สถานการณ์โควิดกำลังบอกเราว่าทุกข์คนรวยกับทุกข์คนจนมันเทียบอะไรไม่ได้เลย...
.
ในช่วงหลายๆวันที่ผ่านมา ผมได้เห็นการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายของคนในสังคมกับสถานการณ์โควิดแล้วก็ทำให้ผมอดคิดไปถึงหนังเรื่อง Parasite ไม่ได้ โดยเฉพาะฉากที่เกิดภัยธรรมชาติส่งผลให้คนสองครอบครัวได้รับผลกระทบ บ้านคนจนคนขับรถที่อาศัยอยู่ใต้ดินโดนน้ำท่วม ต้องไปอาศัยอยู่ในสนามกีฬาในร่มที่ทางรัฐบาลจัดให้ ต้องไปเอาเสื้อผ้าที่รับบริจาคมาใส่ ในขณะที่บ้านคนรวยต้องหงุดหงิดกับการต้องเปลี่ยนแผนจากการจัดแคมปิ้งที่ริมแม่น้ำในป่า ย้ายมาจัดปาร์ตี้ในสวนที่บ้านแทน ทุกข์คนรวยกับทุกข์คนจนมันเทียบกันไม่ได้เลย
ในสถานการณ์โควิด19 ณ วันนี้ก็เช่นกัน การแสดงออกของคนรวยที่เราได้เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ กลุ่มดารา พิธีกรหญิงคนหนึ่งออกมาไลฟ์สอนคนว่า เมืองไทยเราศักดิ์สิทธิ เป็นจังหวะที่ดีนะ ตอนนี้เราต้องสู้ ต้องออกมาทำมาหากิน และก็แนะนำให้ทำมาค้าขาย ดาราอีกคนนึงก็ออกมาบอกว่าโควิดเป็นฮีโร่นะ มาทวงคืนธรรมชาติและคัดกรองมนุษย์ ส่วนดาราอีกจำพวกก็ออกมาทำเจลแอลกอฮอล์ขายเอากำไรแพงๆ โดยอ้างว่าช่วยสังคม
.
คนรวยหลายๆคนบอกว่า ปิดประเทศเถอะ เจ็บแต่จบ พวกเราอยู่ได้ พวกเราจะอยู่บ้านกันตลอด 24 ชั่วโมงเลย พวกเราทนได้ ทุกข์คนรวยหลายๆคนบอกว่า ไม่รู้จะหาอะไรดูเพราะบริการสตรีมมิ่งมีหนังให้เลือกเยอะมาก บางคนบอกว่าช็อปปิ้งออนไลน์ทุกวันจนหมดมุขไม่รู้จะซื้ออะไร บางคนอยากออกไปตัดผม อยากออกไปดูหนัง อยากออกไปฟิตเนส บางคนเบื่อ Work From Home สุดๆ เพราะไม่ได้ออกมาเจอเพื่อนฝูง ฉันจะตุนอาหาร!!!!ซึ่งแน่นอน ในจุดนั้นถ้าเราไปยืนอยู่ในจุดเดียวกับเค้า เราอาจจะทุกข์แบบเค้าจริงๆก็ได้
.
ถ้าเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงจริงๆ ผมว่าคนรวยก็อยู่ได้แบบสบายๆอาจจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ในคนจนล่ะ รู้ไหมว่าคนจนจริงๆลำบากและชีวิตแร้นแค้นกว่าที่เราคิด อากาศในช่วงเดือนเมษายนแบบนี้มันร้อนมากนะครับ บางคนห้องไม่มีแอร์นะครับ การต้องทนอยู่ในห้องร้อนๆ ขยับตัวไปไหนก็เจอแต่กำแพงห้อง อย่าว่าแต่จะนั่งทำงานเลย นั่งหายใจทั้งยังรู้สึกลำบากเลย ดาราบางคนที่ออกมาสอนให้คิดว่าเราต้องขยันทำมาหากิน หาโอกาสค้าขาย ห้องแคบๆที่อยู่ก็ยังไม่รู้จะประคับประคองให้อยู่จนสิ้นเดือนได้ไหม จะเอาที่ตรงไหนไปทำมาหากิน บางคนที่ออกมาสอนให้มองโลกในแง่บวกว่าโควิดคือฮีโร่ บางคนที่เอาสินค้ามาโขกราคาขายคนจนๆในราคาแพงๆ ใช้ความศรัทธามาเป็นตัวสร้างความน่าเชื่อถือ
.
