BREAKING: บิลล์ เกตส์ ไม่กลัวโควิด ซื้อหุ้นโรงแรม Four Seasons เพิ่มเป็น 71%
ล่าสุดมีข่าวว่า บิลล์ เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft ได้เข้าซื้อกิจการกลุ่มโรงแรมหรู Four Seasons เพิ่มเป็น 71% หลังปิดดีลกับเจ้าชาย Alwaleed ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย
บิลล์ เกตส์ ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดในกิจการโรงแรมหรู Four Seasons ผ่านดีลมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 72,089 ล้านบาท กับราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นดีลใหญ่ครั้งแรกของเขา นับตั้งแต่มีการแบ่งสินทรัพย์กับ เมลินดา เกตส์ อดีตภรรยาไปเมื่อต้นปีนี้
โดยก่อนหน้านี้ บิลล์ เกตส์ เป็นเจ้าของ Four Seasons ร่วมกับ Alwaleed bin Talal เจ้าชายซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่ปี 2007
ซึ่งในตอนนี้ การลงทุนของ บิลล์ เกตส์ ผ่าน Cascade Investment บริษัทด้านการลงทุนของเขา ได้เข้าซื้อหุ้นครึ่งหนึ่งของเจ้าชาย Alwaleed
จากดีลนี้ ทำให้การถือหุ้นใน Four Seasons ของบิลล์ เกตส์ เพิ่มขึ้นเป็น 71%
และการขายหุ้นครั้งนี้เจ้าชาย Alwaleed ได้ขายผ่าน Kingdom Holdings ซึ่งคาดว่าจะได้รับกำไร 52,432 ล้านบาท
ซึ่งการขายหุ้นโรงแรม ของเจ้าชาย Alwaleed ถือเป็นการขายกิจการครั้งแรกนับตั้งแต่เขาได้รับการปล่อยตัว หลังจากถูกกักขังเป็นเวลานานในโรงแรม Riyadh Ritz-Carlton ในปี 2018 ข้อหาที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริต ที่ดำเนินการโดยมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman ของซาอุดีอาระเบียในขณะที่เขายึดอำนาจในประเทศ
ทั้งนี้ เงื่อนไขในการปล่อยตัวเจ้าชาย Alwaleed นั้นไม่ชัดเจนมากนัก ทั้งนี้บุคคลสำคัญอื่น ๆ ที่ถูกคุมขังได้ถูกปล่อยตัวอย่างเงียบ ๆ ผ่านข้อตกลงในการชดใช้เงินก้อนใหญ่ในข้อหาสนับสนุนพฤติกรรมที่เห็นว่าเข้าข่ายทุจริต
ภายใน 1 เดือนหลังเจ้าชาย Alwaleed ได้รับการปล่อยตัว เขาก็ได้ขายธุรกิจของเขาออกไป เช่น โรงแรมและรีสอร์ต Mövenpick มูลค่า 18,660 ล้านบาท แต่เขายังคงเป็นนักลงทุนรายย่อยในเครือโรงแรม Four Seasons อยู่
ซึ่งในช่วงที่ บิลล์ เกตส์ และ เมลินดา เกตส์ ได้ออกมาประกาศว่าจะยุติชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ ทำให้เกิดคำถามว่า ทรัพย์สินมูลค่ากว่า 3.9 ล้านล้านบาทที่ บริษัท Cascade และมูลนิธิการกุศลของพวกเขาจะได้รับการจัดสรรอย่างไรบ้าง
