ถ้าเป็นแต่ก่อน เราจะได้อ่านหรือได้ฟังเฉพาะสรุปอะไรต่างๆ นานา "แห่งปี" จากสำนักข่าวใหญ่ ช่องทีวี สื่อหลัก อะไรทำนองนั้น เรื่องราวที่ได้ยินจากการสรุปมักเป็นเรื่องของคนดังคนใหญ่คนโต
เดี๋ยวนี้ปีใหม่ได้นั่งอ่าน "สรุป" จากเพื่อนๆ คนธรรมดาสามัญ ฟังข้อผิดพลาด บทเรียน และความฝันของเขาที่ตั้งไว้ในปีหน้า แล้วรู้สึกใกล้ชิดและอบอุ่นดี
ง่อยๆ พลาดๆ ธรรมดาๆ แต่ยังหวัง
และยังมีชีวิตกันต่อไป
นี่อาจเป็นข้อดีเล็กๆ น้อยๆ ของเฟซบุ๊ก :)
---
อันนี้ผมเขียนไว้เมื่อบ่าย ขออนุญาตแบ่งกันอ่านครับ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1978889988806568&id=141179435910975
สิ่งที่ได้เรียนรู้ในปี 2017
---
1. "ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่"
ประสบการณ์เดินบนหัวไหล่หิมาลัยสิบกว่าวันด้วยจิตใจที่สะอาดเบาสบายทำให้มองเห็นว่า "ตัวเรา" เป็นผลลัพธ์ขององค์ประกอบจากสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่สิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าไล่ลงมาถึงสิ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในร่างกายของเรา ความรู้สึกเชื่อมโยงเช่นนี้อาจจางลงเมื่อกลับสู่ชีวิตปกติ แต่ก็รำลึกถึงและตระหนักได้เสมอ ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้มองผู้คนและทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนไป รู้สึกขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้เราดำเนินชีวิตต่อไปได้ แม่ค้าข้าวแกง พี่วินมอเตอร์ไซค์ ครูอาจารย์ คนทำหนังสือดีๆ ให้อ่าน ผู้อ่านของเรา ไล่เลยไปถึงแสงแดง สายลม ต้นไม้ แบคทีเรีย และไลเคน หากไม่มีสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ ตัวเราคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในรูปแบบนี้ ความรู้สึกเชื่อมโยงนี้ทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ รับรู้ถึงการพึ่งพาอาศัยกัน ทำให้อยากเป็น "ส่วนหนึ่ง" ที่สวยงามสำหรับสิ่งอื่นคนอื่น เกื้อกูลกันไประหว่างยังมีชีวิต
...
2. "ให้ธรรมชาติเยียวยาหัวใจ"
เป็นปีที่ใช้เวลาช่วงวันหยุดเดินหน้าเข้าหาธรรมชาติบ่อยกว่าที่เคย ทั้งไปนั่งเล่น นอนเล่น ขับรถเล่น ปั่นจักรยานเล่น ในสถานที่รกครึ้มไม่ไกลกรุงเทพฯ นครนายก สระบุรี นครปฐม เขาใหญ่ ทุกครั้งที่ไปก็รู้สึกสบายใจโดยอัตโนมัติ ห้างสรรพสินค้ากระตุ้นความอยาก แต่ป่าเขานั้นชวนให้ผ่อนคลาย ความเงียบ ความไร้ระเบียบ ความไม่ประดิษฐ์ ทำให้รู้สึกสบายทั้งกายใจ มิต้องนับว่าอากาศในป่ามีจุลชีพดีๆ มีน้ำมันหอมระเหยจากต้นไม้ มีประจุกระแสไฟฟ้าลบ ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ปรับปรุงคลื่นสมอง ทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย คนญี่ปุ่นเรียกกิจกรรมเช่นนี้ว่า "ชิรินโยกุ" หรือ "อาบป่า" ได้เรียนรู้ว่าหนึ่งเดือนควร "อาบป่า" สักหนเป็นอย่างน้อย
...