คนบางคนกำลังจะไม่มีบ้านอยู่ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง คนบางคนกำลังจะไม่มีรายได้ เพราะไม่มีงานทำแล้ว คนบางคนเกิดมาต้องทำงานทุกวันเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายให้ชีวิตผ่านไปให้มันหมดไปวันนึงๆ ชีวิตถ้าไม่ได้ทำงานเค้าก็จะไม่มีเงินมาซื้อของ บางคนมีภาระผ่อนทุกชนิด ผมว่าชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดที่ว่าจะหยุดทุกอย่างได้ตลอด 24 ชั่วโมงจริงๆ
.
คนรวยบางคนก็จะชอบออกมาบอกว่า อย่าอ้างความจน ทำไมไม่ขยัน ทำไมไม่เก็บออม ผมว่าถ้ามาเจอคนจนบางคนที่ทำงานตั้งแต่ตื่นนอนยันหัวถึงหมอนมีเวลานอนไม่กี่ชั่วโมงแลกกับรายได้วันละไม่กี่ร้อยบาท ผมว่าเรามีสิทธิอะไรไปว่าเค้าว่าไม่ขยัน คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน ถ้าลองมาอยู่จุดเดียวกับเค้าสักเดือนนึงจะทนได้แบบเค้าไหม นั่นเค้าทนมาทั้งชีวิต ผมไม่ได้เป็นคนร่ำรวยนะครับ ผมก็ชาวบ้านธรรมดานี่แหละ ผมพบเห็นคนยากจนมาตลอดชีวิต หลายครั้งที่ผมเริ่มรู้สึกว่าผมเริ่มจะสบายกว่าคนเหล่านั้น แล้วเวลาผมเห็นเค้าลำบาก เค้าแร้นแค้น และผมก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ อย่างมากก็แค่อุดหนุนซื้อของจากเค้าบ้าง บางทีก็แกล้งเหมาของเค้ามาโดยที่ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ผมก็ช่วยได้เท่านี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในบ้านเมืองเราทำไมดูแลคนจนไม่ได้เสียที ประเทศเราเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลก แต่ทำไมเรายังมีคนอดอยาก ทำไมอาหารบ้านเราถึงยังแพง ทำไมวะ บางครั้งก็เจ็บใจนะครับ แต่ไม่มีปัญญาจะทำอะไร
.
โควิดนี่จริงๆถ้าใครตามมาตลอดตอนช่วงแรกๆจะเห็นได้เลยว่า ตอนมีประเด็นเรื่องเข้าสู่สถานการณ์โรคระบาด คนจนอยากกลับบ้าน ก็โดนด่าว่า กลับไปก็กลับไปกินเหล้า ไปเอาโรคไปแพร่กระจายที่บ้าน แต่ความเป็นจริง คนชนบท คนต่างจังหวัดใส่มาสก์กันแบบมีวินัยมากและเค้าอยู่กับชีวิตอยู่กับความจริง ใส่หน้ากากออกมาขายของ เว้นระยะห่างไม่ขายของให้คนกินในบ้าน คนกินเหล้าก็คงมีแหละ แต่พอตัวเลขคนติดโควิดออกมาทีไร ยอดคนติดมาจาก สนามมวยกับสถานบันเทิงทองหล่อ คนต่างจังหวัดไปกินเหล้าที่บ้านนอก โดนด่า โดนตราหน้า แต่คนกินเหล้าตามสถานบันเทิง มันไม่ใช่คนกินเหล้าเหมือนกันเหรอครับ ความเป็นคนมันต่างกันตรงไหน?
เคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง เจ็บแต่จบจริงๆเหรอ ผมยืนยันว่าเราต้องมองโลกจากความเป็นจริง หยุดทุกอย่างตลอด 24 ชั่วโมง มากสุดได้สามวัน มากกว่านั้นจะมีคนอยู่ไม้ได้แน่นอน
.
ผมว่าคนเราไม่เท่ากันนะครับ การมีชีวิตให้รอดมันอาจะง่าย แต่การอยู่ไปเรื่อยๆมันยากกว่า ทำยังไงก็ไม่ตายเสียทีนี่แหละ มันคือความทรมานของการมีชีวิต ศักยภาพในการดำรงชีพของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน...
同時也有7部Youtube影片,追蹤數超過25萬的網紅เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ 555,也在其Youtube影片中提到,#ฉลองปีใหม่#กินยำขนมจีน#ยายต๊ะ#สะไภ้ต่างแดน#แม่บ้านต่างแดน#ใช้ชีวิตแบบพอเพียง...
「คนชนบท」的推薦目錄:
- 關於คนชนบท 在 อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก Facebook 的最佳解答
- 關於คนชนบท 在 โหดสัส ตามภาพ Facebook 的最讚貼文
- 關於คนชนบท 在 sittikorn saksang Facebook 的最讚貼文
- 關於คนชนบท 在 เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ 555 Youtube 的最佳解答
- 關於คนชนบท 在 เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ 555 Youtube 的精選貼文
- 關於คนชนบท 在 เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ 555 Youtube 的精選貼文
- 關於คนชนบท 在 คนชนบท - YouTube 的評價
- 關於คนชนบท 在 ไอเดีย ชีวิตชนบท 58 รายการ | ชีวิตชนบท, วิถีชีวิต, ชนบท - Pinterest 的評價
- 關於คนชนบท 在 วิถีชีวิตคนชนบทและธรรมชาติที่สวยงาม | Facebook 的評價
คนชนบท 在 โหดสัส ตามภาพ Facebook 的最讚貼文
การยุบพรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่สิ่งที่รัฐไทยพึ่งทำเป็นครั้งแรก
.
รัฐไทยที่โคตรจะล้าหลังเกินจะเยียวยาหรือจะสามารถปฏิรูปได้ รู้ตัวเองว่าไม่มีความสามารถพอที่จะครองใจประชาชนได้ แต่ใช้วิธีทำลายองค์กรจัดตั้งทางการเมือง ทำลายเครือข่ายความสัมพันธ์
.
ใช้วิธีหักที่ปลายหอก ทำลายส่วนที่แหลมคมที่สุดของหัวลูกศรที่พุ่งตรงเข้ามาทำลายตัวเอง
.
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการทำลายองค์กรจัดตั้งในลักษณะดังกล่าวมาไม่น้อยครั้ง นปช. องค์กรจัดตั้งของคนชั้นล่าง เกษตรกร คนชนบท ก็ได้ถูกรัฐใช้ทั้งกลไกความมั่นคงและองค์กรทางกฏหมายทำลายลง
.
หากมองย้อนหลังไป พรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนก็ถูกทำลายในลักษณะเดียวกัน
.
สภาพการณ์เดียวกัน หัวอกเดียวกัน
.
องค์กรถูกทำลาย แกนนำ ส.ส. ถูกตัดสิทธิ์ ติดคดีกันเพียบ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอมาไม่เลือกหน้า ขอเพียงแต่ว่าถ้าเป็นปฏิปักษ์กับรัฐไทย
.
