#ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 🇯🇵 ep5
ตอน โรงอาหารบริษัท
=======
สิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆเลย ตอนที่ทำงานที่บริษัทญี่ปุ่น
คือ "โรงอาหารบริษัท"
(แน่นอนว่าเป็นโรงอาหารในตึก คนนอกเข้าไม่ได้
จะซื้อได้ก็แต่เฉพาะพนง.
แถมตอนซื้อ จะใช้เงินสดไม่ได้ ต้องแตะบัตรพนง.ซื้อ)
.
ทุกพักกลางวัน เป็นช่วงเวลาที่ตั้งหน้าตั้งตาคอย
เพราะ
1. อาหารอร่อย
(อาจเป็นเพราะบริษัทเราเป็นบริษัทเครื่องดื่ม เลยใส่ใจกับเรื่อง (การวิจัย) รสชาติของอาหาร และโภชนาการของพนง. จะมีการคำนวนแคลอรี่อาหาร
เมนูจะเปลี่ยนทุกวัน ในแต่ละวันจะมีทั้งอาหารจานหลักให้เลือก 2 เมนู ของกินเล่น 4-5 เมนู ของหวาน 2-3 เมนู และเครื่องดื่ม
.
2. ราคาถูก เทียบกับกินข้าวกลางวันข้างนอก จะถูกกว่ามาก ตกมื้อนึงประมาณ 500 เยน เท่านั้นเอง ประหยัดกว่ามาก
.
3. ส่วนของหวาน ทุกวันจะมีโฮมเมดโยเกิร์ต แต่เปลี่ยนรสชาติทุกวัน เพราะบริษัทเราทำเกี่ยวกับพวกการหมักเชื้อแลคโตบาซิลลัสอยู่แล้ว
.
4. เดือนละครั้ง จะมีเมนูพิเศษ
.
5. นั่นก็คือ "ข้าวแกงกะหรี่ Calpis" 💫
ถามว่า ทำไมถึงชื่อนี้ ก็เพราะว่า ข้าวแกงกะหรี่นี้ ใส่น้ำคาลพิสลงไปด้วย
แต่แรกที่ฟังก็แอบคิดว่ามันจะอร่อยเหรอ
แต่พอได้ลองกินจริงๆ
เฮ้ย! อยากจะบอกว่ามันเข้ากันมากๆ
อร่อย
แต่! อยากจะเตือนเพื่อนๆที่ไทยนะว่า
#อย่าเลียนแบบนะ
อย่าไปซื้อคาลพิสทีไทยมาใส่แกงกะหรี่นะ❗😂
เพราะคาลพิสที่ไทย 🇹🇭กับคาลพิสที่ญี่ปุ่น🇯🇵
รสชาติไม่เหมือนกัน
ก่อนอื่น น้ำคาลพิสที่ใส่ในแกงกะหรี่ที่ญี่ปุ่นนั้น
ไม่มีขายที่ไทย
น้ำคาลพิสนั้น
เป็นแบบเข้มข้น(concentrate)
ต้องเทชงกับน้ำกิน
(อารมณ์เฮลซ์บลูบอยบ้านเรา)
เพราะฉะนั้น รสชาติมันจะเข้มข้นกว่า กลมกล่อมกว่า หอมนวลกว่าน้ำคาลพิสที่ไทยมาก
เพราะกรรมวิธีการผลิต และวัตถุดิบต่างกัน
.
กลับมาเข้าเรื่อง😆
ข้าวราดแกงกะหรี่น้ำคาลพิสนี้ เป็นที่รู้จักกันมาก
เพราะเคยมีรายการทีวีญี่ปุ่นมองว่าแปลก และมาทำรายการที่นี่ด้วย
.
6. นอกจากเมนูพิเศษประจำเดือนแล้ว บางทียังมีเมนูพิเศษประจำเทศกาลด้วย
จำได้ว่าบางทีมีการโชว์หั่นมากุโร่ (แบบตลาดซึคิจื) ที่โรงอาหารด้วย และพนง.สามารถซื้อเซ็ตข้าวหน้ามากุโร่ ในราคา 500 เยนเท่านั้น (ในเซ็ต มีซุปมิโสะ กับเครื่องเคียงมาให้ด้วย)
.
