ทุกอย่างมี 2 ด้านให้เราคิดเสมอ ..ลองอ่านดูนะ เค้าเขียนดี
การช่วยเหลือที่ถ้ำหลวงในครั้งนี้ จริงอยู่เราสูญเสียทรัพยากรมากมาย เพื่อกอบกู้ 13 ชีวิต
แต่ทำไมนะ ผมคิดว่าทุกอย่างที่เราเสียไป มันไม่ใช่เสียเปล่า แต่เราได้อะไรกลับคืนมา มากมายเหลือเกินจากเหตุการณ์นี้
1) ท่ามกลางปัญหา เราได้เห็นว่า ประเทศไทยมีคนที่ความสามารถในการจัดการได้ดี และมีความเป็นผู้นำสูงมาก อย่างท่านผู้ว่าฯเชียงราย เมื่อเกิดเหตุ ท่านวางแผน และจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นว่า คนที่จะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
2) เราได้เห็น ความเด็ดขาดของผู้ว่า โดยเฉพาะที่บอกว่า คนที่อยากมาช่วย ใครอยากมาก็มาได้ แต่ต้องมาถกหลักการกันก่อน ว่าสิ่งที่นำเสนอมันทำได้หรือไม่ หรือว่าเป็นไอเดียที่จะถ่วงทีมให้ช้าลง ไม่ใช่ว่าคนที่อยากช่วยจะมีประโยชน์ทั้งหมด ซึ่งผู้มีอำนาจเด็ดขาด ต้องเลือกใช้คนให้ถูก ไม่ใช่รับความช่วยเหลือไปเสียทุกอย่าง
3) แน่นอน ใครๆก็รู้ว่าการค้นหาเด็กให้พบคือสิ่งสำคัญ แต่ ผู้ว่าฉลาดมาก ที่ให้ความสำคัญก่อนกับ "คนที่เข้าไปช่วย" อะไรที่เสี่ยงภัย เช่น ดำน้ำในสภาวะเสี่ยงเกินไป หรือ การเสี่ยงว่ายน้ำโดยมีโอกาสเสี่ยงไฟดูดไฟช็อต ผู้ว่าจะไม่ยอมให้หน่วยซีลลงน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว การช่วยหนึ่งคน ไม่ได้แปลว่าต้องเอาชีวิตของอีกคนเข้าไปแลก
4) เราได้เห็นว่า กลยุทธ์อะไรก็ตาม ต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ ในตอนแรกแผนดั้งเดิม คือให้หน่วยซีล เข้าถ้ำไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาทั้ง 13 คนที่ติดถ้ำ แต่สุดท้าย เราก็มีแผนสอง คือตรวจเช็กปล่องด้านบนภูเขา ว่าจะสามารถหย่อนตัว ทะลุถึงถ้ำได้เลยหรือไม่ และแผนสามคือไอเดียการเจาะภูเขา การไปถึงจุดหมาย ไม่จำเป็นต้องมีแผนเดียว แต่การเปิดรับทุกหนทางที่เป็นไปได้ ก็ยิ่งมีโอกาสไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้น
5) เราได้รู้จักหน่วยซีล ว่าคืออะไร บางคนไม่รู้เลยว่าที่ไทยก็มีด้วย ได้รู้ว่า SEAL ย่อจาก (SEa - Air - Land) คือหน่วยรบที่ปฏิบัติงานได้ทั้งในทะเล บนอากาศ และภาคพื้นดิน เป็นหน่วยทหารที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง ผ่านการฝึกหฤโหด และในยามคับขัน ความยอดเยี่ยมของหน่วยซีล ก็สามารถเป็นประโยชน์กับภารกิจได้
6) เราได้รู้จักภูมิศาสตร์ของประเทศไทยมากขึ้น หลายคนรู้จักถ้ำหลวงเป็นครั้งแรก ได้รู้ว่าขุนน้ำนางนอนอยู่ตรงไหน ได้รู้ว่าเชียงรายก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแบบนี้ด้วย ได้รู้จักคำว่า "ถ้ำ" ในความหมายใหม่ บางถ้ำมันยาวเป็นกิโล และคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต
7) เราได้ความรู้เรื่องการเอาชีวิตรอดมากขึ้น ได้รู้จัก "กฎ 333" ว่าในภาวะใดบ้างที่คุณจะมีชีวิตรอดได้ คือ ขาดอากาศหายใจได้ 3 นาที , ขาดน้ำดื่มได้ 3 วัน , ขาดอาหารได้ 3 สัปดาห์ ถ้ามากกว่านี้ก็จะตาย (แต่แน่นอนนี่เป็นแค่กฎคร่าวๆไม่ได้ใช้ได้กับทุกคน) ได้ความรู้ว่า แม้จะไม่มีอาหาร แต่ร่างกายมนุษย์ สามารถดึงพลังงานสำรองที่สะสมในรูปไขมันมาใช้ได้
8) เราได้เห็นความเสียสละของคนในพื้นที่ ยอมให้สูบน้ำเข้าเทือกสวนไร่นา ทั้งๆที่พวกเขาเริ่มทำกสิกรรมกันแล้ว ไม่มีใครอยากทำให้ตัวเองวุ่นวาย และเสียผลประโยชน์ แต่สุดท้าย เมื่อมันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ทุกคนเข้าใจดี ซึ่งนี่คือการเสียสละอย่างแท้จริง
9) เราได้เห็นความสามารถของสื่อมวลชน ในเงื่อนไขที่จำกัด ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง คุณสามารถนำเสนอให้ สื่อของตัวเองมีความน่าสนใจได้ หรือไม่ คุณมีมุมมองที่เฉียบขาดมากกว่าที่อื่นหรือเปล่า และที่สำคัญ คุณจะเคารพกติกาที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ หรือจะกล้าแหกกฎเพื่อได้ข่าวที่เหนือกว่าช่องอื่น
10) เราได้เห็น ทักษะการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีประสิทธิภาพ อย่างทวิตเตอร์ของ Mthai การนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็วฉับไว ไม่ต้องสร้างดราม่า ก็สร้างความนิยมได้เช่นเดียวกัน