รัฐที่มองเห็นประชาชนเป็นไพร่ทาส ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นล่าง คนชั้นกลาง กรรมกร ชาวนา คนทำงานนั่งโต๊ะ ผู้ประกอบการรายย่อย หรือแม้แต่ปัญญาชนนักวิชาการ
.
รัฐที่ปกครองประชาชนโดยใช้วิธีล่อลวงผสมกับความหวาดกลัว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนชนบท 在 sittikorn saksang Facebook 的最讚貼文
"นักวิชาการต่างชาติห่วงแนวคิดล้มเลือกตั้งท้องถิ่น แปลกใจคนมีการศึกษาไทยไม่หนุนปชต."
วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:30:00 น.
ที่มา ประชาไท
จอม เพชรประดับ สัมภาษณ์ แคทเธอรีน บาววี่ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านไทยศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน ชี้คนในต่างจังหวัดคุ้นเคยกับการเลือกตั้งมานานกว่าคนในเมือง ห่วงแนวปฏิรูปรัฐบาลทหารยกเลิกเลือกตั้งท้องถิ่น
ศาสตราจารย์ แคทเธอรีน บาววี่ (แฟ้มภาพประชาไท)
แคทเธอรีน บาววี่ (Katheirne A. Bowie) อดีตผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ ประจำคณะมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดินสัน
เธอเป็นหนึ่งอาจารย์ชาวต่างชาติเพียงไม่กี่คนที่สนใจ ศึกษาสังคมไทยอย่างลึกซึ้ง และจริงจัง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ที่เธอได้เข้าไปทำงาน คลุกคลีกับชาวชนบททางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เธอให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องด้วย
และเมื่อบริบทของสังคมในประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในรอบ 30 ปี ที่ผ่านมา อาจารย์แคเธอรีน มองสังคม การเมือง และการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทยอย่างไร
“ชนบทไทย เปรียบเทียบกับเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว รวมทั้ง ความคิดของคนไทยในชนบท ก็เปลี่ยนแปลงไปมากด้วย ถ้าย้อนไปไกลเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว สังคมชนบทไทย ก็ยังเป็นสังคมในระบบศักดินา” อาจารย์แคเธอรีน เกริ่นบทสนทนาด้วยการพูดภาษาไทยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เธอกล่าวเน้นถึงโดยเฉพาะภาคเหนือของประเทศไทย ที่เคยไปใช้ชีวิตอยู่กับชาวบ้านนานหลายปี
“คนในภาคเหนือ และเชื่อว่าภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยด้วยเหมือนกัน ที่สมัยก่อนนั้น เขารู้สึกว่า เขาเป็นขี้ข้าของคนมีอำนาจ ตามลักษณะของสังคมศักดินา แต่ในปี พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นปีที่ดิฉันไปอยู่กับชาวบ้าน ในขณะนั้น ชาวบ้านเขาตื่นตัว เรื่องการเลือกตั้งมาก เพราะในชนบทของไทยขณะนั้น มีการเลือกตั้ง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตามกฎหมายลักษณะการปกครองท้องถิ่นมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2440 สมัยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพแล้ว”