7. โรงอาหารค่อนข้างสะอาดและใหม่ น่านั่ง
.
8. เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถนั่งพักผ่อนได้สบายใจ
ในเวลางาน เราต้องทำตัวแบบคนญี่ปุ่น
คิดแบบคนญี่ปุ่น พูดภาษาญี่ปุ่นตลอด
รอบตัวมีเราเป็นคนต่างชาติคนเดียว
แน่นอนว่าจะมาเล่นมือถือ กินขนมไม่ได้อยู่แล้ว
พอตอนพักกลางวัน เลยเหมือนได้ปลดปล่อย
มายชอบกินข้าวกลางวันคนเดียว
เพราะถ้าไปกินกับรุ่นพี่ เจ้านาย
ต่อให้เป็นเวลาพักก็รู้สึกเหมือนต้องใช้สมอง
เหมือนไม่ได้พักอยู่ดี 55
(เพราะมายย้ายงาน ในแผนกเลยไม่มีคนรุ่นเดียวกัน มีแต่คนแก่กว่า)
.
จำได้วันแรก
เจ้านายชวนไปกินข้าวกลางวันกับรุ่นพี่ประมาณเกือบ 10 คน ทุกคนเป็นผู้ชายหมด
ยกเว้นมายคนเดียว😂😂
(แผนกมายมีแต่ผช.)
.
วันนั้น กลายเป็นวันแรกและวันสุดท้ายที่มายไปกินข้าวกับพวกเขาเลย😂
เพราะ
1. เจ้านายและรุ่นพี่กินกันเร็วมาก ❗
5 นาทีกินกันเสร็จหมดทุกคนแล้ว
เหลือเราคนเดียว และทุกคนนั่งรอเรากินเสร็จด้วยหน้าตายิ้มแย้ม (คงกลัวเรากดดัน เลยยิ้มแย้ม ชวนคุย หารู้ไม่ ยิ่งพวกคุณชวนคุย ฉันยิ่งกินไม่เสร็จซะที 😂)
รู้สึกเกร็งและเกรงใจมาก
ถึงจะบอกทุกคนให้ไปกันก่อนเลย
แต่ไม่มีใครลุก
แถมบอกอีกว่า
"มายจัง ไม่เป็นไร ค่อยๆกินไป ไม่ต้องรีบ"
อืม.....
(คิดดูว่า โอจิซังทั้งหลายนั่งรอเรากินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มันจะรู้สึกกดดันแค่ไหน)
ไม่สามารถเอ็นจอยรสชาติอาหารได้แล้ว
หลังจากนั้น พอพักกลางวันปุ๊บ
เราเลยวิ่งปู๊ดไปโรงอาหารคนเดียวเลย😂
(แต่ตอนทำบริษัทแรก เราทำเบนโตะมากินกับเพื่อนร่วมงานนะ อาจเป็นเพราะเป็น 同期 (คนที่เข้ามาทำงานพร้อมกัน) วัยเดียวกัน เลยไม่ต้องพูดภาษาสุภาพ คุยแบบเพื่อนได้)
.
🔴 ป.ล. 1
พอทำงานกับคนญี่ปุ่น
สังเกตอย่างนึงว่าผู้ชายญี่ปุ่นกินข้าวกันเร็วมาก
เร็วกว่าผช.ไทยมาก
เลยถามรุ่นพี่ญี่ปุ่นผช.ที่สนิทๆ
นางบอกว่า
"คนญี่ปุ่นเชื่อว่า ผช.ที่กินเร็ว คือ ผช.ที่ทำงานเก่ง"
(ไม่รู้จริงมั้ย แต่ถามหลายคน หลายคนก็ตอบแบบนี้)
.
ไม่ใช่แค่แผนกมายนะ ผช.แผนกอื่นก็เป็น พอกินเสร็จ ทุกคนกลับไปโต๊ะทำงาน ไม่ก็ไปสูบบุหรี่เลย
เพราะฉะนั้น โต๊ะจะว่างเร็วมาก
.
แต่เวลาไปดื่ม(โนมิไก) ไม่เหมือนกันนะ เวลาไปดื่มหรือกินกับลค. จะไม่ได้รีบเหมือนเวลากินกลางวันปกติ อาจเป็นเพราะเน้นดื่ม ไม่เน้นกิน5555
.
