Deadly Class (สามารถดูได้ใน Netflix)
• เป็นซีรีส์ที่คอนเซ็ปต์โรงเรียนสอนนักฆ่าฟังดูสนุก แต่พอเล่าจริงมันไปไม่ไกลขนาดนั้น กลายเป็นซีรีส์วัยรุ่นผสมแอ็คชั่นธรรมดา
• สนุกแค่ E.P.1 กับ 10 ระหว่างทางมีบางตอนก็เล่าเพลิน ๆ บางตอนคือหาวจะหลับเพราะน้ำเยอะเหลือเกิน
• ถ้าใครจะดูต้องเตือนก่อนว่าซีรีส์โดนแคนเซิลเรียบร้อย และตอนจบซีซั่นคือจบแบบตัดฉึบค้างไปเลย ถ้าดูคือดูภารกิจของซีซั่นก็พอได้อยู่
• ซีรีส์มีแฟลชแบ็กย้อนอดีตตัวละครหลักหลายคน ทำเป็นแอนิเมชันที่เอาเข้าจริงเผลอ ๆ เล่าสนุกกว่าฉากปัจจุบันอีก
• ลาน่า คอนดอร์ จริง ๆ เป็นลูกครึ่งเวียดนาม-อเมริกัน แต่เล่นหนังมาเดี๋ยวก็ได้บทเป็นคนจีน, คนเกาหลีใต้, เรื่องนี้ก็เป็นยากูซ่าญี่ปุ่น ความเอเชียไม่ตรงสัญชาติสักเรื่อง
-------------------------------------
ซีรีส์พาย้อนไปปีค.ศ. 1987 'มาร์คัส' (Benjamin Wadsworth) เด็กกำพร้าไร้บ้านที่เพิ่งหนีออกจากสถานดูแลเด็กด้วยการเผาอาคารทั้งหลังวอดมีคนตายเป็นสิบ ด้วยชื่อเสียงเช่นนี้ทำให้เขาได้รับคำเชิญจาก 'อาจารย์หลิน' (Benedict Wong) ครูใหญ่ประจำสถาบันสอนนักฆ่า ซึ่งปกติจะมีแต่พวกลูกหลานมาเฟียใหญ่กับอาชญากรวัยรุ่นสุดโฉดมาเข้าเรียน แต่ด้วยสถานะแค่เด็กไร้บ้านต๊อกต๋อยจึงแทบไม่มีใครต้อนรับเขา ยกเว้นก็แต่แก๊งหนูที่มีสถานะไม่ต่างกัน
.
ตอนได้ยินคอนเซ็ปต์นี่หูผึ่งเลย ท่าทางจะสนุก นึกภาพโรงเรียนสอนทักษะการฆ่า ทั้งวางยาพิษ, ต่อสู้ระยะประชิด, ไหวพริบการเอาตัวรอดแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วต้องเอาไปประยุกต์ใช้จริง แถมพวกคนที่มาเรียนก็คือพวกลูกอาชญากรระดับโลกที่แบ่งเป็นหลายแก๊ง แต่จุดเริ่มต้นของโรงเรียนดันก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยผู้ถูกกดขี่ มันเป็นความขัดแย้งที่พอจะเห็นภาพว่าครูบางคนในโรงเรียนยังไม่ลืมรากเหง้า แค่ถูกกลืนไปเรื่อย ๆ จนต้องรอความหวังใหม่แบบพระเอกปรากฎตัวขึ้นมา
.