หลังจากการประกาศหย่าร้าง ทาง Cascade ได้โอนหุ้นมูลค่า 196,615 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งหุ้น Coca-Cola หุ้น CN Rail บริษัทรถไฟยักษ์ใหญ่ของแคนาดา และ หุ้นบริษัท John Deere ให้กับเมลินดา เกตส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางการเงิน
หลายคนยังไม่รู้ว่า ไมเคิล ลาร์สัน ผู้บริหาร Cascade เป็นผู้ที่มีความสำคัญในการบริหารความมั่งคั่งของ บิลล์ เกตส์ และ เมลินดา เกตส์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทั้งสองมุ่งความสนใจไปที่งานการกุศลเป็นหลักได้ นอกจากนี้ ลาร์สัน ยังบริหารจัดการเงินบริจาค 1.6 ล้านล้านบาท ของมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation
ที่น่าสนใจคือ
เมื่อเดือนเมษายน ปี 2020 ที่ผ่านมา บิลล์ เกตส์ เองได้ออกมาประกาศเตือน 4 ธุรกิจ ประกอบด้วย โรงแรม ร้านอาหาร ท่องเที่ยว และจัดอีเวนต์ ว่าอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป รวมถึงชี้แนะวิธีจัดการของธุรกิจเหล่านี้ด้วย
แต่มาวันนี้ บิลล์ เกตส์ กลับเริ่มเข้ามาเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการโรงแรม ซึ่งอาจตีความได้ว่า บิลล์ เกตส์ มีมุมมองที่เปลี่ยนไปจากการพูดเมื่อปีก่อน ซึ่งเขาอาจเห็นโอกาสบางอย่าง จึงถือโอกาสเข้าลงทุนเพิ่มในกิจการโรงแรม Four Seasons ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์โรงแรมระดับ Super Luxury ในครั้งนี้..
References
-https://www.ft.com/content/3889fdcd-b151-4540-ae29-3a0f54216c1c
-https://www.ceochannels.com/bill-gates-warned-3-businesses-that-will-change-forever-after-covid-19/
「บริษัท coca-cola」的推薦目錄:
บริษัท coca-cola 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
กรณีศึกษา LeBron James นักบาสที่ทำธุรกิจ ระหว่างเล่นบาส /โดย ลงทุนแมน
“LeBron James” ถูกยกย่องให้เป็นตำนานบาสเกตบอล NBA
แม้ว่าปัจจุบันเขาก็ยังคงลงสนามแข่งขันอยู่
ซึ่งนอกจากในด้านกีฬาแล้ว รู้หรือไม่ว่าเขายังเป็นเจ้าของและได้เข้าไปลงทุนในอีกหลายธุรกิจ
รวม ๆ กันแล้ว มีมูลค่าระดับหมื่นล้านบาท
แต่กว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จทั้งด้านการแข่งขันกีฬาและธุรกิจ
ในวัยเด็ก LeBron James ก็เรียกได้ว่ามีต้นทุนติดลบตั้งแต่เกิด
แล้วเขาเปลี่ยนต้นทุนติดลบให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
LeBron James เกิดในปี ค.ศ. 1984 ที่เมืองเอกรอน รัฐโอไฮโอ
เขาเกิดในขณะที่แม่ของเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
ส่วนพ่อของเขาก็ติดคุกและไม่เคยได้พบหน้ากันตั้งแต่เด็ก
นอกจากปัญหาของพ่อแม่แล้ว ชีวิตในวัยเด็กของเขาถือว่ามีต้นทุนที่ติดลบกว่าเด็กคนอื่น ๆ อย่างมาก
เริ่มตั้งแต่เมืองที่เขาเกิด..
