ทำไม อิตาลี จึงเป็นประเทศแห่ง แฟชั่นและดีไซน์? / โดย ลงทุนแมน
รสนิยมด้านศิลปะของอิตาลีคือความเป็นเลิศ
ทั้งความสง่างาม เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ และเต็มไปด้วยทักษะในงานฝีมือ
ทั้งหมดล้วนถ่ายทอดผ่านแบรนด์เครื่องแต่งกายอิตาลีที่คนทั้งโลกรู้จัก
Giorgio Armani คือนิยามของความเรียบหรูที่มีสไตล์
Prada เป็นต้นตำรับของคำว่า “น้อยแต่มาก”
ส่วนความฉูดฉาด และเซ็กซี่คือเสน่ห์อมตะของ Versace
แต่เอกลักษณ์ที่ทุกแบรนด์อิตาลีล้วนมีเหมือนกัน
ก็คือ การทำให้จินตนาการสามารถนำมาสวมใส่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
ชาวอิตาลีมีความพิถีพิถันในการแต่งกายอยู่ในสายเลือด
ฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมการแต่งกายของโลกตะวันตกในยุคเรอแนซองซ์
และปัจจุบัน มิลานคือ 1 ใน 4 เมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของวงการแฟชั่นระดับโลก
อะไรที่ทำให้งานออกแบบของอิตาลีอยู่ในระดับแถวหน้าของโลกแห่งเครื่องแต่งกาย?
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม อิตาลี จึงเป็นประเทศแห่ง แฟชั่นและดีไซน์?
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
แฟชั่นอิตาลีถือกำเนิดก่อนที่อิตาลีจะก่อตั้งเป็นประเทศ..
ในยุคเรอแนซองซ์ นครรัฐฟลอเรนซ์ที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางคาบสมุทรอิตาลี
ทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการค้าขนสัตว์ของยุโรป
Arte della Lana หรือสมาคมค้าขนสัตว์แห่งฟลอเรนซ์ถูกก่อตั้งในศตวรรษที่ 15 ซึ่งก่อให้เกิดการค้าขายที่คึกคัก ผลักดันให้เมืองแห่งนี้เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางการเงินของโลกตะวันตก
ภายใต้การอุปถัมภ์ของตระกูลเมดิชี ฟลอเรนซ์รุ่งเรืองจนพ่วงตำแหน่งศูนย์กลางศิลปะ เป็นแหล่งรวมช่างฝีมือสาขาต่างๆ ทั้งสถาปัตยกรรม ประติมากรรม รวมไปถึงเครื่องแต่งกาย
มีช่างเทคนิคที่เชี่ยวชาญการผสมสีและทอผ้าเฉพาะตัว ไปจนถึงเทคนิคการฟอกหนังที่ไม่เหมือนใคร และขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก
แคทเทอรีน เดอ เมดิชี ชาวฟลอเรนซ์ที่ต่อมากลายมาเป็นราชินีของฝรั่งเศส เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวดีที่สุดในยุคเรอแนซองซ์
แต่แฟชั่นคือกิจการของชนชั้นสูง เมื่อนครรัฐบนคาบสมุทรอิตาลีเริ่มเสื่อมถอย และความเจริญเคลื่อนย้ายไปยังยุโรปเหนือ แฟชั่นของอิตาลีก็ค่อยๆ เลือนหายไป โดยมีแฟชั่นฝรั่งเศสก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในโลกตะวันตกแทน
เวลาผ่านไปจนเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 นครรัฐน้อยใหญ่บนคาบสมุทรอิตาลีก็รวมประเทศสำเร็จในปี ค.ศ. 1861 พร้อมรับอิทธิพลการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป โดยมีเขตอุตสาหกรรมหนาแน่นในที่ราบตอนเหนือ
แต่ผลของการรวมประเทศ กลับทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
รัฐทางภาคเหนือของอิตาลี ซึ่งมีเมืองใหญ่อย่าง มิลานและตูริน
ที่ร่ำรวยจากการเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ต่อเรือ สิ่งทอ และผลิตอาหาร
ในขณะที่รัฐทางภาคใต้ ยังคงเป็นเขตเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่จึงยังคงมีฐานะยากจน
ซ้ำยังต้องเสียภาษีเพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตภาคเหนือ
ความเหลื่อมล้ำนี้ ทำให้ในช่วงปี ค.ศ. 1890 - ค.ศ. 1910 ชาวอิตาลีหลายล้านคน ที่อาศัยอยู่ทางภาคใต้ ตัดสินใจอพยพหนีความแร้นแค้นไปตั้งถิ่นฐานยังสหรัฐอเมริกา
