อ่อมิน่า ที่ ผกก นำเสนอในมุมนี้ เพราะลิขสิทธิ์เขาได้มาเท่านี้ ในมุมอื่น ค่ายอื่นกำลังสร้างอยู่ แต่ถือว่าใช้ลิขสิทธิเท่าที่มีได้คุ้มดี
ใครยังลังเลอยู่ ลองอ่านรีวิวอันนี้ดูครับ เรื่องที่เขาแขวะระบบราชการในหนัง อย่าคิดว่าเขากำลังหยามเหยียดราชการไทยเลย คิดว่าเป็นการกระแทกแบบแรงๆให้คนดูตระหนักว่ามันควรแก้ไขเรื่องพวกนี้จะดีกว่า
TAF Movie Review: The Cave - นางนอน (2019)
"เดินเรื่องฉับไว ภาพสวยสไตล์ทอม ทุกอย่างดูเรียล ไปดูได้ไม่แย่หรอก"
ที่มารีวิวหนังเรื่องนี้เพราะมีทหารกองทัพอากาศสหรัฐและหน่วยซีลของกองทัพเรือไทย ดังนั้นก็ถือเป็นหนังที่เกี่ยวกับทหารเรื่องนึงนะครับ 55555+
แอดเพิ่งไปดูมาตะกี้ เสียตังค์ไปดูเอง Tom Waller ผู้กำกับลูกครึ่งไทย-ไอริช ที่เคยมีผลงานเช่น ศพไม่เงียบ หรือเพชรฆาตคนสุดท้าย และหลัง ๆ ดูจะชอบไปเป็นโปรดิวเซอร์ซะมากกว่า รีบคว้าตัวนักดำน้ำชาวไอริชมาเป็นตัวเอกของเรื่องตั้งแต่ภารกิจถ้ำหลวงจบใหม่ ๆ ถือว่าไวมาก ๆ และหนังเรื่อง The Cave หรือนางนอนก็ออกมาเป็นเจ้าแรกของโลก นำหน้า Netflix ที่ได้ลิขสิทธิ์สร้างหนังหมูป่าเองเสียอีก
ก็อย่างที่ทราบกันก็คือ Netflix เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์เรื่องของการช่วยเหลือทีมหมูป่าและกำลังสร้างซีรีย์เรื่องนี้ด้วยฝีมือ Jon M. Chu ผู้กำกับ Crazy Rich Asians ตรงนี้รัฐบาลไทยช่วยดีลให้ เพราะไม่อยากให้เด็กโดนรุมทึ้งจนชีวิตพังแบบคนงานเหมืองชิลี ดังนั้นถ้าใครจะทำหนังเกี่ยวกับถ้ำหลวง คุณก็ต้องไปทำในมุมอื่นที่ไม่ใช่มุมของหมูป่าหรือน่าจะรวมถึงมุมของเจ้าหน้าที่ไทยด้วย
นี่น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ The Cave โฟกัสไปที่นักดำน้ำต่างชาติ ทหารสหรัฐ และลุงเจ้าของเครื่องสูบน้ำพญานาค เพราะทำไงได้ ได้ลิขสิทธิ์มาเท่านี้ ดังนั้นถ้าใครจะโวยวายเฮียทอมว่าทำไมพูดถึงแต่ต่างชาติ ก็เรื่องคนไทยมันไม่ได้ลิขสิทธิ์อ่ะครับ จะให้พูดได้ยังไง อันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมนิดนึง คือหนังเกี่ยวกับเหตุการณ์หนึ่ง ๆ เราเลือกพูดเป็นมุมได้อยู่แล้ว เพราะไม่งั้นเช่น ใครจะทำหนังวันดีเดย์ ต้องยกมาพูดทั้งหมดทุกมุม สหรัฐ อังกฤษ แคนาดา เยอรมัน ฝรั่งเศส บลา ๆ ๆ ๆ หนังคงกินเวลาสัก 12 ชั่วโมงได้ ดังนั้นมันต้องเลือกพูด และในเมื่อ Netflix เป็นเจ้าเดียวที่มีสิทธิ์ในการพูดถึงถ้ำหลวงในมุมของเด็กและคนไทย คนอื่นก็ต้องไปมองที่มุมอื่น
