วันก่อนผมพูดถึงเรื่องการ “เก็บเงิน” ว่าถ้าไม่ใช่คนที่ยากจนข้นแค้น ถึงขนาดที่ไม่มีเงินจ่ายแม้กระทั่งค่าอาหารกับที่อยู่อาศัย ทุกคนก็สามารถประหยัดและเก็บออมได้
.
พอพูดอย่างนี้ ข้ออ้างที่มักจะเจอก็คือ “รายได้น้อย”
.
แต่ถ้าพูดถึงสาเหตุลึกๆ จริงๆ มันเกิดจากรูปแบบการใช้ชีวิตต่างหาก เพราะพอคนเราทำงานแล้วมี “เงิน” ก็เอาเงินไป “สร้างรูปแบบการใช้ชีวิต” ไปเอาเงินในอนาคตมาใช้ จนสุดท้ายรูปแบบการใช้ชีวิตที่เราสร้างขึ้นมาก็ทำให้เรากลายเป็นทาสที่ต้องกลับไปทำงานหาเงินมาแลกไม่จบไม่สิ้น
.
เพราะถ้าคนเราไม่ไปสร้างรูปแบบชีวิตที่มันเกินตัว แล้วใช้ชีวิตไม่ให้เกินกว่ารายได้ที่หามา มีเหรอจะไม่มีเงิน “เหลือเก็บ”
.
เหลือเก็บในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเหลือเก็บเยอะๆ เอาแค่วันละ 1 บาทก็ถือว่าเก็บได้แล้ว เพราะต่อให้เป็นเงินเล็กเงินน้อยมันก็คือเงินเก็บ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าสามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้
.
พอผมพูดแบบนี้ก็มีคนวิจารณ์ว่า ภาระคนเราไม่เท่ากัน ความจำเป็นไม่เท่ากัน ไหนจะผ่อนรถ ผ่อนบ้าน อีก (แยกให้ออกระหว่างความจำเป็น กับ ความต้องการ) แทนที่จะโลกสวยบอกให้คนอย่าใช้เงินเกินที่หามา ทำไมไม่หาวิธีให้คนหา “รายได้เพิ่ม” ล่ะ
.
ซึ่งผมก็ตอบกลับไปว่า “ถ้าติดตามผมจริงๆ ผมทำคอนเทนต์ ประเภทหารายได้เพิ่มเยอะมากๆ นะ ลองไปศึกษาเพิ่มเติมได้”
.
พอเห็นอย่างนี้ผมก็โดนสวนขึ้นมาทันทีว่า “เป็นคนที่ทำคอนเทนต์ย้อนแย้ง”
.
คือ ใครจะว่าย้อนแย้งมันก็สิทธิ์ของเขา แต่สำหรับผมมันคือเรื่องนี้สอดคล้องกัน เพราะถ้าคุณหาเงินได้มากขึ้น แต่ควบคุมรายจ่ายไม่ได้มันจะมีประโยชน์อะไร ซึ่งส่วนใหญ่คนที่หาเงินได้เยอะๆ นั่นแหละ คือ คนที่ “เพิ่มรายจ่าย” ได้เก่งที่สุด เพราะสามารถกู้ขอสินเชื่อต่างๆ ง่ายกว่าคนอื่นๆ แล้วพอรายได้ที่หามาหายไป ด้วยวิกฤตก็ดี หรือ อายุที่มากขึ้นก็ดี แต่รายจ่ายเท่าเดิม สุดท้ายก็ไม่พ้นปัญหาทางการเงิน
.
ดังนั้น ผมบอกเลยว่า “ต่อให้หาเงินเก่ง แต่บริหารไม่เป็น ก็ไม่มีประโยชน์”
.
ที่สำคัญ ถ้าวันนี้คุณยังจัดการเงินที่มีอยู่ไม่ได้ มีปัญหาสภาพคล่อง เงินไม่พอจ่าย คุณจะเอาพลังสมองที่ไหนไปคิดวิธีการหารายได้เพิ่ม
.
