關於 ซื้อบ้าน ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

พยากรณ์ 12 ราศี เดือนตุลาคม 2564

Part II ราศี ตุลย์ พิจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน

ราศีตุลย์ (สำหรับคนที่มี ลัคนาอยู่ราศีตุลย์ หรือ คนที่เกิดในช่วง 17 ต.ค. - 15 พ.ย.)

สำหรับดวงชะตาของชาวราศีตุลย์ ดาวศุกร์(๖)เป็นดาวประจำตัวของชาวราศีตุลย์ ในช่วงวันที่ 3 ต.ค. – 30 ต.ค. มีการโคจรเข้าสู่ราศีพิจิกในเรือนการเงิน ส่งผลให้ตนเองจะไปให้ความสำคัญกับเรื่องของการเงินและรายได้เป็นสำคัญ เนื่องจากภาระต่างๆเริ่มขยับมากขึ้น หนี้สิน หรือ ค่าใช้จ่ายเริ่มที่จะกลับมาไม่ชะลอตัวเหมือนช่วงก่อนหน้า เวลานี้จึงมีความมุ่นมั่นในการหาเงินเป็นส่วนใหญ่ สำหรับการงาน ดาวพุธ(๔)เป็นดาวเจ้าเรือนศุภะ(เป้าหมาย/ความสำเร็จ) ยังโคจรเป็นวินาศกับดวงชะตา ส่งผลให้ตอนนี้เหมือนเป็นช่วงที่จะทำอะไรเบื้องหลัง หรือ ยังไม่ควรเปิดเผยอะไรมากนัก ค่อยๆจัดการวางแผนไปก่อน คนที่จะย้ายเปลี่ยนงานจะเป็นช่วงที่ไตร่ตรอง อยากลาออก หรือ ย้ายเปลี่ยน จะพอมีโอกาสจากคนรัก หรือ คนอื่นมาเป็นช่องทางให้ช่วงนี้ งานประจำยังสามารถทำได้ต่อเนื่อง แต่ถ้ามีโอกาสในเรื่องรายได้มากขึ้นสามารถตัดสินใจย้ายเปลี่ยนได้เช่นกัน การทำธุรกิจจะเริ่มเห็นผลดีในช่วงเดือนถัดไป เดือนนี้การติดต่อทำการค้าจะง่ายกว่าช่วงที่ผ่านมา

สำหรับการเงิน ดาวอังคาร(๓)เป็นดาวเจ้าเรือนการเงิน ยังโคจรเป็นวินาศกับดวงชะตาจนถึงวันที่ 21 ต.ค. จะมีการโคจรเข้าทับดวงชะตา ส่งผลให้รายจ่ายยังคงมากอยู่ในช่วงก่อนหน้า หลังจากนั้นถึงจะค่อยดีขึ้นมีคนให้การช่วยเหลือการเงิน หรือ มีช่องทางในการหาเงินมากขึ้น มีทิศทางที่ค่อนข้างดีไม่น่าเป็นกังวล

สำหรับความรัก คนที่มีคนรักหรือครอบครัว เป็นช่วงที่จะมีการสนับสนุนช่วยเหลือกันดี จะมีความขัดแย้งกันบ้างประปรายไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ส่วนคนโสด มีโอกาสที่คนเก่า หรือ คนที่เลิกรากันไปจะกลับมาอยากมีความสัมพันธ์ด้วย แต่ดูให้ดีว่าจะเป็นปัญหาชู้สาวที่จะทำให้เกิดปัญหาตามมาหรือไม่ อย่าพึ่งเปิดใจมากดูยาวๆอย่างน้อย 3 เดือนจากนี้ไป และ มีคนเข้ามาสัมพันธ์ด้วยในช่วงนี้เช่นเดียวกันที่จะมาพร้อมผลประโยชน์

ราศีพิจิก (สำหรับคนที่มี ลัคนาอยู่ราศีพิจิก หรือ คนที่เกิดในช่วง 16 พ.ย. – 15 ธ.ค.)