แต่การรวมชาติก็ทำให้เกิดค่านิยมในการต่อต้านสินค้าแฟชั่นจากฝรั่งเศส และหันมาใช้เสื้อผ้าที่ผลิตภายในอิตาลีมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่อิตาลีเข้าสู่การปกครองในระบอบเผด็จการฟาสซิสต์
เหล่านักออกแบบของอิตาลีจึงเริ่มสร้างสรรค์ “แบรนด์” เป็นของตัวเอง
โดยมีเวทีแห่งแรกก็คือ ฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องหนังและการฟอกหนังมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
Gucci
หลังจากทำงานที่โรงแรมในกรุงลอนดอน และได้สัมผัสกระเป๋าของนักเดินทางมากมาย Guccio Gucci ได้กลับมาเปิดร้านเครื่องหนังที่ฟลอเรนซ์บ้านเกิดในปี ค.ศ. 1921 โดยมีสินค้าหลักคือกระเป๋าหนัง
ด้วยคุณภาพของเครื่องหนัง Gucci จึงสามารถตั้งราคาให้สูงขึ้น และวางตำแหน่งให้กลายเป็นสินค้าสำหรับชนชั้นสูง ก่อนจะขยายสินค้าไปทำถุงมือ เข็มขัด และเครื่องหนังสำหรับการขี่ม้าในเวลาต่อมา
Salvatore Ferragamo
นอกจากกระเป๋า อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้เครื่องหนัง ก็คือ “รองเท้า”
หลังจากเรียนกายวิภาคศาสตร์และใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลานับสิบปี ช่างทำรองเท้า Salvatore Ferragamo ก็ได้กลับมาเปิดร้านรองเท้าของตัวเองที่ฟลอเรนซ์ในปี ค.ศ. 1927
และเป็นผู้ริเริ่มการออกแบบรองเท้าส้นเตารีด
หลายร้อยปีหลังจากยุคเรอแนซองซ์ ฟลอเรนซ์ก็ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของอิตาลีอีกครั้ง และยังเป็นศูนย์กลางของห้องเสื้อชั้นสูงของอิตาลี หรือเรียกในภาษาอิตาลีว่า Alta Moda
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลจากเขตอุตสาหกรรมทางตอนเหนือของประเทศ ทำให้การคมนาคมขนส่งไม่สะดวกเท่าที่ควร อีกทั้งยังห่างไกลจากลูกค้านักธุรกิจ ทำให้บรรดาดีไซเนอร์ต่างเริ่มย้ายโชว์รูมแฟชั่นไปตั้งยังเมืองทางตอนเหนือ คือ “มิลาน”
มิลาน ตั้งอยู่ใจกลางที่ราบกว้างใหญ่ทางตอนเหนือของอิตาลี รายล้อมด้วยเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศ มีระบบโครงข่าย ทั้งรถไฟ ถนน และแม่น้ำ และที่สำคัญ มิลาน เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์แห่งเดียวของอิตาลี สำนักของสื่อมวลชน และสถาบันการเงินมากมาย
มิลานยังเป็นที่ตั้งของสถาบันศิลปะและการออกแบบมากมาย ที่ถ่ายทอดความสามารถด้านศิลปะสืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น ทั้ง Brera Academy สถาบันศิลปะที่มีอายุมากกว่า 200 ปี
Domus Academy มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบแฟชั่น
และ University of Milan มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในมิลาน ซึ่งมีศิษย์เก่าคือ Giorgio Armani และ Miuccia Prada
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อิตาลีจะบอบช้ำจากสงคราม แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหรัฐอเมริกาผ่านแผนการมาร์แชลล์ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจอิตาลีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษ 1950s-1970s
เมื่อมีทั้งเงิน ลูกค้า และสถาบันการออกแบบ เศรษฐกิจของมิลานก็โตวันโตคืน
อุตสาหกรรมที่ถูกวางให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอิตาลีก็คือ “อุตสาหกรรมแฟชั่น”
โดยหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญ ก็คือ ชาวอิตาลีที่อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาหลายล้านคน..