🟡ป.ล. 2
รูปแรกใส่เสื้อกราวด์ของบริษัท ถ่ายกับรุ่นพี่ผู้หญิงคนเดียวที่สนิท (เพราะในแผนกมีผู้หญิงอยู่ 2 คน)
.
รูปที่ 2 เป็นรูปตอนโชว์แล่มากุโร่ที่โรงอาหาร
สมัยนั้นมือถือความละเอียดไม่ค่อยดี เลยถ่ายออกมาได้แค่นี้😂
.
รูปที่ 3 ข้าวแกงกะหรี่คาลพิส ถึงในรูปจะดูไม่ค่อยน่ากิน แต่ของจริง อร่อยนะ
.
รูปที่ 4 สำรวจตลาด (ล้อเล่น555)
เวลาไปตามเซเว่น แล้วเห็นสินค้าเรา จะชอบเข้าไปดูว่า มันวางอยู่ตรงไหนของชั้นวาง มีเยอะหรือน้อย ฯลฯ เหมือนเป็นความเคยชินไปแล้ว
「ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น」的推薦目錄:
- 關於ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 I Love Japan TH Facebook 的最讚貼文
- 關於ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 I Love Japan TH Facebook 的最佳貼文
- 關於ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 I Love Japan TH Facebook 的最佳解答
- 關於ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 แชร์ประสบการณ์การทำงานบริบาลในญี่ปุ่น - Facebook 的評價
- 關於ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 ทำงานที่ญี่ปุ่น - บริษัทจัดหางาน ซากุระ เค.พี. จำกัด - Facebook 的評價
ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 I Love Japan TH Facebook 的最佳貼文
#ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น Ep4
ตอน เข้าทำงานวันแรก 🇯🇵
และแล้วก็ถึงวันที่ต้องมาเริ่มงานวันแรก🌞
เกริ่นนิดนึง
บริษัทนี้เป็น1ในบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น
เป็นเครื่องดื่มที่คนญี่ปุ่นทุกคนรู้จักและดื่มกันตั้งแต่เด็ก
ก่อนหน้าที่จะมาเริ่มทำงาน
ทางเอเจ้นต์ก็มีโทรมาบรีฟงานให้ฟังแล้วว่า
วันแรกต้องทำยังไง เจอใครก่อน
เนื่องจากเป็นบริษัทใหญ่ หลายอย่างๆต่างจากบริษัทเก่าโดยสิ้นเชิง
ทั้งระบบการทำงาน สวัสดิการและกฎระเบียบ
ปกติเขาก็จะให้พนักงานใช้ประตูพนักงานเข้าตึก
แต่วันแรก เรายังไม่มีบัตรพนักงานก็เลยเข้ามาประตูหน้า
และติดต่อเคาท์เตอร์เหมือนวันที่สอบสัมภาษณ์
สักพักก็มีจนท.HR เดินลงมารับ
พร้อมกับเรียกเราไปคุยเรื่องการเซ็นต์สัญญา
จากนั้น ก็พาไปชมรอบตึก พาทัวร์แต่ละชั้น
และจบที่แผนกที่เราจะไปทำ นั่นก็คือ
“แผนกเครื่องดื่มระหว่างประเทศ” (海外飲料事業部)
ป.ล. หลังจากที่ทำงานที่นี่มาสักพัก ถึงรู้ว่า
คนญี่ปุ่นที่จะเข้าแผนกได้จะต้อง
1. ไม่ใช่พนักงานเข้าใหม่ (ยกเว้นเรา) ส่วนใหญ่ต้องทำงานมาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว
2. มีผลงานดี
3. ต้องพูดภาษาอังกฤษได้
4. ต้องยื่นใบสมัครเข้าแผนกนี้
5. มีการสอบเข้าแผนกนี้