“พอมาถึงยุคปัจจุบันที่ประชาชนมีส่วนร่วมโดยการเลือกตั้งมากยิ่งขึ้น ความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ประชาชนเป็นคนเลือกเข้าไป จึงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย เรื่องการรักษาสุขภาพ เช่น สามสิบบาทรักษาทุกโรค เรื่องสินค้าโอท็อป ดังนั้นในระยะสิบปีที่ผ่านมา ประชาชนไทยในชนบทได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลมากขึ้น”
แต่บริบททางการเมืองของสังคมไทยเวลานี้ กลับเห็นว่า ความช่วยเหลือที่รัฐบาลจากการเลือกตั้ง ได้หยิบยื่นให้กับชาวชนบทนั้น หรือที่เรียกว่า “ประชานิยม” ได้ถูกแปรความหมายไปในทางที่สร้างปัญหา ถูกมองว่า เป็นสิ่งเสพติดสำหรับชาวชนบท ทำลายการเงินการคลังของประเทศ เป็นที่มาของการคอรัปชั่น รวมทั้ง ยังเป็นการทำลายทรัพยากรของประเทศ เพียงเพราะฝ่ายการเมือง หรือ นักการเมือง ต้องการที่จะได้คะแนนเสียงนิยม ในการเข้ามามีอำนาจแต่เพียงเท่านั้น
ประเด็นนี้ อาจารย์แคทเธอรีน อธิบายว่า นักการเมืองเมื่อมาเป็นรัฐบาล ก็ควรที่จะรับใช้ราษฎร แทนที่จะให้ราษฎรเป็นขี้ข้าเหมือนแต่ก่อน ดังนั้น ผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.ก็ควรจะรับใช้ราษฎร ไม่ว่านโยบายอะไร ถ้าเป็นการช่วยเหลือ แก้ปัญหาให้กับประชาชน ประชาชนก็นิยมเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากเป็นนโยบายที่สร้างปัญหา แม้ประชาชนจะนิยมหรือชอบ รัฐบาลหรือผู้ปกครอง ก็จะต้องมีการวางแผนอย่างดี ทั้งการใช้จ่ายงบประมาณ หรือ แก้ปัญหา ป้องกันการคอรัปชั่น เพราะงบประมาณนั้นมีจำกัด ดังนั้นก็ควรจะโต้แย้งกันว่า จะใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพดีที่สุดได้อย่างไร แต่ต้องเป็นระบบที่จะทำให้ ชาวบ้าน มีส่วนร่วมได้ ก็คือ การเลือกตั้ง ซึ่งก็จะเป็นวิธีการที่จะสร้างความสมดุลในการตรวจสอบผู้มีอำนาจ หรือนักการเมือง
อาจารย์แคทเธอรีนกล่าวย้ำว่า นโยบายรัฐบาล จะต้องช่วยเหลือราษฎร เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่หากมีรายละเอียดที่จะสร้างปัญหา หรือส่งผลกระทบในด้านต่าง ๆ ก็จะต้องถกเถียงกัน ต้องให้มีระบบการตรวจสอบ ถ่วงดุล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ และหากปัญหาอยู่ที่ตัวนโยบายก็ควรที่จะต้องนำมาถกเถียงพูดคุยกันด้วยเหมือนกันเพื่อแก้ไข จุดอ่อน ของนโยบายนั้น ๆ
สืบเนื่องจากนโยบายประชานิยม นี่เอง ที่ทำให้ คนชั้นกลางในเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯเข้าใจว่า คนชนบท เห็นแก่เงิน ยอมขายสิทธิ์ ขายเสียงตัวเอง เพื่อหวังจะได้เงินจากนักการเมือง และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น หรือ ยอมเป็นทาสเงินของนักการเมือง
