สรุปอุตสาหกรรม อาวุธสงคราม บนโลกนี้ /โดย ลงทุนแมน
สงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวเลขของผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 60 ถึง 70 ล้านคนเป็นอย่างน้อย
ความเจ็บปวดทรมานทั้งร่างกายและจิตใจกระจายไปทั่วโลก
มูลค่าทางเศรษฐกิจเสียหายเกินกว่าจะประเมินออกมาได้
แต่ในวันนี้ หรือหลังจากผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว 70 ปี
โลกของเราก็ยังคงมีสงครามเกิดขึ้นอยู่หลายแห่ง
และที่น่าแปลกคือ “ธุรกิจผลิตอาวุธ” ที่เป็นเครื่องมือในการคร่าชีวิตมนุษย์ด้วยกันยังคงดำเนินกิจการอยู่
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอาวุธสงครามเป็นอย่างไรและมีมูลค่ามากขนาดไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
รู้หรือไม่ว่าในแต่ละปี มูลค่าการส่งออกอาวุธทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท
โดยในช่วงระหว่างปี 2016 ถึง 2020 ประเทศสหรัฐอเมริกาคือ ผู้ส่งออกอันดับ 1 คิดเป็น 37%
ในขณะที่ อันดับ 2 ถึง 5 ไล่ตามลำดับ ก็คือ รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และจีน รวมกัน คิดเป็น 39%
จากตรงนี้จะเห็นได้ว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาคือเจ้าพ่อแห่งอาวุธสงคราม
ที่กินส่วนแบ่งมากที่สุดในโลกและเมื่อมาดูลูกค้ารายใหญ่ใน 5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า
อันดับ 1 คือ ประเทศซาอุดีอาระเบีย
อันดับ 2 คือ ประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 3 คือ ประเทศเกาหลีใต้
และลูกค้ารายอื่น ๆ ก็ยังมีประเทศอิสราเอล ไต้หวัน และญี่ปุ่น
จากรายชื่อที่กล่าวถึงก็จะพบว่าประเทศเหล่านี้ กำลังอยู่ในภาวะตึงเครียดทางด้านสงคราม
กับประเทศใกล้เคียงอย่างเช่น จีน รัสเซีย และอิหร่าน ซึ่งล้วนเป็นคู่แข่งของสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น
ทำให้อาวุธหนักอย่างเครื่องบินรบหรือเรือรบจะถูกจำกัดการขายให้กับประเทศที่เป็นพันธมิตรเท่านั้น
แล้วอุตสาหกรรมอาวุธสงครามมีการซื้อขายกันอย่างไร ?
จุดนี้หลายคนอาจจะคิดว่าหากประเทศที่เป็นพันธมิตรติดต่อซื้ออาวุธสงคราม
ประเทศเหล่านั้น ก็น่าจะได้อาวุธทุกอย่างตามที่ต้องการ
แต่ในความเป็นจริงมันก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้น เพราะทุก ๆ รายการสั่งซื้อจะต้องถูกตรวจสอบและต้องได้รับอนุมัติโดยหน่วยงานของรัฐฯ เสมอ
เราลองมาดูระบบการขายอาวุธของประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งมีการขายอาวุธผ่าน 2 ช่องทางหลัก แบ่งออกเป็น
1. การติดต่อขอซื้อผ่านรัฐบาลสหรัฐอเมริกาโดยตรง
ช่องทางนี้จะมีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 1.65 ล้านล้านบาทต่อปี
โดยส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อในปริมาณมากหรือเป็นยุทโธปกรณ์ที่ต้องติดต่อซื้อขายในแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G Business) เท่านั้น
นอกจากนี้ วิธีดังกล่าวยังเป็นการซื้อขายที่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในแต่ละประเทศ
2. การซื้อขายโดยตรงเชิงพาณิชย์
ช่องทางนี้ มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 3.40 ล้านล้านบาทต่อปี
สำหรับการซื้อขายโดยตรงเชิงพาณิชย์ มีการกำหนดรายการซื้อขายไว้อย่างชัดเจน
แบ่งออกเป็น 21 หมวดหมู่ ครอบคลุมตั้งแต่ปืนไรเฟิลไปจนถึงเครื่องบินรบ
ทั้งนี้การซื้อขายที่เกิดขึ้นจะเป็นการเจรจาระหว่างผู้ซื้อและบริษัทในสหรัฐอเมริกาโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ทุกรายการจะต้องถูกตรวจสอบและอนุมัติการซื้อขายโดยหน่วยงานของรัฐฯ
ที่อยู่ภายใต้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงพาณิชย์เสมอ
ก่อนมีการดำเนินการส่งมอบสินค้า
ยิ่งเป็นรายการสั่งซื้อที่มีปริมาณมาก หรือมีความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจจะมีผลกระทบต่อความมั่นคง
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะต้องแจ้งรายการสั่งซื้อดังกล่าวให้รัฐสภา รับทราบและพิจารณาอนุมัติด้วย
ยกตัวอย่างเช่น การอนุมัติขายอาวุธและระบบป้องกันภัยให้กับประเทศไต้หวันมูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท
หรือในกรณีที่ไม่อนุมัติก็เป็นตอนที่วุฒิสภาปฏิเสธสัญญาขายอาวุธของรัฐบาลดอนัลด์ ทรัมป์ ให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มูลค่ากว่า 690,000 ล้านบาท ในปี 2020 นั่นเอง
ซึ่งระบบการซื้อขายที่มีภาครัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็บอกได้ว่านอกจากเรื่องของผลกำไรจากการซื้อขายอาวุธ
มันก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยในการพิจารณา เช่น