ในการสำรวจจัดอันดับเมืองที่น่าหดหู่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา
เอกรอน คลีฟแลนด์ และอีกหลายเมืองในรัฐโอไฮโอ มักจะติดอันดับต้น ๆ อยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก ปัญหาคอร์รัปชัน ไปจนกระทั่งความล้มเหลวทางการกีฬา
ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ในกีฬาประเภทใดได้เลยมายาวนานกว่า 50 ปี
ชีวิตในวัยเด็กของเขาก็ถือว่าน่าหดหู่ไม่แพ้กัน
ด้วยความที่แม่ของเขาต้องเปลี่ยนงานอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเช่าบ้าน
ทำให้ทั้งแม่และตัวเขาเองในวัย 3 ขวบไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ต้องคอยอาศัยโซฟาในบ้านของคนรู้จักเป็นที่หลับนอนยาวนานกว่า 6 ปี
ซึ่งก็มีอยู่หลายบ้านด้วยกันที่เขาเคยย้ายเข้าไปอยู่ โดยในปี ค.ศ. 1993 เขาเคยย้ายที่อยู่ 5 ครั้งใน 3 เดือน
ในขณะที่ James เองสมัยเรียนอยู่เกรด 4 ก็เคยขาดเรียนกว่าร้อยวันจากปัญหาสภาพจิตใจและเรื่องรอบตัว
ถึงแม้จะเกิดมาด้วยต้นทุนที่ติดลบ แถมยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม แต่ความพิเศษหนึ่งที่ติดตัวเขามาด้วยนั่นคือร่างกายที่พิเศษกว่าใคร
ในปี ค.ศ. 1993 James ในวัย 9 ขวบ มีส่วนสูงเกือบเท่ากับแม่ของเขาคือ 165 เซนติเมตร วิ่งเร็วและแข็งแรงถึงขั้นที่เรียกได้ว่าผิดปกติจากเด็กทั่วไป และในตอนนั้นเองที่เขาได้รู้จักกับ Bruce Kelker โค้ชอเมริกันฟุตบอลที่กำลังจะตั้งทีมขึ้นมาแข่งในระดับประถม
ซึ่ง Kelker ได้ดึงตัว James เข้าทีมและอาสารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างของเขาและได้ชวนสองแม่ลูกมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับเขา
ในปีแรกที่ James ลงแข่ง เขาทำทัชดาวน์ไปถึง 17 ครั้งภายใน 6 เกมที่ลงแข่งขัน ความสามารถและร่างกายของเขาโดดเด่นถึงขนาดที่ว่าโค้ชของทีมตรงข้ามต้องขอดูสูติบัตรเพราะสงสัยว่า James อาจจะโกงอายุเพื่อลงมาเข้าแข่งขัน
ต่อมา James และแม่ของเขามีความจำเป็นต้องย้ายบ้านอีกครั้งและตัวเขาได้ย้ายไปอยู่กับเพื่อนของโค้ช Kelker ที่ได้กลายมาเป็นโค้ชสอนบาสเกตบอลคนแรกของเขาชื่อ “Frankie Walker”
James จึงได้เรียนรู้การเล่นบาสเกตบอล และด้วยวินัยที่ยอดเยี่ยม บวกกับความตั้งใจในการฝึกซ้อม ฝีมือการเล่นบาสเกตบอลของ James ก็ได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด
ต่อมา ฝีมือและชื่อเสียงของ James เริ่มมีมากขึ้นและโด่งดังไปไกลระดับประเทศ ถึงขนาดที่ว่า ESPN สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาต้องถ่ายทอดสดการแข่งขันระหว่างทีมของเขาและ Oak Hill Academy ซึ่งเป็นทีมเต็งแชมป์ระดับประเทศ
โดยการถ่ายทอดสดครั้งนี้ นับเป็นการถ่ายทอดเกมบาสเกตบอลระดับมัธยมเป็นครั้งแรกของ ESPN ในรอบ 13 ปี และ James ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะเขาเป็นตัวหลักที่พาทีมเอาชนะทีมเต็งแชมป์ท่ามกลางสายตาของชาวอเมริกันทั่วประเทศ
และแล้ว ช่วงเวลาที่เขาได้กอบโกยเงินจำนวนมหาศาลก็มาถึง