อาจารย์แคทเธอรีนบอกว่า เคยได้ยินเพื่อนที่อยู่ในกรุงเทพฯมักจะมองคนในชนบทเป็นแบบนี้จริง ๆ แต่ที่จริงแล้ว ชาวบ้านเขาคุ้นเคยกับระบบการเลือกตั้ง และใช้วิถีทางประชาธิปไตยมานานกว่าคนในเมืองด้วยซ้ำ ตั้งแต่ปี 2440 เป็นต้นมาด้วยซ้ำ ส่วนคนในเมืองเพิ่งจะมีการเลือกตั้งกันจริง ๆ จัง ๆ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี 2475 เท่านั้นเอง ดังนั้น ชาวบ้านในชนบท ที่ผ่านการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน เขาก็จะมีวิธีการเลือกตั้งของเขาในแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งเรื่องเงินไม่ได้เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ชาวบ้านตัดสินใจเลือก หลายครั้งชาวบ้าน ก็เลือกนักการเมืองหน้าใหม่ๆ เข้ามาซึ่งไม่เคยมีผลงานมาก่อน
“ชาวบ้าน เขามีวิธีการของเขา เขาจะประชุมผู้นำในหมู่บ้าน วางแผนกันว่าจะลงคะแนนให้กับคนไหนเป็นพิเศษ หรือ อาจจะลงให้คนไหนเท่าไหร่ นี่คือการ ต่อรองทางการเมืองของชาวบ้านที่มีมานานแล้ว แม้ว่าจะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง แต่ก็ไม่มาก และไม่ได้หมายความว่า ใครให้เงินชาวบ้านมากที่สุด คนนั้นจะได้รับเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่” อาจารย์แคทเธอรีน กล่าว
อาจารย์แคทเธอรีน อธิบายเพิ่มเติม เรื่องการใช้เงินเพื่อการต่อสู้ทางการเมืองของนักการเมืองนั้น มีอยู่เกือบทุกประเทศในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย แม้แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็เช่นเดียวกัน นักการเมืองสหรัฐฯ มีการใช้เงินเพื่อซื้อโฆษณาในการหาเสียงเลือกตั้งกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องแบบนี้ตรวจสอบกันได้ ถ้าใช้เงินกันอย่างไม่โปร่งใส ประชาชนก็จะไม่เลือกเขาอีกในอนาคต
“คนในชนบทของไทยเวลานี้ มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท แม้แต่ปริญญาเอกก็มี เขากลายเป็นชนชั้นกลางมากขึ้น เขาเสียภาษีมากขึ้นด้วย ความช่วยเหลือที่จะช่วยเขาคือ ช่วยเหลือเรื่องการตลาด ช่วยเรื่องอาชีพ ชาวบ้านเขาไม่ได้ขี้เกียจ หรือ เขาอยู่เฉยนะ ดังนั้นอย่าไปมองว่า ยอมขายสิทธิ์ ขายเสียงหรือขายศักดิ์ศรีของตัวเอง ถ้ามองชาวบ้านแบบนี้ ก็จะสร้างปัญหา แต่ควรจะให้เกียรติกับคนชนบทด้วย และให้เกียรติกับทุกฝ่ายด้วยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง ก็มี ประเด็นที่เราควรรับฟังด้วยกันทั้งนั้น ขณะเดียวกัน คนเสื้อแดง ถ้ามองว่าเป็น คนชนบทส่วนใหญ่ ก็ต้องให้เกียรติกับเขาด้วย ในการตัดสินใจ เลือกนักการเมืองคนหนึ่งคนใดเข้ามา ก็ควรยอมรับความคิดเห็นและความต้องการของเขา”
สายธารประชาธิปไตยที่แปรผันไปตามฤดูกาล บางยุคก็คึกคักเข้มข้น บางยุคก็มืดมนเมื่อเกิดรัฐประหาร เหมือนเช่นปัจจุบัน ทำให้ ความเข้าใจ “ประชาธิปไตย” ของคนไทย ระหว่างคนในเมือง กับ คนในชนบท ดูจะยังขัดแย้งและสวนทางกัน