และเมื่อเราบริหารเงินไม่ได้ เราก็อยากจะหารายได้เร็วๆ แล้วคนที่อยู่ในภาวะร้อนเงิน อยากได้เงินเร็วๆ ผมบอกเลยว่าคนเหล่านี้จะไม่มีทางได้เงินเร็วๆ เพราะเขาจะใจร้อนจนไม่สามารถติดสินถูกผิดได้ สุดท้ายก็จะโดนหลอกเอาง่ายๆ
.
ฉะนั้น หากคุณอยากเป็นคนที่สามารถเพิ่มรายได้และทรัพย์สินได้อย่างยั่งยืน คุณจะเก่งแต่ “หาเงิน” อย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย โดย จิม คิม ได้อธิบาย 4 องค์ประกอบสำคัญในการบริหารจัดการเงิน เอาไว้ในหนังสือ จงคบค้ากับความร่ำรวย ซึ่งประกอบด้วย
.
1) ความสามารถในการหาเงิน
.
แน่นอนสิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ ต้องสามารถหาเงินได้ เพราะถ้าหาเงินไม่ได้ก็คงไม่มีทางที่เงินในกระเป๋าจะเพิ่มขึ้น
.
ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นในสังคม ส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำงานหรือทำธุรกิจได้เก่งมาก มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลกว่าคนทั่วไป ขายเก่ง มองโลกในแง่ดี ไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ
.
ใครมีความสามารถในการหาเงินนับเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากขาดความสามารถในมิติอื่น ก็อาจจะกลายเป็นหนี้และถูกหลอกลวงได้ เพราะถนัดแต่หาเงิน แต่จัดการเงินไม่เป็น แต่ละวันมีเงินไหลออกกระเป๋าไปเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยจะรู้ เผลอๆ ถูกลูกน้องหลอกเอาเงินโดยไม่รู้ตัวก็มี
.
สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะคนกลุ่มนี้มักคิดเอาเองว่า “ขอแค่หาเงินได้เท่ากับที่จ่ายไปก็คงพอแล้ว” จนเพิกเฉยต่อรายละเอียดต่างๆ ไม่ชอบอ่านและทำความเข้าใจกับงบการเงิน ไม่ศึกษาการลงทุน ซึ่งเป็นความเชื่อที่อันตรายมาก เพราะอย่าลืมว่าคนเราไม่สามารถทำงานหาเงินได้เต็มประสิทธิภาพตลอดชีวิต คุณต้องแก่ลงในอนาคต และมีโอกาสที่จะหารายได้น้อยลงด้วย อย่าคิดว่ายิ่งแก่ยิ่งหาเงินได้เยอะนะครับ
.
ถ้าใครหาเงินเก่งอย่างเดียว แต่บริหารไม่เป็น บอกเลยว่าไม่มีประโยชน์ เพราะต่อให้หาเงินได้มากแค่ไหน ก็รักษามันเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
.
2) ความสามารถในการเก็บเงิน
.
เป็นความสามารถที่แตกต่างจากการหาเงิน ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปนิสัยโดยตรง ผมจึงบอกเสมอว่า การออม ไม่ใช่เรื่องของ “จำนวนเงิน” แต่เป็นเรื่องของการ “สร้างนิสัย” ต่างหาก
.
คนที่หาเงินได้เยอะ แต่เก็บเงินไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเหนื่อยไปตักน้ำจากลำคลอง มาเทใส่โอ่งที่ก้นรั่ว พูดง่ายๆ ก็ คือ “เหนื่อยฟรี” นั่นเอง
.
หากคุณหาเงินเก่ง และ เก็บเงินได้ คุณจะรู้สึกว่าควบคุมชีวิตตัวเองได้ เมื่อรู้สึกว่าควบคุมชีวิต
ตัวเองได้ ก็จะมีความ “มั่นใจ” มากขึ้น แล้วพอคนเรามีความมั่นใจ “วิสัยทัศน์” ก็จะกว้างไกลขึ้น คิดถึงอนาคตมากขึ้น ส่งผลให้คนเรามี “พลังสมอง” ไปเรียนรู้เพื่อ “สร้างรายได้” เพิ่มต่อไปได้
.
สิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อสร้างนิสัยทางการเงินที่ดีก็คือ ปรับสมดุลตัวเอง ให้มีทักษะในการจัดการค่าใช้จ่ายทุกระเบียบนิ้ว จัดการทุกอย่างให้เป็นระบบ ส่วนตัวผมจะใช้แอพพลิเคชั่นบันทึกรายรับ-รายวัน และ ทำงบการเงินรายเดือน เพื่อตรวจสอบว่าเงินไหลเข้าไหลออกอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการหมั่นศึกษาอัตราดอกเบี้ย การลงทุน และ ภาษี ด้วย
.
ซึ่งทักษะในการเก็บเงินนั้น ไม่ได้หมายความเพียงแค่ตัว “เงิน” เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ด้วย อะไรที่ซื้อมาก็จัดเก็บให้ดี วางให้เป็นระเบียบ เพราะสิ่งเหล่านี้คุณใช้เงินแลกมา การที่คุณทิ้งขว้างวางของไม่เป็นที่จนหาไม่เจอ ก็ไม่ต่างอะไรกับการทิ้งขว้างเงินของตัวเอง
.
ฉะนั้น หากคุณไม่ได้วางเงินไว้อย่างสะเปะสะปะฉันใด คุณก็ไม่ควรวางข้าวของเครื่องใช้สะเปะสะปะฉันนั้น เพราะทุกอย่างล้วนใช้เงินแลกมาทั้งสิ้น
.
3) ความสามารถในการรักษาเงิน
.
เก็บเงิน กับ รักษาเงิน อาจจะดูเหมือนกัน แต่เป็นคนละเรื่องกันนะครับ การเก็บเงินก็เหมือนการตักน้ำมาใส่โอ่ง (โดยไม่เอาออกมาใช้โดยไม่จำเป็น) แต่อย่าลืมว่าถ้าน้ำมันอยู่ในโอ่งเฉยๆ วันหนึ่งมันก็ระเหยออกไปอยู่ดี ก็ไม่ต่างอะไรกับการเก็บเงินในบัญชี แล้วให้เวลาผ่านไปเฉยๆ จนเงินเฟ้อกัดกินให้ด้อยค่าลง
.
การ “รักษาเงิน” จึงเป็นเรื่องยากกว่าการ “หาเงิน” และ “เก็บเงิน” เพราะมันไม่ได้ใช้แค่ความขยันและวินัยอย่างเดียว แต่ต้องใช้ความรู้ในการลงทุน ซึ่งมันถือเป็นศาสตร์ จึงต้องอาศัยการศึกษาอย่างละเอียด ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก แต่บอกเลยว่า การไม่ทำอะไรเลย คือ การลงทุนที่เลวร้ายที่สุด
.
ยิ่งไปกว่านั้น พอคุณเริ่มมีเงินมากขึ้น ทุกคนจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนคนรวย เมื่อคุณเริ่มมีชื่อเสียง คุณก็จะมีความหรูหราฟุ้งเฟ้อรออยู่ เราจะเริ่มแสวงหาบ้าน รถ อาหารหรู เพื่อน และ สินค้าแบรนด์เนม เรียกได้ว่าแค่ก้าวออกจากบ้านก็เสี่ยงจะเสียเงินแล้ว เพราะต้องหน้าใหญ่ไว้ก่อน แน่นอนบางครั้งเราอาจจะไม่อยากจ่ายเงิน แต่ความหน้าใหญ่คือสิ่งที่พรัดพรากเงินไปจากเรา ฉะนั้น จงระวังให้ดี
.
4) ความสามารถในการใช้เงิน
.