3. "เมื่อปล่อยมือจากสิ่งที่ไม่เหมาะจะได้พบสิ่งที่เหมาะ"
โอกาสที่ได้ทำรายการดีเบต ซึ่งนับเป็นเวทีที่ทั้งใหญ่ทั้งยากเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ายิ่ง ประเมินตัวเองว่าทำได้ไม่ดีนัก แต่ที่สำคัญที่สุดคือไม่เหมาะกับตัวเรา การเลิกทำรายการโดยไม่รู้สึกเจ็บช้ำนับเป็นเรื่องน่าแปลกใจ เปรียบเป็นภูเขา-นี่อาจไม่ใช่ภูเขาที่เราอยากปีน ประสบการณ์นี้กลับทำให้กล้าหาญที่จะทดลองในสิ่งที่ไม่แน่ใจมากขึ้นไปอีก เพราะไม่มีอะไรต้องกลัว เมื่อลงมือทำบางสิ่งแล้วทำได้ไม่ดี นั่นแหละเป็นเรื่องที่ดี เพราะชีวิตที่ได้รู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไรย่อมต้องผ่านการตัดสิ่งที่ไม่เหมาะทิ้งไป เพียงยอมรับว่าเราทำไม่ได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือเราได้ลองทำมันแล้ว และเมื่อเลิกทำรายการแล้วหันมาเขียนหนังสือด้วยความมุ่งมั่นจนได้หนังสือ "หิมาลัยไม่มีจริง" ก็พบจังหวะใหม่ที่เหมาะกับชีวิตช่วงนี้มากกว่า ถ้าเราไม่ปล่อยมือจากสิ่งหนึ่ง เราอาจไม่พบสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง
...
4. "ผลักขีดจำกัดของเราไปได้ไกลเท่าที่ใจอยาก"
ประสบการณ์ปั่นจักรยาน 114 กิโลเมตรที่เต็มไปด้วยเนินในสนามโป่งกระทิงกับสภาพความฟิตที่อ่อนด้อยเป็นเวลาเจ็ดชั่วโมงกว่านับเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืม เข้าเส้นชัยเป็นสองคนสุดท้ายกับเพื่อน เพื่อนคนอื่นกระโดดขึ้นรถตู้เพราะตะคริวกินกันไปหมดแล้ว ครั้งแรกที่ตะคริวกินครึ่งร่าง แต่ยังหอบร่างตัวเองเข้าเส้นชัยได้ ประสบการณ์ครั้งนี้ฝังลึกในใจว่า ถ้าใจยังไม่ยอมแพ้ เราจะไปต่อได้เรื่อยๆ ที่ว่าคนเรามี "ก๊อกสอง" อันที่จริงเรามี "ก๊อก" ไม่รู้จบ สำคัญที่สุดคือใจที่มั่นคง ปักหลักไว้ที่เส้นชัย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะไปถึงให้จงได้ และเมื่อไปถึงแล้วเรารู้เลยว่าแม้จะเป็นที่โหล่-ไม่ชนะใครเลย แต่มันน่าภูมิใจเหลือเกิน เพราะเราเอาชนะใจตัวเองมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เหลือบมองดูเหรียญ "โป่งกระทิง 2017" พลังจะเกิดขึ้นในตัวทันทีเลยว่า "อย่ายอมแพ้ง่ายๆ วันนั้นมึงยังทำสำเร็จเลย"
...