ในปี ค.ศ. 2002 James ในวัย 18 ปีเป็นที่สนใจของสื่อทั่วประเทศ ทั้งดารา นักบาสเกตบอลชื่อดัง หรือแม้แต่ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา Nike อย่าง Phil Knight ก็ยังต้องมาดูเขาแข่งที่ข้างสนาม
ในตอนนั้นมีแบรนด์รองเท้ายักษ์ใหญ่ 3 แบรนด์รอที่จะเซ็นสัญญากับเด็กหนุ่มวัย 18 ปีคนนี้ ก่อนที่เขาจะถึงคิวเข้าคัดเลือกสู่ NBA ในปี ค.ศ. 2003 โดยมีทั้ง Adidas Reebok และ Nike ที่เข้าคิวรอเจรจากับ James
ซึ่ง James ก็เรียกได้ว่ามีดีเอ็นเอของความเป็นนักธุรกิจอยู่ในสายเลือดเลยทีเดียว เพราะเขาจะใส่ชุดกีฬาของ Adidas ทุกครั้งที่ไปออกงานของ Nike และจะเลือกใส่ชุดของ Nike ทุกครั้งที่ไปงานของ Adidas ส่งผลให้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขาจะเลือกเซ็นสัญญากับแบรนด์ไหน
ซึ่งวิธีการนี้เองก็ทำให้แต่ละแบรนด์ต่างทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเจรจากับ James
Adidas เสนอสัญญามูลค่า 1,800 ล้านบาท
Nike เสนอสัญญามูลค่า 2,700 ล้านบาท
Reebok เสนอสัญญามูลค่า 3,450 ล้านบาท พร้อมจ่ายเป็นเช็คเงินสดทันที 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม James ต้องการเลือก Nike ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะต้องการเดินตามรอยนักบาสเกตบอลระดับตำนานอย่าง Michael Jordan ที่ได้สร้างธุรกิจแบรนด์ชุดกีฬาเป็นของตัวเองขึ้นมาร่วมกับ Nike
นั่นจึงทำให้ในปี ค.ศ. 2003 เขาตัดสินใจเซ็นสัญญากับ Nike ซึ่งสัญญาดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่าซูเปอร์สตาร์คนดังอย่าง Kobe Bryant ที่ได้สัญญาจาก Nike เสียอีก โดยในปีนั้นมีนักกีฬาเพียง 3 คนทั่วโลก ที่มีรายได้จากสปอนเซอร์มากกว่าเขา
สุดท้ายแล้วการเลือก Nike ในครั้งนั้น ก็นำไปสู่การต่อสัญญาสปอนเซอร์มูลค่ามหาศาลที่คาดการณ์กันว่าสูงถึง 30,000 ล้านบาท ในปี ค.ศ. 2015 ซึ่งนับเป็นสัญญาตลอดชีพสัญญาแรกของ Nike ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา
นอกจาก Nike แล้ว หลากหลายแบรนด์ระดับโลกต่างก็ต้องการเซ็นสัญญากับ James อย่างเช่น McDonald’s, Coca-Cola หรือแม้แต่ Intel บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์..
แล้วอะไรกัน ที่ทำให้ James ต่างจากนักกีฬาส่วนใหญ่ ?
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักกีฬาชื่อดังคนอื่น ๆ
ก็คือ James เป็นนักกีฬาที่ชื่นชอบในด้านธุรกิจและการลงทุน
ยกตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 2006 หูฟังยี่ห้อ Beats by Dre ได้ถือกำเนิดขึ้น
และผู้ก่อตั้งอย่าง Dr. Dre แรปเปอร์ชื่อดังต้องการร่วมมือกับ James ในการโปรโมตสินค้า
แทนที่ James จะรับเป็นสปอนเซอร์ให้กับบริษัท แต่สิ่งที่ James ทำก็คือเขาได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมในการขอเป็นหุ้นส่วนในบริษัทเข้าไปด้วย
โดยหลังจากได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนกัน James ก็ได้เอาตัวเองเป็นช่องทางการตลาด
ซึ่งในช่วงกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน เขาได้แจกหูฟังให้กับเพื่อนร่วมทีมชาติทุกคนที่ร่วมแข่ง
