นายกรัฐมนตรี ยืนยัน “ไม่ยุบ” สถานีฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ครับ …
ตั้งแต่ 1 สค. ใช้ “ลงทะเบียน” ผ่านค่ายมือถือ เท่านั้น จะไม่มี “วอร์คอิน” แล้วครับ
อายุ 18 ปีขึ้นไป กับ 7 กลุ่มโรค เริ่มลงทะเบียน พฤหัส 29 กค.นี้ เริ่มฉีด 1-31 สค.ครับ
ฉีดแค่วันละ 20,000 โดส แบ่งเป็น อายุ 18 ปีขึ้นไป วันละ 10,000 โดส และ 7 กลุ่มโรค วันละ 10,000 โดสครับ
#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร่วมประชุม กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับฟังปัญหาอุปสรรคการบริการฉีดวัคซีนที่ศูนย์กลางบางซื่อ และการเพิ่มเตียงโรงพยาบาลสนามบุษราคัม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แนวปฏิบัติใหม่ๆ ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วจากกระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับนโยบายไปแล้ว ตนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน และวันนี้อยากฟังทุกคนว่าอะไรที่ยังติดขัดตรงไหนก็ให้บอกมา ตนพร้อมแก้ปัญหาและดูแลให้
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยกระทรวงสาธารณสุข รายงานการให้บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มคนอ้วนและคนท้องที่ให้บริการฉีดไปแล้ว 1 ล้านโดส ขณะเดียวกันเพื่อแก้ปัญหาลดความแออัด จะไม่มีการวัดความดันก่อนฉีด นอกจากกรณีจำเป็นเท่านั้น
นอกจากนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดความประชาชนขอรับวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ จะมีการเปิดใช้แอพพริเคชั่นวัคซีนบางซื่อ เพื่อให้ลงทะเบียน เพื่อลดขั้นตอนให้เมื่อไปถึงสามารถฉีดได้เลยทันที ทั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ส.ค.โดยจะไม่เปิดให้วอล์กอินเข้ามา แต่ทั้งหมดต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน โดยจะให้บริการ 20,000 โดสต่อวัน
อย่างไรก็ตาม การประชุมของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังมีกระแสข่าวว่า มีผู้บริหารของ ศบค. ส่งสัญญาณให้ปิดการฉีดวัคซีนที่ศูนย์สถานีกลางบางซื่อ เพื่อลดความหวาดระแวงทางการเมือง
「ประยุทธ์ อายุ」的推薦目錄:
ประยุทธ์ อายุ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
แจกอีกแล้ว! รัฐบาลเตรียมทุ่มงบกว่า 4.5 หมื่นล้าน แจก 3,000 บาท 15 ล้านคน กระตุ้นการใช้จ่ายช่วยผู้ค้ารายย่อย และร้านค้าหาบเร่แผงลอย
.
2 ก.ย. ที่ผ่านนมา หลังการประชุม ศบศ. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่
.
1. “เพิ่มวันลาข้าราชการ”
ปรับปรุงมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเพิ่มเติม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอให้มีบุคลากรภาครัฐ ทั้งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถขอวันลาพักผ่อนเพิ่มได้อีก 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เพื่อเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
.
2. “หารครึ่งจ่ายเงินเดือนเด็กจบใหม่”
จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้อัตราการจ้างงานลดลง มาตรการนี้รัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบการจ้างงานให้กับนายจ้างไม่เกิน 50% ของค่าจ้าง สำหรับเด็กจบใหม่ ประมาณ 2.6 แสนคน ที่จบการศึกษาในปี 2562-2563 โดยมีระยะเวลาการจ้างงาน 12 เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค.2563 ซึ่งรายละเอียดของการจ่ายเงินสมทบคือ
- ระดับปริญญาตรี จ่ายเงินสมทบไม่เกิน 7,500 บาท
- ระดับปวส.จ่ายเงินสมทบไม่เกิน 5,550 บาท
- ระดับปวช. จ่ายเงินสมทบไม่เกิน 4,700 บาท
โดยที่ตลอดทั้งปีนายจ้างต้องไม่ลดการจ้างงานเกิน 15% รวมถึงจะมีการจัดงาน JOB EXPO ที่มีตำแหน่งงานว่างกว่า 1 ล้านอัตรา ภายในเดือน ก.ย. นี้
.
3. “แจกเงิน 3,000 บาท”
นำโมเดล ชิม ช้อป ใช้ กลับมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยแจกเงิน 3,000 บาท ให้ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ18 ปีขึ้นไป โดยมุ่งเน้นให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเป็น ผู้ประกอบการรายย่อย ครอบคลุมไปถึงผู้ประกอบการหาบเร่ แผงลอย กว่า 80,000 แห่ง ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยจำกัดการใช้เงินได้ไม่เกินวันละ 100-250 บาท
.
เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลเลือกที่จะนำมาตรการ การแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาใช้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย และยังขยายกลุ่มของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ไปในวงกว้างมากขึ้น จากเดิมเน้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรือร้านค้ารายใหญ่ๆ ก็เพิ่มร้านค้า ผู้ประกอบการ SME รวมไปถึง ร้านค้าหาบเร่ แผงลอย ขึ้นมาด้วย
.
มาดูกันว่ามาตรการในครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยกลับมาดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ และรัฐบาลที่พึ่งเสียเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำลังสำคัญของทีมพัฒนาเศรษฐกิจ อย่าง นายปรีดี ดาวฉายไปนั้น จะมีนโยบายอะไรที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นและดีขึ้นไปได้นั้นต้องรอติดตามดูกันต่อไป
.
ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/1922788
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#แจกเงิน3000บาท #มาตรการกระตุ้นเศรษกิจ #รัฐบาล
#เศรษฐกิจ
ประยุทธ์ อายุ 在 sittikorn saksang Facebook 的最讚貼文
ว่าด้วยปัญหานโยบายและการทุจริตรับจำนำข้าว
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถึงวันนี้ โกงจำนำข้าวหลายแสนล้านยังเอาผิดใครไม่ได้ และไม่แน่ว่าจะสุดท้ายแล้วจะเอาผิดใครได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ กลับกลายเป็นว่าสำหรับประชาชนคนไทยทั้ง 67 ล้านคน ไม่เว้นลูกเล็กเด็กแดงที่เพิ่งลืมตาดูโลก กำลังจะมีหนี้ให้แบกเพิ่มขึ้นมาอีก 8 แสนล้าน จากการออกพันธบัตรหรือบอนด์เพื่อมาใช้หนี้เงินกู้ชดเชยความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวและพืชผลเกษตรกรอื่นที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สร้างขึ้น โดยเอาความทุกข์ร้อนของพี่น้องเกษตรกรมาบังหน้าแต่ผลประโยชน์ส่วนใหญ่กลับตกอยู่ในมือพวกพ้องน้องพี่ของกลุ่มผู้มีอำนาจในเวลานั้น
ช่วงฮันนีมูนน้ำผึ้งหวาน คสช.ได้สวมบทนักสู้กู้สิบทิศเพื่อหาเงินจ่ายให้กับชาวนาที่ผูกคอตายรายวันเพราะรอเงินจำนำข้าวไม่ไหวผ่านพ้นไปแล้ว เวลานั้นทุกสารทิศปรบมือให้สนั่นเมือง แต่ความจริงก็คือของฟรีไม่มีในโลก เมื่อกู้แล้วก็ต้องจ่ายคืน และเวลานี้เป็นเวลาที่ต้องทำพันธะสัญญาจ่ายหนี้คืนแล้ว
ตามแผนการจ่ายหนี้เงินกู้นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ “หม่อมอุ๋ย” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ วางแผนการไว้โดยรัฐบาลเตรียมออกพันธบัตรระยะยาว อายุ 30 ปี วงเงินกว่า 8 แสนล้านบาท เพื่อคืนหนี้ที่เกิดจากนโยบายรับจำนำข้าวและมาตรการอุดหนุนสินค้าเกษตรประเภทอื่น โดยใช้รูปแบบเดียวกับการออกพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในการแก้ปัญหาวิกฤติการเงิน ปี 2540 หรือวิกฤตต้มยำกุ้ง
สำหรับความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวและสินค้าเกษตรอื่นที่เป็นมรดกตกทอดมาจากรัฐบาลชุดก่อนนั้น “หม่อมอุ๋ย” ประเมินว่า จะมีเม็ดเงินรวมกันกว่า 8-9 แสนล้านบาท โดยการตรวจสอบการปิดบัญชีในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรทุกชนิดของรัฐบาลที่ผ่านๆ มาจนถึงปี 2553 พบการขาดทุนถึง 2 แสนล้านบาท และความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2554/55 และปีการผลิต 2555/56 รัฐบาลจะขาดทุนจากการรับจำนำข้าวสูงถึง 5 แสนล้านบาท ตัวเลขขาดทุนดังกล่าวยังไม่รวมการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวในปี 2556/57 ที่ยังไม่ได้สรุปตัวเลข
แน่นอนการกู้เงิน 8 แสนล้านบาท เป็นแค่หนี้เริ่มต้น ยังไม่รู้ว่าปิดโครงการทั้งหมดจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกกี่มากน้อย
เพจ “สายตรงภาคสนาม” รวมตัวเลขภาระหนี้ที่พี่น้องตระกูลชินวัตรก่อขึ้นแล้วทิ้งให้คนไทยต้องมาชดใช้ว่าสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท
“วิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ กู้เงินไอเอ็มเอฟ ต่อมาในยุครัฐบาลทักษิณ มีการออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง “กู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ.2545” วงเงิน 7.8 แสนล้านบาท
“รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำโครงการจำนำข้าวจาก “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” ส่งผลให้เกิดความเสียหาย 7 แสนล้านบาท รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีแนวคิดออกพันธบัตรใช้หนี้จำนำข้าว 8 แสนล้าน มีกำหนดใช้หนี้นาน 30 ปี
“รวมหนี้สองยุคที่เกิดจาก ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ทิ้งภาระให้ประชาชน 1.58 ล้านล้านบาท บทเรียนประเทศที่คนไทยต้องจดจำ”
การเตรียมออกบอนด์ครั้งนี้ มีเสียงเตือนล่วงหน้ามาจากนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตขุนคลังพรรคประชาธิปัตย์ ให้ระวังจะซ้ำรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง ถึงแม้โดยแนวคิด การออกบอนด์จะเป็นเรื่องที่ต้องทำหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าต้องตั้งงบประมาณมาชดเชยด้วยเงินภาษี จะมีผลกระทบกับการพัฒนาประเทศไปอีกร่วม 10 ปี จึงจำเป็นต้องแยกส่วนภาระนี้ออกมาเฉลี่ยการชำระออกไป และการออกพันธบัตรคือการบังคับให้มีการปิดบัญชีที่ชัดเจน มิเช่นนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบในกระทรวงพาณิชย์ก็จะถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ
แต่ปัญหาคือรัฐบาลบอกว่าจะขายพันธบัตรนี้ให้คนไทย แต่ที่ผ่านมาคนไทยไม่นิยมซื้อพันธบัตรอายุยาวกว่า 5 ปี และเงิน 8 แสนล้านบาท จะมีผลกระทบต่อการดูดสภาพคล่องออกจากระบบอย่างมาก กระทรวงการคลังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะประโยชน์ทั้งหมดตกอยู่ที่คนไม่กี่คน ชาวนาก็ยังจนเหมือนเดิม ส่วนคนทุจริตก็ยังลอยตัว ครั้งที่แล้วที่ต้องออกพันธบัตรลักษณะนี้คือ “หนี้กองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงิน” เพื่อชดใช้ความเสียหายจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และจนถึงวันนี้หนี้นี้ยังใช้ไม่หมด ดังนั้นพันธบัตร“จำนำข้าว” จึงควรมีเงื่อนไขการชำระในแต่ละปีที่รวมเงินต้นด้วย มิเช่นนั้นหนี้ก้อนนี้จะกลายเป็น “หนี้สาธารณะถาวร” เหมือนหนี้กองทุนฟื้นฟู
ประเด็นสำคัญยิ่งกว่า ก็คือในสมัยวิกฤตต้มยำกุ้งมีการฟ้องร้องผู้บริหารสถาบันการเงินจำนวนมากไล่ไปถึงผู้ว่าแบงค์ชาติ ส่วนวันนี้ความผิดยิ่งชัด เพราะ ป.ป.ช. ได้เตือนรัฐบาลอย่างชัดเจนถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นบรรทัดฐานหลักการบริหารบ้านเมือง คนไทยไม่มีสิทธิปฏิเสธร่วมแบกหนี้ 30 ปีนี้ แต่เรามีสิทธิเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมทำงาน ถ้ารัฐบาลต้องการให้ประชาชนคนไทยมาช่วยแบกรับภาระหนี้นี้ด้วยการร่วมซื้อพันธบัตร ก็ขอให้ช่วยลงโทษทุกคนที่ทำผิดกฎหมายจนเกิดความเสียหายถึงขนาดนี้ด้วย
ข้อเรียกร้องให้หาคนผิดมาลงโทษที่ต้องเกิดขึ้นพร้อมกับการโยนภาระหนี้มาให้คนไทยแบกรับนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลทหารจะทำเอาหูไปนาเอาตาไร่ โบ้ยบ้ายไปเรื่อยไม่ได้ ต้องมีคำตอบให้สังคมชัดเจน
เพราะสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งสำหรับความอื้อฉาวทุจริตจำนำข้าวจนถึงบัดนี้ ก็คือ การที่ยังเอาคนผิดที่ก่อความเสียหายมโหฬารนี้มารับโทษทัณฑ์ไม่ได้แม้แต่คนเดียว ทั้งที่ทำเป็นขบวนการใหญ่โตตั้งแต่หัวยันหาง ทั้งที่มีผลสอบออกมาเป็นระยะๆ อาจเพราะมันเป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่วางแผนกันมาตั้งแต่ต้นเป็นสุดยอดความชั่วร้าย อย่างที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยนว่าประเทศไทยมีการทุจริตที่มากล้นเหมือนน้ำท่วมท้นประเทศไทย นอกจากจะมากมายแล้วยังสลับซับซ้อนอีกต่างหาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทุจริตเชิงนโยบายที่ผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองวางแผนล่วงหน้าและออกกฎหมายมาเพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้อง เช่น การซื้อรถซื้อเรือดับเพลิงของกรุงเทพฯ และการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่เรียกว่าจำนำแต่ความจริงคือให้เงินฟรี เพราะชาวนำนำข้าวมาจำนำแล้วไม่มีไถ่ถอนคืนจนล้นโกดัง
