ไม่ได้อินเรื่องบอลโลกอะไรหรอกนะ
แต่บทความนี้เขียนดีจริง! อยากให้ทุกคนได้อ่าน :)
ไม่มีความเจ็บปวดไหน ในโลกฟุตบอล จะรุนแรงไปกว่า ความโง่ของคุณทำให้ทีมต้องพังพินาศ
และนั่น คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเดวิด เบ็คแฮม ในปี 1998
ความไม่ยั้งคิดของเขาเพียงเสี้ยววินาที ทำให้อังกฤษตกรอบ
จากการกระทำแค่ 1 ครั้ง มันมีผลตามมา อย่างที่เขาเองก็คาดไม่ถึงจริงๆ
---------------------------------------
อังกฤษในฟุตบอลโลก 1998 ถือว่ามีทีมชุดที่สมบูรณ์มาก
กองหลังมีโซล แคมป์เบลล์ กับโทนี่ อดัมส์ โดยมีริโอ เฟอร์ดินานด์ เป็นอะไหล่สำรอง
กองกลางมี เบ็คแฮม, พอล สโคลส์ ,แม็คมานามาน และ พอล อินซ์ แต่ละคนถือว่าโด่งดัง และมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
กองหน้า มีอลัน เชียเรอร์ เป็นกัปตัน มีดาวรุ่งพรสวรรค์ ไมเคิล โอเว่น และกองหน้าลายคราม เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม
แน่นอน ตัวเต็งคือบราซิลกับฝรั่งเศส แต่ว่ากันตามตรง ทีมสิงโตคำรามชุดนั้น ดีพอจะไปถึงแชมป์โลกได้จริงๆ พวกเขามีส่วนผสมที่ดีมาก ของดาวรุ่ง กับตัวเก๋า
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย อังกฤษ ต้องโคจรมาพบกับอาร์เจนติน่า
จริงอยู่ ทีมฟ้าขาวมี นักเตะอย่างกาเบรียล บาติสตูต้า, ฮวน เวรอน และ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ คือดูแกร่งมากก็จริง แต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นกับอังกฤษขนาดนั้น ว่ากันตรงๆทีมสิงโตคำรามเอาชนะได้แน่นอน ถ้าเล่นได้เข้าฟอร์ม
และในเกมนั้น เป็นวันที่อังกฤษเล่นได้ดีมากๆ
บาติสตูต้า ยิงจุดโทษให้อาร์เจนติน่า นำไปก่อน แต่อลัน เชียเรอร์ มาตีเสมอ 1-1 ได้ในนาทีที่ 10
ก่อนที่ไมเคิล โอเว่นจะโซโล่ครึ่งสนาม พาทีมขึ้นนำ 2-1 เปิดตำนาน "เบบี้โกล" ตั้งแต่นั้น
แม้ซาเน็ตติ จะตีเสมอได้ 2-2 ในช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก แต่โมเมนตั้มของอังกฤษ ยังดูดีกว่า
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น ในนาทีที่ 47 จากจังหวะที่ดีเอโก้ ซิมิโอเน่ ไปเล่นแรงใส่เบ็คแฮมจนหน้าทิ่ม ซึ่งผู้ตัดสินคิม มิลตัน นีลเซ่น เดินมาแล้วเตรียมแจกใบเหลืองให้ซิมิโอเน่
แต่แทนที่เบ็คส์ จะอดทนและปล่อยผ่านไป เขาสะบัดขากระแทกใส่ซิมิโอเน่ จนล้มลงกับพื้น แม้จะไม่แรง แต่มันเป็นเจตนาการเล่นนอกเกมชัดเจน