11) เราได้รู้ว่า สิ่งที่เราหวัง สิ่งที่เราคิด กับสิ่งที่เกิดขึ้นหน้างาน มันไม่เหมือนกันเลย หลายๆอย่างเราคิดได้ แต่ในสถานการณ์จริงมันทำไม่ได้ มีคนบอกว่า ทำไมเราไม่ห้อยอาหารลอยน้ำไปให้ถึงมือเด็ก มีคนอธิบายว่า เพราะในถ้ำน้ำมันไม่ได้ไหลตรงๆเหมือนแม่น้ำ เอาของลอยน้ำ ก็ไปติดโขดหิน เด็กไม่ได้รับแน่นอน หรือ มีบางคนถามว่าทำไมไม่ระเบิดถ้ำ ก็มีคนอธิบายว่า ระเบิดแล้วถ้าหินถล่มลงมาจนปิดทางเข้าออกทั้งหมดล่ะ แบบนี้เด็กตายเลยไหม เราได้เข้าใจว่า สิ่งที่จินตนาการ มันอาจทำไม่ได้ในชีวิตจริง
12) เราได้รู้ว่า ในสังคมนี้ มีคนอยากเอาหน้ามากมาย บางคน รู้ว่าตัวเองไม่มีทักษะอะไรที่จะช่วยได้ (คือจะบอกว่า มาเป็นกำลังใจ อยู่ตรงไหนก็ส่งใจไปได้จริงไหม) แต่ก็อยากเอาตัวไปให้สื่อได้เห็นว่ามาลงพื้นที่แล้ว ในทางตรงกันข้าม มีคนจำนวนมากยอมทำงานหนักเป็นมดงาน เพื่อให้ภารกิจได้เดินหน้าต่อ แต่คนเหล่านี้ ไม่ได้ต้องการป่าวประกาศใดๆ เขาต้องการผลสำเร็จ ไม่ใช่ชื่อเสียงของตัวเอง
13) เราได้เห็นว่าในประเทศไทย ความเชื่อ กับ วิทยาศาสตร์มันสามารถไปด้วยกันได้อย่างประหลาด ในขณะที่ทีมงานกำลังจะเจาะถ้ำ ก็ยังต้องขออนุญาตจากเจ้าป่าเจ้าเขา หรือขณะที่ เราใช้เทคโนโลยีโดรนที่ล้ำยุคในการช่วยค้นหา แต่อีกด้านเราก็เห็นภาพชาวบ้านกราบไหว้ ครูบาบุญชุ่ม ที่เข้าไปทำพิธีเปิดตา มันเป็นส่วนผสมที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นกับประเทศไทยจริงๆ
14) เราได้เห็นว่า ในยามที่ทุกคนกำลังสับสน ย่อมมีคนหาโอกาสฉวยผลประโยชน์เสมอ คนที่อ้างให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง อ้างขอเงินไปช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำ แบบนี้มีเยอะ คนเสพข่าวสารต้องระวังให้ดี อย่าใจดี จนขาดสติ ต้องเช็กให้รอบคอบ เพราะคนชั่วโลกนี้มันมีเยอะ คนแบบนี้ต้องไม่ตายดีแน่
15) เราได้เห็นว่า ทุกความสามารถมีประโยชน์ ช่างไฟฟ้า นักขุดเจาะน้ำบาดาล ช่างต่อท่อ แพทย์ นักปีนเขา ทหาร นักข่าว พ่อครัว ช่างภาพ ล่าม นักวิทยาศาสตร์ ทีมกู้ภัย นักดำน้ำ นักดนตรี นักธรณีวิทยา ฯลฯ ในยามจำเป็น ทุกคนสามารถใช้ทักษะของตัวเอง เพื่อเป้าหมายสูงสุดร่วมกัน มันแสดงให้เห็นว่า ไม่มีอาชีพไหน เหนือกว่าอาชีพไหน ทุกคนสามารถสร้างสรรค์สังคมได้ในทางของตัวเอง
16) เราได้เห็นคนจินตนาการเยอะเหลือเกิน บางคนบอกว่าเด็กไปพัวพันกับคดียาเสพติด บางคนคิดไปขนาดว่า จริงๆเจอตัวเด็กตั้งนานแล้ว แต่ปล่อยออกมาไม่ได้ เพราะกำลังเคลียร์เรื่องยาเสพติดอยู่ มีทฤษฎีสมคบคิดมากมาย แต่สุดท้ายก็เหมือนอย่างที่ผู้ว่าบอกนั่นแหละ "ขอให้งดใช้จินตนาการ" และอย่างที่ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 บอก "ถ้ำหลวงไม่ใช่พื้นที่สีแดง" คือ การคิดเรื่อยเปื่อย มีโทษมากกว่าประโยชน์นะ
17) เราได้เห็นว่า ในช่วง 3-4 วันแรกของเหตุการณ์ทุกคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ทุกอย่างชุลมุนไปหมด แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เริ่มมีระบบระเบียบมากขึ้น รถราที่ใครจะขึ้นไปบนเขาก็ได้ โดนกันไว้ด้านล่าง เจ้าหน้าที่จัดรถโดยสาร รับส่งคนขึ้นลง ทำให้การจราจรไม่ติดขัด ขณะที่ ทีมงานก็มีการซักซ้อมอย่างดี ถ้าหากพบเด็กแล้วจะทำอย่างไร ทุกอย่างมีแบบแผนเป็นระบบ ไม่มั่วซั่ว อย่าดูถูกความสามารถของเจ้าหน้าที่เลย เขาก็พยายามทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุดต่อการจัดการล่ะ
18) เราได้เห็น น้ำใจของชาวต่างชาติ บางคนมาช่วยผ่านทางรัฐบาลส่งมา บางคนเดินทางมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน การที่ท่านแสดงถึงน้ำใจที่มี เราขอคารวะทุกท่าน มา ณ ที่นี้ มันทำให้เห็นอีกด้วยว่า ในยามวิกฤติ ไม่มีกำแพงของเชื้อชาติ
19) เราได้รู้ว่าข่าวสารสมัยนี้ไปเร็วมาก เรื่องเกิดแค่ 1 วัน ทั้งโลกรู้แล้วว่ามีเหตุคนติดถ้ำที่ไทย ซึ่งทำให้คนทั้งโลกจับตาดูอยู่ ทุกๆการกระทำ ทุกๆการตัดสินใจ จะเป็นบทพิสูจน์ให้โลกเห็นเลยว่า ประเทศไทย มีฝีมือแค่ไหน ในการรับมือกับปัญหา
20) หลายคนไปด่าเด็ก ว่าเด็กพวกนี้ไม่ควรได้รับการสรรเสริญอะไรทั้งนั้น เป็นเด็กซน แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน คือทำไมใจร้อนรีบด่าจัง ยังไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรเลยไม่ใช่หรอ ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเอาตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์นั้น น้ำขึ้นอย่างไร ต้องเอาตัวรอดแบบไหน ไม่มีใครรู้เหตุการณ์จริงๆเลย ได้แต่คาดเดาไปเรื่อย แล้วการที่ไปต่อว่าเด็กๆแบบนั้น มันยุติธรรมหรือ