5. "มนุษย์ทุกคนมีแสงสว่าง"
ประสบการณ์ทำสารคดี "พื้นที่ชีวิต" ตอนบ้านกาญจนาภิเษกเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนไปสิ้นเชิง การได้พูดคุยกับป้ามล-ทิชา ณ นคร รวมถึงน้องๆ เยาวชนผู้เคยกระทำผิดและทุกวันนี้ปรับเปลี่ยนความคิดจากมืดกลายเป็นสว่าง หลายเรื่องเล่าที่ได้สัมผัสรับรู้ทำให้พบว่าในตัวมนุษย์ทุกคนมี "แสงสว่าง" ที่พร้อมจะฉายส่องออกมา ถ้าเราเข้าหาเขาด้วยความเชื่อนี้ เราจะได้เห็น "แสง" จากตัวเขา แน่นอนว่าทุกคนมีบางช่วงที่ "ด้านมืด" ทำงาน เราอาจถูกตะโกนด่า ถูกกระทำรุนแรง ในห้วงนั้นอย่าพยายามนำด้านมืดเข้าปะทะกับอีกฝ่าย สิ่งที่ทำคือถอยออกมา รอเวลาที่ด้านมืดของคนนั้นหมดฤทธิ์แล้วจึงปฏิสัมพันธ์ด้วย ตัวตนมืดและสว่างในตัวเราด้านไหนจะเติบโตและแข็งแรงมากกว่ากันอยู่ที่เราให้ความสำคัญกับตัวตนไหนมากกว่า ในโลกที่เต็มไปด้วยคนที่แสดง "ด้านมืด" ออกมา ใช่ว่าในตัวเขาไม่มี "แสงสว่าง" และใช่ว่าเขาไม่อยากหันด้านสว่างออกมา หน้าที่ของเพื่อนร่วมสังคมคือการพยายามให้โอกาสทุกคนได้หัน "แสงสว่าง" ออกมา ด้วยการไม่ปะทะกับเขาด้วย "ด้านมืด"
...
6. "ถ้าต้องเลือกความถูกต้องกับความกรุณา จงเลือกกรุณา"
Wonder คือหนังที่ชุบชูใจที่สุดในปีนี้ ประสบการณ์ผ่านหนังเรื่องนี้สอนให้เราพยายามเข้าใจเพื่อนมนุษย์ เพราะแต่ละคนมี "แบ็กกราวนด์" แห่งความเจ็บปวดไม่เหมือนกัน และทุกคนล้วนมีบาดแผลในใจด้วยกันทั้งสิ้น เราต่างอัปลักษณ์ไปคนละแบบ กระนั้นโดยเนื้อแท้แล้วเราสวยงาม สิ่งที่ทำให้เราสวยงามคือจิตใจที่ดี จิตใจที่มีความรัก ความเมตตา ความกรุณาต่อคนอื่น หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบลง เมื่อพบคนที่ไม่ถูกใจ ผมมักนึกเสมอว่า "เบื้องหลังรอยแผล" ของเขาคืออะไรหนอ เขาจึงกลายเป็นคนเช่นนี้ และหากต้องถกกันว่าใครเป็นฝ่ายถูก ผมอาจจะยอมให้เขาถูก เพื่อให้เกิดพื้นที่ของความกรุณาขึ้นระหว่างเรา เราอาจยังรักเขาไม่ลง แต่อย่างน้อยเราก็ไม่รีบเกลียดชังเขาเร็วเกินไปนัก เราเปลี่ยนใครไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่มอบความกรุณาให้ใครคนหนึ่ง เรากำลังค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่มีความกรุณาในหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งนี้จะทำให้โลกในสายตาเราไม่อัปลักษณ์
...
7. "ให้ความรัก แล้วจะได้รับความรัก"
นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ได้เรียนรู้จากการไปวิ่งกับพี่ตูนในโครงการก้าวคนละก้าวคือความรักและความใส่ใจที่พี่ตูนมอบให้ผู้คนระหว่างทาง คุณย่าคุณยาย เด็กน้อยทั้งหลาย คนบนรถที่เคลื่อนผ่านไป คนบนสะพานลอย วงดนตรีที่มาตั้งรอข้างทาง พี่ตูนไม่ยอมให้หลุดแม้แต่นิดเดียว ยังไม่ต้องพูดถึงเจตนาเรื่องการหาเงินบริจาค เอาแค่ตัวตนเพียวๆ ที่วิ่งไปแล้วแปะมือทักทาย นั่งลงไหว้แนบตัก กอดคนนั้นคนนี้ ชูมือรูปหัวใจให้คนที่อยู่ไกล แกทำไปด้วยความรู้สึกว่าอยากมอบความรักให้ทุกคนให้คุ้มค่ากับที่มายืนรอ ผมได้ยินเรื่องราวจากทีมก้าวฯ ว่าได้กินข้าวฟรี ได้ขึ้นแท็กซี่ฟรี ก็ไม่แปลกใจ ภาพที่คนได้เห็นระหว่างทางทำให้พวกเขาแลกเปลี่ยนกันด้วย "หน่วย" อื่นที่ไม่ใช่ "บาท" แต่เป็นหน่วยที่วัดด้วยใจ เอาใจแลกใจมันเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าให้ความรักโดยไม่มีเงื่อนไขได้แบบนี้ คุณจะได้รับความรักแบบไร้เงื่อนไขกลับมาเช่นกัน ผมยังทำไม่ได้แบบพี่ตูน แต่นี่คือสิ่งที่ทรงพลังอย่างยิ่งจากการวิ่งและสังเกตสิ่งที่พี่ตูนกระทำ
...