ที่สำคัญผู้ตัดสินยืนอยู่ห่างแค่ 4 หลา เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และควักใบแดงไล่เบ็คส์ออกจากสนามทันที
เป็นจังหวะที่เบ็คส์ไม่น่าเล่น เขาเห็นอยู่ว่าผู้ตัดสินคนนี้เฮี้ยบมากๆ เพิ่งจะแจกมาสองจุดโทษ แต่เบ็คแฮมก็ปล่อยให้ความหงุดหงิดครอบงำ และระบายมันออกมา
และการโดนไล่ออก คือราคาที่เขาต้องชดใช้
---------------------------------------
ลองคิดดูว่า อังกฤษต้องสู้อาร์เจนติน่า ด้วยตัวผู้เล่นที่น้อยกว่า นานถึง 43 นาที ในครึ่งหลัง และอีก 30 นาที ช่วงต่อเวลาพิเศษ
แต่ทุกคนก็สู้อย่างสุดใจ โดนบุกแค่ไหน ก็ตั้งรับอย่างอดทน และเกือบได้ประตูชัยช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ลูกโหม่งของโซล แคมป์เบลล์ โดนจับฟาวล์
เกมจบ 120 นาทีต้องมาวัดกันที่ การยิงจุดโทษ ก่อนที่สุดท้าย คนยิงคนที่ 5 เดวิด แบ็ตตี้ จะยิงพลาด
นั่นทำให้อังกฤษ ตกรอบไปอย่างเจ็บปวดที่สุด พวกเขาเล่นดีมากๆแล้ว ดีที่สุดเท่าที่ 10 คนจะทำได้ และแพ้แบบน่าเสียดายมากจริงๆ
ซึ่งแน่นอน เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น คนที่กลายเป็นแพะรับบาป ในการตกรอบ ก็เหลือแค่คนเดียวเท่านั้น
เดวิด เบ็คแฮม
---------------------------------------
ในห้องแต่งตัวของทีมชาติอังกฤษ เบ็คแฮมที่โดนใบแดง ต้องเข้ามารอคนอื่น เขานั่งอยู่ในมุมเงียบๆ จากนั้นหลังแพ้จุดโทษ ทุกคนในทีมก็ค่อยๆทยอยเดินเข้ามา
หลายคนทรุดตัวลงไปกองกับพื้น ทุกคนผิดหวัง ทุกคนเสียใจ
เบ็คแฮม พูดขึ้นมาคำเดียวว่า "ขอโทษ" เพียงแค่นั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้
แต่บรรยากาศในทีมเต็มไปด้วยความเงียบงัน แต่ละคนอยู่ในโลกแห่งความเศร้าของตัวเอง
มันยิ่งทำให้เบ็คแฮมรู้สึกผิดมากขึ้นเข้าไปอีก
หลังจากแพ้ อังกฤษเดินทางกลับบ้านทันที ตอนที่เครื่องบินถึงลอนดอน พอลงเครื่องบินปั๊บ เบ็คแฮม เข้าไปกอดคุณพ่อที่มารอรับ แล้วทิ้งตัวร้องไห้ทันที ซึ่งคนอย่างเบ็คแฮม เราไม่เคยเห็นเขาร้องไห้อะไรแบบนี้ ต่อหน้าที่สาธารณะมาก่อน
อย่างไรก็ตาม น้ำตาของเบ็คส์ ไม่ได้ทำให้ใครสงสารเลยสักนิด
หน้า 1 หนังสือพิมพ์เดลี่ มิเรอร์ พาดหัวว่า "10 สิงโตฮีโร่ กับ 1 เด็กงี่เง่า"
ขณะที่เดอะ ซัน ลงหน้า 1 เป็นรูป เดวิด เบ็คแฮม แปะไว้ที่กระดานลูกดอก แล้วเขียนว่า "ยังคงแค้นอยู่ใช่ไหม เอาความโกรธของคุณ มาระบายใส่กระดานลูกดอก หน้าเบ็คแฮมของเราสิ!"