การเสริมสร้างพันธมิตรในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างที่สหรัฐอเมริกาได้ขายอาวุธจำนวนมาก
ไปยังประเทศพันธมิตรในภูมิภาคตะวันออกกลางในช่วงปี 2016 ถึง 2020
โดยคิดเป็นมากถึง 47% ของยอดส่งออกทั้งหมด
รวมถึงการป้องกันเทคโนโลยีชั้นสูงจะตกไปอยู่ในมือของคู่แข่ง ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด
คือการที่รัฐบาลไม่อนุญาตให้ทำการขายหรือเปิดเผยข้อมูลของเครื่องบินรบ รุ่น F-22
ที่มีมูลค่าสูงถึง 5,500 ล้านบาทต่อลำ เพราะถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่มีชาติใดในโลกสามารถก้าวขึ้นมาแข่งขันได้
ซึ่งเทคโนโลยีการผลิตทั้งหมดจะถูกปกปิดเป็นความลับระหว่างรัฐบาลและผู้ผลิตเท่านั้น
เมื่อมีกฎระเบียบที่มีความเข้มงวดสูง ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทค้าอาวุธอยู่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่าธุรกิจค้าอาวุธที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐนั้นจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ดูได้จากผลประกอบการของบริษัท Lockheed Martin
บริษัทค้าอาวุธอเมริกันที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
ปี 2018 รายได้ 1,613,000 ล้านบาท กำไร 151,000 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 1,794,000 ล้านบาท กำไร 187,000 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 1,962,000 ล้านบาท กำไร 205,000 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่ารายได้บริษัทเติบโตเฉลี่ย 10.3% ต่อปีและกำไรเติบโต 16.5% ต่อปี
ซึ่งรายได้กว่า 70% ของยอดขายมาจากสัญญาซื้อขายกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่อีก 30% มาจากลูกค้าทั่วไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จะเห็นได้ว่า แม้ว่าอุตสาหกรรมค้าอาวุธสงครามจะมีข้อจำกัดมากมาย
แต่รายได้ส่วนใหญ่ก็มาจากรัฐบาล และการเติบโตที่เราเห็นกัน
ก็อาจจะสะท้อนให้เห็นว่าหลายประเทศทั่วโลกกำลังเสริมอาวุธยุทโธปกรณ์กันมากขึ้น
หากเรามาดู งบประมาณรายจ่ายทางทหารของสหรัฐอเมริกา
มีมากกว่า 23.0 ล้านล้านบาทต่อปี
อันดับ 2 คือ จีน 7.5 ล้านล้านบาทต่อปี
อันดับ 3 คือ อินเดีย 2.2 ล้านล้านบาทต่อปี
ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าโลกของเรายังคงเดินหน้าสะสมทรัพยากรด้านสงครามกันอย่างต่อเนื่อง
และจากความขัดแย้งทางการทหาร ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น
เกาหลีใต้ กับ เกาหลีเหนือ
ไต้หวัน กับ จีน
ซาอุดีอาระเบีย กับ อิหร่าน
อิสราเอล กับ ปาเลสไตน์
ถึงตรงนี้ เราก็สามารถสรุปได้ว่าอุตสาหกรรมอาวุธสงคราม
ก็เหมือนจะเป็นธุรกิจที่จำเป็นและยังคงเป็นที่ต้องการอยู่
จึงไม่แปลกที่เวลามีสงครามเกิดขึ้นที่ใดบนโลก
ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องอาวุธสงครามอย่างสหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซีย
มักจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
เหตุผลสำคัญคงหนีไม่พ้นข้อเท็จจริงที่ว่า ยิ่งมีสงครามกันมากเท่าไร
ประเทศเหล่านี้ที่มีสถานะเป็นผู้ขายอาวุธ ก็น่าจะยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.state.gov/u-s-arms-sales-and-defense-trade/
-https://www.lockheedmartin.com/content/dam/lockheed-martin/eo/documents/annual-reports/lo-ckheed-martin-annual-report-2020.pdf
-https://sipri.org/sites/default/files/2021-03/fs_2103_at_2020.pdf
-https://www.sipri.org/databases/financial-value-global-arms-trade
-https://www.wearethemighty.com/mighty-tactical/why-f-22-never-exported/
-https://militarymachine.com/f-22-raptor-vs-f-35-lightning-ii/
-https://www.sipri.org/media/press-release/2021/world-military-spending-rises-almost-2-trillion-2020
-https://www.defenseworld.net/news/28470/United_States____Arms_Exports_Totaled__175_08_billion_in_2020__up_2_8__Over_2019#.YNIZXOgzaUk
「กระทรวงกลาโหม คือ」的推薦目錄:
- 關於กระทรวงกลาโหม คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於กระทรวงกลาโหม คือ 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的精選貼文
- 關於กระทรวงกลาโหม คือ 在 Bodyslam Facebook 的精選貼文
- 關於กระทรวงกลาโหม คือ 在 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม | Bangkok 的評價
- 關於กระทรวงกลาโหม คือ 在 "บิ๊กแป๊ะ นิพัทธ์" มีชื่อโผล่ "กลาโหม" | มุมการเมือง | 29 พ.ค. 66 的評價
กระทรวงกลาโหม คือ 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的精選貼文
ปิยมหาราชรำลึก ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ...
วันปิยมหาราชตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี ...
เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น “วันปิยมหาราช”
พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ปิยมหาราช วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2396 เป็นโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนางเจ้าฟ้ารำเพยภมราภิรมย์ (สมเด็จพระเทพศิรินทรา พระบรมราชินี)เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรลังกาศ ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น กรมขุนพินิตประชานาถ
พระราชกรณียกิจของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ในวันปิยมหาราช
เลิกทาส
ด้านการปกครอง
การสาธารณูปโภค
การศึกษา
การปกป้องประเทศ
การเสด็จประพาส
เลิกทาส
โปรดเกล้าฯให้ประกาศเลิกทาสในเมืองไทย
เลิกทาสพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชสมบัติทรงมีพระทัยแน่วแน่ว่าจะต้องเลิกทาสให้สำเร็จให้จงได้ แต่การที่พระองค์จะทรงทำการเลิกทาสถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากด้วยทาสนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งเจ้านายที่เป็นใหญ่ในสมัยนั้นมักมีข้ารับใช้เมื่อไม่มีทาสบุคคลเหล่านี้อาจจะไม่พอใจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นเหมือนกับที่เกิดขึ้นในต่างประเทศมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตราพระราชบัญญัติทาส เรียกว่า พระราชบัญญัติทาส ร.ศ.124 ซึ่งเป็น พระราชบัญญัติที่ตราขึ้นเพื่อกำหนดเรื่องทาสในเรือนเบี้ยให้เป็นไปอย่างเด็ดขาด โดยกำหนดให้เด็กที่เกิดจากพ่อหรือแม่ที่เป็นทาส ไม่จำเป็นต้องเป็นทาสอีกต่อไป กฎหมายโบราณแบ่งทาสออกเป็น 7 ชนิด
ทาสสินไถ่
ทาสในเรือนเบี้ย
ทาสได้มาแต่บิดามารดา
ทาสท่านให้
ทาสช่วยมาแต่ทัณฑ์โทษ
ทาสที่เลี้ยงไว้เมื่อเกิดทุพภิกขภัย
ทาสเชลยศึก
ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน และได้ใช้เวลาเพียง 30 ปีเศษ ทาสในเมืองไทยก็หมดไปโดยมิเกิดการนองเลือด เหมือนกับประเทศอื่น ๆ เลย
ด้านการปกครอง
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราระเบียบการปกครองขึ้นใหม่ แยกหน่วยราชการออกเป็นกรมกองต่าง ๆ มีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะไม่ก้าวก่ายกัน ได้แก่กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลบังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายเหนือและเมืองลาวซึ่งเป็นประเทศราช
กระทรวงกลาโหม มีหน้าที่บังคับบัญชาหัวเมืองปักษ์ใต้ ฝ่ายตะวันออกและตะวันตก และเมืองมลายู
กระทรวงวัง มีหน้าที่ดูแลรักษาการต่าง ๆ ในพระบรมมหาราชวัง
กระทรวงการคลัง มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการเก็บภาษีรายได้จากประชาชน
กระทรวงเกษตราธิการ มีหน้าที่ในการดูแลควบคุมการเพาะปลูก ค้าขาย ป่าไม้
กระทรวงนครบาล มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพระนคร
กระทรวงธรรมการ มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับกิจการของพระสงฆ์ และการศึกษา
กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับคดีความที่ต้องตัดสินต่าง ๆ
กระทรวงโยธาธิการ มีหน้าที่ดูแลตรวจตราการก่อสร้าง การทำถนน ขุดลอกคูคลอง และงานที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง
กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่ดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ
การสาธารณูปโภค
การประปา ทรงให้กักเก็บน้ำจากแม่น้ำเชียงรากน้อย จ.ปทุมธานี และขุดคลองเพื่อส่งน้ำเข้ามายังสามเสน พร้อมทั้งฝังท่อเอกติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการทำน้ำประปาขึ้นในเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2452
การคมนาคม วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปขุดดินก่อพระฤกษ์เพื่อประเดิมการสร้างทางรถไฟไปนครราชสีมา แต่ทรงเปิดทางรถไฟกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยาก่อน จึงนับว่าเส้นทางรถไฟสายนี้เป็นทางรถไฟแห่งแรกของไทย
การสาธารณสุข เนื่องจากการรักษาแบบยากลางบ้านนี้ล้าสมัยไม่สามารถช่วยคนได้อย่างทันท่วงที จึงโปรดเกล้าฯให้สร้างโรงพยาบาล ณ บริเวณริมคลองบางกอกน้อย และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 200 ชั่ง โรงพยาบาลแห่งนี้เปิดทำการรักษาประชาชนเป็นครั้งแรกเมื่อ 26 เมษายน พ.ศ.2431 และใช้ชื่อโรงพยาบาลว่า โรงพยาบาลวังหลัง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงพยาบาลศิริราช”