สำหรับดวงชะตาของชาวราศีพิจิก ดาวอังคาร(๓) เป็นดาวประจำตัวของชาวราศีพิจิก โคจรมีตำแหน่งมหาจักร ในเรือนลาภะ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. – 20 ต.ค. สัมพันธ์กับดาวอาทิตย์(๑)ที่เป็นดาวเจ้าเรือนการงานและดาวพุธ(๔)ที่เป็นดาวเจ้าเรือนลาภะ ส่งผลให้ตนเองต้องเหนื่อยและบากบั่นมากถึงจะได้ลาภผล หรือ มีความสำเร็จ ซึ่งต้องใช้เวลาหน่อยแต่เห็นผลได้ชัดเจนในสิ่งที่ตนมีความตั้งใจทำ ในวันที่ 18 ก.ย. ดาวอาทิตย์(๑)จะโคจรเป็นวินาศกับดวงชะตา ส่งผลให้ตนนั้นเกิดอาการ ไม่อยากแต่ก็ต้องไปทำ หรือ ได้งานที่ไม่ชอบ ไม่ถนัด แต่ทำแล้วดี เพราะมีคนช่วยเหลือสนับสนุน มีโปรเจคโครงการที่แอบซุ่มทำเบื้องหลังเช่นเดียวกัน คนที่จะย้ายเปลี่ยนงานจะมีข่าวดีในเดือนถัดไป ส่วนเรื่องของธุรกิจยังไปได้เรื่อยๆ เหมือนจะแย่แต่ก็ไม่แย่ ยังประคองตัวไปได้แล้วจะดีเด่นในเดือนถัดไปเช่นกัน

สำหรับการเงิน ดาวพฤหัสบดี(๕)เป็นดาวเจ้าเรือนการเงิน ยังโคจรพักร์องศาอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้การเงินยังได้ไม่มากตามที่ตนหวังไว้ และ มีแนวโน้มที่จะใช้ในการลงทุน ขยับขยายกิจการในช่วงเดือนถัดไป หรือ ซื้อบ้าน/รถ เช่นกัน ทิศทางการเงินถือว่าในปีนี้จนถึงปัจจุบันดูเหมือนแย่ แต่ไม่ได้ลำบากอะไร ในขณะที่คนรอบตัวเจอหนักกว่าตนมากนัก

สำหรับความรัก คนที่มีคนรักหรือครอบครัว จะได้กับการสนับสนุนช่วยเหลือจากคนรักมาต่อเนื่อง แต่จะมีปัญหากันบ้างประปราย ความสัมพันธ์อยู่ในช่วงมีความสุขกันดี คนโสด เป็นช่วงที่คนจะเข้ามาสัมพันธ์ด้วยหลากหลาย รวมถึงคนที่เลิกราไปแล้วอยากกลับมาคืนดีกับตน ให้ระวังปัญหาชู้สาวให้ดีไม่ว่าจะเกิดจากตนเอง หรือ คนที่เข้ามาสัมพันธ์ด้วย

ราศีธนู (สำหรับคนที่มี ลัคนาอยู่ราศีธนู หรือ คนที่เกิดในช่วง 16 ธ.ค. - 15 ม.ค.)

สำหรับดวงชะตาของชาวราศีธนู ดาวพฤหัสบดี(๕)เป็นดาวประจำตัว ยังโคจรพักร์องศาอยู่ในราศีมังกรในเรือนการเงิน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. และ จะเดินหน้าอีกในวันที่ 27 ต.ค. ส่งผลให้เป็นเวลาที่ตนเองจะต้องศึกษาวิธีการหาเงิน หรือ ช่องทางในการทำเงินมากขึ้น รวมถึงเวลานี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องของการเงินเป็นหลัก ในขณะที่ภาระทางการเงินเริ่มจะกลับมามีบทบาทอีกครั้ง จำเป็นต้องมีรายได้สูงขึ้น จากอิทธิพลของดาวเสาร์(๗)ที่เป็นดาวเจ้าเรือนการเงินโคจรเดินหน้า สำหรับการงานมีความก้าวหน้าเป็นไปในทิศทางที่ดี การติต่อเจราจามีความสำเร็จคล่องตัว จากอิทธิพลของดาวพุธ(๔)ที่เป็นดาวเจ้าเรือนการงานโคจรเดินหน้าในช่วงวันที่ 4 ต.ค. มีตำแหน่งอุจน์และเกษตร ทำให้การงานมีความโดดเด่นและคล่องตัวอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสจากงานเก่า หรือ การสนับสนุนจากคนรอบตัว และ บริวารลูกน้องมากขึ้นเช่นเดียวกัน คนที่จะทำในสิ่งใหม่ หรือ โปรเจคใหม่ก็เป็นไปในทิศทางที่ดีเช่นกัน

สำหรับการเงิน ทิศทางการเงินเริ่มจะดีขึ้น แม้ว่าจะมีภาระหรือรายจ่ายสูงแต่ยังอยู่ในจุดที่ตนสามารถควบคุมได้ไม่ได้รับผลกระทบมาก มีการสนับสนุนจากคนรอบตัวเช่นเดียวกัน

สำหรับความรัก คนที่มีคนรักหรือครอบครัว ความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี มีโอกาสข่าวดีในเรื่องของการมีบุตร คนที่ทำงานด้วยกันจะส่งเสริมการงานเป็นอย่างดี ส่วนคนโสดมีโอกาสเจอคนรักจากการทำงาน หรือ ในสังคมการงานและติดต่องานในช่วงนี้

ราศีมังกร (สำหรับคนที่มี ลัคนาอยู่ราศีมังกร หรือ คนที่เกิดในช่วง 16 ม.ค. – 12 ก.พ.)