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่อพยพจากอิตาลีไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาก็เติบโตเป็นพ่อค้าหรือนักธุรกิจ
อุปนิสัยที่โดดเด่นของชาวอิตาลี ก็คือการคงความสัมพันธ์กับเครือญาติอย่างแน่นแฟ้น
ถึงแม้จะมาเป็นผู้อพยพในทวีปใหม่ ก็ยังคงไปมาหาสู่ ให้ความช่วยเหลือญาติในบ้านเกิดอยู่เสมอ และพร้อมสนับสนุนสินค้าจากอิตาลี บ้านเกิดของตนเองอย่างเต็มที่
ในฟลอเรนซ์ มีการจัดงานแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าชั้นสูงในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1951
ส่วนในมิลาน ความเฟื่องฟูของเศรษฐกิจยุคหลังสงคราม ดึงดูดให้เหล่าดีไซเนอร์พากันมาเปิดโชว์รูมแห่งแรกของแบรนด์ที่นี่ นำมาสู่การจัดตั้งหอการค้าแฟชั่นแห่งชาติอิตาลี หรือ Camera Nazionale della Moda Italiana ซึ่งเป็นผู้ผลักดันให้เกิด Milan Fashion Week เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1958
ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น
ไม่นาน มิลานก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำหนดเทรนด์แฟชั่นโลกในช่วงทศวรรษ 1970s
ด้วยการนำเสนอเสื้อผ้าสำเร็จรูป (Ready-to-wear) หรือศัพท์ในวงการแฟชั่นว่า Prêt-à-porter ที่มีความสวยงาม สะดวก ราคาถูกลง แต่ยังคงความโก้หรู นับเป็นการปฏิวัติวงการแฟชั่นครั้งสำคัญ และแจ้งเกิดแบรนด์เนมอิตาลีชื่อดัง
Giorgio Armani
หลังจากเป็นดีไซเนอร์ฟรีแลนซ์มาหลายปี Giorgio Armani ได้ตัดสินใจขายรถเพื่อก่อตั้งแบรนด์ของตัวเองในปี ค.ศ. 1975
ด้วยสไตล์ที่เรียบง่าย แต่ชัดเจน
เลือกใช้สีกลางๆ แต่ทำให้เสื้อผ้างามสง่า
เมื่อได้ถูกเผยแพร่มายังสหรัฐอเมริกา ผ่านการออกแบบเสื้อผ้าให้ดาราฮอลลีวูดอย่าง Richard Gere แบรนด์ Giorgio Armani ก็ได้รับความนิยมอย่างสูง และก้าวสู่จุดสูงสุดด้วยชุด “Power Suit” ในช่วงทศวรรษ 1980s
Versace
นักออกแบบจากอิตาลีตอนใต้ Gianni Versace ก่อตั้งแบรนด์ตัวเองในปี ค.ศ. 1978
โดยมีการนำสีสันที่อบอุ่นจากตอนใต้ และการใช้คู่สีที่สะดุดตามาผสมผสานในงานออกแบบเสื้อผ้า ทำให้ได้เสื้อผ้าที่ฉูดฉาดและเซ็กซี่
Prada
จุดเริ่มต้นของ Prada ย้อนไปไกลถึงปี ค.ศ. 1913 จากการก่อตั้งโรงงานเครื่องหนังของ Mario Prada แต่ผู้ที่ทำให้ Prada โด่งดังไปทั่วโลก คือหลานสาว Miuccia Prada
Miuccia Prada เป็นผู้ที่เลือกผ้าไนลอนมาทำเป็นกระเป๋าถือแทนการใช้หนังสัตว์ จนทำให้กระเป๋าสีดำ Black Nylon Backpack โด่งดังไปทั่วโลกในช่วงปี ค.ศ. 1985 และเปลี่ยนโฉมหน้าของ Prada ให้มีสินค้าอื่นๆ นอกจากกระเป๋า ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ ซึ่งภายหลัง Miuccia ก็ได้ตั้งแบรนด์ลูกขึ้นมาภายใต้ชื่อ “Miu Miu”
ด้วยความสามารถในการออกแบบของดีไซเนอร์อิตาลี
นอกจากเสื้อผ้าแล้ว เหล่าแบรนด์เนมต่างก็ต่อยอดไปสู่สินค้าและบริการอื่นๆ
ทั้ง Giorgio Armani ที่มีกิจการร้านอาหารและโรงแรมหรู