อาจารย์แคทเธอรีน อธิบายเรื่องนี้ว่า คนในต่างจังหวัดคุ้นเคยกับการเลือกตั้งมานานกว่าคนในเมืองอย่างที่กล่าวแล้ว คนในเมือง คนในกรุงเทพเริ่มมาคึกคัก จริงจัง หลังปี พ.ศ. 2475 แล้วเท่านั้น แต่ที่สำคัญ ต้องทำให้ระบบเลือกตั้งในท้องถิ่น เข้มแข็ง เพราะท้องถิ่น ทุกคนรู้จักกัน เขารู้แต่ละคนมีผลงานอย่างไร จะเปลี่ยนคนเมื่อเขาไม่พอใจ ถ้าเล่นพรรคเล่นพวกกันเกินไป ไม่ดูแลประชาชน สุดท้าย ชาวบ้านก็เปลี่ยนไปเลือกคนใหม่ ที่มีความสามารถและมีความคิดที่ดีกว่า
อาจารย์แคทเธอรีนยอมรับว่า ยังมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่อาจจะรู้สึกอึดอัดกับวิถีทางประชาธิปไตย ที่ใช้การเลือกตั้งเป็นตัวตัดสิน หรือแก้ปัญหา เพราะทำให้เกิดประชานิยม หรือ เกิดการคอรัปชั่น แม้แต่คนอเมริกันเอง ส่วนหนึ่งก็อึดอัดในเรื่องนี้
“เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่แข่งขันกันระหว่าง จอร์ช ดับเบิลยู บุช กับ อังกอร์ คนอเมริกันตอนนั้น อึดอัดมาก ยิ่งกอร์ ได้คะแนน ใน popular vote มากกว่า บุช แต่ ศาลสูงสุด ตัดสินให้ บุช ชนะ คนที่เลือก กอร์ ก็อึดอัดมากแต่เราก็ต้องอดทน ยอมที่จะอมมันไว้ และรออีก 4 ปี รอวันที่จะให้เลือกตั้งใหม่ เราก็จะเลือกคนที่เราต้องการ ให้เป็นเข้ามาใหม่ ซึ่งระบบวิถีทางแบบนี้เราคุ้นเคยกันมานานแล้ว”
และเมื่อถามว่าแล้วคิดว่าเพราะอะไร คนไทยถึงมักไม่ค่อยยอมที่จะอดทน อาจารย์แคเธอรีนตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า “ไม่ทราบ”
ความเห็นที่ขัดแย้งกันระหว่างคนกรุงเทพฯ หรือ คนในเมือง กับ คนชนบท ยังมีประเด็นให้คุยได้อีกมาก ทั้งความคิดที่ว่า เสียงของคนชนบทที่ไม่มีการศึกษา หรือการศึกษาน้อย ก็ควรที่จะมีค่าน้อยกว่า เสียงของคนชั้นกลาง หรือ คนชั้นสูงในกรุงเทพฯ ที่มีการศึกษาดีกว่า เพราะยิ่งมีการศึกษาน้อย ก็ยิ่งจะหลงเชื่อนักการเมืองได้ง่าย
“ความคิดนี้ถือเป็นเรื่องแปลกมาก ว่าทำไม คนที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือ คนที่มีการศึกษา ถึงไม่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย ที่ให้ความสำคัญกับ หนึ่งสิทธิ์ หนึ่งเสียง มีเพื่อนที่อยู่ในชนบทหลายคนแม้ว่าจะเป็นชาวบ้านจบปอสี่ แต่มีความรู้ มีฝีมือ หลายด้าน ทั้งการเมืองระดับท้องถิ่น การประกอบอาชีพ อย่างเช่นการทำนา ปลูกข้าว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะ” อาจารย์แคเธอรีนกล่าว
ประเด็นที่กำลังเป็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับ นโยบายของรัฐบาลไทยเวลานี้ คือ แนวคิดที่จะยกเลิกการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เพื่อที่จะพยายามปฎิรูปการเมืองไทย ให้เป็นประชาธิปไตยแบบไทย ๆ
แม้จะเป็นประเด็นเดียวกันกับที่ อาจารย์แคทเธอลีนกังวล แต่เธอก็ตอบแบบเลี่ยง ๆ ว่า ด้านหนึ่ง เป็นเรื่องของคนไทยเองที่จะต้องตัดสินใจว่าจะสร้างประชาธิปไตยแบบไหน แต่สำหรับเธอแล้ว อยากเห็นคนไทยรักษาประชาธิปไตยแบบไทยๆ คือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยการเลือกตั้ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตยในระดับหมู่บ้าน คิดว่า ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ที่แท้ คือ จะต้องให้เกียรติกับทุก ๆ คน ไม่ใช่คิดว่าเรามีอำนาจอยู่คนเดียว หรือรู้มากกว่าคนอื่น เพราะถ้ามองอย่างนั้น จะสร้างปัญหาในอนาคต