6. ไม่พอ ต้องได้รับ recommendation letter จากหัวหน้าแผนกที่พนง.คนนั้นทำงานอยู่ด้วย ถึงจะมีโอกาสสมัครสอบเข้าแผนกนี้ได้
7. มีทั้งสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์
8. หลังจากสอบผ่านแล้ว ต้องไปเทรนนิ่งที่ต่างประเทศเป็นเวลา 1 ปี โดยบริษัทจะส่งไปเทรนที่สาขาที่ต่างประเทศ พอจบแล้วถึงเข้าแผนกนี้ได้อย่างเป็นทางการ
9. อย่างไรก็ตาม
ถ้าเข้ามาแผนกนี้แล้วผลงานไม่ดี ก็อาจถูกย้ายไปแผนกอื่นได้ทุกเมื่อ (บริษัทจะมีการย้ายแผนกทุกๆ3เดือน ทุกคนก็ลุ้นกันไป ยกเว้นเรา เพราะเขาคงไม่รู้จะให้เราไปอยู่แผนกไหนดี555 ต้องอยู่แผนกนี้ตลอดไป)
จำได้ว่า มีรุ่นพี่คนนึง ถูกย้ายไปแผนกอื่น ระหว่างที่เราทำงานอยู่ นางซึมไปเลย
10. ใครที่เข้าแผนกนี้ได้ มักถูกเรียกว่า Elite สาวๆที่ออฟฟิศหลายคนก็ปลื้ม
11. แผนกนี่ 90% มีแต่ผู้ชาย
(ณ ตอนที่เราทำงานอยู่นะ ไม่รู้ว่าปัจจุบันเป็นยังไง) มีผู้หญิงอยู่แค่ 2 คน คือ คนที่ทำหน้าที่เป็นบัญชี กับเจ้าหน้าที่แอดมิน (เนื่องจากบริษัทใหญ่มาก ทุกๆแผนก จะมีนักบัญชีและแอดมินส่วนตัวประจำแผนก แยกออกไปเลย คอยเป็นคนประสานงานกับแผนกบัญชี)
(เพิ่งจะรู้ว่า แผนกนี้มันสุโก้ย(สุดยอด) ขนาดนี้
แต่ด้วยความที่เราเป็นต่างชาติด้วยมั้ง
เลยถูกจับมาอยู่แผนกนี้ไปโดยปริยาย
เพราะ
จะให้ไปอยู่แผนกบัญชี หรือ แผนกกฎหมาย ก็กะไรอยู่😂
🔶️ถามว่าทำไมคนที่อยากเข้าแผนกนี้
(เดาเอาเองนะ)
1. ดูเก่ง เพราะว่ากว่าจะผ่านเข้ามาได้ ต้องมีผลงานดี เจ้านายสนับสนุน มีrecommendation letter และ ที่สำคัญ ต้องพูดอังกฤษได้ เลยอาจดูเท่ห์
2. ดูแล้วมีอนาคต 😂
3. ได้ไปต่างประเทศบ่อย ได้เงินเบี้ยเลี้ยงต่างหาก พร้อมเครดิตการ์ดบริษัท
4. เวลาไปต่างประเทศ มักได้ไปกับระดับผู้บริหาร ทำให้ได้ใกล้ชิดกับคนระดับสูงๆ โอกาสเลื่อนขั้นก็สูงไปด้วย
(แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่เกี่ยวกับเรานะ เพราะเราเป็นคนต่างชาติ ไม่ได้มานั่งสนใจ เรื่องเลื่อนขั้นอะไรพวกนี้)
โอเค กลับมาเข้าเรื่อง
พอมาถึงที่ชั้นที่เราต้องทำงาน
ทุกอย่างดูใหม่ สะอาดมาก
ผิดกับบริษัทเก่า(อาจเป็นเพราะคนละสายงาน)
โต๊ะทำงานเหมือนในซีรีย์ญี่ปุ่นที่เคยดูเลย
ทุกคนจะนั่งเรียงติดกันเป็นแถว
หัวโต๊ะ จะเป็นโต๊ะของหัวหน้าฝ่าย
ตอนที่ไปถึงแผนก
หัวหน้าโดยตรงของเราก็ให้เราทักทายทุกคน
ก็ตื่นเต้นๆหน่อย
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ ...... ต่อจากนี้ไป จะมาประจำแผนกนี้ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
จากนั้น ก็มีประชุมตอนเช้า (朝会) ของแผนกเราก็โดนแนะนำตัวอีกรอบ
ตอนประชุมก็นั่งฟังแต่ละทีมรายงานอย่างเดียว
ประชุมเสร็จจะเป็นการเทรนนิ่งทั้งวัน
โดยเจ้านายจะจัดตารางมาให้ว่า
ชั่วโมงนี้ต้องเทรนกับใคร