ส่วน Versace มีกิจการโรงแรม เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในครัวเรือน
อิตาลี คือดินแดนแห่งอารยธรรมล้ำค่า นับตั้งแต่จักรวรรดิโรมัน นครรัฐในยุคเรอแนซองซ์ มาจนถึงยุครวมชาติอิตาลี
ถึงแม้อารยธรรมจะรุ่งเรืองและเสื่อมสลาย
แต่สิ่งที่ผ่านกาลเวลามาได้คือศิลปะและความคิดสร้างสรรค์
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร กลับไม่สามารถทำลายคุณค่าของดีไซน์อิตาลี
แม้เหล่าสินค้าแฟชั่นจะเจอความท้าทายจาก Fast Fashion
แต่ด้วยการออกแบบที่เปี่ยมไปด้วยรสนิยม และคุณภาพที่สั่งสมมานาน
แฟชั่นของอิตาลีจึงยังคงครองใจผู้คนทั้งโลก อย่างที่สินค้าเทคโนโลยีล้ำสมัยก็ทำอะไรไม่ได้
เทคโนโลยีผ่านเข้ามาและผ่านไป แต่ดีไซน์อิตาลีก็น่าจะยังคงยืนหยัดตั้งตระหง่าน ไม่แพ้เสาโรมัน ที่เห็นทันทีก็รู้ว่า ต้นแบบแห่งการดีไซน์ ได้ถือกำเนิดขึ้น ที่ดินแดนแห่งนี้..
อ่านซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ในตอนก่อนหน้าทั้งหมดได้ที่แอป Blockdit blockdit.com/download
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-Fashionary, The Live of 50 Fashion Legends
-https://www.researchgate.net/profile/Simona_Segre_Reinach/publication/318591733_The_meaning_of_%27Made_in_Italy%27_in_fashion/links/59fadce7458515d20c7d962b/The-meaning-of-Made-in-Italy-in-fashion.pdf?origin=publication_detail
-https://www.crfashionbook.com/fashion/a26330899/history-of-italian-fashion-designers/
-https://www.metmuseum.org/toah/hd/itfa/hd_itfa.htm
-https://fashionweekweb.com/milan-fashion-week
「ประติมากรรม คือ」的推薦目錄:
- 關於ประติมากรรม คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於ประติมากรรม คือ 在 sittikorn saksang Facebook 的最讚貼文
- 關於ประติมากรรม คือ 在 ประติมากรรม คือ - YouTube 的評價
- 關於ประติมากรรม คือ 在 งานประติมากรรมคืออะไร - YouTube 的評價
- 關於ประติมากรรม คือ 在 ศิลปะที่ปั้นขึ้นด้วยแสง | By Lumix Thailand - Facebook 的評價
- 關於ประติมากรรม คือ 在 งานประติมากรรมคืออะไร - Pinterest 的評價
ประติมากรรม คือ 在 sittikorn saksang Facebook 的最讚貼文
การออกแบบปฏิรูปการเมืองให้ได้ผลจริง โดยศ.นพ.ประเวศ วะสี (วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21:22:06 น.Twee)
ประเทศไทยมีการปฏิรูปการเมืองมาหลายครั้งแล้ว ก็ต้องถือว่ายังไม่ได้ผลจริง ดังที่มีรัฐธรรมนูญมาแล้วถึง ๑๘ ฉบับ และยังเกิดวิกฤตการเมืองปริ่มๆจะฆ่ากันตายอยู่ในทุกวันนี้ หากจะมีการปฏิรูปการเมืองกันอีกและต้องการให้ได้ผลจริง ควรจะศึกษาบทเรียนจากอดีตแล้วมีหลักการ กลไกและกระบวนการที่ถูกต้อง ขอเสนอแนะดังต่อไปนี้
๑.หลักการ