สำหรับดวงชะตาของชาวราศีมังกร ดาวเสาร์(๗)เป็นดาวประจำตัวเริ่มโคจรเดินหน้าในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตนเองจับทิศทางชีวิตของตนเองได้ถูกทาง มีความชัดเจนในสิ่งที่ทำมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเข้ามาในการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงงาน เปลี่ยนแปลงแล้วดี ได้มิตรหรือผู้ใหญ่เจ้านายเตรียมการให้การสนับสนุนผลักดัน ทิศทางการงานดาวศุกร์(๖)เป็นดาวเจ้าเรือนการงานโคจรเข้าสู่ราศีพิจิกในเรือนลาภะ มีตำแหน่งประเกษตร ในวันที่ 3 ต.ค. – 30 ต.ค. ส่งผลให้การงานที่ทำไว้เกิดความสำเร็จ มีลาภลจากสิ่งที่ทำ มีโอกาสได้คนช่วยเหลือการงาน และ กิจการใหม่ หรือ จากทางครอบครัวส่งเสริมการงาน การติดต่อเจรจามีข่าวดีในเรื่องของการงานเช่นกัน

สำหรับการเงิน เป็นช่วงที่จะกินใช้ได้คล่องตัว มีรายได้เสริมมากขึ้นจากการค้า หรือ งานเสริม งานด้านนายหน้า หรือ การลงทุนเกี่ยวกับหุ้นต่างๆ และ จากการขาย บ้าน/รถ/ที่ดิน มีการสนับสนุนจากคนในครอบครัว การเงินไม่น่าเป็นกังวล

สำหรับความรัก คนที่มีคนรัก หรือ ครอบครัว เรื่องที่เป็นปัญหาก่อนหน้ามีความคลี่คลาย ความสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีความเข้าใจกันกับคนรัก มีเกณฑ์ที่วางแผนในการมีบุตรเช่นกัน ส่วนคนโสดจะมีคนในสังคมเดียวกัน หรือ ผู้ใหญ่ และ คนใกล้ตัวเข้ามาสัมพันธ์ด้วยในช่วงนี้

ราศีกุมภ์ (สำหรับคนที่มี ลัคนาอยู่ราศีกุมภ์ หรือ คนที่เกิดในช่วง 13 ก.พ. – 13 มี.ค.)

สำหรับดวงชะตาของชาวราศีกุมภ์ ดาวศุกร์(๖) เป็นดาวเจ้าเรือนพันธุ และ ดาวเจ้าเรือนศุภะ(เป้าหมาย/ความสำเร็จ) โคจรเข้าสู่ราศีพิจิกในวันที่ 3 ต.ค. – 30 ต.ค. ในเรือนการงาน เล็งสัมพันธ์กับดาวราหู(๘) ส่งผลให้เป็นช่วงที่มีความต้องการความสุขในการทำงาน รวมถึงความต้องการให้คนในที่ทำงานให้การสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องของงานในช่วงดังกล่าว ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่ในการทำงานเกิดขึ้น จากอิทธิพลของดาวอังคาร(๓)เป็นดาวเจ้าเรือนสหัชชะ และ ดาวเจ้าเรือนการงาน โคจรเข้าสู่ราศีตุลย์ ในเรือนศุภะ วันที่ 21 ต.ค. เป็นเกษตรสลับเรือนกัน ส่งผลให้มีการสลับเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงานเกิดขึ้น ต้องไปช่วยเหลือ หรือ ให้คนช่วยเหลือการงานของตนในช่วงดังกล่าว คนที่จะย้ายเปลี่ยนงานช่วงนี้ขอให้ดูไปก่อนจะมีโอกาสเข้ามาให้เลือก ค่อยๆวางแผนไปก่อน คนที่ทำธุรกิจเริ่มมีความคล่องตัวมากขึ้นในการติดต่อการค้า แต่ผลลัพธ์ยังไม่ได้มากตามที่ตนต้องการนักจะส่งผลดีอย่างมากในเดือนถัดไป

สำหรับการเงิน ดาวพฤหัสบดี(๕)เป็นดาวเจ้าเรือนการเงินโคจรพักร์องศากลับไปเป็นวินาศกับดวงชะตาที่ราศีมังกรในวันที่ 28 ก.ย. มีตำแหน่งนิจ(เสื่อมถอย) ส่งผลให้การเงินไม่คล่องตัวมากนัก หรือ ได้น้อยไม่ตามเป้าที่คาดหวัง จะดีในช่วงเดือนถัดไปสำหรับทิศทางการเงิน

สำหรับความรัก คนที่มีคนรักหรือครอบครัว จะมีการส่งเสริม หรือ มาเป็นโอกาสให้กับเราในเรื่องต่างๆ ความสัมพันธ์ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ค่อยๆดีขึ้นจากก่อนหน้า คนโสดจะเจอคนในสังคมเดียวกัน หรือ จากการทำงานเข้ามาสัมพันธ์ด้วยในช่วงนี้

ราศีมีน (สำหรับคนที่มี ลัคนาอยู่ราศีมีน หรือ คนที่เกิดในช่วง 14 มี.ค. – 12 เม.ย.)