8. "ความสม่ำเสมอทำให้เรื่องเป็นไปไม่ได้-เป็นไปได้"
ประสบการณ์จบมาราธอนตามที่ตั้งใจไว้ภายในเวลาหนึ่งปีสอนผมว่า หากเราทำสิ่งที่ยากอย่างสม่ำเสมอ สิ่งนั้นจะง่ายขึ้น หากเราค่อยๆ กระเถิบเข้าหาสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้โดยไม่ยอมผิดสัญญากับตัวเอง สิ่งนั้นก็เป็นไปได้ในวันหนึ่ง (ซึ่งอาจเร็วกว่าที่คิด) ความสม่ำเสมอจะค่อยๆ เปลี่ยนตัวเรา จากคนที่ "ไม่น่าจะทำได้" ให้กลายเป็นคนที่ "ทำได้" วินัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง วินัยหมายถึงการลุกขึ้นทำสิ่งที่สัญญากับตัวเองไว้ในวันที่ไม่อยากทำมันเลย หากทำเช่นนี้ได้บ่อยๆ ไม่ว่าจุดหมายไหนก็ไม่ไกลเกินไป ที่เราทำไม่ได้เพราะเราแพ้ใจตัวเอง หนึ่งความสำเร็จที่เราเห็นคือผลลัพธ์ของการเอาชนะตัวเองมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผมยังวิ่งได้เวลาไม่ดีนัก แต่ก็ดีเหมือนกัน ปีหน้าจะได้มีเป้าหมายให้สนุกกับมันอีก ตอนนี้เป้ามาราธอน sub5 ดูช่างห่างไกล แต่ผมยังเชื่อว่า ความสม่ำเสมอจะทำให้เรื่องเป็นไปไม่ได้-เป็นไปได้
...
9. "จงผ่านประสบการณ์ มากกว่าจะนั่งคิด"
ทั้งแปดข้อที่เล่ามาล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนที่ได้รับจาก "ประสบการณ์" ทั้งสิ้น ในวันนี้ผมเชื่ออย่างยิ่งว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเราได้อย่างลึกซึ้งนั้นมิใช่การคิด หากคือการลงมือทำ ทำในสิ่งที่สงสัย ใคร่รู้ ใฝ่ฝัน มุ่งมาดปรารถนา อาจสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง นั่นไม่สำคัญเท่าบทเรียนที่เราจะได้รับจากการผ่านประสบการณ์นั้น สิ่งเหล่านี้คือ "การรู้" ที่ต่างจาก "ความรู้" ผ่านการอ่าน การฟัง หรือการนั่งคิดเอาเอง ปีที่ผ่านมาทำให้ผมเปลี่ยนตัวเองไปพอสมควร ผมคิดว่าจะครุ่นคิดวนเวียนให้น้อยลงและออกไปหาประสบการณ์ตรงให้มากขึ้น ดังเช่นที่โจเซฟ แคมป์เบลกล่าวว่า "ผมไม่เชื่อว่ามนุษย์มองหาความหมายของชีวิต พวกเขากำลังมองหาประสบการณ์ของการมีชีวิตอยู่ต่างหาก"
...