หนังให้ตัวเอกเป็น Jim Warny นักดำน้ำชาวไอริสเป็นเส้นเรื่องหลัก เส้นเรื่องอีกเส้นก็คือลุงเจ้าของเครื่องสูบน้ำ และเส้นเรื่องรองก็เป็นเรื่องของพลร่มกู้ภัยของกองทัพอากาศสหรัฐและหน่วยซีลของกองทัพเรือไทย โดยส่วนมากหนังจะใช้คนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงมาเล่นเป็นตัวเองเลย ซึ่งทำให้การแสดงจะให้ดีเหมือนนักแสดงอาชีพก็ลำบาก อันนี้เข้าใจได้ แต่มันก็ทำให้หนังดูแข็ง ๆ ไปนิด แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกลายเป็นสารคดีเที่ยวสวนหินขนาดนั้นหรอก
สิ่งที่เราต้องยอมรับก็คือ แม้ว่าในฝั่งเราในถ้ำนั้น ซีลและหน่วยกู้ภัยไทยจะเป็นพระเอก แต่คนที่ออกแนวหน้าหลักก็คือนักดำน้ำต่างชาติ เพราะเราคนไทยไม่เก่งเรื่องนี้ จริง ๆ แทนที่จะโวยวาย แอดคิดว่ามันควรจะเป็นเรื่องที่เราต้องชื่นชมทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตอนนั้นด้วยซ้ำที่กล้าจะยอมรับว่า เฮ้ย ตรงนี้เราทำไม่ไหว ขอความช่วยเหลือดีกว่า ไปหาคนที่เก่งกว่าเรามาทำ แต่เราควบคุมนะ แล้วมองผลลัพธ์ไว้ ใครทำก็ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายมันสำเร็จ สิ่งนี้แหละที่ต่างชาติเขาชื่นชมเรา และฝั่งเราทำถูกต้องแล้วครับ
ส่วนเรื่องที่จิกกัดระบบราชการไทย คือบางอย่างมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ และอย่างที่รู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือครั้งแรกของโลกทั้งนั้น ไม่มีใครเพอเฟค ไม่มีใครไม่เคยตัดสินใจผิดพลาด โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนั้น เราทำกันได้เท่านี้มันก็ดีแล้ว ที่หนังจิกกัดเล็ก ๆ ก็เพราะว่าหนังต้องการให้มันดูเรียล และจริง ๆ ถ้าเรามองว่าหนังสื่อขึ้นมาแบบนี้ มันก็จะได้เป็น Case Study ว่า ต่อไปถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก จะจัดการอย่างไร
แอดอยากให้เราคนไทยมองว่าการมองกลับไปยังความผิดพลาดในอดีตไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และไม่ต้องมานั่งหาว่าใครผิดตอนนั้น แต่ให้มองกลับไปว่า เออ ตอนนั้นที่มันเป็นอย่างงี้เพราะสถานการณ์แบบนี้ เพราะข้อมูลเท่านี้ เลยตัดสินใจได้เท่านี้ มันก็เท่านั้น แบบเรื่องที่ว่าลุงไปเก่งที่นครปฐมเถอะ เอาจริง ๆ ถ้าแอดเป็นผู้ว่าหรือเจ้าหน้าที่ในตอนนั้น เผลอ ๆ แอดก็พูดแบบนั้น เพราะตอนนั้นมันมีแต่คนรุมทึ้งจะเข้ามาด้วยความหวังดี แต่ถ้ารับมาทั้งหมดมันก็พัง แต่มันก็แค่จุดเล็กน้อย ไม่ต้องโกรธกันหรอก พอมาถึงตอนนี้มีข้อมูลมากขึ้น ในอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องไปตัดสินใจเหมือนเดิมก็ได้ ไม่เป็นไร คืออย่าไปโวยวายเลย มันก็แค่หนัง ถ้ามันมีแต่ด้านดีมันก็ไม่สนุกนะ ทุกอย่างในโลกมันเทา ๆ ทั้งนั้นแหละ
