ธุรกิจออนไลน์ และความหมายของชีวิต
ตั้งแต่สมัยจำความได้เมื่อยังเด็ก อาชีพยอดฮิต (และมีเกียรติ) คือ หมอ วิศวกร ทนาย
เป็นหมอสิ เงินเยอะ - อ้าว ไม่ได้เพราะรักในอาชีพเหรอ
เป็นวิศวกรสิ เงินเยอะ - อ้าว ไม่ได้เพราะรักในอาชีพเหรอ
เป็นทนายสิ เงินเยอะ -อ้าว ...
มันทำให้เราเกิดการตั้งคำถามว่า แล้วอาชีพแต่ละอาชีพนั้น ต้องทุ่มเทมากแค่ไหนถึงจะไปถึงจุดที่เรียกว่า ประสบความสำเร็จได้ ต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ในการเรียน การศึกษา บางคนเรียนเกือบ 30 ปี ถึงจะได้เริ่มทำงาน อันนี้มันใช่สิ่งที่ชีวิตมนุษย์คนๆหนึ่งควรจะพบเจอหรือ ?
ไม่ใช่ว่าอาชีพ หมอ วิศวกร ทนาย ไม่โอเค แต่มันไม่ได้ตอบโจทย์ของผมเท่าไร
ถ้าสามารถ Define คำว่า ‘สำเร็จ’ ออกมาได้ สำหรับผมคือ ต้องมีอิสระ ก่อน อย่างแรกเลย ซึ่งอาชีพทั่วๆไปนั้นตกแบบทดสอบผมตั้งแต่ข้อแรก อะไรที่อยุ่ในระบบ ผมแหกหมด อะไรที่อยู่ใน 8-5 ตอกบัตรเข้างานสแกนนิ้วเข้างานคือไม่ใช่ละ ผมไม่คิดว่าคนเราเสียเวลามากขนาดนั้นแล้วต้องได้รับค่าตอบแทนเพียงเท่านี้ ผมคิดว่าเราควรจะได้ค่าตอบแทนตามความขยันของเรามากกว่า มิใช่จำนวนเวลา จำนวนชั่วโมงที่อยู้ในสถานที่ เราควรได้รับการตอบแทนเป็นคุณค่าทางสมองและความคิดสร้างสรรค์
อย่างที่สองต้องมีเวลา ซึ่งการทำงาน 8-5 ก็กินเวลาไปเยอะมากแล้ว ก็ตกบททดสอบไป
ส่วนข้อที่สามอีกคือต้องมีเงิน แต่เงินในสมัยนี้ทำให้เรามิได้มีอิสระในการใช้ชีวิตหรือเลือกอะไรเลย จำได้ว่าตอนเด็กๆอยู่ออสเตรเลียเรียนปริญญาตรี เคยล้างจานได้ชั่วโมงละ 25 เหรียญ เป็น Cash On Hand เลยนะ รับเงินสด ทำวันละ 4 ชั่วโมง เดือนละ 120,000 บาท โดยประมาณ กับเนื้องานคือล้างจานที่ร้านอาหาร เทียบกับ หมอ วิศวะ ทนาย อาจจะ ง่ายกว่า+ได้เงินเยอะกว่า มันทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐศาสตร์ระดับกว้างๆได้ชัดเจน จึงทำให้การทำงานในความเเข้าใจหลายๆคน ไม่ตอบโจทย์กับสมองผมเท่าไร
แต่ทุกวันนี้ เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ไปไกลมาก เชื่อมทุกอย่างเข้าในปลายนิ้ว อินเตอร์เนตความเร็วสูงเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คอมพิวเตอร์ มือถือ โน๊ตบุค ไอแพด เราสามารถทำอะไรก็ได้บนอินเตอร์เนตแล้ว ไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป อยากทำงานเมื่อไรก็ทำ อยากหาเงินเมื่อไรก็หา อยากอยู่ที่ไหนก็อยู่ ไม่มีใครกำหนดกรอบ