21) และสมมติว่า เด็กๆผิดจริง ผมอยากให้คิดแบบนี้ครับ ว่าใน 13 คน (แม้จะมีโค้ชอยู่ก็เถอะ) แต่เด็กๆโดยรวม ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 13-16 ปี พวกเขาก็ยังเด็ก ยังไม่มีประสบการณ์ชีวิต ยังทำอะไรไม่ทันคิด ตอนเราเป็นเด็ก เราไม่เคยทำผิดพลาดกันหรอ? เราก็เคยกันทั้งนั้น ผมเชื่อว่าเด็กพวกนี้ เขาเองไม่อยากให้คนอื่นลำบากหรอก เขาแค่ประเมินสถานการณ์ผิดไป ไม่รู้ว่าน้ำมันจะท่วมถ้ำได้ขนาดนั้น ชนิดที่ร้อยวันพันปี ไม่เคยท่วมแบบนี้ ไปมาหลายครั้งก็ไม่เคยเจอท่วม มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้น มันเป็นแจ๊กพ็อตพอดี คือไม่ต้องชมน่ะใช่ ตักเตือนได้ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปด่าเขาเหมือนกัน
22) สิ่งที่แต่ละองค์กรพยายามมอบให้เด็ก อย่างสโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ อยากให้ทีมหมูป่า มาดูบอลที่สโมสร และได้โอกาสฝึกกับทีมเยาวชน หรือ สโมสรเชียงราย เตรียมให้ตั๋วดูบอลฟรีตลอดชีวิต มันไม่ใช่การมอบรางวัลให้คนทำผิด แต่มันเป็นการส่งกำลังใจให้ครอบครัวของเด็กต่างหาก ให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนมีแรงใจสู้ต่อว่า เจ้าจงรอดกลับมาเถอะนะ มีสิ่งดีๆรออยู่มากมาย อย่าเพิ่งมาจบชีวิตตอนนี้เลย
23) ใครอยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตาย คุณเอาตั๋วดูบอล มาแลกกับชีวิตทั้งชีวิต เป็นคุณ คุณเอาหรอ มีคนบอกว่า จากนี้ถ้าเด็กคนไหนอยากได้อะไร ก็คงวิ่งไปติดถ้ำ เพื่อให้คนช่วยออกมา แล้วจะได้มีผู้ใหญ่มาให้ของรางวัลมากมาย คือ ก็อยากเห็นเหมือนกัน ว่าใครจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับของตอบแทนแบบนี้
24) อีกอย่าง ถ้าเด็ก "รอดชีวิต" จริงๆ การที่พวกเขาติดอยู่ในสถานการณ์ลำบากขนาดนี้ แล้วยังประคับประคองสติ จนรอดชีวิตได้ไม่คลุ้มคลั่งไปก่อน มันก็เป็นเรื่องน่าทึ่งนะ น่านั่งพูดคุยกับเขา ว่าในสถานการณ์บีบคั้น เขาคิดอะไร ถึงรอดตายมาได้ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆคนได้เลย
25) รวมถึงเรื่องสภาพร่างกายด้วย ว่าในสภาพที่มีอาหารน้อย น้ำน้อย ทุกอย่างจำกัดหมด พวกเขามีอาการอย่างไรบ้าง และทำอย่างไรถึงรอดชีวิตมาได้ เป็นประสบการณ์ใหม่ ที่อนาคตถ้ามีคนโชคร้ายเจอเรื่องแบบนี้อีก จะได้พอมีแนวทางว่าต้องทำอย่างไร
26) ในครั้งนี้ ประเทศไทยแลกอะไรไปหลายอย่าง เงินทอง กำลังกาย ทรัพยากร แม้แต่ธรรมชาติ ป่าเขาอยู่ของมันดีๆ ก็จำเป็นต้องถูกตัดไม้ ระเบิดหิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือทุกคนให้รอดปลอดภัย เราเสียอะไรไปเยอะมากจริงๆ
27) แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็มากมายเช่นกัน กับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นครั้งแรก ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ ได้อุทาหรณ์ ได้เห็นมุมมองจากคนทุกสาขาอาชีพ และได้เห็นคนทั้งประเทศรวมใจกันเป็นหนึ่ง
28) และเด็กๆ ถ้ารอดมาได้ พวกเขาจะได้รับรู้แน่นอนว่า คนทั้งชาติต้องแลกกับอะไรมาบ้าง เพื่อให้เขามีชีวิตต่อไป เขาจะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทอีกเลยต่อจากนี้ และทั้ง 13 คน ก็จะกลายเป็นอนาคตของประเทศชาติเราต่อไปในทางใดทางหนึ่ง
29) ที่สำคัญที่สุดอีกข้อคือ เรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจให้วัยรุ่น และเยาวชนของชาติคนอื่นๆ ให้คิดอ่านอะไรให้รอบคอบมากขึ้น และต้องตระหนักเลยว่า ต้องมีสติให้มาก เพราะเวลาเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่แค่ตัวเองที่ลำบาก พ่อแม่ก็เป็นห่วง แถมคนอีกมากมาย ต้องมาลำบากเพื่อตัวเอง
30) แน่นอน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แทนที่จะหัวเสีย ไปโมโหว่า "มันไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรก" หรือ "ทำไมเด็กไม่อ่านป้ายคำเตือน" ก็ยอมรับความจริงตรงๆไหมว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และ ย้อนคิดดีกว่า ว่าเราจะเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้างจากเหตุการณ์นี้
จริงไหม?