ทำให้ปรากฏภาพนักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาทั้ง 15 คน ที่ไม่ว่าจะอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬา ตอนซ้อม หรือสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง ก็จะมีหูฟัง Beats by Dre คล้องคออยู่เสมอ
จุดนี้เองที่ทำให้หูฟังแบรนด์ Beats by Dre กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกและเมื่อบริษัทถูกซื้อโดย Apple ในปี ค.ศ. 2014 ทำให้ James ได้รับส่วนแบ่งจากการขายกิจการดังกล่าวไปกว่า 900 ล้านบาท
อีกการลงทุนที่น่าสนใจคือ การลงทุนในร้านพิซซาแบรนด์ Blaze Pizza ในปี ค.ศ. 2012
ด้วยเงินลงทุน 30 ล้านบาทในขณะที่ร้านยังมีเพียงแค่ 1 สาขาเท่านั้น
โดยเขาเลือกที่จะไม่ต่อสัญญามูลค่า 450 ล้านบาทกับ McDonald’s
เพื่อที่จะได้นำภาพลักษณ์ของตัวเขาเองมาใช้ในการโปรโมตร้านพิซซาที่เขาลงทุน
ในปี ค.ศ. 2017 Forbes ได้จัดให้ Blaze Pizza คือเชนร้านอาหารที่เติบโตเร็วที่สุดที่เคยมีมา โดยปัจจุบัน Blaze Pizza มีจำนวนสาขากว่า 336 สาขา และมูลค่าเงินลงทุน 30 ล้านบาทของ James ได้เพิ่มกลายเป็น 1,200 ล้านบาทในปัจจุบัน คิดผลตอบแทนเป็น 40 เด้ง ภายใน 5 ปี
และการลงทุนที่สร้างชื่อให้กับ James มากที่สุดก็คือการลงทุนในทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล
ในปี ค.ศ. 2011 เป็นช่วงที่ทีมลิเวอร์พูลไม่ได้มีผลงานที่ดีนัก ในขณะที่เจ้าของทีมอย่าง Fenway Sports Group (FSG) บริษัทที่เป็นเจ้าของทีมกีฬาจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องการใช้ชื่อของ James ในการโปรโมตแบรนด์และดึงดูดลูกค้าเข้าบริษัท
James จึงยื่นข้อแลกเปลี่ยนนอกเหนือจากค่าตัวแล้ว เขายังต้องการหุ้น 2% ในทีมลิเวอร์พูลอีกด้วย
หลังจากข้อตกลงกับ FSG เสร็จสิ้น James ได้เยี่ยมชมการแข่งขันของลิเวอร์พูลและเขายังได้มอบหูฟัง Beats by Dre รุ่นพิเศษให้กับนักฟุตบอลในทีมอีกด้วย
จากดีลดังกล่าวทำให้หลังจากที่ลิเวอร์พูลได้เป็นแชมป์ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ก็ทำให้มูลค่าของทีมลิเวอร์พูลในปี ค.ศ. 2019 เพิ่มขึ้นมหาศาล และหุ้น 2% ของเขา ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 ล้านบาท
นอกจากการลงทุนทั้งหมดที่กล่าวมานั้น
พอร์ตการลงทุนของ James ก็ยังมีอีกมากมาย เช่น
- บริษัท Ladder ซึ่งเขาได้ร่วมมือกับ Arnold Schwarzenegger เพื่อร่วมกันสร้างแบรนด์อาหารเสริมคุณภาพสูงสำหรับนักกีฬา และกิจการดังกล่าวก็ได้ถูกซื้อไปโดย Openfit แบรนด์ฟิตเนสชื่อดัง
- บริษัท SpringHill Entertainment บริษัทผลิตภาพยนตร์ สารคดี และรายการโทรทัศน์หลากหลายรายการ และได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทกว่า 22,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า James ถือหุ้นกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท
- บริษัท Uninterrupted แพลตฟอร์มสื่อทางด้านกีฬา ที่เชื่อมต่อบรรดานักกีฬาชื่อดังกับแฟนคลับผ่านรายการต่าง ๆ มากมายซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
ปัจจุบัน Forbes ระบุว่า James มีทรัพย์สินราว 25,500 ล้านบาท ซึ่งทำให้ชีวิตของเขานั้นถือได้ว่าประสบความสำเร็จทั้งในด้านกีฬาและธุรกิจเลยทีเดียว