(๑) ต้องแยกเรื่องการปรองดองและการปฏิรูปการเมืองเป็นคนละเรื่อง การปรองดองเป็นเรื่องแก้ไขอดีต การปฏิรูปการเมืองเป็นเรื่องของการสร้างอนาคต การแก้ปัญหาของอดีตทำได้ยากและบางทียิ่งทำยิ่งขัดแย้งกันมากขึ้น เพราะปัญหามีรากยาวไกลและมีบุคคลเกี่ยวพันอยู่ การร่วมกันทำสิ่งที่ดีต่อไปในอนาคตง่ายกว่ามาก และในที่สุดจะสร้างความเชื่อถือไว้วางใจกัน ฉะนั้นในช่วงนี้อย่าเอาเรื่องการปรองดองกับการปฏิรูปการเมืองมาปนกัน จะทำให้สับสนและเคลื่อนไปสู่อนาคตไม่ได้
(๒) ต้องไม่มุ่งปฏิรูปองค์กรทางการเมืองเท่านั้น เพราะจะคับแคบและไม่ได้ผลเช่นเคย แต่ต้องมีเป้าหมายใหญ่ในการสร้างประเทศไทยที่ดีงามหรือประเทศไทยน่าอยู่
(๓) ต้องไม่ใช่คิดกันอยู่ในวงเล็กๆเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะคิดออกมาได้ดีแค่ไหนก็ปฏิบัติไม่ได้ ถึงเขียนรัฐธรรมนูญให้ดีอย่างใดก็ปฏิบัติไม่ได้ ถ้าประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมโดยกว้างขวาง เพราะฉะนั้นถ้าจะมีการปฏิรูปการเมืองกันอีก ต้องเป็นกระบวนการที่ประชาชนมีส่วนร่วมโดยกว้างขวางทั่วประเทศ เป็นโอกาสที่จะยกระดับจิตสำนึกความเป็นพลเมือง ต่อเมื่อประชาชนมีจิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมือง และเป็นพลเมืองที่กัมมันตะ(active citizen) เท่านั้น การเมืองจึงจะดีขึ้นได้
๒.กลไกการปฏิรูปการเมือง
ควรมีกลไก ๓ ประเภท ทำงานร่วมกันคือ
(๑) คณะกรรมการปฏิรูปการเมือง ประกอบด้วย ๔ ภาคใหญ่ๆคือ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ส่วนจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ร่วมเป็นกรรมการหรือเป็นที่ปรึกษาก็สามารถจัดได้ให้งามและเหมาะสม
(๒) คณะกรรมการเครือข่ายประชาชนปฏิรูปการเมือง ขณะนี้ประชาชนมีประสบการณ์และมีความตื่นตัวสูงในการจัดการตนเองและในการขับเคลื่อนนโยบาย จากการทำงานของนักพัฒนาเอกชนที่ผ่านมาจากการเข้าร่วมในกระบวนการสมัชชาสุขภาพและสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย ในกระบวนการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ควรส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวร่วมคิดร่วมทำทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ให้ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของและเป็นผู้ปฏิรูปการเมือง เครือข่ายประชาชนปฏิรูปการเมืองนี้ ควรเกิดขึ้นโดยก่อตัวขึ้นเอง(self-organization) ตามพื้นที่ ตามกลุ่มอาชีพ ตามประเด็น ไม่ควรมีใครไปแต่งตั้ง แต่ควรมีกลไกส่งเสริมที่อาจเรียกว่าคณะกรรมการเครือข่ายประชาชนปฏิรูปการเมืองเป็นคณะกรรมการอิสระ
(๓) สภาปฏิรูปการเมือง คือการประชุมการปฏิรูปการเมือง อาจเป็นสภาปฏิรูปการเมืองระดับพื้นที่ สภาปฏิรูปการเมืองเฉพาะประเด็นหรือสภาปฏิรูปการเมืองระดับชาติ
ทั้ง ๓ กลไกนี้ทำงานเชื่อมโยงกันในกระบวนการปฏิรูปการเมือง ควรออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีสร้างกลไกทั้ง ๓ นี้ให้สามารถทำงานต่อเนื่องข้ามรัฐบาลควรสังเกตว่ากลไกการปฏิรูปการเมืองที่ออกแบบไว้นี้เป็นหลักการ “ประชา-รัฐ” คือประชาชนกับรัฐร่วมกัน