การไฟฟ้า พระองค์ทรงมอบหมายให้ กรมหมื่นไวยวรนาถ เป็นแม่งานในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับประชาชนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2433
การศึกษา
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้ขยายการศึกษา ในปี พ.ศ.2414 โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นภายในพระบรมมหาราชวังโดยมีท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นอาจารย์ใหญ่ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนอีกแห่งซึ่งสอนภาษาอังกฤษมีนาย ยอซ แปตเตอร์สัน เป็นอาจารย์ใหญ่ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างโรงเรียนหลวงอีกหลายแห่ง โรงเรียนหลวงแห่งแรกที่สร้างขึ้นในวัดคือ โรงเรียนวัดมหรรณพาราม ในปี พ.ศ.2427 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีสุนทรโวหาร เขียนตำราเรียนขึ้นมา เรียกว่า แบบเรียนหลวง 6 เล่ม คือ มูลบทบรรพกิจ วาห์นิติ์นิกร อักษรประโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ พิศาลการันต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าผู้หญิงก็สมควรที่จะได้รับความรู้เช่นเดียวกับผู้ชาย ในปี พ.ศ.2444 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนสตรีขึ้น โรงเรียนหลวงแห่งแรกที่ตั้งขึ้น คือ โรงเรียนบำรุงสตรีวิทยา การปกป้องประเทศ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้ปรีชาสามารถอย่างสุดพระกำลังในการรักษาประเทศชาติให้รอดพ้นจากวิกฤติการณ์ ถึงแม้ว่าจะต้องสูญเสียดินแดนบางส่วนไปก็ตาม ดินแดนที่ต้องเสียให้กับต่างชาติ ได้แก่
พ.ศ.2431 เสียดินแดนในแคว้นสิบสอบจุไทย
พ.ศ.2436 เสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
พ.ศ.2447 เสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง
พ.ศ.2449 เสียดินแดนที่เมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภรณ
การเสด็จประพาส
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดการเสด็จประพาสเป็นอย่างมาก แต่มิได้ไปเพื่อการสำราญพระราชหฤทัยส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเสด็จประพาสภายในประเทศทรงปลอมพระองค์เป็นสามัญชนบ้าง ปลอมเป็นขุนนางบ้าง ทรงกระทำเช่นนี้เพื่อเสด็จดูแลทุกข์สุขของประชาชนในหัวเมืองต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2440 โดยมีหมายกำหนดการเดินทางออกจากประเทศไทยในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2441 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จประพาสยุโรปเป็นเวลานาน 9 เดือน เพื่อเชื่อมความสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรป และในปี พ.ศ.2449 พระองค์ได้เสด็จประพาสยุโรปอีกเป็นครั้งที่ 2 การเสด็จประพาสครั้งนี้ นำความเจริญมาสู่บ้านเมืองอย่างมากมาย ทั้งการสาธารณูปโภค ไฟฟ้า นำ้ประปา การรถไฟ รถราง การแพทย์ การศึกษา รวมถึงระเบียบแบบแผนการปกครองประเทศ
ในปี พ.ศ.2413 ทรงเสด็จประพาสประเทศเพื่อนบ้านเป็นครั้งคราว คือ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศชวา(อินโดนีเชีย) 2 ครั้ง การเสด็จพระราชดำเนินประเทศเพื่อนบ้านนั้นด้วยทรงต้องการที่จะเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้านในแถบอินโดจีน รวมถึงทรงต้องการเรียนรู้ระเบียบการปกครองประเทศ
ในปี พ.ศ.2415 เสด็จเยือนประเทศอินเดีย และประเทศพม่า และได้รับการถวายพระบรมสารีริกธาตุและพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยาอินเดียเพื่อนำกลับมาปลูกในประเทศไทย
สวรรคต
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีชนมพรรษา 58 พรรษา ในบั้นปลายพระชนมชีพทรงพระประชวร เนื่องจากทรงพระชราภาพและเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2453 นับว่าประเทศไทยได้สูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงปล่อยทาสให้เป็นไท ทรงพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศจนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติพระองค์ทรงอยู่ในราชสมบัติ 42 ปี ประชาชนชาวไทยต่างรักและอาลัยพระองค์มาก และพร้อมใจถวาย สมัญานามว่า “พระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระราชาผู้ยิ่งใหญ่อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย”
ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ
พ.ศ.2411 เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ
พ.ศ.2412 ทรงโปรดเกล้าให้สร้าง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
พ.ศ.2413 เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวา โปรดฯ ให้ยกเลิกการไว้ผมทรงมหาดไทย
พ.ศ.2415 ทรงปรับปรุงการทหารครั้งใหญ่ โปรดให้ใช้เสื้อราชปะแตน โปรดให้สร้างโรงเรียนหลวงสอนภาษาอังกฤษแห่งแรกขึ้นในพระบรมหาราชวัง
พ.ศ.2416 ทรงออกผนวชตามโบราณราชประเพณี โปรดให้เลิกประเพณีหมอคลานในเวลาเข้าเฝ้า
พ.ศ.2417 โปรดให้สร้างสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ตั้งโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง และให้ใช้อัฐกระดาษแทนเหรียญทองแดง
พ.ศ.2424 เริ่มทดลองใช้โทรศัพท์ครั้งแรก เป็นสายระหว่างกรุงเทพฯ – สมุทรปราการสมโภชพระนครครบ 100 ปี มีการฉลอง 7 คืน 7 วัน
พ.ศ.2426 โปรดให้ตั้งกรมไปรษณีย์ เริ่มบริการไปรษณีย์ในพระนครตั้งกรมโทรเลข และเกิดสงครามปราบฮ่อครั้งที่ 2
พ.ศ.2427 โปรดฯให้ตั้งโรงเรียนราษฎร์ทั่วไปตามวัด โรงเรียนแห่งแรกคือ โรงเรียนวัดมหรรณพาราม
พ.ศ.2429 โปรดฯ ให้เลิกตำแหน่งมหาอุปราช ทรงประกาศตั้งตำแหน่งมกุฏราชกุมารขึ้นแทน
พ.ศ.2431 เสียดินแดนแคว้นสิบสองจุไทให้แก่ฝรั่งเศส การทดลองปกครองส่วนกลางใหม่ เปิดโรงพยาบาลศิริราชโปรดฯให้เลิกรัตนโกสินทร์ศก โดยใช้พุทธศักราชแทน
พ.ศ.2434 ตั้งกระทรวงยุติธรรม ตั้งกรมรถไฟ เริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ-นครราชสีมา
พ.ศ.2436 ทรงเปิดเดินรถไฟสายเอกชน ระหว่างกรุงเทพฯ-ปากน้ำ กำเนิดสภาอุนาโลมแดง (สภากาชาดไทย)
พ.ศ.2440 ทรงเสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก
พ.ศ.2445 เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส
พ.ศ.2448 ตราพระราชบัญญัติยกเลิกการมีทาสโดยสิ้นเชิง
พ.ศ.2451 เปิดพระบรมรูปทรงม้า
พ.ศ.2453 เสด็จสวรรคต
"ข้าพระพุทธเจ้านายลักษณ์ เรขานิเทศ ขอน้อมถวายบุญกุศลทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญเป็นบุญกิริยา มาตลอดในทุกกาลทุกเมื่อ ถวายกุศลผลบุญนั้นเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น"
...อ้างอิง ...http://www.tlcthai.com/education/history-of-thailand/4533.html
กระทรวงกลาโหม คือ 在 Bodyslam Facebook 的精選貼文
ทำไปได้อะไร / โดย เพจลงทุนแมน
ตูน บอดี้สแลม คือ ใคร
ทำไม ต้องลงทุนวิ่ง จากอำเภอเบตง ถึง แม่สาย
55 วัน กับระยะทาง 2,191 กิโลเมตร
เพื่อขอบริจาคคนละ 10 บาท จาก คนไทย 70 ล้านคน เพื่อโรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่ง
ทำไม ต้องเป็น ตูน บอดี้สแลม และ ตูน บอดี้สแลม ได้อะไร จากการวิ่ง?
ตูน หรือ นายอาทิวราห์ คงมาลัย อายุ 38 ปี เกิดและเติบโต ที่ สุพรรณบุรี เรียนจบมัธยม ที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและ จบนิติศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์ฯ
ตูนได้รางวัลชนะเลิศจากเวทีการประกวด Hotwave Music Award จึงได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง music bugs และออกอัลบั้มชุดแรกชื่อ ละอ่อน และภายหลังได้ ตั้งวงขึ้นมาใหม่ ชื่อ Bodyslam
ตูน นอกจากเป็นนักร้องเพลงร็อคแล้ว ยังมีความสามารถด้านกีฬา ได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงชนะเลิศประเทศไทยในปี 2554 และ 2555 และเข้าร่วมการวิ่งการกุศลอยู่เสมอ
เมื่อ 3 ปีก่อน ตูน ได้ย้ายมาอยู่บางสะพาน จังหวัดประจวบฯ โดยปีที่แล้ว นายแพทย์ เชิดชาย ชยวัฑโฒ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล บางสะพาน ได้เชิญตูนมาร่วมงานวิ่งการกุศล เพื่อ นำเงินบริจาคที่เหลือมาซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่ขาดแคลน
เมื่อไปที่โรงพยาบาล ทำให้รู้ว่า นอกจาก ผู้ป่วยยังต้องนอนตามเตียงทางเดิน เครื่องมือพื้นฐานในการรักษา ไม่มี หรือมีก็ไม่พอเพียง อาทิ ตู้อบทารกแรกเกิด มีแค่เครื่องเดียว เด็กเกิดใหม่ต้องแชร์เครื่องฉายไฟ จำนวนเครื่องฟอกไต ก็มีไม่พอ คนไข้โรคไต ต้องรอคิวใช้กัน
การจัดงานวิ่งการกุศล มีค่าใช้จ่ายสูง อาจจะไม่มีเงินเหลือพอสำหรับการซื้อเครื่องมือแพทย์ ซึ่งแต่ละอย่าง ราคาเป็นหลักล้าน
ทำยังไง ให้ได้เงินบริจาคมากที่สุด โดยไม่ต้องหักค่าใช้จ่ายใดๆ?
คำตอบคือการ "วิ่งคนเดียว" ของตูน
ถ้าวิ่งคนเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องมีเงินซื้อเสื้อวิ่ง ค่าอาหาร ค่าเต้นท์ ค่าเหรียญ
แล้วทำไมต้องวิ่ง?