พอเล่าจริง ๆ E.P. 1 ที่เป็น pilot คือเปิดหัวมาดีเชียว โปรดักชั่นดูลงทุนจริงจังในการเซ็ตโลกแบบในซีรีส์ขึ้นมา ฉากแอ็คชั่นถึงงานสตั๊นท์จะธรรมดาแต่ก็ยังพอให้อภัยได้ในความพยายามขายลูกเล่นเสริมแทน แล้วตัวละครที่โผล่มาตอนแรกก็ล้วนมีเสน่ห์ลับลวงพรางดูไว้ใจกันไม่ได้สักคน แต่ไหงพอเล่าตอนต่อไปเรื่อย ๆ กลับดร็อปลง บาง EP. เช่นตอนไปลาสเวกัสคือหาว ขนาดว่ามีใส่ความตึงเครียดเข้ามาเพียบแล้วนะ ทั้งแก๊งยากูซ่าที่จะมาลักพาตัว 'ซายะ' (Lana Condor) กลับญี่ปุ่น, ทั้งพล็อตฆาตกรต่อเนื่องชอบซั่มหมาที่เป็นคู่อาฆาตตามมาล้างแค้นมาร์คัส, รวมถึงตอนท้ายที่ขยับมาเล่าสเกลของอาจารย์หลินที่ต้องสู้กับพี่สาวตัวเอง โดยระหว่างทางซีรีส์ก็เล่ามิตรภาพในกลุ่มเพื่อนที่ถูกปลูกฝังไม่ให้ไว้ใจกัน แต่ต้องค่อย ๆ เชื่อใจกัน
.
กว่าจะรู้สึกว่าซีรีส์พลิกมาสนุกอีกรอบคือ EP. จบ ฉากบุกรังฆาตกรต่อเนื่อง ที่เล่าตัดสลับกับอาจารย์หลินต้องปกป้องครอบครัวตัวเอง
.
ในภาพรวมก็มีทั้งจุดที่ดูไปแล้วคิดว่ามันโอเค คอนเซ็ปต์น่าสนใจแต่พอเอามาเล่าแล้วธรรมดาไปหน่อย บวกกับความยาว 10 ตอนที่บางตอนไม่ค่อยสนุก กราฟระหว่างดูเลยแกว่ง ดีมั่งด้อยมั่ง พอจบค้างเพราะโดนแคนเซิลเลยต้องตัดเกรดตรงนี้จริง ๆ
Creators: Miles Orion Feldsott, Rick Remender
10 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 45 นาที)
B-
#หนังโปรดxซีรีส์netflix
คนเกาหลีใต้ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
รู้จัก Vinamilk ผู้ผลิตนมสัญชาติเวียดนาม ที่ใหญ่กว่า CPF /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า บริษัทนมที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามมีมูลค่ามากกว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจรในประเทศไทย
บริษัทนี้ชื่อว่า “Vinamilk” ที่น่าสนใจคือ
หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Vinamilk คือบริษัทของคนไทยอีกด้วย
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Vinamilk หรือชื่อเต็มคือ Vietnam Dairy Products Joint Stock Company ก่อตั้งขึ้นในปี 1976 โดยบริษัท Southern Coffee-Dairy ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลที่ไปซื้อกิจการมาจากบริษัทเอกชนอีกที
Vinamilk เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2003
โดยปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ Vinamilk คือ
- กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของเวียดนาม (State Capital Investment Corporation) ถือหุ้นอยู่ 36.0%
- กลุ่มบริษัท F&N ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี ถือหุ้นอยู่ 20.0%
- Jardine บริษัทโฮลดิงจากสิงคโปร์ ถือหุ้นอยู่ 10.6%
- ผู้ถือหุ้นรายย่อย ถือหุ้นอยู่ 33.4%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนในหุ้น Vinamilk ไม่สามารถซื้อหุ้นของบริษัทได้ เนื่องจากติดข้อจำกัดการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Holding Limit) ให้ถือได้ไม่เกิน 49%
ที่เป็นแบบนี้ เพราะรัฐบาลเวียดนามเกรงว่า ถ้านักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นจนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อาจทำให้เข้ามามีอิทธิพลกับการดำเนินงานของบริษัทมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์นี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วในปี 2016 โดยอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถือหุ้นในบริษัทได้สูงสุด 100%
แต่ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่สุดก็ยังเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของเวียดนามอยู่ดี