สำหรับดวงชะตาของชาวราศีมีน ในช่วงเดือนที่ผ่านมาอิทธิพลของดาวหลายดวงเล็งดวงชะตาราศี ส่งผลให้เป็นจังหวะที่ต้องมีเรื่องให้คิดวกตกมากมาย ซึ่งมีผลต่อเป้าหมายในชีวิตของตนเป็นอย่างมาก ดาวพฤหัสบดี(๕)เป็นดาวประจำตัวและดาวเจ้าเรือนการงาน ยังโคจรพักร์องศาอยู่ในปัจจุบัน ในราศีมังกร มีตำแหน่งนิจ(เสื่อมถอย) ในเรือนลาภะ ส่งผลให้เวลานี้การงานยังไม่ก้าวหน้า อ่อนกำลัง ไม่ได้ตามที่ตนหวัง หรือ คนที่ว่างงานแล้วพลาดโอกาสก่อนหน้าทำให้ยังคงว่างงานอยู่ ต้องคิดวางแผนใหม่ ใช้เวลาหน่อยถึงจะดีแต่ไม่อยากให้คาดหวังมากในปีนี้เท่าไรนัก ดาวอังคาร(๓)เป็นดาวเจ้าเรือศุภะ(เป้าหมาย/ความสำเร็จ) โคจรมีตำแหน่งมหาจักรสัมพันธ์กับดาวพุธ(๔)ที่เป็นดาวเจ้าเรือนปัตนิ ตั้งแต่ 6 ก.ย. – 20 ต.ค. ช่วงดังกล่าวนั้นพอมีโอกาสให้ตัดสินใจ การไปทำงานกับคนรัก การลงทุนเรื่องหุ้น การมีหุ้นส่วนในธุรกิจ การฝากฝั่งเรื่องงานกับคนอื่น ที่กล่าวมาเบื้องต้นจะพอมีข่าวดีในช่วงดังกล่าว ถ้าดูแล้วตนนั้นมีความรู้ ประสบการณ์ สามารถทำได้ดี และ จะมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับการโยกย้ายงานในเดือนถัดไป คนที่ประกอบธุรกิจขอให้อดทนไปก่อน ค่อยๆจัดการวางแผนและยังไม่ควรเปิดตัวอะไรมากในสิ่งที่ทำ

สำหรับการเงิน ดาวอังคาร(๓)เป็นดาวเจ้าเรือนการเงิน โคจรเป็นมรณะกับดวงชะตาในวันที่ 31 ต.ค. – 3 ธ.ค. ส่งผลให้เป็นช่วงที่จะมีรายจ่ายมาก รวมถึงการลงทุนและการเดินทางไกล แต่ให้ระวังเรื่องของการป่วยเจ็บและอุบัติเหตุให้ดีในช่วงดังกล่าว แม้จะมีรายจ่ายมากแต่ยังผ่านไปได้ด้วยดีไม่น่าเป็นกังวลและจะดีมากในช่วงปลายปี ดีต่อเนื่องจนถึงช่วงปีหน้าเลยทีเดียว

สำหรับความรัก คนที่มีคนรัก หรือ ครอบครัว ความสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางที่ดีแต่ก็จะมีเรื่องกันบ้าง ตัวเองต้องให้กำลังใจตัวเองเป็นสำคัญและรอวันพิสูจน์ให้คนรักเห็นถึงความตั้งใจในสิ่งที่ตนทำ ย่อมสำเร็จผลแต่ให้เวลาหน่อยในเรื่องนี้ จะมีขัดใจกันบ้างประปราย คนโสด เวลานี้เพื่อน หรือ คนใกล้ตัวจะเข้ามาสัมพันธ์ด้วย หรือ มีการชักชวนไปเที่ยว แนะนำว่าถ้าจะเป็นความสัมพันธ์ที่อยากพัฒนาไปเป็นถึงคนรัก ต้องรักษาระยะห่างไว้ก่อน ระวังปัญหาชู้สาวหรือรักซ้อนที่จะมีผลในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน

By โหรเจมส์ พยากรณ์

แก้กฎหมายเอาใจชาวต่างชาติ
อนุญาตซื้อที่ดิน-คอนโดฯ ในไทยได้ 🏢🏢
.
มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดที่เป็นประเด็นระดับชาติตอนนี้ คือรัฐบาลจะแก้กฎหมายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพื่อเอาใจชาวต่างชาติในไทย มีรายละเอียดหลักๆ เช่น เพิ่มสิทธิให้ชาวต่างชาติสามารถถือครองที่ดิน และกว้านซื้อคอนโดมิเนียมในไทยได้มากขึ้น ลดค่าภาษีอากรนำเข้า ให้ชาวต่างชาติที่ขนเหล้า ไวน์ หรือซิการ์จากต่างประเทศเข้ามาในไทยโดยไม่ต้องเสียภาษีราคาแพง รวมทั้งอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรราคา 10-15 ล้านบาทขึ้นไป โดยขยายเวลาในสัญญาได้นานถึง 90 ปี จากเดิมสูงสุด 30 ปีเท่านั้น
.
ฝั่งรัฐบาลชี้แจงว่า การปรับแก้กฎหมายทำไปเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีฐานะเข้ามาในไทย และจะเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังโควิดระบาด อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนมองว่าการปรับกฎหมายเอาใจชาวต่างชาติเช่นนี้ จะส่งผลให้คนไทยหาซื้อบ้านและที่ดินได้ยากกว่าเดิม หรือต้องไปเช่าซื้อจากชาวต่างชาติ ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ กลับมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคัก เพราะจะมีชาวต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนมาก

-----

ขอบคุณข้อมูลจาก
▸ workpointtoday.com/explainer0920/
▸ www.facebook.com/thematterco/posts/3000010966880952
.
#อสังหา #ต่างชาติ #ซื้อบ้าน #วีซา #visa #realestate #toonbiz #อ่านสนุกเข้าใจง่ายสไตล์ขายหัวเราะ #สำนักการ์ตูนไทยขายหัวเราะ #ขายหัวเราะ

การถือครองทรัพย์สินของต่างชาติ 100%
ใน https://www.facebook.com/workpointTODAY/ ได้กล่าวถึง ประเด็นใหญ่ในสังคมไทยนาทีนี้ เมื่อมติคณะรัฐมนตรี ระบุว่า พร้อมแก้กฎหมายให้คนต่างชาติถือครองแผ่นดินในประเทศไทยได้ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อดึงดูดเงินจากชาวต่างชาติที่ร่ำรวยเข้าสู่ประเทศ

เรื่องนี้โดนโต้แย้งอย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ เพราะอาจทำให้เกิดปรากฎการณ์คนไทยต้องเช่าแผ่นดินตัวเองอยู่จากคนต่างชาติ เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร workpointTODAY จะอธิบายสถานการณ์ให้เข้าใจง่ายที่สุดใน 12 ข้อ

1) ย้อนกลับไปวันที่ 18 กันยายน 2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเอาใจชาวต่างชาติ โดยมีรายละเอียดหลายข้อ เช่น

- ผู้ถือวีซ่าพำนักอาศัยระยะยาว (Long-term Visa) ไม่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้รับทราบอีกต่อไป แม้จะอยู่ในประเทศเกิน 90 วัน

- ปรับลดอากรขาเข้า กับสินค้าประเภทไวน์ สุรา และยาสูบประเภทซิการ์ลงครึ่งหนึ่ง กล่าวคือชาวต่างชาติที่ขนเหล้า-ไวน์ มาจากต่างประเทศ ไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าในราคาแพง

- ยกเลิกกฎหมายการขอใบอนุญาตการทำงานของกระทรวงแรงงาน ที่ชาวต่างชาติ 1 คน ที่ถือ Long-term Visa ต้องจ้างคนไทย 4 คน เพื่อเป็นการกระจายรายได้ แปลว่า อนาคตชาวต่างชาติก็จะเบาตัวขึ้น ไม่ต้องเสียเงินจ้างคนไทย 4 คนอีกต่อไป

2) เป้าหมายทั้งหมดของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นให้คนต่างชาติ มาอยู่อาศัยที่ไทยมากขึ้น เป็นการสร้างรายได้จากแหล่งใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายคือเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยในประเทศไทยให้เพิ่มเป็น 1 ล้านคน และประเมินว่าจะเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้นถึง 2.7 แสนล้านบาท

นอกจากนั้น ผลพลอยได้คือ จะทำให้ประเทศไทยมีบุคลากรเก่งๆ จากต่างประเทศ มาอยู่อาศัยในแผ่นดินของเรามากขึ้น

3) ในบรรดานโยบายหลายๆ ข้อ ข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ คำสั่งให้กระทรวงมหาดไทย ศึกษาแนวทางแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการถือครองที่ดินเพื่อเอาใจชาวต่างชาติ