“ข้อเสนอที่จะให้มีการยกเลิกการเลือกตั้งท้องถิ่น อันนี้เป็นห่วงมากว่า จะเป็นจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นอย่างนี้จริง นอกจากจะไม่เป็นประชาธิปไตยแล้ว เป็นห่วงว่า จะสร้างปัญหาให้กับ คนชนบทไทยในอนาคตอย่างแน่นอน”
อาจารย์แคทเธอลีน ทิ้งท้าย บทสนทนาด้วยการแสดงความห่วงใย และเป็นกังวลกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทหารของไทยในขณะนี้ เพราะในฐานะที่เคยอาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 30 ปี ย่อมมีความผูกพัน ใกล้ชิดเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง
“เราหวังว่า ทุกฝ่ายจะให้การยอมรับความคิดของกันและกัน และให้เกียรติทุกฝ่ายว่ามีความคิด และมีเหตุผลที่จะร่วมกันแก้ปัญหาของชาติบ้านเมือง”
คนชนบท 在 เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ 555 Youtube 的最佳解答
#ฉลองปีใหม่#กินยำขนมจีน#ยายต๊ะ#สะไภ้ต่างแดน#แม่บ้านต่างแดน#ใช้ชีวิตแบบพอเพียง
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/LBzQTVeOQf8/hqdefault.jpg)
คนชนบท 在 เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ 555 Youtube 的精選貼文
ขอบคุณfcทุกๆคนมากๆนะคะที่ติดตามช่วยกดไลฟ์ กดแชร์ ให้ยายต๊ะมาตลอด ถ้าชอบคลิปชอบวีดีโอก็ช่วยกดติดตามให้ยายต๊ะด้วยนะคะ??❤เพจชื่อ เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ555 เฟสชื่อเมียฝรั่งชนบท ต๊ะห้าห้าห้า นะคะ
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/r3A2MWTgQiA/hqdefault.jpg)
คนชนบท 在 เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ 555 Youtube 的精選貼文
ขอบคุณfcทุกๆคนมากๆนะคะที่ติดตามช่วยกดไลฟ์ กดแชร์ ให้ยายต๊ะมาตลอด ถ้าชอบคลิปชอบวีดีโอก็ช่วยกดติดตามให้ยายต๊ะด้วยนะคะ??❤เพจชื่อ เมียฝรั่งชนบท ต๊ะ555 เฟสชื่อเมียฝรั่งชนบท ต๊ะห้าห้าห้า นะคะ
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/BsDSWT7udHQ/hqdefault.jpg)
คนชนบท 在 ไอเดีย ชีวิตชนบท 58 รายการ | ชีวิตชนบท, วิถีชีวิต, ชนบท - Pinterest 的推薦與評價
2018 - สำรวจบอร์ด "ชีวิตชนบท" ของ Sukkasam Sengaoun บน Pinterest ... ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หอมกลิ่นบ้านนอก Creative Activities, Philippines, Country Roads. ... <看更多>
คนชนบท 在 วิถีชีวิตคนชนบทและธรรมชาติที่สวยงาม | Facebook 的推薦與評價
⭐️ … See more. malay66 - เว็บรวมเกมส์กีฬาและเกมมากมาย แทงบอลออนไลน์. ... <看更多>
คนชนบท 在 คนชนบท - YouTube 的推薦與評價
Provided to YouTube by Ocean Media คนชนบท · สายัณห์ สัญญา · Ocean Mediaเพลงดัง สายัณห์ สัญญา, Vol. 11℗ Ocean MediaReleased on: ... ... <看更多>