ปัจจุบัน Vinamilk ทำธุรกิจผลิตนมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนมรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีโรงงานผลิตนม และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 15 แห่ง กระจายอยู่ทั้งในเวียดนาม กัมพูชา และสหรัฐอเมริกา
สินค้าของบริษัทที่ผลิตออกมาขายนั้นมีมากกว่า 250 รายการ เช่น นมพร้อมดื่ม, นมผง, โยเกิร์ต, นมข้นหวาน, ครีมเทียมข้นหวาน, ไอศกรีม, ชีส, นมถั่วเหลือง
รู้ไหมว่า ผลิตภัณฑ์นมหลายชนิดของ Vinamilk ครองส่วนแบ่งในสัดส่วนที่สูงในเวียดนาม เช่น
โยเกิร์ต 83%
นมข้น 79%
นมเหลว 59%
นมผง 42%
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Vinamilk มีความได้เปรียบในการทำธุรกิจคือ การที่บริษัททำธุรกิจผลิตนมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนม ครอบคลุม “ต้นน้ำถึงปลายน้ำ” โดยเริ่มตั้งแต่
- มีฟาร์มโคนมของตัวเอง รวมไปถึงการทำสัญญาซื้อขายนมจากฟาร์มจากเครือข่ายเกษตรกร
- มีโรงงานผลิตเป็นของตนเองหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- มีระบบกระจายสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้วางขายได้หลายช่องทาง ตั้งแต่ร้านค้าปลีกดั้งเดิม ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ โรงแรม และร้านอาหาร
ปัจจุบัน สินค้าของบริษัทมีการส่งออกไปขายยังต่างประเทศถึง 55 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วยที่ Vinamilk เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2016
รายได้และกำไรของ Vinamilk
ปี 2018 รายได้ 73,600 ล้านบาท กำไร 14,300 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 79,000 ล้านบาท กำไร 14,800 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 83,600 ล้านบาท กำไร 15,700 ล้านบาท
แม้ว่าปีที่ผ่านมา วิกฤติโควิด 19 จะทำให้เศรษฐกิจเวียดนามโตได้เพียง 2.9% ต่ำสุดในช่วงปี 2011-2020 แต่ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทก็ยังสามารถเติบโตได้ประมาณ 6%
ซึ่งบริษัทก็ให้เหตุผลว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคชาวเวียดนามให้ความใส่ใจต่อสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้เริ่มหันมาบริโภคนมและโยเกิร์ตกันมากขึ้น
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ในปี 2019 ข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่าเวียดนาม เป็นประเทศที่คนบริโภคนมยังถือว่าอยู่ในอัตราต่ำ เมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ
- คนเกาหลีใต้ บริโภคนม 42.5 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
- คนไทย บริโภคนม 33.5 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
- คนมาเลเซีย บริโภคนม 25.7 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
- คนจีน บริโภคนม 22.3 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
- คนเวียดนาม บริโภคนม 21.8 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
นอกจากนี้ อีกกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้นักลงทุนหลายคนเชื่อว่าธุรกิจของ Vinamilk มีโอกาสเติบโต เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศที่คาดว่ายังเติบโตในระดับสูง
โดยข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า เศรษฐกิจของเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6.5-7.5% ต่อปี ตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงปี 2030
เมื่อรวมกับการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ
การดื่มและทานสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ
และตลาดผู้บริโภคของเวียดนาม ที่มีประชากรมากถึง 98 ล้านคน
ธุรกิจผลิตนมของ Vinamilk ก็ดูจะมีโอกาสให้เติบโต ได้อีกไม่น้อย