แน่นอน เป็นการเทรนตัวต่อตัว
เพราะมีเราคนเดียวที่เข้ามาใหม่
สรุปแล้ว
เจ้านายมอบหมายให้เราเป็นผู้รับชอบดูแล
ตลาดไทย อเมริกา และเม็กซิกัน
(ที่ให้เม็กซิกันด้วย เพราะเห็นเราเคยไปอยู่ปานามา พูดสเปนได้นิดหน่อย แต่ตอนนี่ลืมหมดแล้วนะ55)
และก็มอบหมายให้รุ่นพี่คนญี่ปุ่นคนนึงคอยนั่งข้างๆคอยสอนงานเราตลอด
รุ่นพี่คนนี้นิสัยดีมาก
ขอเรียกชื่อเขา ว่าคุณ M ละกัน
เป็นคนโอซาก้า อายุมากกว่าเรา2ปี
ชอบยิงมุกคันไซใส่เสมอ ถามใจดีมั้ย ก็ใจดี
แต่บทจะเข้มงวดก็เข้มงวด
เป็นคนที่เรารู้สึกว่าสนิทที่สุดในแผนก☺
(ตอนหลัง เพิ่งมารู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ จริงๆแอบชอบเราอยู่)
ทำตัวเหมือนพี่ชายมากๆ
ชอบมาแกล้ง หรือแซวตลอด
แต่บทเวลาที่เรามีปัญหาเรื่องงาน หรือเราทำพลาด
ก็มักจะยื่นมือมาช่วยเสมอ(แบบเนียนๆ)
วันแรกหลังเทรนเสร็จ ก็จะยังไม่มีอะไรทำ
เพราะเจ้านายยังไม่ได้มอบหมายอะไรให้ทำ
นอกจากบอกให้ทบทวนที่เทรนมาก
(เทียบกับบริษัทเก่า คือ ชิวกว่ามากๆๆๆๆๆๆๆ)
พอถึง6 โมงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน
ถ้าเป็นที่บริษัทเก่า
เราคงนั่งเบื่อ รอจนกว่ารุ่นพี่หรือเจ้านายจะกลับหมด ตามสไตล์ญี่ปุ่น
แต่❗ครั้งนี้
จำคำพูดอเล็กซ์ที่เคยแนะนำมาได้ว่า
"ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็ให้กลับเลย
อย่ากลับช้า
ทำให้เป็นนิสัยตั้งแต่วันแรก เขาจะได้รู้
เพราะถ้าเราอยู่โอทีมาตั้งแต่แรก
เขาจะคิดว่าเราจะต้องอยู่เป็นประจำ
ตอนหลังพอไม่อยู่ จะดูไม่ดี
แต่ถ้าเราทำตั้งแต่ตอนแรก ทำให้ดูเป็นนิสัย
พอกลับเร็วก็จะไม่ดูแปลก
ในทางกลับกัน พอตอนหลังเราอยู่โอทีอาจกลับดูดีกว่าด้วยซ้ำ"
ตอนที่ฟัง แรกๆ ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่
แต่ก็ตกลงลองทำตามดู
พอ6โมงปุ๊บ กลับบ้านเลย5555 😂
ก็เราไม่มีอะไรทำนี่นา วันแรก
คิดว่า เพื่อนร่วมงานอาจมองเราแปลกๆรึเปล่าไม่รู้
แต่ไม่คิดมาก
วันรุ่งขึ้น ตอนมาทำงาน ก็รุ่นพี่เจ้านาย ก็คุยดี ไม่ได้ว่าอะไร
ตั้งแต่นั้นมา ก็กลับตรงเวลาแทบทุกวัน
(ยกเว้นว่าวันไหนงานไม่เสร็จ)
ทุกคนก็ไม่ว่าอะไร
แถมใจดีกับเรามากๆ
คิดว่าทั้งนี้ ทั้งนั้นก็แล้วแต่บริษัทด้วย
เราอาจจะโชคดีที่บริษัทนี้ค่อนข้างใจกว้าง
และแต่ละคนในแผนกก็มีประสบการณ์ใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกมาก่อน
อาจมองเราเป็นต่างชาติ เลยไม่จำเป็นต้องทำเหมือนคนญี่ปุ่น
(ย้ำอีกครั้งนะคะ ไม่ขอแนะนำให้ทำตาม เพราะแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน55)
หลังจากเข้าทำงานที่นี่
ก็ไม่ต้องลำบาก หรืออยู่โอทีจนดึกดื่นเหมือนที่ทำงานเก่า
สุขภาพก็ดีขึ้น แถมมีเวลาเริ่มทำ I Love Japan ด้วย
ป.ล.