ใช้เงินเก่งไม่ได้หมายความว่าจะใช้เงินเยอะ เพราะความสามารถในการใช้เงินก็เหมือนความเก๋าเกม รู้ว่าควรใช้จ่ายเงินไปกับอะไร ผมพูดเสมอว่าการใช้เงินมี 2 แบบ คือ การบริโภคที่ใช้แล้วหมดไป กับ การลงทุนที่จ่ายแล้วได้ผลตอบแทนกลับมา ฉะนั้น ก่อนจะควักเงินออกจากกระเป๋า ให้คิดก่อนเสมอ ว่ามันคือ การบริโภค หรือ การลงทุน
.
นอกจากการใช้จ่ายแล้ว ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ต้องจ่ายให้ตรงกำหนด เพราะมันคือ เครดิต ความน่าเชื่อถือ และ การให้เกียรติผู้อื่น แม้กระทั่งเงินที่จะต้องส่งให้พ่อแม่ก็ควรกำหนดวันให้ชัดเจน
.
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือ การเคารพในเงินของผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น ในชีวิตเราจะมีเพื่อนอยู่ 2 ประเภท คือ คนที่ชอบขอลดราคาเวลาซื้อของจากร้านเพื่อน กับ คนที่รู้สึกว่ายิ่งเป็นเพื่อน ยิ่งต้องจ่ายเต็ม ต่อให้เพื่อนลดให้ก็ไม่เอา เพราะคิดว่าเป็นการสนับสนุนกัน
.
การอ้างสิทธิ์ความเป็นเพื่อนเพื่อขอลดราคา ไม่ใช่คนที่ใช้เงินเก่ง แต่คือคนที่ไม่รู้จักเคารพเงินของคนอื่นต่างหาก เพราะการที่เราขอลดราคา เท่ากับว่าเพื่อนจะได้เงินน้อยลง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราไปเอาเงินเขามา ฉะนั้น ใครที่เป็นแบบนี้ บอกเลยว่า อย่าหาทำ แล้วให้เลิกซะ
.
เพราะการที่คุณทำแบบนี้ คนที่เสียหายที่สุดก็คือตัวคุณเอง เพราะถ้าคุณไม่เคารพเงินของคนอื่น คนอื่นก็จะไม่เคารพเงินของคุณ ถ้าวันไหนคุณทำธุรกิจ ก็คงไม่มีเพื่อนคนไหนอยากจะมาสนับสนุนหรอก เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของความเก่ง ความขยัน วินัย หรือ ความรู้ แต่เป็นเรื่องของ “สามัญสำนึก”
.
ทั้ง 4 นี้ ทุกคนต้องพยายามเรียนรู้และเข้าใจว่า ความสามารถแต่ละชนิดนั้นต่างกัน หากพลาดข้อใดข้อหนึ่งไป ถึงแม้จะมีเงินมากมาย ก็ไม่อาจจะรักษามันให้อยู่กับเราอย่างยืนยาวได้ และ บอกเลยว่า การหาเงินได้มาก แต่เสียไปหมด มันทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าหาเงินได้น้อย แต่เหลือเก็บเสียอีก
.
ดังนั้น ผมขอให้ทุกคนเรียนรู้และฝึกฝนทั้ง 4 ข้อนี้ และขอให้คุณเป็นคนที่หาเงินได้มากๆ เก็บสะสมได้เยอะๆ รักษาไว้ได้ดี และ ใช้เงินเป็น นะครับ
.
.
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่…
- บริหารเงินไม่เป็น จนไม่มีเงินเก็บ
- โดนคนอื่นเอาเปรียบเรื่องเงินเป็นประจำ
- อยากลงทุน แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร
.
หนังสือเล่มนี้ มีคำตอบ “จงคบค้ากับความร่ำรวย”
.
ราคา 325 บาท รวมส่ง
.
วิธีสั่งซื้อ
,
1.กดลิงก์ https://m.me/432860907260347?ref=sale_PB4jwZmq
.
2.กด “สั่งซื้อ”
.