เราจะพบเห็นพฤติกรรมที่เทคโนโลยีและอินเตอร์เนตเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากนั้นก็คือการจับจ่ายใช้สอย ช็อปปิ้งออนไลน์ เราไม่ต้องเดินทางไปห้างอีกแล้วเพื่อจะซื้อทีวี หรือเราไม่จำเป็นต้องออกไปที่ร้านอาหารด้วยซ้ำถ้าอยากจะทานข้าว เราแค่กดสั่งที่ปลายนิ้ว
และอย่าลืมว่า ขณะที่เราช็อปปิ้งออนไลน์ จ่ายเงินออก เราเองก็สามารถเป็นเจ้าของร้านออนไลน์เหล่านั้น และรับเงินเข้าได้เช่นกัน ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นต่างๆสะดวกมาก ทั้ง Lazada, Shoppee, Alibaba, AliExpress หรือแม้แต่ Social Media Platform ต่างๆก็รองรับการค้าขายได้ทั้งหมด เช่น Facebook Market Place, Instagram AutoSave Reply (สะดวกมากสำหรับคนขายของออนไลน์) , Line Shop, etc. และระบบโอนเงินทั้งหมดก็สะดวก Online Bangking, Paypal ฉะนั้นถ้าสังเกตุดีๆ เครื่องมืออำนวยความสะดวกทั้งหมดอยู่ตรงหน้าแล้ว เหลืออยู่ที่การสร้างสินค้ามาขายแล้วล่ะว่าจะทำอย่างไร
ธุรกิจออนไลน์สามารถตอบโจทย์ 3 ข้อที่ผมถามได้และให้คำตอบที่น่าพอใจใแง่ของ อิสระ เวลา เงิน
หลักๆ ธุรกิจออนไลน์นั้นมี 2 ประเภทหลักคือ
1. Dropshipping (รับสินค้ามาขาย)
2. Own Brand (สร้างแบรนด์ของตนเอง)
ทั้งสองประเภทสร้างเงินได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเจ้าของแบรนด์เท่านั้นถึงจะทำเงินได้ จริงๆแล้ว Dropshipping สามารถสร้างรายได้มหาศาล แถมเราไม่จำเป็นต้องเหนื่อยสร้างแบรนด์ตนเอง เป็นสินค้าที่มีความต้องการ ติดตลาดอยู่แล้ว แต่ความแตกแต่างเลยคือ Mindset ของผู้ประกอบกิจการ (Entrepreneurial Mindset)
Dropshipping ส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่อผลกำไรโดยเฉพาะ เห็นช่องทางว่าของทางนี้ขายได้ เลยนำไปขายเพื่อทำกำไร ไปต่อยอดธุรกิจอื่น
Own Brand คือการที่ผู้ประกอบการต้องการจะส่งข้อความ ส่งสาร ส่ง Messages อะไรออกไปสู่สังคมสักอย่าง ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่มีการส่งเสริมด้านการอนุรักษ์ รณรงค์ผืนป่า เจ้าของแบรนด์รักษ์ป่าไม้ อยากให้ทุกคนหันมาเห็นความสนใจในการอนุรักษ์ตรงนี้ สินค้าอาจจะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ Recycle และ ดีไซน์ที่ล้ำสมัย หรือยกตัวอย่างง่ายสุดเลยคือ Hero Athletes ที่เพื่อนๆอ่านกันอยู่ ผมพยายามที่จะส่งข้อความออกไปโดยการใช้ Content ต่างๆ ที่อยู่ใน Social Media และออกมาในแนวเสื้อผ้า Street หรือ Active Wear ต่างๆ รวมทั้ง อุปกรณ์กีฬาต่างๆที่นำสมัย เนื่องจากข้อความที่ผมอยากส่งสารออกไปทั้งด้านการสร้างความแข็งแรงต่อคนในสังคมโดยรวม การต่อต้านสังคม การค้นหาอิสระ การประสบความสำเร็จ การเข้าใจตนเอง การเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นในวงการฟิตเนส ต่างๆ และจริงๆก็จะมี แบรนด์อื่นที่ผมกำลังทำ ซึ่งส่งเมสเสจในแนวเดียวกันออกมาอยู่
ซึ่งการประสบความสำเร็จในการสร้าง Brand + ทำให้ Brand โตทาง Online ได้ รักในสิ่งที่ทำ มีอิสระทางความคิด ทางด้านเวลา ทางการเงิน ผมพยายานพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ได้เดินตามเส้นทางใคร ไม่ได้เดินตามกระแสสังคม ไม่ได้ทำเพราะความกลัว แต่ทำเพราะความกล้าที่จะแตกต่างออกไป มันทำให้เราประสบความสำเร็จ ลบคำสบประมาทได้ทั้งหมด และกลายเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง มีน้องๆหลายท่านที่ผมช่วยสร้าง Brand และประสบความสำเร็จเงินเข้าเดือนละ 6-7 หลัก และได้ทำสิ่งที่อย่างทำ ไปที่ไหนก็ได้บนโลก
ผมก็รู้สึกยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ว่า การมีตัวตนอยู่ของเราได้สร้างให้ผู้อืนค้นพบอิสระในการใช้ชีวิต และมันทำให้เราได้ค้นพบ
ความหมายของชีวิต
ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นั่นก็คือ
การได้ช่วยเหลือผู้อื่น
#heroathletes
#madsproject
#onlinebusiness
#freedom
การเข้าใจตนเอง คือ 在 Hero Athletes Facebook 的精選貼文
ธุรกิจออนไลน์ และความหมายของชีวิต
ตั้งแต่สมัยจำความได้เมื่อยังเด็ก อาชีพยอดฮิต (และมีเกียรติ) คือ หมอ วิศวกร ทนาย ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนก็ได้รับสารเดียวกันมา
เป็นหมอสิ เงินเยอะ - อ้าว ไม่ได้เพราะรักในอาชีพเหรอ
เป็นวิศวกรสิ เงินเยอะ - อ้าว ไม่ได้เพราะรักในอาชีพเหรอ
เป็นทนายสิ เงินเยอะ -อ้าว ...
เราได้ยินแบบนี้มาตลอด
มันทำให้เราเกิดการตั้งคำถามว่า แล้วอาชีพแต่ละอาชีพนั้น ต้องทุ่มเทมากแค่ไหนถึงจะไปถึงจุดที่เรียกว่า ประสบความสำเร็จได้ ต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ในการเรียน การศึกษา บางคนเรียนเกือบ 30 ปี ถึงจะได้เริ่มทำงาน อันนี้มันใช่สิ่งที่ชีวิตมนุษย์คนๆหนึ่งควรจะพบเจอหรือ ?