แฟนบอลรายหนึ่ง นำหุ่นเดวิด เบ็คแฮม ไซส์เสมือนจริงไปจับแขวนคอหน้าผับ เป็นการระบายความโกรธแค้น
มีการนำเสื้อ และหุ่นหน้าเบ็คแฮมมาเผากันกลางถนน มีจดหมายขู่ฆ่าครอบครัว ส่งไว้ที่บ้าน
มีการนำจดหมายเปล่าๆ ข้างในมีกระสุนปืนอยู่ในซอง สอดไว้ในกล่องไปรษณีย์ คือเล่นกันแรงๆแบบนี้
จากฮีโร่ ที่เป็นความหวังของชาติ เขากลายเป็นศัตรูของแผ่นดินในพริบตา
---------------------------------------
แม้แต่โค้ชทีมชาติ เกล็น ฮอดเดิ้ล ก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ข้างเบ็คแฮม
"ถ้าเรามี ผู้เล่น 11 ต่อ 11 ผมคิดว่าเราจะชนะเกมนี้" นี่คือบทสัมภาษณ์กับฮอดเดิ้ลในเหตุการณ์นี้
"เขาอาจจะไม่ได้ว่าผมมาตรงๆ" เบ็คแฮมเผย "แต่เขาก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่า ความผิดพลาดของผมทำให้อังกฤษแพ้"
"สิ่งที่ฮอดเดิ้ลพูด มันยากที่ผมจะรับได้ เหมือนเขาเอาความโกรธ และความผิดหวังทั้งหมดมาลงที่ผม ยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้แฟนบอลเกลียดผมหนักขึ้น"
เบ็คแฮม คือศัตรูของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าเขาจะไปเล่นสนามไหน เขาโดนโห่สนามนั้น อาจมีเพียงแค่ แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้น ที่อยู่เคียงข้างเบ็คส์
"นั่นคือช่วงเวลาที่ยากสำหรับผมจริงๆ"
---------------------------------------
แม้ปกติเบ็คแฮม จะเป็นเซเลบริตี้ และออกสื่อบ่อยมาก แต่หลังจบบอลโลก 18 เดือน เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เบ็คส์ แทบไม่ออกสื่อไหน เขาเก็บตัวเงียบอยู่กับการซ้อม และการลงสนาม ค่อยๆพัฒนาฝีเท้าของตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ
เขารู้ดีว่า วิธีที่จะตอบโต้คำด่าได้ดีที่สุด ไม่ใช่การพูด แต่เป็นการทำ เขาต้องทำจนกว่าคนอื่นจะยอมรับ
ในระดับสโมสร เบ็คแฮม พิสูจน์ตัวเองได้หมดแล้ว ด้วยการพาแมนฯยูไนเต็ด คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 เขายกระดับเป็นนักเตะระดับโลกอย่างแท้จริง
แต่กับทีมชาตินั้นเป็นคนละเรื่อง เขายังไม่เป็นที่รักของแฟนบอลอยู่ดี
---------------------------------------
หลังจากเควิน คีแกน โดนปลดออกในปี 2000 เหตุพาทีมตกรอบแรกในยูโร ปีเตอร์ เทย์เลอร์ เข้ามารับงานคุมทีมชาติอังกฤษชั่วคราว
ด้วยความที่อลัน เชียเรอร์ อำลาทีมชาติไปแล้ว จึงจำเป็นต้องหากัปตันทีมคนใหม่ ซึ่งสตีเว่น เจอร์ราร์ด หรือริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็ยังเด็กเกินไป ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครมีบารมีพอ
เทย์เลอร์ จึงตัดสินใจ มอบปลอกแขนให้เดวิด เบ็คแฮม
แน่นอน มีเสียงต่อต้านมากมาย คนก็หมั่นไส้เบ็คส์เป็นทุนอยู่แล้ว แต่เทย์เลอร์ คิดว่าเบ็คแฮม มีคุณสมบัติเหมาะที่สุด และพอสเวน โกรัน เอริคส์สัน เข้ามารับงานคุมทีมถาวร เขาก็ไม่เปลี่ยนกัปตัน ยึดเบ็คแฮมเอาไว้ตามเดิม
เบ็คแฮมช่วยทีมชาติอังกฤษ ทำผลงานได้ดี ในรอบคัดเลือกบอลโลก 2002 จนทีมขึ้นนำเป็นจ่าฝูงกลุ่ม ใกล้ได้ไปบอลโลกทุกที
จนมาถึงนัดสุดท้าย สถานการณ์ในกลุ่มนี้ อังกฤษ พบกับกรีซ ในบ้าน ถ้าชนะก็ได้ไปเล่นบอลโลกแบบ 100% แต่ถ้าเสมอ ต้องแช่งให้เยอรมัน ที่แข่งพร้อมกันเสมอกับฟินแลนด์ด้วย