ก็เป็นที่น่าติดตามว่าในอนาคตอาชีพนักกีฬาของ LeBron James จะเป็นอย่างไร
หรือเขาจะเริ่มวางมือจากสนามบาสเกตบอล แล้วเข้าสู่สนามธุรกิจเต็มตัวเมื่อไร
เพราะอีกหนึ่งความฝันของเขาก็คือ “การได้เป็นเจ้าของทีมใน NBA”
ซึ่งด้วยกฎปัจจุบันของ NBA ทำให้เขาที่มีสถานะเป็นนักกีฬายังไม่สามารถเป็นเจ้าของทีมใด ๆ ได้
เรื่องทั้งหมดนี้ของ LeBron James สะท้อนให้เห็นว่าต้นทุนทางชีวิตของเรา
อาจจะมีผลมากกับช่วงชีวิตในวัยเด็กก็จริง แต่หลังจากนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับตัวเราเองมากกว่า
เหมือนกับ James ชีวิตในวัยเด็ก เรียกได้ว่าติดลบ
แต่พอเขาโตขึ้น เขาก็ได้นำความพิเศษทางร่างกายที่ได้รับมา
รวมเข้ากับความมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อม จนก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาระดับโลก และมีส่วนช่วยต่อยอดให้เขาเป็นนักธุรกิจระดับโลกด้วย นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.youtube.com/watch?v=0Qrey_QLSr8
-https://www.espn.com/nba/story/_/id/9825052/how-lebron-james-life-changed-fourth-grade-espn-magazine
-https://tonesanddefinition.com/2018/12/03/the-chosen-one-1-lebron-james/
-https://www.forbes.com/video/6269489945001/heres-how-lebron-james-could-become-a-billionaire-/?sh=2fdd29996486
-https://www.forbes.com/sites/kurtbadenhausen/2017/07/11/lebron-james-backed-blaze-pizza-is-fastest-growing-restaurant-chain-ever/?sh=649f2a5752b2
-https://www.marketwatch.com/story/when-lebron-james-chose-nike-in-2003-he-gave-up-28-million-it-could-end-up-making-him-1-billion-2019-08-29
-https://www.essentiallysports.com/nba-basketball-newsfrom-blaze-pizza-to-liverpool-f-c-the-top-5-businesses-lebron-james-owns/
บริษัท coca-cola 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
Tropicana แบรนด์น้ำส้มพร้อมดื่ม รายแรกของโลก /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า เมื่อ 70 กว่าปีก่อน เรายังไม่สามารถหาซื้อน้ำส้มพร้อมดื่มที่มียี่ห้อในตลาดทั่วไปได้
เพราะน้ำส้มสมัยก่อนจะนิยมขายแบบเข้มข้น ที่ต้องเอามาผสมน้ำอีกทีถึงจะดื่มได้
จนกระทั่ง Tropicana เป็นผู้คิดค้น “น้ำส้มพร้อมดื่ม” บรรจุกล่องขึ้นมา
เรื่องราวนี้มีความเป็นมาอย่างไร และใครเป็นเจ้าของ Tropicana ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Tropicana เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้ จากประเทศสหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งขึ้นในปี 1947 หรือ 74 ปีที่แล้ว โดยคุณ Anthony T. Rossi
คุณ Rossi เป็นชาวอิตาลี ที่อพยพมาอยู่สหรัฐฯ ตอนอายุเพียง 21 ปี โดยช่วงแรก เขาอาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์ก ทำงานเป็นคนขับรถแท็กซี่และขายของชำ
ต่อมา เขาย้ายไปอยู่รัฐฟลอริดา เนื่องจากมีอากาศอบอุ่นคล้ายกับบ้านเกิดในอิตาลี และหันมาทำธุรกิจร้านอาหาร แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไร
อย่างไรก็ตาม คุณ Rossi ได้เล็งเห็นว่า รัฐฟลอริดามีชื่อเสียงเรื่องผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้มและมะนาว จึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทชื่อว่า Fruit Industries เพื่อขายผลไม้บรรจุกล่อง
ในระหว่างที่ธุรกิจขายผลไม้ กำลังไปได้สวย
คุณ Rossi ก็พบว่า มีส้มผลเล็ก ๆ เหลืออยู่จำนวนมาก เพราะไม่ถึงเกณฑ์ที่จะไปบรรจุในกล่องได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการทิ้งไปเฉย ๆ จึงลองนำมาผลิตเป็นน้ำส้มแบบเข้มข้น ขายเสริมรายได้อีกช่องทางหนึ่ง
ต้องบอกก่อนว่า น้ำส้มที่วางขายตามร้านค้าทั่วไปในสมัยก่อน จะนิยมทำเป็นน้ำผลไม้เข้มข้นที่ยัง “ไม่พร้อมดื่มในทันที” เพราะต้องนำมาผสมน้ำให้เจือจางก่อนบริโภค โดยมีผู้นำตลาด คือ แบรนด์ Minute Maid
ส่วนน้ำส้มคั้นธรรมชาติ จะถูกจำหน่ายในพื้นที่จำกัดเท่านั้น ไม่มีแบรนด์ที่แพร่หลายในวงกว้าง เพราะเก็บเอาไว้ได้เพียงไม่กี่วัน
ซึ่งตรงจุดนี้ คุณ Rossi มองว่า หากสามารถพัฒนา “น้ำส้มคั้นแบบพร้อมดื่ม” ที่เก็บไว้นานได้ มันก็น่าจะมีตลาดที่ใหญ่มากรอคอยอยู่
จนในปี 1954 เขาก็ศึกษากระบวนการพาสเจอไรซ์น้ำส้มคั้น และนำมาลองใช้ได้สำเร็จ ทำให้ยืดอายุการเก็บรักษาไว้ได้นานถึง 3 เดือน โดยที่รสชาติยังคงเดิม
ทำให้บริษัทของเขา เป็นเจ้าแรกของตลาด ที่วางขายน้ำส้มพร้อมดื่มบรรจุกล่อง ตามชั้นสินค้าของร้านทั่วไปได้ โดยใช้ชื่อแบรนด์ผลิตภัณฑ์ว่า “Tropicana Pure Premium”
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการออกแบบตัวการ์ตูนบนกล่องน้ำส้ม เป็นเด็กผู้หญิงถือถาดส้มบนศีรษะ ชื่อว่า Tropic-Ana ซึ่งทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ น้ำส้ม Tropicana Pure Premium ทำยอดขายถล่มทลาย จนบริษัทมุ่งเน้นธุรกิจน้ำส้มเป็นหลัก และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Tropicana Products, Inc.
ในเวลาต่อมา เมื่อมีความต้องการซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะจากรัฐอื่น ทำให้ Tropicana ต้องเจอความท้าทายในด้านการขนส่งสินค้า
ช่วงแรก บริษัทใช้บริการขนส่งทางรถบรรทุก แต่พอเริ่มมีปริมาณคำสั่งซื้อจากเมืองที่อยู่ห่างไกล จึงเริ่มส่งสินค้าทางเรือด้วย
แต่ในปี 1971 บริษัทก็ตัดสินใจลงทุนระบบขนส่งแบบที่ไม่มีเจ้าไหนเคยทำมาก่อน นั่นคือ การซื้อขบวนรถไฟขนส่งสินค้าหลายร้อยตู้ และบริหารจัดการการเดินรถด้วยตัวเอง
ซึ่งทำให้กระจายสินค้าได้รวดเร็วขึ้น และยิ่งส่งสินค้าทีละมาก ๆ ก็ยิ่งมีต้นทุนต่อหน่วยถูกลง โดยผู้คนในวงการตั้งชื่อเล่นให้กับขบวนรถไฟของ Tropicana ว่า The Great White Juice Train
นอกจากนั้น Tropicana ยังขึ้นชื่อว่าเป็น บริษัทน้ำส้มพร้อมดื่มรายแรกที่สร้างโรงงานผลิตขวดพลาสติก เพื่อบรรจุผลิตภัณฑ์ของตัวเองอีกด้วย
ซึ่งนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ Tropicana คิดค้นขึ้นนั้น ได้เป็นต้นแบบการทำธุรกิจให้กับผู้เล่นรายอื่นในตลาด จนอุตสาหกรรมน้ำผลไม้พร้อมดื่ม เติบโตมาถึงทุกวันนี้
แล้วปัจจุบันใครเป็นเจ้าของ Tropicana ?