สาระการวิ่ง ก็เพื่อสื่อสารให้คนรับรู้ ว่า โรงพยาบาลมีปัญหา ไม่ใช่การวิ่งเพื่อใครชนะหรือถึงเส้นชัยก่อน วิ่ง 10 วัน เพื่อให้คนรับรู้ 10 วัน
ให้แต่ละคนก้าว ออกมา คนละก้าว เพื่อบริจาค คนละ 5 บาท 10 บาท ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวย มีเงินบริจาคเยอะ ขอให้มีคนรับรู้มากๆพอ และ มีจิตใจที่ต้องการช่วยเหลือคนป่วย
จึงได้เกิดโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อโรงพยาบาล บางสะพาน เมื่อเดือนธันวาม 2559 โดยตูนวิ่งจาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ ถึงบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์
และ ก้าวเล็กๆ ของแต่ละคน ที่มากองรวมกันในปีที่แล้ว ตูนได้เงินบริจาคถึง 85 ล้านบาท
ตูน บอดี้แสลม ได้สร้างปรากฏการณ์ ที่กระเพื่อมสังคมไปทุกระดับ ตูนเป็นแบบอย่างของคนรุ่นใหม่ ที่รักในการดนตรี รักกีฬา เป็นผู้นำ และเป็นคนดีที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม
ตูนบอกว่า เป็นอีกวันหนึ่งของชีวิตที่มีความสุขมาก เห็นได้จากแสงแห่งความสุขที่ฉายอออกมาจากแววตา และ รอยยิ้ม เป็นความสุขในการทำความดีให้ผู้อื่น คงไม่ผิด ที่จะบอกว่า มีเงินเท่าไหร่ก็หาซื้อ ความสุขแบบนี้ไม่ได้
เมื่อย้อนกลับไปเข้าใจความเป็นตัวตนของตูน นอกจาก จะได้รับรางวัลเพลงยอดเยี่ยม ศิลปินร็อคยอดเยี่ยม และผลสำรวจโพลว่าเป็นนักร้องชายที่ประชาชนชื่นชอบ ตูนยังได้รับรางวัล ลูกกตัญญูในวันแม่ปี 2549
และ บ้านที่บางสะพาน ยังเป็นของขวัญที่ตูนซื้อให้คุณแม่ บ่งบอก ความสุขของการเป็นผู้ให้ของตูน และ ตูน ได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ครอบครัวคงมาลัย ที่มีลูกชายที่เป็นคนดี และ การยังประโยชน์เพื่อสังคม
ถ้าถามว่า ตูน ได้แก้ปัญหาถาวรให้กับโรงพยาบาลได้หรือไม่ หรือ สร้างเหตุการณ์ขึ้นมาครั้งเดียว ให้แค่อยู่ในความทรงจำ และลืมเลือนไป
ในหนึ่งปัญหา ย่อมมีทางออกหลายทาง และโครงการก้าวคนละก้าว อาจนำไปสู่ ก้าวเล็กๆ ที่เดินไปหาทางออกที่ใหญ่ได้
ตามข้อมูล สมาพันธ์แพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ได้รายงานการขาดทุน 18 โรงพยาบาล ในปี 2560 โดย 5 อันดับแรกคือ
ร.พ. พระนั่งเกล้า ขาดทุน 355 ล้านบาท
ร.พ. สระบุรี ขาดทุน 322 ล้านบาท
ร.พ. อุตรดิตถ์ ขาดทุน 277 ล้านบาท
ร.พ. สกลนคร ขาดทุน 225 ล้านบาท
ร.พ.สุราษฎร์ธานี ขาดทุน 220 ล้านบาท
ตั้งแต่ ปี 2551 โรงพยาบาลเหล่านี้ ขาดทุนมาตลอด จากหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช หรือ 30 บาท รักษาทุกโรคสำหรับประชาชน
เมื่อดู งบประมาณแผ่นดินของปี 2561 จำนวน 2.9 ล้านล้านบาท ได้จัดสรร ดังนี้
กระทรวงศึกษาธิการ 5.1 แสนล้านบาท (ค่าจ้างครู 3.11 แสนล้านบาท)
กระทรวงมหาดไทย 3.55 แสนล้านบาท
กระทรวงการคลัง 2.38 แสนล้านบาท
กระทรวงกลาโหม 2.22 แสนล้านบาท (ค่าจ้างทหาร 1.04 แสนล้านบาท)
และกระทรวงสาธารณสุข 1.26 แสนล้านบาท (ค่าจ้างหมอ พยาบาล 0.99 แสนล้านบาท ที่เหลือเป็น ค่าใช้จ่ายทางเครื่องมือแพทย์และ อื่นๆ)
โดยเมื่อต้นปี กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงเรื่อง วิกฤตปัญหาการเงินของโรงพยาบาล ว่าเป็นปัญหาสภาพคล่อง และ ดำเนินการแก้ไขอยู่
ถึงแม้ในภาครัฐ จะมีการจัดการ แต่ความเจ็บป่วย ก็รอไม่ได้
ในปีนี้ โครงการก้าวคนละก้าว จัดเพื่อ 11 โรงพยาบาล และ อาจเป็น การวิ่งเพื่อโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายของตูน
ตูน จะเริ่มวิ่งวันที่ 1 พฤศจิกายน จากอำเภอเบตง จังหวัด ยะลา ผ่าน 20 จังหวัด และ ถึง แม่สาย จังหวัด เชียงราย ในวันที่ 25 ธันวาคม รวม 55 วัน โดยวิ่ง 4 วัน พัก 1 วัน
ระยะทางและเวลา มากกว่า ปีที่แล้ว ถึง 5 เท่า และไม่น่าจะมีใครกล้าวิ่งแบบนี้มาก่อน
นอกจากเราคนไทย จะช่วยกันส่งกำลังใจแล้ว เรามาช่วย ส่งตูน ให้วิ่งถึงเส้นชัย ด้วยการบริจาคกันได้ เพจลงทุนแมน ขอร่วมเป็นหนึ่งในก้าวเล็กๆ ในการทำความดีด้วยการเขียนบทความนี้ และได้บริจาคเงิน 10,000 บาท ให้กับโครงการ ก้าวคนละก้าว
ถึงแม้เราจะไม่ได้วิ่งกับ ตูน และไม่มีคนอื่นเห็น แต่ความดีที่เราได้ทำ และความสุขที่เราได้รับ ก็น่าจะอยู่ในใจเรา
ในโลกนี้
น่าจะมีคนอยู่ 2 ประเภท คือ
1.คนที่มองภาพเล็ก ที่มุ่งหวังแต่เรื่องของตัวเอง สิ่งที่สนใจมากที่สุดของคนนั้นคือ ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในบัญชีธนาคาร ทุกอย่างที่จะทำต้องมีความคุ้มค่า ถ้าทำมากแล้วได้น้อย ถือว่าไม่คุ้ม ท้ายสุดแล้วเขาน่าจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเอง คนนี้เรียกว่า LONELY MAN