ขอให้ผู้ช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ และผู้ประสบภัยทุกคนปลอดภัย
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #HOPE
The help at tham luang is true. We lost a lot of resources to save 13 lives.
But why? I think everything we lost is not a waste, but we get so much back from this incident.
1) in the midst of problems, we have seen that Thailand has a very high leadership ability to manage and leadership like governor of Chiang Rai. When he quickly planned and manage the problem quickly, it shows that the person who will arrive at this position did not come because Lucky help
2) we have seen the truth of the governor, especially saying that those who want to help. Whoever wants to come, but we have to discuss the principle whether the presentation can do or is the idea to slow down the team, not that the one. If you want to help, it will be useful. All the authority must choose to use the right person, not receive all help.
3) of course, everyone knows that finding children is important, but the governor is very smart to focus on "people who help" something that is dangerous, such as diving in too risky or swimming with a chance to risk of sucking fire. Lot Gov won't let navy seal get into the water, which is right. Helping one doesn't mean taking another person's life in exchange.
4) we have seen that whatever strategy must always have a backup plan. The Original plan is to let navy seals keep going to go to the cave to the cave. But in the end, we have a second plan is to check the crater on top. Whether it can be able to go through the cave. And plan three is the idea of drilling mountains. Reaching the destination doesn't have to have one plan, but opening every possible way, the faster the chance to reach the goal.
5) we have known navy seal what it is. Some people don't know that Thailand also know that seal squat from (Sea-Air-land) is a force that works both in the sea, on air and ground as a military unit. Strong body condition through brutal training and in trouble, the superb of navy seal can benefit the mission.
6) we have known the geography of Thailand more. Many people know tham luang for the first time. We know where the nobleman is sleeping. Know that Chiang Rai also has interesting attractions like this. Know the word "Cave" in some new meaning. The Cave is a kilo long and crooked like a labyrinth.
7) we know more about survival. Know "Rule 333" what condition you can survive is lack of air for 3 minutes, lack of drinking water for 3 days, lack of food. 3 weeks. If more, I will die (but of course, this is just a sketchy rule. It doesn't work for everyone). I have knowledge that even without food, the human body can pull back up energy accumulated in fat.
8) We have seen the sacrifice of local people who allow to smoke water into the field. Even when they start doing karma, no one wants to mess themselves and lose benefit. But in the end, when it's death, everyone understands. Is truly a sacrifice.
9) we have seen the ability of the press in limited terms. Nothing is ready. Can you present to your media interesting? Do you have more sharp views than other places and most importantly, will you respect the rules that the authorities set? I will dare to break the rules to hear above other channels.
10) we have seen effective social networks skills like mthai twitter. Presenting facts, fast, fast, no need to create drama, it can create popularity as well.
11) we know that what we hope, what we think about what happens in front of the event is different. Many things we can think of. But in real situations, we can't do it. Someone says why we don't hang food to float water. A child's hand, someone explained that because in the cave, the oil doesn't flow straight like a river, put the floating stuff, then the water is stuck in the rock. The kid didn't get it for sure. Someone asked why they didn't explode the cave, someone explained that it exploded if All like this. Do kids die? We understand that what I imagine may not be done in real life.
12) we know that there are many people who want to face in this society. Some people know that they don't have any skills to help. (well, I want to say that I'm rooting for you can send my heart. is it true) but I want to give myself to I see that I have come to the area. On the contrary, there are many people who are willing to work hard as an ant to keep the mission to move on. But these people don't want any announcement. They want success,
13) we have seen that in Thailand, faith and science can go together freak together. While the team is about to penetrate the cave, we still need to ask permission from the forest or while we use great drone technology to help find our other side. I saw a picture of villagers paying respect to teacher ba bunchum who went to do an eye opening ceremony. It was an unbelievable combination, but it really happened
14) we have seen that when everyone is confused, there are always a chance to take advantage of those who claim to transfer money to their account claim to help 13 lives in the cave like this. There are many people who use news. Be careful. Don't be kind. I have to check it carefully because there are many people in this world. There are many people like this will not die.
15) we have seen that every ability is useful, electrician, groundwater driller, pipeline, doctor, hiker, soldier, journalist, photographer, photographer, rescue team, rescue team, musician, musician, geologists, etc. Everyone can use their own skills. For a common goal, it shows that no career surpasses any career. Everyone can create society in their own way.
16) we have seen a lot of imaginary people. Some people say that kids are involved in drug cases. Some people think that they have found the kid for a long time, but they can't let it out because they are clearing drugs. There are many conspiracy theories, but What the governor said, " Let's stop using imagination " and as the deputy commander of Phu Thon Police, part 5 says, " Tham Luang is not red area " is to think random. There is more punishable than
17) we saw that during the first 3-4 days of the incident, everyone still couldn't catch the beginning. Everything was commotion. But after that everything started to have more organized system. The car that anyone could go up on the hill got hit below the staff. Bus shuttle people up and down makes traffic from getting stuck while the team has a good practice. If they meet the kid, what to do? Everything has a pattern. Don't underestimate the ability of the officer. He tries to do everything as easy to manage.