เรื่องฉีดเคตามีนก็เช่นกัน ถ้าแอดเป็นรัฐบาลตอนนั้นแอดก็ปฏิเสธแหละ คือมันไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะมันไม่เคยมีใครทำแบบนี้ ขนาดเจ้าหน้าที่หน้างานยังหวั่น ๆ กันเลย ดังนั้นปฏิเสธไปก่อนแล้วรอให้เรื่องมันนิ่งค่อยยอมรับก็ไม่สาย ถ้าให้รู้กันหมดทุกมุมในตอนนั้นแล้วเกิดดราม่าขึ้นการทำงานจะยากขึ้นอีก อันนี้เข้าใจเจ้าหน้าที่หน้างาน มันคือการจัดการข้อมูลในภาวะวิกฤต และจริง ๆ ตอนนี้มันก็ไม่ลับแล้ว เพราะหมอ Harris แกเขียนเปเปอร์เรื่องการให้เคตามีนกับเด็กไปแถลงใน Conference เพื่อเป็น Case Study เรียบร้อย คือมันเปิดเผยเมื่อเวลาเหมาะสม ทุกคนก็ได้ประโยชน์ครับ
สิ่งหนึ่งที่แอดอยากจะพูดก็คือ แน่นอนว่าวีรบุรุษในเรื่องนี้ก็คือซีลไทย ซึ่งยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อผลลัพธ์ของภารกิจ และตัวหนังก็แสดงการคารวะซีล โดยเฉพาะจ่าเอกสมานไว้หลายช่วงทีเดียว แต่สำหรับการวิเคราะห์ทีหลังของแอด ในหลายครั้งการเสี่ยงภัยเพื่อผลลัพธ์แห่งภารกิจ แม้จะเป็นคุณลักษณะสำคัญของคนเป็นทหารในการทำภารกิจทางทหาร แต่ในภารกิจกู้ภัย เราจะต้องลดตรงนี้ลงมา และคำนึงให้มาก ๆ ว่าชีวิตของทหารทุกท่านมีค่า ถ้าเสี่ยงเกินไปอย่าเสี่ยงเลย เพราะในการกู้ภัย ความปลอดภัยของผู้เข้าไปช่วยเหลือมาเป็นอันดับหนึ่ง หมายถึงภารกิจเป็นอันดับสองด้วยซ้ำ เพราะถ้าผู้เข้าไปช่วยเหลือเกิดเป็นอะไรไปภารกิจจะยากขึ้นอีกมาก ดังนั้นซีลไทยทำดีแล้วล่ะครับ แต่ในอนาคตถ้าหน่วยทหารจะต้องเข้าไปช่วยเหลือภัยพิบัติที่ไหนอีก อยากให้ทุกท่านคิดถึงตัวเองให้มาก ๆ ท่านคือบุคคลที่มีค่าของประเทศ และท่านคือคนสำคัญ ถ้าท่านเป็นอะไรไปสักคน คนที่รอความช่วยเหลืออยู่ก็อาจจะหมดหวังนะครับ
หนังเดินเรื่องฉับไว ไวมาก ฉับ ๆ ๆ ๆ ๆ เลย ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปได้พอสมควร เลยบางคนอาจจะชอบเพราะมันตื่นเต้น บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะดูแล้วมันไม่ได้อารมณ์ร่วมเท่าไหร่ อันนี้ก็แล้วแต่คน แต่แอดคิดว่าถ้าดึงช่วงดำน้ำให้ยาวขึ้นสักนิด ใส่รายละเอียดเข้าไปมาก ๆ หน่อย หนังน่าจะได้ความดราม่ามากกว่านี้เยอะครับ แต่งานภาพค่อนข้างสวยทีเดียว โดยเฉพาะภูมิประเทศสวย ๆ และฉายภาพความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความเสียสละของคนไทยและชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี
สรุปก็คือน่าดูครับ แอดไม่คิดว่าคนไปดูจะเสียดายเงินขนาดนั้น อย่างน้อยถ้าดูเป็นหนังแล้วไม่สนุก ก็ให้ดูมันเป็นสารคดีก็ได้เช่นกันครับ
#thecave #นางนอน #ถ้ำหลวง #หมูป่า #TheCaveนางนอน
TAF Movie Review
บท การเดินเรื่อง = 1
การแสดง = 1.5
CGI = 2
กำกับภาพ = 2
ความสนุก = 1.5
รวม = 8/10