3.เลือกจำนวน และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”
「บริหารเงินไม่เป็น」的推薦目錄:
- 關於บริหารเงินไม่เป็น 在 สมองไหล Facebook 的最佳貼文
- 關於บริหารเงินไม่เป็น 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
- 關於บริหารเงินไม่เป็น 在 สมองไหล Facebook 的最讚貼文
- 關於บริหารเงินไม่เป็น 在 4 เทคนิคบริหารเงินให้เหลือออม | #TheMoneyCoachTH - YouTube 的評價
- 關於บริหารเงินไม่เป็น 在 แฟนบริหารเงินและเก็บเงินไม่เป็นควรทำไงดี... - กระทู้เด็ดพันทิป 的評價
บริหารเงินไม่เป็น 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
เวทมนตร์ 7 ประการ ในการหาเงิน
1. จงทิ้งนิสัยทุกอย่างที่ทำให้คุณเป็นคนไม่น่าคบ ไม่ว่าจะเป็นการก่นด่า บ่นพึมพำ นั่งด้วยท่าทางไม่เรียบร้อย การเยาะเย้ยถากถางผู้อื่น สวมใส่เสื้อผ้าสกปรก ไปนัดสาย หรือการเปลี่ยนใจกะทันหัน
.
2. อย่าลังเลใจที่จะขอความช่วยเหลือ ร้องถาม อ้อนวอน ตามหา และขอร้อง มีผู้คนมากมายยินดีจะตอบคำถามและช่วยเหลือคุณเสมอ
.
3. จงพร้อมที่จะเสียสละเล็กน้อยเพื่อเป้าหมายเล็กๆ หรือ เสียสละมากหน่อยเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ยอมอดนอนเพื่ออ่านหนังสือ ยอมทำงานนานหลายชั่วโมงเพื่อเก็บเงิน
.
4. จดบันทึกและเรียบเรียงข้อมูล ประวัติการลงทุน ไอเดียที่เกิดขึ้นกะทันหัน นามบัตร ชื่อเว็บไซต์ และรายการสินค้าที่จำเป็นต้องซื้อ แล้วเก็บไว้ให้เป็นระเบียบ สิ่งนี้จะกลายเป็นทรัพย์สิน และคอยช่วยคุณได้ในเวลาเดียวกัน
.
5. จงมีเป้าหมายระยะยาว ถ้าจะขึ้นเขาต้องเงยหน้ามองยอดเขา อย่าหลงใหลไปกับอารมณ์ชั่ววูบ แต่จงหาคุณค่าที่คุณคู่ควร พร้อมจะรักษาไปชั่วชีวิต
.
6. อย่าคิดว่าต้องได้รับความรักความเมตตาจากทุกคน อย่าพยายามเอาใจคนอื่นเกินไป อย่าผูกชีวิตตัวเองไว้กับผู้คนรอบข้าง เพื่อนแท้มีแค่สองคนก็มากพอแล้ว แรงสนับสนุนของครอบครัวเป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง จงเลิกคบกับคนที่มองโลกในแง่ร้าย แต่จงคบกับคนที่ดีกว่าคุณ
.
7. อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าคิดว่าตัวเองมีเวลามากพอ อย่าคิดว่าค่อยเรียนรู้เรื่องการเงินการลงทุน เพราะเมื่อถึงวันนั้นการลงทุนของคุณอาจจะสายไปเสียแล้ว สิ่งที่เพิ่มขึ้นได้โดยอัตโนมัติมีแค่อายุ คนที่ยังอายุน้อย ยิ่งลงทุนเร็วขึ้นหนึ่งปี ก็ยิ่งรวยเร็วขึ้นหนึ่งปี
.
.
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่…
- บริหารเงินไม่เป็น จนไม่มีเงินเก็บ
- โดนคนอื่นเอาเปรียบเรื่องเงินเป็นประจำ
- อยากลงทุน แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร
.
หนังสือเล่มนี้ มีคำตอบ “จงคบค้ากับความร่ำรวย”
.
ราคา 325 บาท รวมส่ง
,
วิธีการสั่งซื้อ
.
1.กดลิงก์ https://m.me/432860907260347?ref=sale_PB4jwZmq
.