2.คนที่มองภาพใหญ่ ที่มุ่งหวังเรื่องของสังคมโดยรวม สิ่งที่สนใจมากที่สุดของเขาคือ สุดท้ายแล้วสังคมจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับตัวเลขของตนเอง แต่เกี่ยวกับความสุข ความเป็นอยู่ ของทุกคน สุดท้ายเขาอาจจะไม่ได้อะไรเลยเช่นเดียวกับคนแรก แต่คนที่ได้คือทุกคนในสังคมทั้งหมด และจะย้อนกลับไปเป็นความสุขใจของเขาเอง โดยที่ไม่ต้องมีใครรู้.. แค่นี้ก็พอแล้ว
สิ่งที่จะเป็นในอนาคต เราเลือกเส้นทางได้จากการกระทำของเราในปัจจุบัน
เราเลือกได้ว่าเราจะเป็น LONELY MAN หรือคนแบบที่สองที่เรียกว่า HAPPY MAN..
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ Facebook: ก้าว
#ก้าว #ก้าวคนละก้าวเพื่อ11โรงพยาบาล #ก้าวนี้เพื่อหมอและพยาบาลทุกคน
การทำความดี แม้ไม่รู้ว่า ทำไปทำไม ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ไม่รู้ว่า ทำไปถึงไหน ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ไม่รู้ว่า มีใครทำบ้าง ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ไม่มีใครชื่นชมยินดี ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ต้องฝืนใจทำ ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ไม่เห็นผลตอบแทน ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้มีเวลาน้อยนิด ก็ต้องทำ
เพราะความดีก็ยังคงเป็นความดีอยู่ตลอดเวลา
เพราะคนดีก็ต้องทำความดี
เพราะคนดีได้กำลังใจจากการทำความดี
ขอให้เชื่อมั่น ในความดี ทำดีต้องได้ดี
มิเปลี่ยนแปลง
“การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ
เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่
และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว
แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง
ในการสร้างเสริมและสะสมความดี”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
14 สิงหาคม 2525
What can I do? / by Investment page man
Who is Toon Bodyslam
Why do you have to invest from Betong to Mae Sai District?
55 days and 2,191 km distance
To ask for donations of 10 baht each from 70 million Thai people for 11 center hospitals.
Why does it have to be a Toon Bodyslam and Toon Bodyslam?
Toon or Mr. Sunwarah Khongmalai, born and raised in Suphan Buri, graduated at Suan Kulalongkorn school and graduated from Chulalongkorn University.
Toon won the award from the Hotwave Music Award contest, so he signed the first music bugs camp and released the first set of the name and later set up a new band named Bodyslam.
Toon, in addition to being a rock singer, there is also a sports talent, participating in Thailand and 2555 and 2554 charity run.
3 years ago, Toon moved to Bang Saphan, Prachuap Province. Last year, Dr. Snub Chao Chao cuddle Thao, director of Bangsaphan hospital invited Toon to join the charity run to bring the rest of the donations Medical equipment shortage
When you go to the hospital, let's know that the patient has to sleep in bed, the basic tools for treatment, no or not enough. Such as newborn cabinet. There is only one new born child must share. The number of dialysis machine. There are not enough patients. Kidney has to wait for the queue to use.
Charity run is high cost. There may not be enough money left for medical equipment. Each cost a million.
How to get the most donations without deductions?
The answer is "running alone" of Toon.
If you run alone, you don't need to have money to buy a running shirt, food, tent, coins
So why run?
Running is to communicate that the hospital has problems, not running for anyone. Win or reach the finish line for 10 days to make people know for 10 days.
Let each person step out to donate 5 baht each. 10 baht. There is no need to be rich person. There are many donations. I wish that there are many people to know enough and have a
So there was a project to be a step at a step for Bang Saphan Hospital in December 2559 by Toon ran from Suan Kua School, Bangkok to Bang Saphan, Prachuap Khiri Khan
And the small step of each person who came together in the last year. Toon has donated up to 85 million baht.