รูปที่2 เป็นรูปชุดไปทำงานวันแรก
รูปที่3 เป็นรูปสถานี ตอนไปทำงานตอนเช้า
รูป4 เป็นรูปโต๊ะทำงานในแผนก
สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่าน Ep ก่อนๆ
🔴 #ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น Ep แรก
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2696138543953008&id=1407865602780315&sfnsn=mo
🔴 #มีแฟนเป็นคนต่างชาติในญี่ปุ่น Ep แรก
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2723898721176990&id=1407865602780315&sfnsn=mo
ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 I Love Japan TH Facebook 的最佳解答
#มีแฟนเป็นคนต่างชาติในญี่ปุ่น Ep13
#ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น
ตอน สอบสัมภาษณ์ 🇹🇭🇯🇵🇷🇺
——
ต่อจากตอนเมื่อวาน
⬇️ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2746483245585204&id=1407865602780315&sfnsn=mo
และแล้ว ก็มาถึงวันที่เขาเรียกไปสัมภาษณ์งาน
จำได้ว่าเป็นช่วงบ่ายๆ
อเล็กซ์ก็เมสเสจมาให้กำลังใจแต่เช้า📩
บอกว่า 頑張ってね!I know you can do it:)
(แชทของพวกเรา มันก็มักจะมีหลายภาษาปนๆกัน อังกฤษบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง😆 )
"และก็ถ้าสัมภาษณ์เสร็จแล้วเมสเสจบอกไอด้วยนะ"
.
วันนั้นเราตื่นแต่เช้า
แต่งตัวแบบ business casual
ใส่เสื้อเชิ้ตขาวที่มีลายทาง สูทสีเทา กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสีดำ และกระเป๋าสีดำ
ก่อนออกจากบ้าน ก็เช็คความเรียบร้อยอีกรอบ
.
ทั้งทรงผม เล็บ หน้าตา ว่าเราแต่งหน้าโอเค ถูกโทนไหม
(ที่ญี่ปุ่น เวลาไปสัมภาษณ์งาน เขาจะห้ามแต่งหน้าจัดเกินไป
จะมีระเบียบของเขาซึ่งคนญี่ปุ่นทุกคนจะทราบกันดี
จะมาทาเล็บสีๆ ติดขนตาปลอม ใส่คอนแทคสี ทาปากแดงๆ ไม่ได้เด็ดขาด❌
(ยกเว้นว่าจะไปสมัครเป็นช่างทำผม หรืองานในวงการบันเทิง)
ถ้าแต่งแบบนั้น คือสอบตกตั้งแต่ยังไม่สัมภาษณ์แน่นอน 😂
แต่! อย่างไรก็ตาม
จะ"หน้าสด" ไปสัมภาษณ์ก็ไม่ได้เช่นกัน!
เพราะถือเป็นการเสียมารยาทอีก)
และที่สำคัญ คือเอา resume อีก1-2 ฉบับติดมือไป เผื่อเขาเรียกขอ ถึงแม้เขาจะมีresume ของเราอยู่ก่อนหน้าแล้วก็ตาม
พอไปถึงที่หน้าบริษัทที่เป็น Head Quarter (สนง.ใหญ่) ก็ว้าวเล็กน้อย
เพราะตึกใหญ่มาก (สมกับที่เป็น大手企業)
ผิดกับบริษัทเก่าเราเลย
พอไปถึงที่ออฟฟิศ
ก่อนเข้าไปในตัวอาคารก็จะต้องถอดเสื้อโค้ทออกก่อน
(นี่เป็นมารยาทอย่างหนึ่งที่ควรจำ
เวลาเราไปสัมภาษณ์งานหรือเยี่ยมบริษัทลค.
