ถ้าถามว่า การปิดการขาย เราควรปิดในแบบที่ลูกค้าชอบ หรือ แบบที่ตัวเองชอบ
.
หลายคนคงตอบทันทีแบบไม่ลังเลว่า “ก็ต้องเป็นแบบที่ลูกค้าชอบสิ เพราะเราต้องตอบโจทย์ลูกค้า”
.
แต่เชื่อไหมว่า พอเอาเข้าจริงๆ นักขายส่วนใหญ่มักทำตรงกันข้าม โดยการปิดการขายแบบที่ตัวเองชอบเสมอ
.
เพราะหลายครั้งเวลาขายของ นักขายก็ชอบแจกแจงรายละเอียดยาวเยียดอย่างกับกำลังร้องเพลงแร็ปให้ลูกค้าฟัง
.
ทั้งที่จริงแล้วลูกค้าไม่ได้อยากฟังรายละเอียดมากขนาดนั้น เขาแค่ต้องการรู้แค่บางประเด็นเท่านั้น
.
หรือ นักขายบางคนที่ไม่ชอบพูดมาก แต่พอเจอลูกค้าที่ชอบลงรายละเอียด ถามซอกแซก ก็มักจะบ่นว่าลูกค้าคนนี้เรื่องมาก รู้เยอะ อวดเก่ง
.
เห็นไหมว่า จริงๆ แล้วนักขายชอบที่จะปิดการขายแบบที่ตัวเองชอบ จึงไม่แปลกที่จะปิดการขายพลาดบ่อยครั้ง
.
ดังนั้น สิ่งแรกที่จะช่วยให้คุณมีโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น จึงต้องเริ่มจากการปรับวิธีการปิดการขาย ให้เป็นในแบบที่ลูกค้าชอบก่อน
.
แต่คำถาม คือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกค้าชอบแบบไหน โค้ชแบงค์ จึงได้แบ่งความชอบหรือ “จริต” ของลูกค้าเอาไว้ 4 แบบ ด้วยกัน ในหนังสือ รู้แค่นี้ขายดีทุกอย่าง
.
1) โทสะจริต
.
คนประเภทนี้คาดหวังกับโลกเยอะ คิดว่าโลกต้องเป็นแบบที่ตัวเองต้องการ จึงชอบชี้ถูกชี้ผิด คนแบบนี้จะตรงไปตรงมา เดินเร็ว แน่วแน่ เจ้าระเบียบ การแต่งตัวจะเรียบร้อยประณีต ไม่ค่อยแต่งตัวตามเทรนด์เท่าไหร่ คนแบบนี้จริงใจ พูดคำไหนคำนั้น เสียงดัง เมื่อเขารู้อะไรจะถามแบบตรงๆ ชอบอะไรเร็วๆ ไม่ลงรายละเอียดมาก ไม่ชอบอะไรเย่นเย้อ ไร้สาระ
.
วิธีปิดการขายคนแบบนี้ต้องทำให้ชีวิตเขาสะดวกขึ้น สบายขึ้น ไม่ต้องลงรายละเอียดสินค้ามาก แต่ประโยชน์ที่เขาได้รับต้องจับต้องได้จริง
.
เช่น ถ้าพี่ใช้สินค้าของเรา พี่จะประหยัดเงินไป xx,xxx บาท หรือ ประหยัดเวลาเดินทางตอนเช้าไป 1 ชั่วโมง เขาถึงจะซื้อสินค้าของคุณ
.
แต่ถ้าไปพูดอะไรที่เป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ เช่น ใช้สินค้าเราแล้ว จะสบายใจขึ้น สะดวกขึ้น เขาจะไม่ซื้อ
.
และที่สำคัญ การพูดกับคนกลุ่มนี้ต้องพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด ดูมีความมั่นใจ เพราะถ้าคุณพูดเสียงเบา เขาจะตีความว่าคุณไม่มีความมั่นใจในสินค้าของตัวเอง ทำให้นอกจากเขาจะไม่ซื้อของๆ คุณ คุณก็จะเสียความน่าเชื่อถือไปด้วย
.
2) ราคะจริต
.
คนประเภทนี้สังเกตง่าย เพราะเป็นคนที่เสียงเพราะ นุ่มนวล หน้าตาดูดี คนกลุ่มนี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอกเป็นอันดับ 1 เพราะเขาต้องการการยอมรับในสังคม
.
การปิดการขายคนแบบนี้ คุณต้องเน้นว่ามันเสริมภาพลักษณ์เขาอย่างไร หรือ คนกลุ่มนี้จะชอบอะไรที่เป็น “รุ่นใหม่” “มีก่อนใคร” หรือ ของที่ “คนดังหรือดาราใช้”
.
เพราะพวกเขาชอบอวดให้เป็นจุดสนใจของคนอื่น คนประเภทนี้จะชอบคำชม โดยเฉพาะคำชมที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าหน้าผม
.
คนเหล่านี้เวลาซื้ออะไรจะไม่ค่อยลงรายละเอียด จะใช้ภาพจินตนาการในการตัดสินใจ ถ้ามันทำให้เขาดูดี และเป็นที่ยอมรับ เขาก็จะซื้อ
.
3) วิตกจริต
.