18) we have seen the kindness of some foreigners to help through the government. Some people come by themselves. No matter what you show the kindness that we salute everyone here, it makes you see that in crisis, there is no wall of race.
19) we have known that news nowadays is going fast. It's happened for only 1 days. The whole world knows that there is a reason for people in the cave in Thailand which makes the whole world to watch every action, every decision will prove to the world. How skillful is Thailand to deal with problems
20) many people say that these kids should not be praised. They are naughty kids and hurt others. Why are they are you so impatient? Don't know what dobt. Don't they don't know why they have to put himself down. In that situation, how to survive. No one knows the real incident. But keep guessing. is it fair to blame kids like that?
21) and assuming that kids are wrong, I want you to think that in 13 people (even with coaches) but most kids are between 13-16 years old. They are young and have no life experience yet. I couldn't do anything when we were kids. Didn't we ever make mistakes? We used to each other. I believe these kids don't want other people to be difficult. They just underestimate the wrong situation. I didn't know that the oil could flood that much. The kind of a hundred days and a thousand years. I have never been flooded like this many times The mistake that no one knew would happen is jackpot. It's not to watch. Yes, I can warn, but there is no need to scold him either.
22) what each organization is trying to give to kids like scg muangthong club. Want the wild boar team to watch football at the club and get a chance to train with youth team or Chiang Rai Club. Prepare for free football tickets for the rest of their life. It's not to reward the wrong person, but it is sending encouragement to the family of children. Let all parents have energy. Keep fighting. Come back. There are many good things waiting. Don't end your life now.
23) who wants to risk your life? You take tickets to watch football for your whole life. Do you want it? Someone said that if any kid wants anything, they will run into the cave so that people can help out so that there will be adults. Come to give many rewards. I want to see who will risk their lives with this kind of return.
24) by the way, if kids really "survive" they are stuck in this difficult situation and still hold their mind until they survive. It's amazing. It's amazing to sit and talk to him that in the situation. Squeezed him. What did he think to survive? It should be an inspiration to many others.
25) including physical condition, in a condition with less food, everything is limited. How do they have symptoms and how to survive. It's a new experience in the future. If someone is unlucky, there will be a way to have a way to be a way. How to do it?
26) in this time, Thailand exchanged many things, money, body, resources, resources, even nature, the forest is good things need to be cut, stone exploded to increase the chances of helping everyone safe. We have lost a lot.
27) but there are many things we have learned from this. with the first disaster, experience, knowledge, see the perspective from every career field and see the whole country together as one.
28) and children, if they survive, they will surely know what the whole nation has to exchange for him to live. He will live careless. from now on, and all 13 of them will become the future of our nation. Next in some way
29) the most important thing is that this will be a reminder for teenagers and youth of other nations to think. Read more carefully and you need to realize that you need to be very conscious because when things happen, not just yourself that are difficult, parents are worried. Plus many people have to be tough for themselves.
30) of course no one wants this incident. But when it happens, instead of being angry that " it shouldn't happen in the beginning " or " why don't kids read the warning signs " accept the truth that it happened and Better think about what we can reap from this event
Is it true?
May all helpers, staff and victims be safe.
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #HOPETranslated
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅สาวขวัญกับลุงสก๊อต Kwan.Scott,也在其Youtube影片中提到,ฝรั่งพูดภาษาอีสาน ภาษากลาง ภาษาใต้ Thai words 4 dialects in Thailand by Scott กับ สาวอุดรพลัดถิ่น Kwan.Scott...
「ประเทศไทย 4 ภาค」的推薦目錄:
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 Atichart Chumnanont Facebook 的最讚貼文
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 sittikorn saksang Facebook 的最讚貼文
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的最佳解答
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 สาวขวัญกับลุงสก๊อต Kwan.Scott Youtube 的最佳貼文