เกมที่เบอร์ลิน เยอรมัน เสมอกับฟินแลนด์ 0-0 แต่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด อังกฤษกำลังจะแพ้
พวกเขาโดนรองบ๊วยของกลุ่มอย่างกรีซ ขึ้นนำ 2-1 ซึ่งถ้าจบสกอร์นี้ เยอรมันจะได้ไปบอลโลก แต่ถ้าอังกฤษตีเสมอได้พวกเขาจะได้ไปบอลโลกแทน
อังกฤษมาได้ฟรีคิก นาทีที่ 75 เบ็คแฮม รับหน้าที่ยิง แต่ก็เข้าแค่ข้างตาข่ายเท่านั้น
จากนั้นอีกครั้ง นาที 90+3 อังกฤษได้โอกาสครั้งสุดท้ายในเกม ซึ่งเป็นฟรีคิกระยะไกลลิบถึง 25 หลา
ด้วยความที่เบ็คส์ยิงพลาดไปแล้วในรอบแรก เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม จึงมาถาม บอกว่า "ลูกนี้ฉันขอเถอะเดวิด ฉันมั่นใจว่าจะทำได้"
แต่เบ็คแฮมปฏิเสธ "มันไกลเกินไปสำหรับนายเท็ดดี้ เชื่อฉันเถอะนะ ครั้งนี้"
เชอร์ริงแฮม รู้ว่า พูดอย่างไรเบ็คส์คงไม่ฟัง เขาจึงเดินถอยออกมา ปล่อยให้เบ็คแฮม มีเวลาอยู่กับช่วงวินาทีนั้น
"สำหรับผมลูกนี้ ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ"
"แต่เป็นเพื่อตัวผมเอง สี่ปีแห่งการโดนเย้ยหยัน สี่ปีแห่งการโดนถากถาง"
"สี่ปีที่ผมโดนด่าทอ สี่ปีแห่งความเจ็บปวดทรมาน มันจะจบลงตรงนี้"
"ผมหายใจลึกๆ สองครั้ง จากนั้นเล็งไปที่มุมบน หัวผมคิดอย่างเดียวว่า ผมจะยิงมันให้ได้"
เบ็คแฮมปั่นบอลด้วยเท้าขวา บอลพุ่งโค้งวาบเสียบสามเหลี่ยมมุมซ้ายบน นิโคโปลิดิส นายทวารกรีซได้แต่มองด้วยสายตา
เขายิงเข้าจริงๆ และอังกฤษได้ไปบอลโลกเพราะเบ็คแฮมคนที่แฟนบอลเกลียดชังมาตลอด
แต่จากฟรีคิกลูกนี้ ไม่มีใครเกลียดเบ็คแฮมอีกแล้ว
"ผมรู้ว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมา มีแต่คนสงสัยในตัวผม"
"ความเจ็บปวด ความขมขื่นทั้งหมด บทเรียนที่ยากที่สุดในชีวิต มันผ่านไปแล้ว"
"และสุดท้าย ผมก็ได้รับการยกโทษเสียที"
---------------------------------------
จากใบแดงในปี 1998 ถึง เกมกับกรีซในปี 2001 กินเวลาเกือบ 4 ปี ที่เบ็คแฮมเป็นชายที่โดนเกลียดมากที่สุดในอังกฤษ
แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับการปลดปล่อย แม้มันจะใช้เวลานานมากก็ตาม
จริงๆในชีวิตของเรา ทุกคนต้องเคยทำผิดพลาด
เมื่อเราทำผิด แม้เราจะสำนึกแล้ว เสียใจแล้ว แต่จะไปหวังให้คนอื่นยกโทษให้ทันที มันเป็นไปไม่ได้
ความรู้สึกของอีกฝ่ายมันไม่ได้ลบเลือนง่ายๆขนาดนั้น
เขาจะด่า จะว่าเราอย่างไรก็ต้องเข้าใจ ต้องก้มหน้ารับไป เพราะเราเป็นฝ่ายทำผิด และทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกจริงๆ
ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน แต่แน่นอน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะมีโอกาสแก้ตัว เพื่อชดเชยความผิดที่เคยทำ
จริงๆ ถ้าอีกฝ่าย ไม่ได้สำคัญกับเรา เราไม่สนใจว่าเขาจะเกลียดเรา ก็เอาตัวออกมาซะ ตัดขาดจากชีวิตกันไป จะเกลียดกูก็เรื่องของมึง
แต่ถ้าอีกฝ่าย ยังมีความหมายกับเราอยู่ และอยากได้ความรู้สึกดีๆของเขากลับคืนมา
สิ่งเดียวที่เราทำได้ คือ ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
อดทน และรอ เพียงเท่านั้น
#Beckham #England
ตั้งแต่นั้น 在 Rockman : RockPage - Nihil : แล้วโลกก็สงบสุขตั้งแต่นั้นมา :v 的推薦與評價
แล้วไวลี่ก็ไม่ต้องสร้างซีโร่ไวรัส ซิกม่าก็ไม่ต้องกลายเปนอิเลกูร่า เหตุการณ์ภาค X ยันภาคต่อๆไปก็สงบสุข. 4 yrs Report. Nut Thanesvanich, profile picture. ... <看更多>