คนประเภทนี้มีความคิดหลั่งไหลตลอดเวลา มีเหตุผล รอบคอบ จนบางทีรอบคอบจนไม่กล้าตัดสินใจ ชอบจับผิดทุกอย่าง ถามทุกซอกทุกมุม หาข้อมูลมาดีมาก จนบางครั้งก่อนที่เข้าจะมาซื้อสินค้ากับคุณ เขาจะหาข้อมูลสินค้ามามากกว่าที่คุณรู้จักสินค้าของตัวเองเสียอีก
.
ถ้าเจอลูกค้าแบบนี้ สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือ การไปคิดแทนลูกค้า เช่น ผมคิดว่าตัวนี้เหมาะกับพี่นะครับ หนูคิดว่าพี่น่าจะชอบตัวนี้ค่ะ
.
เพราะคนประเภทนี้จะเชื่อข้อมูลที่ตัวเองหามามากกว่าคนอื่น หน้าที่ของคุณคือ เตรียมข้อมูลให้พร้อม ให้ข้อมูลเขาทุกอย่างที่เขาอยากรู้ ห้ามปกปิดสิ่งที่สินค้าทำได้หรือไม่ได้ เพราะถ้าเขารู้ว่าคุณโกหก ทุกอย่างคือ “จบ”
.
ไม่ต้องไปเชียร์ ไปคิดแทน ให้ข้อมูลเขาให้มากที่สุด แล้วเขาจะตัดสินใจเอง
.
4) โมหะจริต
.
คนกลุ่มนี้จะมองตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง อาจจะไม่ค่อยมีความมั่นใจ ต้องการพึ่งคนอื่น ห่วงใยคนอื่นก่อนตัวเอง การพูดจะไม่มีสีสันมาก แต่ไม่มีพิษภัย เชื่อคนง่าย แต่ถ้ามีใครหักหลังจะจำขึ้นใจ คนแบบนี้จะเป็นคนที่อะไรก็ได้ ตามใจเพื่อน จะไปกินข้าว จะไปไหนก็ไปด้วย ไม่ค่อยออกความเห็น หรือ ตัดสินใจอะไร
.
วิธีปิดการขายคนประเภทนี้ ไม่ได้ปิดเพื่อตัวเขาเอง ไม่ต้องบอกว่าถ้าเขาซื้อแล้วจะดีกับเขาอย่างไร แต่ให้ปิดการขายโดยสื่อสารกับเขาว่า คนรอบข้างที่เขาห่วงใยจะได้รับประโยชน์ในสิ่งนี้อย่างไร
.
เช่น ถ้าซื้อรถคันนี้แล้วคุณแม่จะนั่งไปเที่ยวต่างจังหวัดได้ เพราะรถช่วงล่างดี ขับขี่แล้วนิ่ง ไม่สะเทือน
.
เพราะฉะนั้น ถ้าเจอคนประเภทนี้ ให้ปิดการขายเพื่อคนที่เขาแคร์
.
ในแต่ละคนจะมีส่วนผสมมากกว่า 1 จริตเสมอ และในแต่ละสถานการณ์ก็อาจจะใช้แต่ละด้านแสดงออกมาไม่เหมือนกัน นักปิดการขายจะต้องคาดเดาจริตของลูกค้าให้ได้ตั้งแต่การพูดคุย พบปะ บางทีดูได้จากการแต่งตัว การพูด หรือแม้แต่การโพสต์เรื่องราวของตัวเองลงโซเชียล
.
ซึ่งการขายแต่ละช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น การขายแบบเจอหน้า การขายแบบออนไลน์ หรือ การขายทางโทรศัพท์ ก็จะมีวิธีการสังเกตและปิดการขายที่ต่างกัน ซึ่งความความยากง่ายของแต่ละแบบก็ต่างกันด้วย
.
ถ้าใครอยากรู้ว่าแต่ละแบบควรวิเคราะห์และปิดการขายลูกค้ายังไง ก็ให้ไปอ่านใน “หนังสือรู้แค่นี้ขายดีทุกอย่าง” ของโค้ชแบงค์ได้
.
เชื่อเถอะว่า หนังสือแค่เล่มละไม่กี่ร้อยนี้ จะทำให้คุณทำเงินจากการปิดการขายกลับมาได้อย่างมหาศาล
.
สำหรับใครที่อยากได้ “หนังสือรู้แค่นี้ขายดีทุกอย่าง” แบบพิเศษรุ่น Limited edition พร้อมลายเซ็นต์โค้ขแบงค์ ที่นอกจากความรู้ในหนังสือแล้ว ยังจะได้รับ Ebook เนื้อหาพิเศษที่หาจากหนังสือเล่มธรรมดาไม่ได้อีก แถมยังมีตราปั๊มนูน และ serial number ที่ทำขึ้นมาพิเศษอีกต่างหาก
.
ปกติหนังสือชุดนี้ราคาจะอยู่ที่ 590 บาท แต่คนที่ทักมา 10 คนแรก ผมให้ราคาพิเศษเลยครับ 550 บาท จัดส่งฟรี !
Search
การขายแบบออนไลน์ 在 20 วิธีขายของออนไลน์ยังไงให้ขายดี ยอดขายปังแบบฉุดไม่อยู่ 的推薦與評價
... ยอด ขาย ปัง แบบ ฉุดไม่อยู่ “ใครไม่ ขาย ของ ออนไลน์ คนๆ นั้นหรือธุรกิจนั้นๆ กำลังพลาดโอกาส” ด้วย การ เติบโตของโลกดิจิทัล โอกาสต่างๆ ... ... <看更多>