อธิบายคือ ในปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายป้องกันไม่ให้คนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้ ตัวอย่างเช่น ในคอนโดมิเนียม 1 อาคาร จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติ ซื้อห้องได้ทั้งหมดไม่เกิน 49% จากจำนวนห้องทั้งคอนโดฯ เหตุผลเพราะ ถ้าปล่อยให้คนต่างชาติซื้อได้อย่างอิสระ อาจมีนักธุรกิจทุนหนาจากจีน, สหรัฐฯ, ยุโรป หรือตะวันออกกลาง มากว้านซื้อคอนโดมิเนียมทั้งตึกเอาไว้ แล้วปล่อยให้คนไทยเช่าเพื่อทำกำไร

หรือถ้าคิดลึกขึ้นไปกว่านั้น อาจเห็นปรากฏการณ์ที่ทุนจีน ซื้อคอนโดทั้งตึกทิ้งไว้ แล้วนำนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวในไทย แต่มาอาศัยอยู่ในคอนโดฯ ที่ชาวจีนเองเป็นเจ้าของเอง คือแทนที่จะกระจายรายได้ไปสู่ระบบธุรกิจอื่นๆ ของคนไทย เงินทองทั้งหมดอาจจะไหลอยู่ในระบบเศรษฐกิจของคนจีนแทน

นอกจากเรื่องคอนโดมิเนียมแล้ว ประเทศไทยยังมีประมวลกฎหมายที่ดิน ห้ามชาวต่างชาติซื้อบ้านและที่ดิน เพื่อป้องกันประเทศถูกยึดครอง

ลองนึกภาพ ถ้ามีประเทศหนึ่งที่ร่ำรวยมาก ขนเงินมหาศาลมาซื้อหมู่บ้านเปิดใหม่แห่งหนึ่งไว้ทั้งหมดทุกหลัง จากนั้นก็ขายต่อบ้านแต่ละหลังให้คนชาติตัวเอง ก็อาจส่งผลให้หมู่บ้านนั้นใช้ภาษาอื่นและมีวัฒนธรรมอื่น ทั้งๆ ที่อยู่บนแผ่นดินไทย ซึ่งก็เป็นภาพที่ยากจะจินตนาการ

4) อย่างไรก็ตาม ฝั่งรัฐบาลมีความตั้งใจจะปลดล็อกเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา โดยมีข่าวว่าเตรียมแก้กฏหมาย จากอดีตที่ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ได้ 49% ของคอนโดมิเนียม 1 อาคาร แต่จะปรับเปลี่ยนให้ชาวต่างชาติถือครองได้ สูงถึง 70 หรือ 80%

รวมถึง จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านจัดสรร ที่มีราคา 10-15 ล้านบาทขึ้นไปอีกด้วย

ขณะที่เรื่อง "สัญญาเช่า" ในอดีตเคยมีลิมิตสูงสุดคือคนต่างชาติเช่าได้ 30 ปี ก็จะแก้กฎหมายเป็นเช่าได้ 50 ปี และขยายเพิ่มได้อีก 40 ปี แปลว่าคนต่างชาติ ต่อให้ไม่ได้ซื้อบ้านก็สามารถเช่าได้สูงสุดถึง 90 ปี เลยชั่ว 1 อายุคนเสียอีก

5) เมื่อภาครัฐมีความตั้งใจจะแก้กฎหมายเรื่องอสังหาริมทรัพย์ได้เกิดการตอบรับในสองทิศทาง คือทางบวกและทางลบ เริ่มจากทางบวกโดยฝั่งผู้ขาย เช่น บริษัทอสังหาฯ ต่างๆ รวมถึงสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอาคารชุด ก็พูดในทิศทางเดียวกันว่า หากปลดล็อกกฎหมาย 49% ก็จะเพิ่มแรงดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้น ตลาดอสังหาฯ ก็จะมีความคึกคัก เป็นการดูดเงินมาจากต่างชาติ ถือเป็นการทดแทนกำลังซื้อจากคนไทยที่เริ่มถดถอยแล้ว

นอกจากนั้น ถ้าคนต่างชาติระดมซื้อคอนโดมิเนียม และบ้านราคาแพง ธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะได้อานิสงส์ทั้งหมดเช่น บริษัทเฟอร์นิเจอร์ บริษัทก่อสร้างตกแต่งภายใน บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ดังนั้นนโยบายปลดล็อกการกระตุ้นให้คนต่างชาติมาซื้ออสังหาฯ ได้เยอะๆ จึงเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมอื่นๆ ไปพร้อมกันด้วย

6) อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมุมบวก แต่กระแสมุมลบนั้นรุนแรงมาก มีความไม่พอใจจากกลุ่มประชาชนทั่วไป ว่าการที่ภาครัฐปล่อยให้คนต่างชาติ ซื้อบ้าน ซื้อคอนโดได้อย่างอิสระ สุดท้ายไทยจะโดนทุนต่างชาติฮุบหรือไม่ แล้วคนไทยจากที่เคยเป็นเจ้าของประเทศ ก็จะต้องเปลี่ยนบทบาทกลายมาเป็น "ผู้เช่า" แทน โดยในโลกออนไลน์ มีการใช้คำเพื่อประณามว่า ถ้ากฎหมายนี้ลุล่วงได้สำเร็จ มันคือ "กฎหมายขายชาติ"