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 555INFINITY Youtube 的最佳貼文
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 [สังคม] ภูมิศาสตร์ประเทศไทย ลักษณะภาคเหนือ อีสาน ตะวันตก กลาง ... 的評價
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 หลักเกณฑ์การแบ่งภาคของประเทศไทย - YouTube 的評價
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 ประเทศไทยออกเป็น 6 ภาค โดยใช้เกณฑ์ด้านภูมิศาสตร์ | แผนที่โลก ... 的評價
- 關於ประเทศไทย 4 ภาค 在 แผนที่แผ่นพับ 4 ภาค 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) อัปเดตปี 2022 的評價
ประเทศไทย 4 ภาค 在 sittikorn saksang Facebook 的最讚貼文
การเกิดของกฎหมาย
เมื่อพิจารณาศึกษาถึงการเกิดของกฎหมายการเกิดของกฎหมายนี้ผู้เขียนจะอธิบายถึงการอุบัติหรือการเกิดขึ้นของกฎหมายกับแหล่งที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมาย ดังนี้
1 การอุบัติหรือการเกิดขึ้นของกฎหมาย
เมื่อพิจารณาศึกษาถึงการเกิดของกฎหมาย จะเห็นได้ว่าการที่มนุษย์จะสามารถพัฒนามาจนถึงระบบกฎหมายดังที่ปรากฏ และมีอิทธิพลอยู่ในปัจจุบันทั้งใน ระบบกฎหมายซิวิลลอว์ (Civil Law) ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ (Common Law) นั้นได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางความคิดทางรูปแบบและโครงสร้างของกฎหมายหลายยุคหลายสมัย ซึ่งพอสรุปอย่างคร่าวๆ ว่ากฎหมายได้ปรากฏตัวขึ้นโดยมีวิวัฒนาการกฎหมายของมนุษย์ เป็น 3 ยุค คือ ยุคกฎหมายชาวบ้าน ยุคกฎหมายของนักกฎหมายและยุคกฎหมายเทคนิค ดังนี้
1.1 ยุคกฎหมายชาวบ้าน
กฎหมายในยุคนี้กฎหมายนั้นค่อยๆก่อตัวขึ้นตามวิถีของคนในสังคม ซึ่งแต่ละคนย่อมมีชีวิต เสรีภาพและการแสวงหาความสุข ซึ่งเกิดขึ้นนับตั้งแต่มนุษย์กำเนิดขึ้นในธรรมชาติ มนุษย์ไม่อาจอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยวในธรรมชาติ จึงต้องรวมตัวกันเพื่อแบ่งหน้าที่และช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งทางตรงและทางอ้อมในปัจจัย 4 ที่จำเป็นแห่งการดำรงชีวิต อันได้แก่ อาหารเพื่อดำรงชีวิต เครื่องนุ่งห่มเพื่อปกป้องร่างกาย ที่อยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัยและยารักษาโรคเพื่อรักษาสุขภาพ จากความต้องการปัจจัย 4 นี้เองมนุษย์จึงต้องรวมตัวกัน เพื่อต้องการความมั่นคงปลอดภัยในชีวิติและต้องการอยู่ดีกินดีมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เมื่อมนุษย์อยู่รวมกันในสังคมมากขึ้น ความเห็นแก่ตัวของคนแต่ละคนเกิดจากตัณหาภายในและความเสื่อมถอยแห่งคุณธรรมของคน ก็จะทำให้มนุษย์บางกคนกระทำความผิด เช่น การละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน การหยิบฉวยสิ่งของอันเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นโดยไม่มีสิทธิโดยชอบธรรมหรือเจ้าของไม่ยินยอม การพรากลูกผิดเมียเขา การทำร้ายร่างกายและชีวิตของผู้อื่น ฯลฯ ความผิดเหล่านี้เมื่อมีมากขึ้นย่อมจะทำให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์โดยส่วนรวมในสังคมวุ่นวายไม่สงบ มนุษย์ส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องอาศัยข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์ข้อบังคับอันเป็นเงื่อนไขข้อตกลงที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนในสังคมยึดถือปฏิบัติร่วมกัน กฎเกณฑ์ ข้อบังคับที่ว่านี้ค่อยพัฒนาจนเรียกว่า “กฎหมาย” (Law) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติที่ปรากฏออกมาในรูปของขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี ซึ่งมีองค์ประกอบ 2 ประการ คือ
1.ต้องประพฤติปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและเป็นเวลานาน
2.ต้องเป็นที่ยอมรับกันในชุมชนว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าไม่ปฏิบัติตามเช่นนั้นก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ผิด
1.2 ยุคกฎหมายนักกฎหมาย
ยุคกฎหมายนักกฎหมาย เป็นยุคที่กฎหมายเจริญขึ้นต่อจากยุคแรก ซึ่งยังไม่สามารถแยกกฎหมายออกจากศีลธรรม ต่อมาถึงยุคกฎหมายของนักกฎหมายมองเห็นว่ากฎหมายเป็นกฎเกณฑ์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากศีลธรรมและจารีตประเพณี มีกระบวนการพิจารณาและบังคับคดีชุมชน คือ เริ่มจากการปกครองที่เป็นรูปธรรมทำให้ชุมชนกลายเป็นชุมชนที่เจริญมีกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ทำให้มีกฎเกณฑ์เกิดขึ้นใหม่เป็นการเสริมกฎเกณฑ์เก่าที่มีอยู่ในรูปแบบขนบธรรมเนียมประเพณีเพื่อเติมแต่งให้มีรายละเอียด เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในคดีที่สลับซับซ้อน เมื่อตัดสินคดีไปหลายคดี ข้อที่เคยปฏิบัติในการพิจารณาคดีก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นกฎเกณฑ์ที่เราเรียกว่า “กฎหมายของนักกฎหมาย”
1.3 ยุคกฎหมายเทคนิค
ยุคกฎหมายเทคนิค เมื่อสังคมเจริญขึ้นการติดต่อระหว่างคนในสังคมมีมากขึ้นและใกล้ชิดยิ่งขึ้นซับซ้อนยิ่งขึ้น เครื่องมือ เครื่องใช้ ในการดำรงชีวิตก็มีมากขึ้น ความขัดแย้งในสังคมก็มีมากขึ้น กฎเกณฑ์ที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีไม่เพียงพอ จึงจำต้องมีกฎเกณฑ์ที่บัญญัติขึ้นมาทันทีเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาศึกษาถึงกฎหมายเทคนิคเป็นกฎหมายที่เกิดขึ้นโดยกระบวนการนิติบัญญัติ ที่จะต้องมี 2 ประการคือ
1.เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นทันทีเพื่อวัตถุประสงค์บางประการ ซึ่งเป็นเหตุผลทางเทคนิค
2. เป็นกฎหมายที่เป็นกฎเกณฑ์เหล่านั้นเกี่ยวข้องกับศีลธรรมหรือไม่เกี่ยวข้องกับศีลธรรมหรือไม่ก็ได้
เมื่อพิจารณาศึกษาถึงตัวอย่างยุคกฎหมายเทคนิค เช่น แต่เดิมไม่รถยนต์ในการสัญจรของคนในสังคม มีแต่เทียมเกวียนใช้ในการสัญจรไม่มีความสลับซับซ้อน แต่ตอมาสังคมมีความเจริญก้าวหน้ามีรถยนต์ใช้ในการสัญจรจำเป็นต้องมีกฎหมายขึ้นมาแก้ไขปัญหาการสัญจรของคนในสังคม ก็การออกกฎหมายจราจรขึ้นมาเป็นต้น เป็นต้น