“.... กระบวนการเหล่านี้คนคิดต้องเรียกว่าสุดยอดของความชั่วร้าย ทำให้เงินที่รัฐจ่ายไป 7 แสนล้านบาทหายไปเข้ากระเป๋าพรรคพวก ถือเป็นการโกงที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเอาชนะการโกงที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ได้เลย เพราะเป็นกระบวนการที่มีความรู้ความชำนาญ ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่ไต่สวนต้องมีความเชี่ยวชาญเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นหาไม่เจอว่าเงินหายไปไหน เงินที่โกงจากโครงการรับจำนำข้าวส่วนใหญ่ขณะนี้ขนออกไปนอกประเทศ .....” นายวิชา แฉเส้นทางเงินที่โกงไปจากโครงการจำนำข้าว
ส่วนการฟ้องคดีจำนำข้าวต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกเตะถ่วงเรื่อยมานั้น การประชุมร่วมระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) กับ ป.ป.ช. ในวันที่ 7 พ.ย.ที่จะถึงนี้ จะได้ข้อสรุปชัดเจนว่า อสส.จะยื่นฟ้องหรือไม่ หากอสส.ไม่สั่งฟ้อง ป.ป.ช.คงต้องฟ้องคดีเอง
สำหรับกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก นายวิชา ชี้แจงความคืบหน้าว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างการรวบพยานหลักฐานซึ่งเกือบจะครบถ้วนแล้ว ขาดเพียงการไต่สวนสอบพยานบุคคลอีก 2 - 3 ปาก โดยขอให้ถ้อยคำเพิ่มเติมของผู้สอบบัญชีของบริษัท สยามอินด้า จำกัด รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาบางราย คดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 111 คน ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ ป.ป.ช. ดำเนินการมา
นั่นเป็นการดำเนินการในส่วนของป.ป.ช. แต่สำหรับการตรวจสอบจากรัฐบาลกลับเงียบหายไปกับสายลม ซึ่ง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรมอดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาทวงสัญญาจาก ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานตรวจสอบโกดังข้าว ที่เป็นม้าตีนต้นฟิตจัดแถลงผลงานโบว์แดงทั้งข้อมูลข้าวเสียหาย ข้าวไร้คุณภาพ แต่ระยะหลังกลับแผ่วปลายมีการเลื่อนแถลงข่าวความคืบหน้าในการตรวจโกดังข้าวเรื่อยมาตั้งแต่กลางเดือนก.ย.จนบัดนี้ ก็ยังไม่สรุป จึงขอให้เร่งแถลงต่อประชาชนว่า ข้าวสูญหายเท่าไหร่ เสื่อมสภาพเท่าไหร่ และกรณีมีการทุจริต ตามโกดังต่างๆ รัฐบาลจะดำเนินคดีอย่างไรด้วย
ย้ำอีกครั้ง ถ้าอยากให้ประชาชนคนไทยช่วยรับภาระหนี้ 8 แสนล้าน รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องเชือดคนโกงจำนำข้าวเซ่นความผิดที่ก่อขึ้นด้วย
ไม่เช่นนั้น อาจทำให้คนไทยอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วการทำรัฐประหารก็เพื่อเข้ามาช่วยกลบขี้และอุ้มน.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีผิดคดีทุจริตจำนำข้าว? .... ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย
ประยุทธ์ อายุ 在 Feed - 21 มีนาคม วันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อายุครบ 67 ปี ... 的推薦與評價
21 มีนาคม วันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อายุครบ 67 ปี นายกฯ ที่ทำงานได้ใจประชาชน ชี้วัดจากผลโพลหลายสำนัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชื่อเล่น "ตู่"... ... <看更多>
ประยุทธ์ อายุ 在 ครบรอบ 68 ปี วันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ - YouTube 的推薦與評價
เมื่อวานนี้ 21 มีนาคม เป็นวัน ครบรอบ 68 ปี วันคล้ายวันเกิด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะดูเงียบๆ เพราะสั่งงดต้อนรับบุคคลหรือคณะบุคคลเข้าอวยพร ... ... <看更多>