2.กด “สั่งซื้อ”
.
3.เลือกจำนวน และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”
.
จากนั้น ชำระเงิน ตามเลขบัญชีที่ให้ไว้ใน Inbox
บริหารเงินไม่เป็น 在 สมองไหล Facebook 的最讚貼文
คนที่เรียกว่าร่ำรวยได้อย่างแท้จริง จะต้องรวยด้วยเงินของตัวเอง ไม่ใช่เงินของพ่อแม่
.
ฉะนั้น การที่มีพ่อแม่รวย ไม่ได้หมายความว่าลูกจะรวย มีหลายครอบครัวที่รุ่นพ่อแม่เหนื่อยยากสร้างฐานะขึ้นมา แต่ต้องพังด้วยน้ำมือของคนรุ่นลูก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากสาเหตุที่รุ่นพ่อแม่นั้นมอบแค่มรดกทางทรัพย์สิน แต่ไม่ได้มอบมรดกทางความคิด ที่เปรียบเสมือนคู่มือการใช้งานให้กับคนรุ่นลูกด้วย
.
จิม คิม จึงได้แนะนำ 5 วิธี สอนลูกให้เป็นคนรวย เอาไว้ในหนังสือ จงคบค้ากับความร่ำรวย ดังนี้
.
1) สนับสนุนให้ลูกรู้จักอาชีพผู้ประกอบการตั้งแต่เด็ก
.
ถ้าย้อนกลับไปในวัยเด็ก เวลาถูกถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เราก็มักจะตอบว่า ทหาร ตำรวจ หมอ ครู เป็นต้น เพราะเด็กส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วบนโลกนี้มีอาชีพอะไรอีกบ้าง โดยเฉพาะอาชีพผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นอาชีพที่มีโอกาสร่ำรวยมากที่สุด
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกโตขึ้น เขาเริ่มรู้จักอาชีพมากขึ้น หลายคนอยากเป็นยูทูปเบอร์ เจ้าของอาคาร หรือ ผู้ประกอบการ เริ่มคิดริเริ่มและอยากทดลองอาชีพต่างๆ แต่มักจะเป็นพ่อแม่เองนั่นแหละที่ชอบเป็น “นักดับฝันในคราบของความหวังดี” เอาความล้มเหลวที่ตัวเองไม่สามารถเป็นผู้ประกอบการได้ในอดีตมากำหนดกรอบชีวิตลูก โดยการบอกให้ตั้งใจเรียนหนังสือ หางานในบริษัทใหญ่ หรือ เป็นข้าราชการเพื่อรับสวัสดิการ เพื่อชีวิตที่มั่นคง เด็กอยากจะเป็นทหารอเมริกันก็ไปบอกว่าเป็นอาชีพที่เป็นไปไม่ได้
.
หากพ่อแม่คนไหนกำลังตัดสินความฝันของลูก ขอให้รู้เอาไว้ ว่าคุณกำลังประเมินความสามารถของลูกตัวเองต่ำเกินไป
.
2) เปิดสมุดบัญชีหุ้นไว้ให้ลูกตั้งแต่เด็ก โดยให้เปิดช่วงวัยมัธยมต้นถือว่าดีที่สุด หรือ จะเป็นวัยมหาวิทยาลัยก็ได้ เพราะการจะเป็นผู้ประกอบการได้ต้องเริ่มจากความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงินการลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน คุณจึงต้องเป็นครูที่คอยสอนเรื่องนี้กับลูก และต้องให้ความสำคัญกับมากพอๆ กับเวลาบอกให้ลูกตั้งใจเรียนหนังสือ
.