เมื่อไปถึงที่ออฟฟิศ จะต้องถอดเสื้อโค้ทออกก่อนไปเจอลค.ทุกครั้ง)
จากนั้นก็เข้าไปติดต่อที่เคาท์เตอร์
เขาก็ให้นั่งรอ สักพักก็มีคนจากแผนก HR
เดินลงมา และให้เราแลกบัตร
จากนั้นพาไปที่ห้องสัมภาษณ์
ไม่รู้ทำไม วันนั้น รู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่าทุกที รู้สึกมีสติมาก😂
อาจเป็นเพราะผ่านสมรภูมิมาเยอะมั้ง
(เมื่อเทียบกับครั้งแรกๆที่สัมภาษณ์)
ในใจก็ลืมเรื่องเงินเดือนที่คุยกับอเล็กซ์ไปแล้ว
พอเข้ามาในห้องสัมภาษณ์ ก็มีคนสัมภาษณ์ อยู่3คน ตรงกลางมีเก้าอี้วางอยู่กลางห้อง
เขาก็เชิญให้เรานั่ง
(เราจะนั่งเองไม่ได้ จนกว่าเขาจะบอกให้นั่ง)
และการสัมภาษณ์ก็เริ่มขึ้น
.
คำถามส่วนใหญ่เป็นคำถามที่ง่ายมาก
เมื่อเทียบกับบริษัทก่อนๆที่เคยไปสัมภาษณ์มา
เป็นคำถามพื้นฐาน ไม่ได้โดนถามอะไรโหดๆ
(ไว้จะมารีวิวเรื่องสัมภาษณ์งานให้ฟังต่างหากนะคะ)
เท่าที่จำได้ก็มี
- แนะนำตัว
- ให้เล่าประสบการณ์และหน้าที่ที่ถูกมอบหมายตอนอยู่ที่ทำงานในบริษัทเก่า
- ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่
- ถ้าเข้ามาแล้วอยากจะมาทำอะไร
- ทำไมถึงลาออกจากที่เก่า
- ทำไมถึงอยากเปลี่ยนสายงาน
- เคยมีประสบการณ์ล่ามไหม
- ทำไมถึงมาญี่ปุ่น
- มีกำหนดการณ์จะกลับไทยไหม
ประมาณนี้ แน่นอนสัมภาษณ์เป็นภาษาญี่ปุ่นหมด🇯🇵
เราก็ตอบตามความเป็นจริงและ
จากประสบการณ์ที่เจอมา
.
และก็มาถึงคำถามสุดท้าย นั่นก็คือ
“คุณอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่”
เอาแล้ว... คำถามนี้😂
เป็นคำถามที่คุยกับอเล็กซ์มา แต่จะตอบยังไงดี
จะมัวแต่มาคิดยึกยัก คิดมากก็ไม่ได้ ต้องรีบตอบ
ในใจก็คิดถึงตัวเลขที่เห็นในใบที่เอเจ้นเสนอมา
แต่ไม่รู้อะไรดลใจ
ทำให้ตัดสินใจตอบตัวเลขที่อเล็กซ์บอกมา 555
(ซึ่งก็คือ 2เท่าของเงินเดือนรอบก่อน
และด้วยความโชคดี คือ
ทางคนสัมภาษณ์ก็ไม่ได้ถามว่าก่อนหน้านั้นได้เงินเดือนเท่าไหร่มา
ไม่งั้นคงตอบไม่ถูก(เขิน)เหมือนกันว่าทำไมถึงเรียกเงินเดือนสูงกว่าที่เก่าถึงสองเท่า😂)
ในใจคิด เอาว่ะ พูดไปแล้ว เป็นไงเป็นกัน
วัดกันสักตั้ง! ><
สุดท้ายก็เรียกเงินเดือนตามที่อเล็กซ์แนะนำไป
หลังจากนั้นก็จบการสัมภาษณ์
เราก็ขอบคุณและออกไปจากห้อง
จากนั้นก็มีจนท.HR ยืนรออยู่หน้าห้องและพาเราไปอีกห้องให้กรอกเอกสารอะไรจำไม่ได้
และบอกว่าจะแจ้งผลผ่านเอเจ้นต์
.