ไม่ใช่ว่าอาชีพ หมอ วิศวกร ทนาย ไม่โอเค แต่มันไม่ได้ตอบโจทย์ของผมเท่าไร บางคนเครียดหนักจัดๆอีก
ถ้าสามารถ Define คำว่า ‘สำเร็จ’ ออกมาได้ สำหรับผมคือ ต้องมีอิสระ ก่อน อย่างแรกเลย ซึ่งอาชีพทั่วๆไปนั้นตกแบบทดสอบผมตั้งแต่ข้อแรก อะไรที่อยุ่ในระบบ ผมแหกหมด อะไรที่อยู่ใน 8-5 ตอกบัตรเข้างานสแกนนิ้วเข้างานคือไม่ใช่ละ ผมไม่คิดว่าคนเราเสียเวลามากขนาดนั้นแล้วต้องได้รับค่าตอบแทนเพียงเท่านี้ ผมคิดว่าเราควรจะได้ค่าตอบแทนตามความขยันของเรามากกว่า มิใช่จำนวนเวลา จำนวนชั่วโมงที่อยู้ในสถานที่ เราควรได้รับการตอบแทนเป็นคุณค่าทางสมองและความคิดสร้างสรรค์
อย่างที่สองต้องมีเวลา ซึ่งการทำงาน 8-5 ก็กินเวลาไปเยอะมากแล้ว ก็ตกบททดสอบไป
ส่วนข้อที่สามอีกคือต้องมีเงิน แต่เงินในสมัยนี้ทำให้เรามิได้มีอิสระในการใช้ชีวิตหรือเลือกอะไรเลย จำได้ว่าตอนเด็กๆอยู่ออสเตรเลียเรียนปริญญาตรี เคยล้างจานได้ชั่วโมงละ 25 เหรียญ เป็น Cash On Hand เลยนะ รับเงินสด ทำวันละ 4 ชั่วโมง เดือนละ 120,000 บาท โดยประมาณ กับเนื้องานคือล้างจานที่ร้านอาหาร เทียบกับ หมอ วิศวะ ทนาย อาจจะ ง่ายกว่า+ได้เงินเยอะกว่า มันทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐศาสตร์ระดับกว้างๆได้ชัดเจน จึงทำให้การทำงานในความเเข้าใจหลายๆคน ไม่ตอบโจทย์กับสมองผมเท่าไร
แต่ทุกวันนี้ เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ไปไกลมาก เชื่อมทุกอย่างเข้าในปลายนิ้ว อินเตอร์เนตความเร็วสูงเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คอมพิวเตอร์ มือถือ โน๊ตบุค ไอแพด เราสามารถทำอะไรก็ได้บนอินเตอร์เนตแล้ว ไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป อยากทำงานเมื่อไรก็ทำ อยากหาเงินเมื่อไรก็หา อยากอยู่ที่ไหนก็อยู่ ไม่มีใครกำหนดกรอบ
เราจะพบเห็นพฤติกรรมที่เทคโนโลยีและอินเตอร์เนตเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากนั้นก็คือการจับจ่ายใช้สอย ช็อปปิ้งออนไลน์ เราไม่ต้องเดินทางไปห้างอีกแล้วเพื่อจะซื้อทีวี หรือเราไม่จำเป็นต้องออกไปที่ร้านอาหารด้วยซ้ำถ้าอยากจะทานข้าว เราแค่กดสั่งที่ปลายนิ้ว
และอย่าลืมว่า ขณะที่เราช็อปปิ้งออนไลน์ จ่ายเงินออก เราเองก็สามารถเป็นเจ้าของร้านออนไลน์เหล่านั้น และรับเงินเข้าได้เช่นกัน ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นต่างๆสะดวกมาก ทั้ง Lazada, Shoppee, Alibaba, AliExpress หรือแม้แต่ Social Media Platform ต่างๆก็รองรับการค้าขายได้ทั้งหมด เช่น Facebook Market Place, Instagram AutoSave Reply (สะดวกมากสำหรับคนขายของออนไลน์) , Line Shop, etc. และระบบโอนเงินทั้งหมดก็สะดวก Online Bangking, Paypal ฉะนั้นถ้าสังเกตุดีๆ เครื่องมืออำนวยความสะดวกทั้งหมดอยู่ตรงหน้าแล้ว เหลืออยู่ที่การสร้างสินค้ามาขายแล้วล่ะว่าจะทำอย่างไร
ธุรกิจออนไลน์สามารถตอบโจทย์ 3 ข้อที่ผมถามได้และให้คำตอบที่น่าพอใจใแง่ของ อิสระ เวลา เงิน
หลักๆ ธุรกิจออนไลน์นั้นมี 2 ประเภทหลักคือ
1. Dropshipping (รับสินค้ามาขาย)
2. Own Brand (สร้างแบรนด์ของตนเอง)