2. แหล่งที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมาย
เมื่อพิจารณาศึกษาถึงแหล่งที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมายจะพบว่ามีแหล่งที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมาย 2 แหล่งด้วยกัน คือ แหล่งที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรกับแหล่งที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนี้
2.1 แหล่งที่มาของกฎหมายมหาชนที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร
กฎหมายที่บัญญัติขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรหรือบรรดากฎเกณฑ์ต่างๆ ที่องค์กรของรัฐตราขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรและประกาศใช้บังคับแก่ราษฎรมีอยู่หลายรูปแบบ ในกรณีของไทยสามารถจำแนกที่มาของกฎหมายลายลักษณ์อักษร มีอยู่ 3 ลักษณะใหญ่ๆ คือ ที่มาของรัฐธรรมนูญ ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติ และที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายลำดับรอง
2.1.1 ที่มาของกฎหมายที่มีสถานะสูงสุดในการปกครองประเทศ
ที่มาของกฎหมายที่มีสถานะสูงสุดในการปกครองประเทศจะพบว่ามีอยู่ 2 กรณี คือ ในกรณีปกติกับที่มาของกฎหมายที่มีสถานะกฎหมายสูงสุดการปกครองประเทศในกรณีที่ไม่ปกติ ดังนี้
2.1.1.1. ที่มาของกฎหมายสถานะสูงสุดการปกครองประเทศในกรณีปกติ
โดยทั่วไปในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกถือว่า “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด” รัฐธรรมนูญ (Constitution) เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นโดยองค์กรที่มี “อำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญ” ซึ่งอำนาจการจัดทำรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจที่ควบคู่กับ “อำนาจจัดให้มีรัฐธรรมนูญ” เพราะถ้าไม่มีผู้จัดให้มีก็ย่อมไม่มีผู้จัดทำ ดังนั้นผู้มีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญสามารถแยกประเภทผู้มีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญโดยยึดหลักจำนวนและสถานะของผู้จัดทำ ซึ่งอาจจะมาจากการจัดทำบุคคลคนเดียว หรืออาจะมาจากการจัดทำโดยคณะบุคคล หรืออาจจะมาจาการจัดทำโดยสภานิติบัญญัติ หรืออาจจะมาจากการจัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ เช่น องค์กรที่มีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 คือ สภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยผ่านการลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2550 เป็นต้น
2.1.1.2 ที่มาของกฎหมายที่มีสถานะกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศกรณีที่ไม่ปกติ
ในกรณีที่มีการปฏิวัติหรือรัฐประหารขึ้นคณะปฏิบัติออกประกาศคณะปฏิวัติขึ้นมาปกครองปกครองเทศในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ (Sovereignty) เช่น ประกาศ คำสั่งต่างๆ ของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)ย่อมถือได้ว่าชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าการประกาศหรือคำสั่งนั้นจะกระทำก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2549 ฉบับชั่วคราว เท่ากับว่าประกาศคำสั่งต่างๆของ คปค.มีค่าเสมือนหนึ่งเป็นรัฐธรรมนูญ เพราะสามารถขัดกับรัฐธรรมนูญได้ โดยไม่มีศาลหรือองค์กรใดๆเข้าตรวจสอบได้ เป็นต้น
2.1.2 ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติ
ที่มาของระดับกฎหมายบัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษร โดยการพิจารณาองค์กรหรือสถาบันที่เป็นผู้ตรากฎหมายออกมาใช้บังคับและการพิจารณาจากกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติที่ประเทศไทยได้ยอมรับกับกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติยังมีการโต้แย้ง ดังนี้
2.1.2.1 ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติที่ประเทศไทยได้ให้การยอมรับ
ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติที่ประเทศไทยได้ให้การยอมรับ โดยพิจารณาจากองค์กรเป็นผู้ตรา คือ กฎหมายที่ตราขึ้นโดยองค์กรนิติบัญญัติ
1.กฎหมายที่ตราขึ้นโดยองค์กรนิติบัญญัติ ฝ่ายนิติบัญญัติหรือองค์กรนิติบัญญัติ (Legislative) ของไทยประกอบด้วยพระมหากษัตริย์และรัฐสภารวมกัน ซึ่งหมายความว่าพระมหากษัตริย์ และรัฐสภาจะต้องเห็นพ้องต้องกันให้ร่างกฎหมายออกมาใช้บังคับ ประเภทของกฎหมายที่ตราขึ้นโดยองค์กรนิติบัญญัติ คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมายและกฎมณเฑียรบาล
1) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (Organic Law) ได้แก่ บรรดากฎเกณฑ์ที่ออกมาขยายรายละเอียดของรัฐธรรมนูญในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ทางการเมืองการปกครอง ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงอาศัย อำนาจที่รัฐธรรมนูญถวายให้แก่พระองค์ตราขึ้นใช้บังคับตามคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายที่สำคัญรองจากรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายที่มีความสัมพันธ์กับรัฐธรรมนูญอย่างใกล้ชิด เป็นกฎหมายที่ออกมาขยายเนื้อหารายละเอียดของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นรัฐธรรมนูญสูญสิ้นไปกฎหมายเหล่านี้ก็สูญสิ้นไปด้วย
2) พระราชบัญญัติ (Act) ได้แก่ บรรดากฎเกณฑ์ทางกฎหมาย ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงอาศัยอำนาจที่รัฐธรรมนูญถวายให้แก่พระองค์ตราขึ้นใช้บังคับตามคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (ฝ่ายนิติบัญญัติ) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกตามเนื้อความตามรัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐธรรมนูญสูญสิ้นไปกฎหมายเหล่านี้ก็ยังคงบังคับใช้อยู่ต่อไป
