้เลือกลงทุนในบริษัทที่พื้นฐานดี ยืนหยัดแข็งแกร่งได้ในวิกฤติ
ซึ่งสำหรับกองทุนบัวหลวง ก็มี “กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล”
ที่เด่นเรื่อง Stock Selection เลือกลงทุนแค่ในหุ้น 10 ตัว ที่ดีที่สุดในไทย
ลองมาดูภาพรวมของตลาดพันธบัตรกันบ้าง
กองทุนบัวหลวงมองว่า ตอนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ในระยะสั้นจะยังคงต่ำอยู่ ทั้งจากความคาดหวังเงินเฟ้อที่อ่อนแรงลงจากต้นปี สภาพคล่องยังล้นระบบ
ต้องดูความเคลื่อนไหว Bond Yield สหรัฐอเมริกา เพราะเป็นตลาดพันธบัตรใหญ่สุดในโลก ถ้า Bond Yield ในสหรัฐอเมริกาปรับตัวสูงขึ้น เงินก็ไหลเข้าตลาดพันธบัตรสหรัฐอเมริกามากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็จะแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย
ถ้าจะจัดสรรน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ ควรไปลงที่ไหนดี ช่วงไตรมาสนี้ ?
กองทุนบัวหลวงมองว่า US High Yield หรือพันธบัตรที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงในสหรัฐอเมริกา ตอนนี้น่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกต่ำมากในขณะนี้
แต่แน่นอนว่าเมื่อเป็น “High Yield” คือมีอัตราผลตอบแทนสูง ก็จะสวนทางกับเครดิตเรตติงที่ต่ำ ซึ่งมันก็ตามมาด้วยความเสี่ยงผิดชำระที่สูงกว่าพันธบัตรในระดับ Investment Grade
แต่ทางกองทุนเห็นสถิติในเวลานี้ว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (Default Rate) ลดลงจนเกือบเท่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงควรกระจายลงทุนในหลาย ๆ บริษัท โดยวิธีการกระจายการลงทุนที่น่าสนใจก็คือการลงทุนในกองทุนรวมที่ไปลงทุนในพันธบัตรที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง
ซึ่งกองทุนบัวหลวงเองก็มี กองทุนเปิด “บัวหลวงไฮยิลด์” ที่มาตอบโจทย์การลงทุนในจุดนี้
และหากท่านใดที่สนใจจะลงทุนหรือต้องการจัดพอร์ตการลงทุนเอง ทางกองทุนบัวหลวง ก็มีการสรุปแนวทางการลงทุนอย่าง “B-SELECT” เพื่อให้นักลงทุนนำไปเป็นข้อมูลเพื่อพิจารณาในการจัดพอร์ตกองทุนด้วยตัวเองได้
- ถ้าชอบหุ้นเทคโนโลยี กองทุนบัวหลวงมี “B-INNOTECH”
- ถ้าชอบหุ้นกลุ่มยั่งยืน (มีเทคโนโลยีผสม) กองทุนบัวหลวงมี “B-SIP”
- ถ้าชอบหุ้นเอเชีย กองทุนบัวหลวงมี “B-ASIA”
- ถ้าชอบหุ้นจีน กองทุนบัวหลวงมี “B-CHINE-EQ”
- ถ้าชอบหุ้นไทย แบบคัดเอาแค่ 10 สุดยอดบริษัท กองทุนบัวหลวงมี “บัวหลวงทศพล (BTP)”
- ถ้าอยากลงทุนในพันธบัตรที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงในสหรัฐอเมริกา กองทุนบัวหลวงก็มีบัวหลวงไฮยิลด์ ให้เลือก 2 แบบ คือ กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (อันเฮดจ์) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ B-HY (UH) AI กับกองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (เฮดจ์ 75) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ B-HY (H75) AI
หรือถ้าไม่รู้จะเลือกอะไร อยากให้กองทุนบัวหลวงจัดพอร์ตลงทุนให้ตามความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้
ก็มีกองทุนรวม “BMAPS” ที่มีให้เลือกสัดส่วนการลงทุนในหุ้น สูงสุด 25%, 55% และ 100%
แล้วผู้จัดการกองทุนรวม BMAPS ก็จะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ ตามสัดส่วนที่ผู้ลงทุนเลือก ให้เหมาะกับสถานการณ์ และโอกาสการเติบโตในอนาคตต่อไป
และทั้งหมดนี้ ก็คือบทสรุปของประเด็นที่ได้พูดกันในห้อง Clubhouse “จัดพอร์ตลงทุนยังไง ในไตรมาสนี้ ?”