หลังจากน้ำส้ม Tropicana ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ก็มีผู้สนใจในตัวแบรนด์มาเทกโอเวอร์บริษัท จนเจ้าของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงแทบทุก 10 ปี เลยก็ว่าได้
ปี 1969 บริษัท Tropicana Products จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นบริษัทมหาชน
ปี 1978 คุณ Rossi ผู้ก่อตั้งตกลงขายกิจการให้กับ Beatrice Foods บริษัทอาหารสัญชาติอเมริกัน
ปี 1988 แบรนด์ Tropicana ถูกขายต่อให้กับ Seagram’s บริษัทเครื่องดื่มสัญชาติแคนาดา
ปี 1998 แบรนด์ Tropicana ถูกขายต่อให้กับ PepsiCo บริษัทอาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Lay’s และ Pepsi
ภายใต้การบริหารของ PepsiCo ก็ช่วยส่งเสริมให้ Tropicana กลายเป็นผู้นำตลาดน้ำส้มพร้อมดื่มของสหรัฐอเมริกา โดยครองส่วนแบ่งตลาด 33% นำหน้าคู่แข่งอย่าง Minute Maid ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือของ Coca-Cola ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 24%
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา
PepsiCo ก็ตัดสินใจขาย Tropicana และแบรนด์เครื่องดื่มอื่น ๆ ให้กับ PAI Partners บริษัทเอกชนจากฝรั่งเศส ในราคา 1.1 แสนล้านบาท
โดย PepsiCo และ PAI Partners ไปก่อตั้งบริษัทใหม่ร่วมกันในลักษณะกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่ง PepsiCo จะยังถือหุ้นในบริษัทใหม่อยู่ 39%
จากเรื่องราวนี้จะเห็นได้ว่า
หากจะเอาตัวรอด และประสบความสำเร็จในธุรกิจได้
มันก็ต้องพัฒนาต่อยอดการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ให้ดีขึ้นตลอดเวลา
เหมือนกรณีของน้ำส้ม Tropicana
ที่ตอนแรกขายน้ำส้มเข้มข้น แบบเดียวกับผู้เล่นรายอื่นในตลาด
แต่พวกเขาก็ไม่หยุดคิดต่อไปข้างหน้าว่า
จะทำอย่างไร ให้ลูกค้าได้ดื่มน้ำส้มราวกับเพิ่งคั้นใหม่สด ๆ
จะทำอย่างไร ให้ลูกค้าในเมืองห่างไกล ได้ดื่มน้ำส้มอร่อย ๆ อย่างทั่วถึง
ซึ่งการแก้โจทย์เหล่านั้น ทำให้ Tropicana เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มน้ำผลไม้ของผู้บริโภค นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-http://www.fundinguniverse.com/company-histories/tropicana-products-inc-history/
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Tropicana_Products
-https://www.cnbc.com/2021/08/03/pepsico-to-sell-tropicana-and-other-juice-brands-for-3point3-billion.html
บริษัท coca-cola 在 Coca Cola ทำไมถึงขายดี !? | เบื้องหลังความสำเร็จของ Coca Cola 的推薦與評價
เบื้องหลังความสำเร็จของ Coca Cola กว่าจะมีทุกวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง Coca Cola คือ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ... ... <看更多>
บริษัท coca-cola 在 Coca-Cola - หน้าหลัก - Facebook 的推薦與評價
http://www.coca-cola.co.th/. ศูนย์บริการข้อมูล ไทยน้ำทิพย์ โทร 02 616 5555 เปิดบริการทุกวัน เวลาทำการ 8.00-18.00 น. ... <看更多>