3) ลงทุนก้อนแรกในบัญชีหุ้น โดยใส่เงินก้อนแรกในจำนวนที่เท่ากับค่าเรียนพิเศษที่คุณจ่ายประมาณ 1-2 เดือน (คิดเสียว่าจ่ายค่าเรียนวิชาผู้ประกอบการให้กับลูก) โดย 70 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนให้ซื้อหุ้นที่มีศักยภาพสูงที่สุดในประเทศซึ่งอาจจะมีราคาแพงหน่อย ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็ให้ลูกเลือกซื้อด้วยตัวเอง โดยอาจจะเริ่มจากสินค้าของบริษัทที่รู้จักในท้องตลาด สินค้าที่ลูกใช้ประจำทุกวัน หรือ สถานที่ให้บริการที่เคยไปใช้ จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน เพื่อนสรุปรายชื่อหุ้นที่จะเลือกซื้อ
.
4) สอนคำศัพท์เฉพาะทางด้านเศรษฐศาสตร์ ในช่วงที่แลกเปลี่ยนความคิดเพื่อที่จะเลือกซื้อหุ้น เช่น เงินปันผล มูลค่าบริษัท แบรนด์และพันธบัตร และไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่หุ้นจะขึ้นหรือตก ก็ต้องวิเคราะห์สถานการณ์ในท้องตลาดให้ลูกฟัง การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ลูกจะสามารถนำบทเรียนนั้นไปใช้ได้จริงมากกว่าการเรียนแต่วิชาการเสียอีก ซึ่งมันจะส่งผลให้เวลาเขาอยากซื้อหุ้นด้วยตัวเองในครั้งต่อไป เขาจะเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงในตลาด และ นำมาใช้ประกอบการตัดสินใจด้วย จากตอนแรกที่เลือกซื้อเฉพาะหุ้นที่เป็นบริษัทของสินค้าที่ใช้ในชีวิต
.
เมื่อลูกเริ่มสนใจแล้ว เขาจะอยากศึกษาด้วยตัวเอง เราจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนทางด้านความคิดและการกระทำของลูก ในขณะที่เด็กคนอื่นรอคอยอยากซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ลูกของเรากลับอยากศึกษาเรื่องยอดจำหน่ายสินค้าตัวใหม่ของบริษัทนี้ ซึ่งเราเองอาจจะคอยอธิบายนโยบายการซื้อขายหุ้นให้ลูกฟัง ให้เขาค่อยๆ ซึมซับ จนมองเห็นทุกมิติของการเมืองและเศรษฐกิจ เริ่มเข้าใจกลไกการบริหารงานภายในสังคม
.
เมื่อทำอย่างนี้ไปอย่างสม่ำเสมอ ลูกอาจกลายเป็นอัจฉริยะแห่งวงการธุรกิจไปเลยก็ได้ อย่าลืมว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่อัจฉริยะในการเรียน ดนตรี หรือ กีฬาเท่านั้น หากเราสอนเรื่องธุรกิจให้ลูก พวกเขาจะสามารถเป็นอัจฉริยะในศาสตร์นี้ได้
.
จอห์น ลี หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของประเทศเกาหลีเคยกล่าวเอาไว้ว่า “แทนที่จะเสียเงินไปกับค่าเรียนพิเศษ สู้เก็บเงินก้อนนั้นใส่บัญชีหุ้นให้กับลูกตั้งแต่เล็กๆ ยังจะดีเสียกว่า” เพราะเงินก้อนนั้นจะสามารถใช้เป็นค่าเทอมลูกตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย หรือ ไม่ก็อาจใช้เป็นทุนในการก่อตั้งธุรกิจในอนาคตก็ได้
.
ข้อดี คือ เมื่อลูกมีความฝันอยากทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก เขาจะไม่สับสนเวลาเลือกเข้าเรียนมหาวิทยาลัย จะไม่ลงเรียนคณะตามเพื่อน จะไม่เรียนเพราะพ่อแม่อยากให้เป็นอะไร แต่เขาจะมองหาที่เรียนที่เหมาะสมกับความฝันของเขาเอง
.
เราไม่จำเป็นต้องบอกเขาว่าวิชาคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษมันสำคัญขนาดไหน แต่เขาจะรู้ด้วยตัวเองว่าต้องหาความรู้อะไรบ้าง (ซึ่งอาจจะมากกว่าที่พ่อแม่แนะนำด้วยซ้ำ) และจะขวนขวายจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในที่สุด
.