สำหรับประเด็นพูดคุยกันใน Episode หน้าจะเป็นเรื่องอะไร รอติดตามได้ เร็ว ๆ นี้..
apple yield 在 ลงทุนแมน Youtube 的最佳貼文
Bond yield คืออะไร? ทำไมทำตลาดหุ้นทั่วโลก ผันผวนขนาดนี้?
ลงทุนแมนสัมภาษณ์พิเศษ
คุณแบงค์ - ชยนนท์ รักกาญจนันท์
Co-Founder และ CAO บลน.Finnomena และ
คุณบอมบ์ สรพล วีระเมธีกุล นักกลยุทธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด Subscribe ที่ https://www.youtube.com/longtunman
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website -https://www.longtunman.com/
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - http://facebook.com/longtunman
Twitter - http://twitter.com/longtunman
Instagram - http://instagram.com/longtunman
Line - http://page.line.me/longtunman
YouTube - https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - http://open.spotify.com/show/4jz0qVn1...
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - http://podcasts.apple.com/th/podcast/...
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล
apple yield 在 ebaracm Youtube 的最佳貼文
Yield : 10-11 buns
【Ingredients】
■Bun
Bread Flour 1½ cup
Salt ½ tsp
Honey 1 tbsp
Instant Yeast ½ cup
Warm Milk 1 tsp
Softened Butter 1 tbsp
■Japanese Curry Filling
Chopped Yellow Onion 17g
Grated Ginger 1g
Chopped Garlic 2g
Potato Cubes 23g
Carrot Cubes 35g
Water ⅛ cup
Minced Chicken 100g
Ketchup ¼ tbsp
Soy Sauce ¼ tbsp
Grated Apple 30g
A pinch of Salt
Water 212g
Ebara Curry Flake 75g
Sugar 5g
Apple Cider Vinegar 10g
Salt 2g
■Assembling
Breadcrumbs 150g
Egg 1 nos
Mozzarella Cheese 220g
【Steps to cooking】
1. i. Mix bread flour, warm milk, honey, instant yeast, and salt into a mixing bowl.ii. Knead for around 10 minutes.iii. Add in softened butter and knead for another 5 minutes.iv. Place dough into a greased bowl.
v. Seal and set to rise.
2. i. Sauté chopped onion until golden brown.ii. Add in grated ginger, chopped garlic, carrot cubes, potato cubes, and water.iii. Let simmer until no more water left.iv. Add in minced chicken and salt.v. Stir fry until minced chicken is cooked.
vi. Add in ketchup, soy sauce and grated apple.vii. Mix well until fillings are even.
3. i. Add in water, and boil for 15 minutes.ii. Add in salt, sugar, apple cider vinegar, and Ebara curry flake.iii. Stir until thick.