๓. กระบวนการปฏิรูปการเมือง – คำถามใหญ่ ๓ คำถาม
กระบวนการพูดคุยเรื่องปฏิรูปการเมืองทั่วประเทศ ควรจะพยายามตอบคำถามใหญ่ ๓ คำถาม คือ
(๑) ประเทศไทยที่ดีที่สุดในจินตนาการของท่านคืออย่างไร ให้คนไทยจำนวนมากที่สุดจะมากได้ มีจินตนาการถึงประเทศไทยที่ดีที่สุดว่าเป็นอย่างไร มีการสังเคราะห์ภาพประเทศไทยที่ดีที่สุดในจินตนาการของคนไทย แล้วเผยแพร่ให้ทราบทั่วกัน อาจใช้ศิลปะทุกแขนงแสดงภาพประเทศไทยที่ดีที่สุดในจินตนาการของคนไทย ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม ภาพประเทศไทยที่ดีที่สุดในจินตนาการของคนไทย อาจถือว่าเป็น “อุดมทรรศน์ประเทศไทย” หรือ “เป้าหมายประเทศไทย” ที่คนไทยทุกคนร่วมสร้าง ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง กระบวนการจินตนาการและผลลัพธ์ “ประเทศไทยที่ดีที่สุด” จะก่อให้เกิดพลังมหาศาลขึ้นในชาติ ทุกคนจะรู้สึกเป็นเจ้าของและมีพันธะกับเป้าหมายนี้ร่วมกัน
(๒) จะต้องทำอะไรบ้างที่จะบรรลุเป้าหมาย “ประเทศไทยที่ดีที่สุด” ตามที่ร่วมกันสร้างไว้ คำตอบจะมีหลากหลายมาก แต่รวมกันแล้วจะครอบคลุมเรื่องดีๆที่ควรทำหมดทุกเรื่อง คำตอบอาจจะแยกย่อยมากมาย แต่ควรจะมีผู้ที่มีความสามารถในการสังเคราะห์ สังเคราะห์คำตอบเป็นหมวดหมู่หรือกลุ่มใหญ่ๆ อาจได้ออกมา ๗-๘ เรื่อง
เรื่องใหญ่ๆ ๗-๘ เรื่องที่ได้มาคือเรื่องหลักๆที่ควรปฏิรูป การที่คนทั้งหมดร่วมกันคิดเรื่องหลักที่ควรปฏิรูปขึ้นมา จะทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและพันธะที่จะทำให้สำเร็จ
(๓) ทำแผนปฏิบัติในแต่ละเรื่องใหญ่ๆที่ควรปฏิรูป จากเรื่องใหญ่ๆที่ควรปฏิรูปที่ได้มาตามข้อ (๒) แต่ละเรื่องนำมาทำแผนปฏิบัติ (plan of action) เนื่องจากแต่ละเรื่องจะมีความต้องการความรู้และความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันจึงควรแบ่งกลุ่มผู้ทำแผนปฏิบัติออกเป็นกลุ่มๆ ตามความสนใจและความเชี่ยวชาญ ในกระบวนการทำแผนปฏิบัตินี้จะต้องการข้อมูล ความรู้ ความสามารถในการวิเคราะห์สังเคราะห์ และความเข้าใจเชิงการจัดการมาก จะเป็นการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ (Interactive learning through action) ของทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วม ทุกคนจะเก่งขึ้นหมด รักกันมาก และถือเป็นพันธะผูกพันที่จะขับเคลื่อนแผนปฏิบัติไปสู่ความสำเร็จ
๔. การปฏิบัติตามแผนปฏิรูป
เมื่อกระบวนการได้ทำมาครบตามขั้นตอนทั้ง ๓ ที่ทุกฝ่ายร่วมกันตามที่กล่าวถึงในข้อ๓ จะเกิดพลังมหาศาล คือทุกคนจะรักกันมาก เกิดความเชื่อถือไว้วางใจกัน(Trust) เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและร่วมกันสร้างสิ่งสำคัญที่สุด ๓ เรื่อง คือ (๑) เป้าหมายของประเทศไทยที่ดีที่สุด (๒) เรื่องใหญ่ๆที่ควรปฏิรูป (๓) แผนปฏิบัติในแต่ละเรื่อง
ในแผนปฏิบัตินั้นจะบอกว่าต้องทำอะไร ทำอย่างไร ใช้เครื่องมือและทรัพยากรเท่าไหร่ ใครทำ