ที่ประเทศอิสราเอล รัฐบาล สังคม และมหาวิทยาลัย จะช่วยกันผลักดันคนหนุ่มสาวที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองเต็มที่ ถ้าคุณไปถามเด็กอิสราเอลว่าโตขึ้นจะเป็นอะไร คุณจะไม่ได้ยินคำตอบว่าอยากเป็นข้าราชการ (เพราะสวัสดิการดี) แต่เขาจะตอบว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กในประเทศสหรัฐอเมริกา นั่นจึงทำให้ประเทศอิสราเอลมีแต่เจ้าของธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กมีบริษัทจากประเทศอิสราเอลจดทะเบียนอยู่มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์
.
ถ้าคุณสอนลูกได้ในระดับนี้ เมื่อลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คุณก็แทบไม่ต้องห่วงอะไรเขาแล้ว จงปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำ ขอแค่ไม่ผิดกฎหมายก็พอ ไม่ต้องไปกำหนดกรอบความฝันของเขา ไม่ต้องบอกว่าเขาควรทำอาชีพอะไร อย่าเอาความล้มเหลวในอดีตของตัวเองไปยัดเยียดให้ลูกต้องทำในสิ่งที่คิดว่า “มั่นคง”
.
ดังนั้น ไม่ต้องกลัวแทนลูกว่าเขาจะล้มเหลว จงปล่อยให้เขาเรียนรู้และซึมซับจิตวิญญาณแห่งความท้าทาย เพราะคนเราไม่ว่าจะล้มเหลวมากี่ครั้ง หากมีครั้งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
.
ลองคิดดูสิครับ หากคุณมีพ่อแม่ที่คอยส่งเสริมให้ตัวเองเป็นนักธุรกิจตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้คุณอาจจะไม่ใช่พนักงานบริษัททั่วไป แต่อาจจะนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทของตัวเองอยู่ก็ได้…
.
แต่เดี๋ยวก่อน ผมลืมบอกไป ว่ายังมีข้อ 5 อีกข้อนึง นั่นก็คือ “คุณจะไม่สามารถเอา 4 ข้อก่อนหน้านี้ไปสอนลูกได้เลย ถ้าตัวคุณไม่เริ่มทำมันด้วยตัวเองเสียก่อน”
.
.
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่…
- บริหารเงินไม่เป็น จนไม่มีเงินเก็บ
- โดนคนอื่นเอาเปรียบเรื่องเงินเป็นประจำ
- อยากลงทุน แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร
.
หนังสือเล่มนี้ มีคำตอบ “จงคบค้ากับความร่ำรวย”
.
ราคา 325 บาท รวมส่ง
,
วิธีการสั่งซื้อ
.
1.กดลิงก์ https://m.me/432860907260347?ref=sale_PB4jwZmq
.
2.กด “สั่งซื้อ”
.
3.เลือกจำนวน และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”
.
จากนั้น ชำระเงิน ตามเลขบัญชีที่ให้ไว้ใน Inbox
บริหารเงินไม่เป็น 在 แฟนบริหารเงินและเก็บเงินไม่เป็นควรทำไงดี... - กระทู้เด็ดพันทิป 的推薦與評價
แฟนตัวยง. Nhong Phinyo Singha. คือถ้าแค่เก็บเงินไม่เป็นยังพอบอกกล่าวได้ แต่นี่คือ ... ... <看更多>
บริหารเงินไม่เป็น 在 4 เทคนิคบริหารเงินให้เหลือออม | #TheMoneyCoachTH - YouTube 的推薦與評價
หลายคนอาจเจอปัญหาเก็บ เงิน ยังไงก็เก็บ ไม่ ได้สักที วันนี้ผมจะมาแชร์ 4 ... เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต - ธนาคาร เป็น เพียงนายหน้าผู้ชี้ช่องให้ทำประกันเท่านั้น ... ... <看更多>