มีการยกกรณีศึกษาที่ต่างประเทศ โดยระบุว่า ในต่างประเทศ มีข้อจำกัดเรื่องการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติอย่างแข็งกร้าวมาก ที่จีน อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อห้องชุดได้เพียงหลังเดียว ไม่ปล่อยให้นักลงทุนต่างประเทศ มากว้านซื้อห้องชุดจำนวนมากเพื่อปล่อยขายเก็งกำไรแต่อย่างใด หรือที่ออสเตรเลียอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านได้ แต่เพื่อทำการอยู่อาศัยเท่านั้น มีข้อบังคับว่าถ้าขายต่อ ต้องขายให้คนท้องถิ่น ไม่อนุญาตให้ขายต่อให้คนชาติอื่นๆ

แต่นโยบายที่รัฐบาลไทยพยายามจะทำ สวนทางกับของชาติอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ชาติอื่นๆ ปกป้องสิทธิของคนในประเทศตัวเอง แต่ภาครัฐพยายามเปิดช่องเอาใจคนต่างชาติ จนอาจเข้ามาหากำไรจากประเทศไทยได้อย่างอิสระ

7) ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยกล่าวว่า "นี่ถือเป็นมติอัปยศ ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสิ้นไร้ความสามารถที่จะแสวงหารายได้เข้าแผ่นดิน แนวคิดและมติดังกล่าวไม่ได้สอบถามเจ้าของประเทศที่แท้จริงเลยว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงเรียกร้องขอให้รัฐบาลใช้อำนาจ ม.166 ดำเนินการทำประชามติจากประชาชนเจ้าของประเทศเสียก่อน"

8 ) นอกจากเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นประเด็นร้อนแล้ว คำว่า "ขายชาติ" ก็ถูกหยิบมาพูดถึงอีกครั้งเช่นกัน โดยวาทกรรม "ขายชาติ" ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเท่านั้น แต่ในอดีตมีนายกรัฐมนตรีสองคน ที่โดนกล่าวหาด้วยคำนี้มาแล้ว นั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

9) อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร โดนประณามว่าเป็นคนขายชาติ หลังจากที่เขาประกาศนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เช่น ปตท. (PTT) และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) เป็นต้น โดยบริษัทเหล่านี้จากเดิมรัฐจะถือหุ้นทั้งหมด 100% แต่ทักษิณได้แปรรูปเป็น รัฐถือได้ 51% คนภายนอกทั้งไทยและต่างชาติ ถือได้รวมกัน 49% โดยทักษิณอธิบายว่า "ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐ"

อย่างไรก็ตาม สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์ คอลัมนิสต์จากผู้จัดการออนไลน์เขียนว่า "วลี 'ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐ' คือความคิดของการปล้นสมบัติชาติโดยอ้างประชาชน เป็นตัวอย่างวาทกรรมที่ปกปิดซ่อนเร้นความในใจ พูดดี พูดน่าเชื่อถือ ฟังแล้วน่าหลงใหล แท้จริงแล้วต้องการจะฮุบทรัพยากรของรัฐ คิดจะฮุบรัฐวิสาหกิจของประเทศ...เป็นการยากที่จะทำให้ประเทศไทยรอดจากเงื้อมมือทักษิณ แม้เขาจะไม่อยู่ในประเทศไทยก็ตาม คนที่ปล้นชาติหรือขายชาติ เรียกว่าโจร หรือมหาโจร"

10) ขณะที่กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอีกคน โดนกล่าวหาว่าขายชาติเช่นกัน แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกันออกไป โดยในวันที่ 29 เมษายน 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปกล่าวปาฐกถาที่ประเทศมองโกเลีย โดยประเด็นหลักเธอกล่าวว่าประเทศไทยต้องล้าหลังชาติอื่นไปหลายปี เพราะมีการรัฐประหารในยุคสนธิ บุญยรัตกลิน

อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า "การรัฐประหารทำให้ไทยถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย โครงการที่พี่ชายดิฉันริเริ่มตามที่ประชาชนต้องการถูกยกเลิก ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไปคนไทยได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมา แต่ในเดือน พ.ค. 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนเปอร์ แม้แต่ทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่"