ที่ว่าใครทำนั้นก็ทุกคนทุกฝ่าย เช่น เรื่องอะไรเกี่ยวกับรัฐบาลนายกรัฐมนตรีก็รับไปทำ เรื่องอะไรเกี่ยวกับรัฐสภา ประธานรัฐสภาก็รับไปทำ อะไรเกี่ยวกับกระทรวง กระทรวงก็รับไปทำ อะไรเกี่ยวกับองค์กรท้องถิ่นองค์กรท้องถิ่นก็รับไปทำ อะไรเกี่ยวกับภาควิชาการ อะไรเกี่ยวกับภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม ภาคการสื่อสาร ภาคนั้นๆก็รับไปทำ
คณะกรรมการปฏิรูปการเมืองมีหน้าที่ติดตาม เร่งรัด ตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติปฏิรูปประเทศไทย การปฏิบัติจะมีในหลายมิติ ทั้งที่เกี่ยวกับแก้ไขกฎหมายรวมทั้งรัฐธรรมนูญและที่ไม่เกี่ยว
๕.กระบวนการปฏิรูปการเมืองเป็นกระบวนการต่อเนื่อง
ที่ได้อธิบายกลไกและกระบวนการมาดังกล่าวข้างต้น เป็นการ “ประกอบเครื่องประเทศไทย” ที่ผ่านมาประเทศไทยเปรียบเสมือนประเทศเครื่องหลุดที่ส่วนต่างๆไม่ประกอบเข้ามาด้วยกัน รถยนต์ที่เครื่องหลุดจากกันถึงเร่งเครื่องก็วิ่งไปไม่ได้ ฉันใด ประเทศที่เครื่องหลุด ก็ฉันนั้น การปฏิรูปประเทศไทยที่ออกแบบดังกล่าวข้างต้น เป็นการประกอบส่วนต่างๆของประเทศไทยให้เข้ามาเชื่อมโยงกัน เมื่อประกอบเครื่องประเทศไทยได้ ประเทศก็สามารถวิ่งไปข้างหน้าอย่างเรียบร้อยและดีขึ้นเรื่อยๆ
ในการปฏิรูปประเทศไทยตามที่กล่าวมาข้างต้น ทุกคนทุกฝ่ายมีส่วนร่วมได้หมดและได้ใช้จิตใจสติปัญญาของตนได้อย่างเต็มที่ จะเกิดความปีติสุขที่ได้ทำงานเพื่อประเทศไทยร่วมกัน และจะสามารถฝ่าอุปสรรคที่ยากลำบาก มีความสำเร็จเป็นลำดับๆไปในการสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดตามจินตนาการของเราร่วมกัน สมควรที่ทุกคนจะยอมเสียสละใดๆเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตประเทศไทย
กระบวนการปฏิรูปการเมืองควรจะต่อเนื่องผ่านช่วงหลายรัฐบาลไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนไทยทั้งชาติ รัฐบาลเป็นเพียงกลไกอย่างหนึ่ง ถ้าได้ทำตามนี้ต่อไปโมเดลการปฏิรูปของไทยจะเป็นที่เรียนรู้ แม้แต่ของประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งเขากำลังติดขัดและต้องการปฏิรูป แต่ไม่รู้จะปฏิรูปอย่างไร
ประติมากรรม คือ 在 งานประติมากรรมคืออะไร - YouTube 的推薦與評價
![影片讀取中](/images/youtube.png)
เรามาพูดในหัวข้อเรื่อง งานศิลปะประเภทวิจิตรศิลป์ (Fine Art) กันต่อไปนะเจ้าคะ คลิปนี้เรามาเรียนรู้เรื่อง… งาน ประติมากรรม (ภาพปั้น ... ... <看更多>
ประติมากรรม คือ 在 ศิลปะที่ปั้นขึ้นด้วยแสง | By Lumix Thailand - Facebook 的推薦與評價
ถ้า ประติมากรรมคือ ศิลปะที่ปั้นขึ้นด้วยดิน ภาพถ่ายก็คือศิลปะที่ปั้นขึ้นด้วยแสง คุณ วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปินศิลปาธร สาขาการออกแบบปี 2553. ... <看更多>
ประติมากรรม คือ 在 ประติมากรรม คือ - YouTube 的推薦與評價
รูปแบบการใช้วัสดุ-อุปกรณ์ของศิลปิน(ประติมากรรม) ... ประติมากรรม คือ. 4K views · 2 years ago ...more. คลังสื่อศิลปะ ครูไอเดีย. 591. Subscribe. ... <看更多>