ทั้งสองประเภทสร้างเงินได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเจ้าของแบรนด์เท่านั้นถึงจะทำเงินได้ จริงๆแล้ว Dropshipping สามารถสร้างรายได้มหาศาล แถมเราไม่จำเป็นต้องเหนื่อยสร้างแบรนด์ตนเอง เป็นสินค้าที่มีความต้องการ ติดตลาดอยู่แล้ว แต่ความแตกแต่างเลยคือ Mindset ของผู้ประกอบกิจการ (Entrepreneurial Mindset)
Dropshipping ส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่อผลกำไรโดยเฉพาะ เห็นช่องทางว่าของทางนี้ขายได้ เลยนำไปขายเพื่อทำกำไร ไปต่อยอดธุรกิจอื่น
Own Brand คือการที่ผู้ประกอบการต้องการจะส่งข้อความ ส่งสาร ส่ง Messages อะไรออกไปสู่สังคมสักอย่าง ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่มีการส่งเสริมด้านการอนุรักษ์ รณรงค์ผืนป่า เจ้าของแบรนด์รักษ์ป่าไม้ อยากให้ทุกคนหันมาเห็นความสนใจในการอนุรักษ์ตรงนี้ สินค้าอาจจะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ Recycle และ ดีไซน์ที่ล้ำสมัย หรือยกตัวอย่างง่ายสุดเลยคือ Hero Athletes ที่เพื่อนๆอ่านกันอยู่ ผมพยายามที่จะส่งข้อความออกไปโดยการใช้ Content ต่างๆ ที่อยู่ใน Social Media และออกมาในแนวเสื้อผ้า Street หรือ Active Wear ต่างๆ รวมทั้ง อุปกรณ์กีฬาต่างๆที่นำสมัย เนื่องจากข้อความที่ผมอยากส่งสารออกไปทั้งด้านการสร้างความแข็งแรงต่อคนในสังคมโดยรวม การต่อต้านสังคม การค้นหาอิสระ การประสบความสำเร็จ การเข้าใจตนเอง การเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นในวงการฟิตเนส ต่างๆ และจริงๆก็จะมี แบรนด์อื่นที่ผมกำลังทำ ซึ่งส่งเมสเสจในแนวเดียวกันออกมาอยู่
ซึ่งการประสบความสำเร็จในการสร้าง Brand + ทำให้ Brand โตทาง Online ได้ รักในสิ่งที่ทำ มีอิสระทางความคิด ทางด้านเวลา ทางการเงิน ผมพยายานพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ได้เดินตามเส้นทางใคร ไม่ได้เดินตามกระแสสังคม ไม่ได้ทำเพราะความกลัว แต่ทำเพราะความกล้าที่จะแตกต่างออกไป มันทำให้เราประสบความสำเร็จ ลบคำสบประมาทได้ทั้งหมด และกลายเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง มีน้องๆหลายท่านที่ผมช่วยสร้าง Brand และประสบความสำเร็จเงินเข้าเดือนละ 6-7 หลัก และได้ทำสิ่งที่อย่างทำ ไปที่ไหนก็ได้บนโลก
ผมก็รู้สึกยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ว่า การมีตัวตนอยู่ของเราได้สร้างให้ผู้อืนค้นพบอิสระในการใช้ชีวิต และมันทำให้เราได้ค้นพบ
ความหมายของชีวิต
ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นั่นก็คือ
การได้ช่วยเหลือผู้อื่น
เสื้อ : Hero Athletes Skywalker Collection
กางเกง : MADS.Project Millennial Pants (Coming Soon)
รองเท้า : MADS.Project Millennial Shoes (Comins Soon)
#heroathletes
#madsproject
#onlinebusiness
#freedom
การเข้าใจตนเอง คือ 在 ต๊อบ อิทธิพัทธ์ Facebook 的最佳解答
“ใครว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว ใจคนต่างหากที่เร็วกว่า หากไม่อยากถูกอนาคตไล่ล่า สิ่งที่สำคัญ คือ การเข้าใจตนเอง เข้าใจภาพแห่งอนาคต เข้าใจบริบทของตนเอง เข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน ตะหนักถึงจุดที่เรายืนที่เราโดดเด่น”