Toon Bodyslam has created a phenomenon that ripple society. Toon is a role model for a new generation who loves music, love sports, a leader and a good person who makes merit for society.
Toon says it's another day of a happy life. See from the light of happiness that I come out of eyes and smile. It's happiness in doing good deeds for others. It's not wrong to say that no matter how much money you have, I can't buy this
When I understand the identity of Toon, in addition to winning the great rock artist and poll polls that they are the people's favorite male singer. Toon also won cuddle girls on Mother's Day 2549
And the house that bang saphan is also a gift that toon bought for mother. The happiness of being a cartoon and toon has made pride for the family who has a good person who is a good person and a good person for society.
If you ask if toon has solved a permanent problem for the hospital or create an event once, just stay in memory and forget.
In one problem, there are many solutions and one step of the project can lead to small steps that walk to a big solution.
According to the Confederation, Medical Hospital Center, General Hospital reported a loss of 18 hospitals in 2560 by the top 5 are
The school. Nov. Phra sit klao is a loss of 355 million baht.
The school. Nov. Saraburi is a loss of 322 million baht.
The school. Nov. Uttaradit is a loss of 277 million baht.
The school. Nov. Sakon Nakhon. Loss 225 million baht.
The school. Nov. Surat Thani loss of 220 million baht.
Since 2551, these hospitals have been a loss from all health insurance of the National Health Insurance Office, PA or 30 baht. Treatment for all diseases for the people.
When you look at the budget of 2561, the amount of 2.9 trillion baht has been allocated as follows
Ministry of Education 5.1 billion baht (Teacher's wages 3.11 billion baht)
Ministry of Thailand 3.55 hundred thousand baht.
Ministry of Finance 2.38 billion baht
Ministry of Defense 2.22 billion baht (Military wages 1.04 billion baht)
And Ministry of Health 1.26 billion baht (Doctor's wages, Nurse 0.99 billion baht. The rest is medical and more)
At the beginning of the year, the ministry of health clarified the hospital's financial problems that it is a problem and proceeded.
Even in government, there is a deal with sickness can't wait.
This year, the project is a step at a time for 11 hospitals and it may be the last run for the hospital.
Toon will start running on November 1th from Betong District, Yala province through 20 provinces and arrive at Mae Sai province, Chiang Rai on December 25, total of 55 days, 4 days. 1 days. Day day
Distance and time 5 times more than last year and no one should have dared to run like this.
In addition to us, Thai people send encouragement, we can help send toon to run to the finish line by donating. Invest man page. Let's be one of the small steps to do good deeds by writing this article and donate 10,000 baht to Project one step at a time.
Even if we don't run with toon and no one else sees the good deeds we have done and the happiness we receive should be in our hearts.
In this world
There should be 2 types of people.
1. People who look at small photos who look forward to themselves. The most interested in that person is the number in the bank account. Everything to do must be worth it. If you do a lot, it's not worth it's not worth it. He shouldn't get anything. Apart from the numbers he created to fool himself, this one is called LONELY MAN
2. People who look at the big picture who look forward to society. Overall the most interested in the end, society will benefit. Everything is not about their own numbers, but about the happiness of everyone. Finally, he may not get anything as well as the first person. All I got is that everyone in society and will go back to be their own happiness without having to know.. This is enough.
What will be in the future, we can choose the path from our actions in the present.
We can choose whether we are LONELY MAN or the second one called HAPPY MAN..
Follow project details on Facebook: @[1253942961362212:274: k̂āw]
#ก้าว #ก้าวคนละก้าวเพื่อ11โรงพยาบาล #ก้าวนี้เพื่อหมอและพยาบาลทุกคน
Doing good deeds, even if you don't know why I have to do it.
Doing good deeds, even if I don't know where I do it, I have to
Doing good deeds, even if you don't know who does it, you have to do it
Doing good deeds, even if no one rejoice, must do it.
Doing good deeds, even if you have to do it, you have to do
Doing good deeds, even if you don't see the return, you
Doing good deeds, even if you have a little time to do it.
Because goodness is still good all the time
Because good people have to do good deeds.
Because good people get encouragement from doing good deeds.
Believe in good deeds, do good things must be good.
No change
" Doing good is hard and effective slowly, but it has to be done.
Because no evil is easy to do.
And I will be quick to make it up without feeling.
So each person has to focus and perseverance. Try their best.
To create, enhance and collect good deeds "
His Majesty King Bhumibol Adulyadej
August 14, 2525Translated
กระทรวงกลาโหม คือ 在 "บิ๊กแป๊ะ นิพัทธ์" มีชื่อโผล่ "กลาโหม" | มุมการเมือง | 29 พ.ค. 66 的推薦與評價
การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่สะเด็ดน้ำ การหาตัวแทนเป็นประธานสภาฯ ก็ยังเคาะไม่ลงตัว พี่ประจักษ์ ล่าสุดมีชื่อบุคคลที่มีลุ้นนั่งคุม กระทรวงกลาโหม ออกมาแล้ว แต่ละชื่อสะท้อนอะไร #จัดตั้งรัฐบาล ... ... <看更多>
กระทรวงกลาโหม คือ 在 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม | Bangkok 的推薦與評價
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, Bangkok, Thailand. 29317 likes · 212 talking about this · 4406 were here. สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม Office Of The Permanent... ... <看更多>