เมื่ออดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ พูดปาฐกถาแบบนั้น ทำให้โดนโจมตีว่า เอาเรื่องแย่ๆ ของประเทศไปบอกต่างประเทศ นายสุรชัย ศิริไกร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า "ไม่มีผู้นำประเทศไหนเอาเรื่องภายในไปบอกให้คนอื่นรับรู้โดยที่เขาไม่ได้ถาม ยกตัวอย่าง เช่น บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ครั้งเดินทางมาเยือนประเทศไทย ก็ไม่เคยนำปัญหาภายในสหรัฐมาบอกให้ประเทศไทยรับทราบ"

ตามด้วยชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูนคนดังจากไทยรัฐ ทวีตข้อความว่า "กะหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ" นั่นทำให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดนกล่าวหาว่าเป็น "คนขายชาติ" แต่จะเป็นความหมายที่ต่างกันกับกรณีของทักษิณ ชินวัตร

11) บรรยากาศในโลกออนไลน์ตอนนี้ จึงเชื่อมโยงว่า ในยุคทักษิณโดนกล่าวหาว่าขายชาติ เพราะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ส่วนยุคยิ่งลักษณ์โดนกล่าวหาว่าขายชาติเพราะปาฐกถาที่มองโกเลีย แต่ในวันนี้ที่รัฐบาลกำลังออกกฎหมายขายที่ดินให้คนต่างชาติ ซึ่งน่าจะตรงคอนเซ็ปต์คำว่า "ขายชาติ" มากกว่า เมื่อเกิดเหตุแบบนี้กลุ่มคนที่เคยด่าทักษิณและยิ่งลักษณ์ในอดีต ควรออกมาแสดงจุดยืนหรือไม่เพื่อปกป้องประเทศ

โฟกัส จิระกุล นักแสดงสาวคนดัง ในโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า "ใครกันแน่ที่...ขายชาติ" ขณะที่ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้โพสต์ว่า "ไม่แน่นะ ต่อไปนี้ อาจมีเขตปกครองพิเศษ สำหรับต่างชาติ ห้ามคนไทยเข้าก็ได้"

12) สำหรับกระบวนการในตอนนี้ ยังต้องติดตามกันต่อไป ว่าภาครัฐจะผลักดันนโยบายนี้ไปถึงแค่ไหน แต่แน่นอนว่า คงต้องผ่านการโต้เถียงอย่างดุเดือด เพราะในมุมหนึ่ง มันก็เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและหาเงินเข้าประเทศที่น่าสนใจ แต่หากแลกมากับการให้คนต่างชาติมาถือครองแผ่นดินไทย และอาจเป็นจุดเริ่มต้นสู่การยึดครองประเทศ ก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าหรือไม่

อนึ่งในความเห็นผมสามารถทำได้หรือไม่ ถ้ากฎหมายผ่านทำได้ และไม่ได้เป็นการขายชาติ เพราะอย่างไรอำนาจอธิปไตยทางดินแดนก็ยังเป็นของประเทศไทย เพียงแต่การถือครองทรัพย์สินเป็นของต่างชาติ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในอังกฤษ ที่ให้คนต่างชาติถือครองทรัพย์สินได้ คิงพาวเวอร์ คนไทยถือครองทรัพย์สินเลสเตอร์ ที่ประเทศอังกฤษ เป็นต้น

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้

รับชมก่อนใครได้ที่ : https://www.twitch.tv/videos/1060014110


ติดต่องานรับทราบได้ที่
EMAIL : rubsarbproduction@gmail.com
LINE : rubsarb.production, TEL : 093-546-4497


ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจของเรา
www.facebook.com/Rubsarb
www.facebook.com/gg.kasemsarn


#LaConte #ละคร

วันนี้มีเรื่องตื่นเต้นมาเล่าค่า
มะม๊าซื้อบ้านหลังใหม่ที่โคราช!!!
เตรียมไว้สำหรับให้ครอบครัวเราได้มาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา บอกเลยว่า ทางเราตื่นเต้น ??

Feature product :
Skin Rx labs

♡

IG / FB : icepadie
www.icepadie.com
helloicepadie@gmail.com

วันนี้เขื่อน หรือ น้องหมวยทานตะวัน ขอพาเพื่อนๆมาดูโครงการบ้านของ SC ASSET นะคะ ตอนนี้ทางโครงการมี เปิดบ้านต้อนรับ การกู้บ้านร่วมกันด้วย!! และท้ายคลิปมี Q&A ที่หลายๆๆคนถามกันเข้ามาด้วยนะคะ ❤️? เพื่อนๆคนไหนกำลังเล็งๆจะซื้อบ้านกันอยู่ลองไปดูโปรโมชั่นของ SC ASSET ได้เลยนะคะ ???
--------------------------------------------------------------------------------------
Instagram: @koendanai
Facebook: Koendanai
contact us: koendanai@gmail.com
Call/Line: 0879298070

#SCASSET #pridemonth #koendanai #kotic #เขื่อนภัทรดนัย #QA #LGBTQ