10. "ใจสำคัญที่สุด"
บทเรียนสำคัญที่สุดในปีที่ผ่านมาสำหรับผมคือ โลกใบนี้และชีวิตของเราเป็นไปตามที่ใจเรามอง หากใจเราแข็งแกร่ง เราจะมองว่าทุกสิ่งที่ย่ำแย่สามารถแก้ไขปรับปรุงได้ เราจะเริ่มรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ไม่ชี้นิ้วโทษคนนั้นคนนี้ เราจะเริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงแก้ไข และใจที่แข็งแกร่งและมุ่งมั่นนี้เองที่จะค่อยๆ พาเราไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิม จุดที่เราแข็งแกร่งกว่าเดิม เก่งกว่าเดิม อย่าสม่ำเสมอ ผ่านวินัยที่เรามีให้ตัวเองโดยไม่ผิดสัญญา กับเรื่องความสัมพันธ์ หากใจเราเปิดกว้าง อ่อนโยน มีเมตตากรุณา เราจะปฏิสัมพันธ์กับผู้คนด้วยความเป็นมิตร ด้วยการให้โอกาส ด้วยการไม่ตัดสิน ปฏิบัติกับเขาเหมือนที่อยากให้เขาปฏิบัติต่อเรา เราย่อมไม่โลภ ไม่ตะกละ ไม่โกรธแค้น และพยายามมอบความรักให้ผู้คนเท่าที่สามารถ หากไม่รัก อย่างน้อยก็พยายามเข้าใจ หากไม่เข้าใจ อย่างน้อยก็ยอมรับ ทั้งหมดนี้อยู่ที่การฝึกใจ
ไม่ว่าจะฝึกให้แข็งแกร่งหรืออ่อนโยน "ใจ" ล้วนต้องถูกขัดเกลาอย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อ "ใจ" ดี เราจะสามารถต้านทานต่อสิ่งต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น เราจะตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ด้วย "แสงสว่าง" มิใช่ "ด้านมืด" ไม่ว่าความเศร้า ความเครียด ความเบื่อหน่าย หรือความใจร้ายของผู้คน
"ใจ" ที่ดีนั้นคือใจที่มีศรัทธา ศรัทธาที่เชื่อมั่นในความดีงามของมนุษย์ ศรัทธาที่เชื่อมั่นและวางใจในชีวิต ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากเราดำเนินไปบนทางที่ไม่เลวร้าย ชีวิตจะนำเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอ ชีวิตจะพาเราไปสู่จุดที่เหมาะสม ชีวิตจะพาเราไปพบกับความลงตัวและคำตอบที่เรายังอาจมองไม่เห็นในวันที่เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น แต่ใจที่ดีและศรัทธาที่แข็งแกร่งจะนำพาเราไปสู่คืนวันที่ดีเหล่านั้น
ผมเรียนรู้ว่าเราควรขัดเกลาจิตใจตัวเองด้วยการฝึกให้แข็งแกร่งไปพร้อมกับร่างกาย วิธีง่ายๆ คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนั้นเราควรฝึกใจให้อ่อนโยน ด้วยการอาศัยสิ่งหรือคนที่ "ขัดใจ" มาใช้ในการ "ขัดเกลา" จิตใจตัวเอง ยอมรับและมอบความเมตตากรุณาให้ ปรารถนาให้เขาเป็นสุขและไม่มีความทุกข์ ความปรารถนานี้จะทำให้เราเป็นสุขและไม่ทุกข์ด้วยเช่นกัน ตรงกันข้ามกับการปรารถนาร้ายต่อคนอื่นซึ่งย่อมทำให้เราเองเป็นทุกข์ไปก่อนเขาด้วยซ้ำ
เหล่านี้คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในปี 2017 และยังคงอยู่บนเส้นทางแห่งการฝึกตน ฝึกจิตฝึกใจ เมื่อได้บทเรียนก็นำมาแบ่งปันสู่กันฟัง ผมยังคงต้องฝึกฝนอีกมากนัก หวังว่าศรัทธาที่แข็งแกร่งจะพาชีวิตผ่านประสบการณ์ทั้งร้ายดีเพื่อนำไปสู่การมีใจที่ดีงามยิ่งขึ้นในปีหน้า และปีถัดๆ ไป
ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนมีความสุข และได้พบประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมายในปีหน้านะครับ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า ไม่มีประสบการณ์ที่ดีหรือร้าย มีแต่ประสบการณ์ที่มอบความหมายบางอย่างให้ชีวิตเรา และทุกประสบการณ์สามารถนำมาซึ่งความหมายที่ดีงามได้เสมอ
สวัสดีปีใหม่ครับ :)
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過128萬的網紅BoomTharis,也在其Youtube影片中提到,คลิปนี้ผมจะมารีวิวรถให้ฟังกันนะครับทุกคน!! ซึ่งเป็นโปรเจคที่นานๆจะทำที เพราะปกติผมก็ไม่ได้รีวิวรถเป็นหลัก แต่คันนี้เป็นคันที่ผมสนใจด้วยตัวเองเลย และก่...