4. i. Portion dough to 35g each.ii. Spread dough to 11cm diameter.
iii. Put 20g Japanese curry filling and 20g mozzarella cheese onto the dough.iv. Wet dough edge with egg.v. Fold dough edge inwards.vi. Smoothen the edges with egg.vii. Coat bun with egg and breadcrumbs.viii. Deep fry for 4 minutes (180°C).
ix. Place Japanese Curry Bun on a wire rack to drain excess oil.x. Ready to serve.
apple yield 在 阿康嚼舌根GOODSKANG Youtube 的最佳解答
iPhone 12 京東方 vs 三星:https://youtu.be/y4dd14HuUME
iPhone 12 九月開賣:https://youtu.be/_ck61RRSma0
iPhone 12 與 Apple Glass :https://youtu.be/aK7UQ7NnUOA
可以詳細看更多的影片了解:
【iPhone SE2開箱實測!超多缺點?對決 iPhone 11 Pro!續航耗電, 拍照人像夜拍, 尺寸對照】
https://youtu.be/fpFldVsdwBI
【Apple Watch 必要嗎?Line, Nike版, GPS與LTE ,Siri, 運動, 心電圖, 錶帶, 生活應用和版本選擇心得全分享】
https://youtu.be/0sLMNYMLE4Q
【Apple Watch 6 消息流出?不負責任心得預測】
https://youtu.be/Fqm8xtpMkyc
【必學功能與技巧!完美解放 Apple Watch 生活安全又方便!】
https://youtu.be/rCzo4e8IOfg
【鈦金屬 Apple Watch 5 開箱!哪個版本適合你?鋁殼版不鏽鋼版鈦金屬版怎麼選?】
https://youtu.be/gfMPP7kxuCE
【必看!完美解放你的 Apple Watch!心電圖ECG跟這個都很重要!】
https://youtu.be/E_2p0jCoBiY
【港版 Apple Watch Series 5 開箱!台灣沒有的心電圖ECG與兩大重要功能應用】
https://youtu.be/CHvtgE-EFIU
概念影片
conceptsiPhone:
https://youtu.be/1Tk22uoG4es
https://youtu.be/Mo2OniiJ3v4
消息來源參考:
IG:aaplblog
IG:Apple_idesider
IG:Appledesignhub
IG:Angelo_Libero at https://www.aldesigns.it/
everythingapplePro: https://youtu.be/lpy6rW1KaL0
https://9to5mac.com/2020/06/29/apple-watch-handwashing/
https://www.macrumors.com/2020/06/29/iphone-2020-boe-oled-panel-yield-issues/
https://www.macrumors.com/2020/06/29/iphone-12-pro-max-4k-video-120fps-240fps/
https://www.macrumors.com/2020/06/29/lynch-on-apple-watch-sleep-tracking-hand-washing/
https://9to5mac.com/2020/06/29/an-iphone-without-a-charger/
封面概念:
IG:Angelo_Libero at https://www.aldesigns.it/
IG:appledesignhub
各種系列清單:
阿康Apple Watch 錶帶開箱介紹:https://reurl.cc/ex5Rej
阿康Apple Watch 必裝Apps:https://reurl.cc/Wd465Z
阿康Apple Watch 保護殼&錶帶開箱全系列:https://reurl.cc/qdD7Qg
阿康iPhone保護殼開箱系列:https://reurl.cc/xZD5n1
所有全部影片開箱系列:https://reurl.cc/pdDlOa
阿康食記 & 生活 Vlog:https://reurl.cc/d0rN68
如果喜歡我的影片文章願意支持贊助我的話
還請加入我的Patreon 計畫 (每月5鎂)
https://www.patreon.com/goodskang
或是透過paypal單筆贊助
https://paypal.me/goodskang
阿康IG:https://instagram.com/goodskang
按讚Facebook 粉絲專頁:https://www.facebook.com/goodskang/
拍攝器材:Sony a6400 + SEL18135, iPhone 11 Pro, 智雲Smooth 4, GoPro Max
收音設備:RODE VideoMicro, AirPods Pro, iPhone 11 Pro 和 GoPro Max 內建
剪輯軟體:Final Cut Pro X
片內素材:Pexels
背景音樂:Epidemicsound, https://www.epidemicsound.com/
合作邀約請寄:goodskang@gmail.com
或是到FB, IG私訊都可以囉!
#iPhone12 #iPhone12Pro #AppleWatch6 #iPhone12京東方 #120fps #手機遊戲