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในปี 2015 มูลค่าบริษัท Vinamilk เท่ากับ 127,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบัน มูลค่าบริษัทของ Vinamilk เพิ่มขึ้นมาเป็น 250,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมาเกือบ 1 เท่าตัว
ทำให้ไม่เพียงแต่ Vinamilk ถือเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียน ที่มีขนาดใหญ่รายหนึ่งในตลาดหุ้นเวียดนาม
แต่ยังใหญ่กว่าหุ้นของบริษัท CPF ที่มีมูลค่า 220,000 ล้านบาท ในวันนี้..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.vinamilk.com.vn/en/investor-relations
-https://pitchbook.com/profiles/company/51388-93
-https://www.statista.com/statistics/1116885/vinamilk-market-share-of-dairy-products-by-type/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Vinamilk
-https://en.wikipedia.org/wiki/Jardine_Cycle_%26_Carriage
-https://forbesthailand.com/world/asia/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3.html
-https://www.macrotrends.net/countries/VNM/vietnam/population-growth-rate
-https://www.worldometers.info/world-population/vietnam-population/
คนเกาหลีใต้ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最讚貼文
ต้องคนนี้สิ ถึงจะเรียกว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วของจริง! “Jonny Kim” ผู้ที่ไปสุดทุกทางฝันของตัวเอง เป็นมาแล้วทุกอาชีพที่อยากเป็นทั้ง หมอ ทหารหน่วยซีล และนักบินอวกาศ ที่ถือเป็นชาวอเมริกัน เชื้อสายเกาหลีใต้คนแรกที่กำลังจะได้เดินทางไปดวงจันทร์ในปี 2024 นี้!
.
Jonny Kim หนุ่มชาวอเมริกัน สัญชาติเกาหลี วัย 37 ปี ผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพขั้นสูงสุด เขาสามารถสานฝันของตัวเองได้ทุกเส้นทางที่ต้องการ หลายคนอาจคิดว่าที่เขาสามารถทำแบบนั้นได้ ต้องเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยแน่นอน แต่ไม่ใช่เลย ที่จริงแล้วเขามาจากครอบครัวที่ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานจากเกาหลีใต้มายังสหรัฐอเมริกา
.
โดยพื้นฐานครอบครัวฐานะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ไม่ยากจนมาก ซึ่งเหตุผลที่ย้ายถิ่นฐานเนื่องจากพ่อแม่ของเขาใฝ่ฝันอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถส่งลูกๆ เรียนจบสูงๆได้ แต่ชีวิตของเขาในช่วงแรกหลังย้ายถิ่นฐานค่อนข้างลำบาก เนื่องจากตรงกับช่วงเกิดการก่อจลาจลของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในลอสแองเจลิส และลุกลามไปถึงผู้ประกอบการชาวเกาหลีใต้ถูกปล้นและทำลายทรัพย์สิน ซึ่งนั่นทำให้ครอบครัวของเขาต้องทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างหนัก
.
ช่วงวัยเรียน เขาค่อนข้างโดนแม่กดดันเรื่องผลการเรียน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะเขามีผลการเรียนที่ดีอยู่แล้ว ทั้งยังได้ทุนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่ต้องการคือการทำอะไรที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายมากกว่านั้น
.
เขาตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา หน่วย Seal Team Six หนึ่งในกองกำลังที่เก่งที่สุดในสหรัฐอเมริกา เขากล่าวว่า การเข้ารวมในหน่วยนี้เป็นสิ่งที่ยากและท้าทาย เป็นกองกำลังที่ไม่แสวงหาการยอมรับหรือเกียรติยศใดๆ นี่จึงเป็นก้าวแรกของความใฝ่ฝันที่เขาต้องการ แม้จะขัดกับความต้องการของแม่ก็ตาม
.
เขาได้รับตำแหน่งนาวิกโยธินระดับสูง ทั้งยังได้รับมอบหมายให้ออกปฏิบัติการณ์มากกว่า 100 ครั้ง รวมถึงการประจำการที่ประเทศแถบตะวันออกกลาง 2 ครั้ง ได้แก่ เมืองรามาดี และเมืองซาดร์ ประเทศอีรัก ในฐานะแพทย์สนาม พลแม่นปืนสไนเปอร์ นักเดินแผนที่ และหัวหน้าหน่วยรบ ซึ่งทำให้เขาได้รับทั้งเหรียญ Silver Star และ Bronze Star
.