ขับรถเล่น เขาใหญ่ 在 BoomTharis Youtube 的精選貼文
คลิปนี้ผมจะมารีวิวรถให้ฟังกันนะครับทุกคน!! ซึ่งเป็นโปรเจคที่นานๆจะทำที เพราะปกติผมก็ไม่ได้รีวิวรถเป็นหลัก แต่คันนี้เป็นคันที่ผมสนใจด้วยตัวเองเลย และก่อนที่ KIA จะติดต่อมาให้ผมไปเทสรถ ก็มีคนมาพูดถึงรถคันนี้ให้ผมฟังแล้ว 3-4 คน บางคนก็ซื้อคันนี้ไปแล้ว ผมก็เลยรู้สึกสนใจมันเป็นพิเศษ
รถคันนี้คือ All-New KIA Carnival 2021 ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 11 ที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุดจาก KIA ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง โฉมนี้เป็นโฉมใหม่ ซึ่งผมว่าสวยมาก และรูปทรงปรับให้ดูเพรียวกว่าเดิม คูลกว่าเดิมแล้ว และผมถามคนอื่นๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัวจริงดูดีกว่าในรูปเยอะ
ในเมื่อ KIA ส่งรถมาให้ลองทั้งที จะให้ขับสั้นๆแค่ในเมืองก็คงจะไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจว่า จะขอขับรถคันนี้ไปเขาใหญ่เลยละกัน รวมระยะทางไปกลับทั้งหมดประมาณ 500 กิโลเมตร
ซึ่งระยะทางขนาดนี้ก็คงจะทำให้รู้เกี่ยวกับตัวรถได้พอสมควร ทริปนี้มีคนนั่งไปพร้อมกัน 6-7 คน ลองครบทุกส่วน ทั้งคนขับ คนนั่งแถว 2-3 ลองใช้พื้นที่เก็บของทุกจุดเท่าที่จะลองได้ ในคลิปนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าทั้งหมดรู้สึกยังไง ไปชมกันครับ!
**ขอขอบคุณ KIA Thailand ที่สนับสนุนคลิปนี้ครับ**
เกีย คาร์นิวัล ใหม่ รถยนต์เอนกประสงค์สำหรับทุกคนในครอบครัว ที่พร้อมเติมเต็มความสุขให้คุณได้มากกว่า ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัย และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่ครบคัน ราคาเริ่มต้นที่ 2,144,000 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kia.com/th/cars/all-new-kia-carnival/features.html
00:00 Intro
01:03 ทำไมต้อง KIA Carnival
02:24 แนะนำตัวละคร
03:57 เบาะที่นั่งภายในรถ
05:36 พื้นที่วางของภายในรถ
06:46 Sunroof
07:11 Infotainment
08:57 ความรู้สึกในการขับขี่
11:33 ฟีเจอร์อื่นๆ ในการขับขี่
13:16 ภายนอกรถ
14:46 พื้นที่เก็บของหลังรถ
16:32 สรุป
ติดต่อโฆษณา : business@boomtharis.com
FOLLOW ME
on: https://www.facebook.com/BoomTharis/
on: https://www.instagram.com/BoomTharis/
on: https://twitter.com/BoomTharis/
ขับรถเล่น เขาใหญ่ 在 Eat Street Repeat Youtube 的最讚貼文
Road Trip Ep.5 การเดินทางมักจะมีรื่องสนุก ตื่นเต้น...และเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ และนั้นคือความสนุกของการเที่ยวแบบ Road Trip ในตอนนี้ไปดูกันว่าทั้งสองคนจะเจอะอะไรสนุกๆ บ้าง
Eat Street Repeat ••
Click subscribe and follow us on:
▲ Facebook - facebook.com/eatstreetrepeat
▲ Instagram - instagram.com/EatStreetRepeat
▲PT - facebook.com/ptstation/
ติดต่อโฆษณา : 0956365619