หลังจากออกมาจากออฟฟิศแล้ว
เอเจ้นต์ก็โทรมาหาทันที (รวดเร็วมาก)
ถามว่าเป็นยังไงบ้าง
ก็เล่าให้เอเจ้นต์ฟัง และก็ถามเอเจ้นต์ว่าต้องมีสัมภาษณ์อีกไหม
เพราะปกติแล้ว บริษัทที่เก่าที่เคยสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ตั้ง5รอบ
ยิ่งบริษัทใหญ่ๆนี่ส่วนใหญ่หลายรอบแน่ๆ แถมบางทีมีข้อเขียนด้วย
เอเจ้นต์ก็บอกว่าจะเช็คกับบริษัทให้และจะติดต่อกลับไป แต่คิดว่าถึงมีคงไม่เยอะ เพราะเหมือนเขาต้องการรับคนด่วน
ตอนเย็นก็นัดเจออเล็กซ์หลังอเล็กซ์เลิกงาน
อเล็กซ์บอกว่า จะพาไปเลี้ยงฉลอง
(เดี๋ยวๆ ยังไม่ทันรู้ผลเลยจะพาไปฉลองแล้วเหรอ😂)
ก็เล่าเรื่องสัมภาษณ์ให้อเล็กซ์ฟัง
อเล็กซ์ก็บอกว่าทำถูกแล้ว
แต่จริงๆถ้าไอเป็นยูนะ ไอเรียกมากกว่านี้อีก
เรา: เดี๋ยวๆ อเล็กซ์ยูได้คืบจะเอาศอกละ 😂
ไหนเมื่อวานบอกให้เรียกเงินเดือน xxx ไง
อีกอย่างไอไม่ใช่แบบยูนะ
ไอเป็นสาย文系(สายศิลป์) ไม่ใช่สาย 理系 (สายวิทย์แบบยู)
ยูก็รู้ว่าที่ญี่ปุ่น สำหรับคนต่างชาตินี่ สายศิลป์หางานยากกว่าสายวิทย์อีก
และเงินเดือนมักน้อยกว่าสายวิทย์ด้วย
จะให้มาเรียกเงินเดือนสูงๆแบบยูไม่ได้หรอก
อเล็กซ์: ยูนี่ประเมินตัวเองต่ำอีกล่ะ แต่เอาเถอะ ทำได้ดีมาก
お疲れ様でした ไอว่ายูต้องได้แน่นอน
เรา: (どうかな。だといいけど) อืมมม สาธุ
หลังจากนั้น
เราก็มีแพลนว่าจะบินไปเที่ยวที่ไทยคนเดียว
เป็นแพลนว่าตั้งใจจะไปอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้
ก็มีแจ้งบริษัทกับเอเจ้นต์ให้ว่าต้องกลับไทย
มีอะไรรบกวนช่วยแจ้งทางอีเมล
ส่วนอเล็กซ์ คราวก่อนนางเพิ่งไปเที่ยวไทยมา ก็เลยอดไปด้วยกัน
Ep นี้ออกแนวเรื่องการสัมภาษณ์งานซ่ะส่วนใหญ่
555
เดี๋ยว Ep หน้าจะมาอัพเดตต่อนะคะ ว่าผลว่าไง
เจอกันวันจันทร์หน้า3ทุ่มเวลาเดิมค่าา
🔴ตอนแรก�https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2723898721176990&id=1407865602780315&sfnsn=mo
🔴ตอนล่าสุด
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2746483245585204&id=1407865602780315&sfnsn=mo
ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 ทำงานที่ญี่ปุ่น - บริษัทจัดหางาน ซากุระ เค.พี. จำกัด - Facebook 的推薦與評價
แชร์ประสบการณ์งานบริบาลกับพี่แอน บริบาลไทยในญี่ปุ่น. 17 pessoas com interesse. 8 gostos. ... <看更多>
ประสบการณ์ทำงานในญี่ปุ่น 在 แชร์ประสบการณ์การทำงานบริบาลในญี่ปุ่น - Facebook 的推薦與評價
แชร์ ประสบการณ์ การ ทำงาน บริบาล ในญี่ปุ่น เท่ พิชัย นามโท Shinkawabashi Hospital Japan. ... Más vídeos de ทำงาน ที่ ญี่ปุ่น - บริษัทจัดหางาน ซากุระ เค.พี. จำกัด. ... <看更多>