หลังจากนั้นฝันที่สองของเขาก็คือการเป็นหมอ เขาจึงศึกษาต่อในคอร์สของกองทัพสำหรับทหารที่สนใจศึกษาต่อมหาวิทยาลัย โดยเขาให้เหตุผลว่า ประสบการณ์ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่อิรักเป็นเรื่องเลวร้ายเรื่องหนึ่งในชีวิต เขาเห็นเพื่อนถูกยิงเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้
.
เขาสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 มหาวิทยาลัยซานดิเอโก ตามด้วยสาขาแพทยศาสตร์ Harvard Medical School มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และได้ทำงานเป็นแพทย์ประจำสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ที่ Massachusetts General Hospital และ Brigham and Women’s Hospital
.
ซึ่งระหว่างเป็นหมอ เขาได้พบกับ Scott E. Parazynski นักบินอวกาศของนาซ่า และนักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ได้จุดประกายให้เขาเริ่มต้นความฝันที่ 3 คือ การอยากเป็นนักบินอวกาศ ซึ่งเหตุผลก็คือ เขาต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เหมือนที่เขาได้รับจาก Scott ที่สำคัญนาซ่า คือสถานที่ที่ไม่สนใจเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา สีผิว ขอแค่มีเพียงความฝันและความตั้งใจที่จะเรียนรู้เท่านั้น
.
แต่การจะเป็นนักบินอวกาศหรือทำงานในนาซ่าก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนไม่ได้เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอเมริกัน 100% แต่นาซ่าเองก็มีนโยบายการส่งเสริมความหลากหลายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขาทำสำเร็จ เป็น 1 ใน 11 คนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าโปรแกรมอาร์ทิมิสจากผู้สมัครกว่า 18,300 คน และกำลังจะได้ไปเหยียบดวงจันทร์ในปี 2024 นี้อีกด้วย
.
เชื่อว่าเรื่องราวของ Jonny Kim ที่เดินตามเส้นทางความฝันของตัวเองได้สำเร็จ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับใครหลายคนที่มีความฝัน ให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ไปให้ได้ อย่าให้ปัจจัยบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สังคม เชื้อชาติ ความแตกต่าง ฐานะ มาตัดสินชีวิตของตัวเอง จนไม่สามารถสานฝันได้
.
เพราะทุกคนสามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ หากกล้าฝัน และกล้าลงมือทำ แม้มันจะยากลำบากแค่ไหน แค่มุ่งมั่น ทุ่มเท และพยายาม เชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ ไม่ว่าใครก็สามารถไปถึงเป้าหมายหรือความฝันได้เหมือนกัน
.
ที่มา : https://www.nbc4i.com/news/u-s-world/doctor-former-navy-seal-jonny-kim-is-now-heading-to-space/
https://www.businessinsider.com/jonny-kim-korean-american-nasa-navy-seal-los-angeles-2020-1
https://www.flagfrog.com/jonny-kim-smart-biography/
https://themomentum.co/jonny-kim-first-korean-american-nasa-astronaut/
.
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#JonnyKim #NASA #นักบินอวกาศ #ทหารอเมริกัน #USA #Korea #คนอเมริกัน #คนเกาหลีใต้
คนเกาหลีใต้ 在 BrandThink - CANDY: '얼죽아' ทำไมคนเกาหลีใต้ถึงได้คลั่งรัก ... 的推薦與評價
CANDY: '얼죽아' ทำไมคนเกาหลีใต้ถึงได้คลั่งรักอเมริกาโนเย็น . 얼어 죽어도 아이스 아메리카노! แปลว่า ต่อให้แข็งตายก็ต้องได้กินกาแฟเย็น! . “얼죽아” (ออลจูกา). ... <看更多>