3) ประมวลกฎหมาย (Code of Law) เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่ได้รวบรวมกฎหมายเรื่องเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกันมาบัญญัติไว้รวมกัน เป็นเรื่อง เป็นหมวด เป็นหมู่ อย่างเป็นระบบ เพื่อสะดวกในการศึกษา สำหรับประเทศไทยมีประมวลกฎหมายที่สำคัญที่ออกโดยองค์กรนิติบัญญัติ เช่น ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายที่ดิน ประมวลรัษฎากร เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามจะใช้ประมวลกฎหมายใช้บังคับได้นั้นจะต้องมีกฎหมายออกมากำหนดให้ใช้ประมวลกฎหมายนั้นด้วย
4) กฎมณเฑียรบาล (Royal Law) หมายถึง ข้อบังคับที่ว่าด้วยการปกครองภายในพระราชฐาน กฏมนเฑียรบาลนั้นมีมาแต่โบราณแล้ว เป็นกฎหมายส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีต้นกำเนิดมาจากตำราราชประเพณีของพราหมณ์ที่เรียกว่า คัมภีร์มนูธรรมศาสตร์ของอินเดีย ซึ่งได้แก่
(1) กฎมนเฑียรบาลว่าด้วยการเสกสมรส แห่งเจ้านายในพระราชวงศ์ พุทธศักราช 2467 และแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2475
(2) กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467 ซึ่งในส่วนการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันติวงศ์ พุทธศักราช 2467 เป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ เมื่อมีพระราชดำริเป็นประการใด ให้คณะองคมนตรีจัดทำร่างกฎมณเฑียรบาลแก้ไขเพิ่มกฎมณเฑียรบาลเดิมขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อมีพระราชวินิจฉัย เมื่อทรงเห็นชอบและทรงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประธานองคมนตรีดำเนินการแจ้งประธานรัฐสภาเพื่อให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้รัฐสภาทราบและให้ประธานรัฐสภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการและเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ใช้บังคับเป็นกฎหมายได้
2.กฎหมายลายลักษณ์อักษรที่ออกโดยฝ่ายบริหาร (Executive) ที่มาของกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร ตราขึ้นโดยฝ่ายบริหาร หรือเรียกว่า องค์กรบริหารบัญญัติที่สำคัญ คือ
1) พระราชกำหนด (Royal Act) ซึ่งพระราชกำหนด หมายถึง กฎหมายซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงอาศัย พระราชอำนาจที่รัฐธรรมนูญถวายแก่พระองค์ตราขึ้นเพื่อใช้บังคับตามคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรีและมีค่าบังคับเช่นพระราชบัญญัติ แต่อย่างไรก็ตามพระราชกำหนดประกาศใช้แล้วเมื่อถึงสมัยประชุมนิติบัญญัติจะต้องนำพระราชกำหนดที่ประเทศใช้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยองค์กรนิติบัญญัติ ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติผ่านพิจารณาอนุมัติ พระราชกำหนดนั้นจะกลายเป็นพระราชบัญญัติทันที แต่ถ้าพระราชกำหนดนั้นไม่ผ่านการพิจารณาอนุมัติพระราชกำหนดนั้นจะตกไป
2) กฎอัยการศึก (Martial Law) ซึ่งกฎอัยการศึกเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารออกกฎหมายในยามฉุกเฉิน ภาวะไม่ปกติจากเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ ภาวะไม่ปกติอันเนื่องจากเหตุการณ์ภายนอกประเทศกับภาวะไม่ปกติอันเนื่องจากเหตุการณ์ภายในประเทศ กฎหมายให้อำนาจฝ่ายบริหารออกกฎอัยการศึกได้ตามลักษณะและวิธีกรตามกฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึกษา
2.1.2.2 ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติที่ประเทศไทยยังมีการโต้แย้ง
ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติที่ประเทศไทยยังมีการโต้แย้ง คือ กฎหมายที่ประกาศโดยคณะปฏิวัติหรือคณะรัฐประหาร คือ ประกาศของคณะปฏิวัติ (Announcement of the Revolutionary Council) ที่มีค่าบังคับเท่าพระราชบัญญัติ ที่ตราออกมาโดยคณะปฏิวัติหรือคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจการปกครองหรือใช้อำนาจทางนิติบัญญัติออกประกาศคณะปฏิวัติหรือคำสั่งคณะปฏิรูปขึ้นมาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองถือว่าอยู่ในกลุ่มกฎหมายที่ตราโดยองค์กรบัญญัติด้วย แต่ก็ยังมีความขัดแย้งในทางวิชาการเป็นอย่างมากในสังคมปัจจุบันของประเทศไทยว่า “ประกาศคณะปฏิวัติเป็นแหล่งที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” ซึ่งยังมีความเห็นอยู่ 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เห็นว่าประกาศของคณะปฏิวัติที่เป็นแหล่งที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติ เพราะได้มีศาลพิพากษาศาลฎีกา คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ รับรองและมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
กลุ่มที่ 2 เห็นว่าประกาศของคณะปฏิวัติที่เป็นแหล่งที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติ เพราะไม่มาจากองค์กรที่มีอำนาจตรากฎหมายที่ได้รับความยินยอมจากประชาชนตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ
2.1.3 ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายลำดับรอง
ที่มาของระดับกฎหมายลำดับรอง (Subordinate legislation) โดยที่กฎหมายในระดับรัฐธรรมนูญ และระดับกฎหมายบัญญัติ ให้อำนาจในการออกกฎหมายลำดับรอง ซึ่งมีฐานะ เป็น “กฎ” เนื้อหาของกฎหมายระดับลำดับรองเป็นกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อปรับใช้กฎหมายที่ลำดับสูงกว่า เนื่องจากบัญญัติรายละเอียดเหล่านี้ กฎหมายแม่บทไม่สารถทำได้ล่วงหน้าสมบูรณ์เหมาะสมกับสถานการณ์ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กฎหมายแม่บทได้เพียงแต่กำหนดกรอบไว้เท่านั้น และที่สำคัญกฎหมายระดับกฎหมายลำดับรองไม่สามารถมีเนื้อหาสาระเกินไปกว่าที่ตัวบทบัญญัติในกฎหมายแม่บทที่ให้อำนาจไว้ได้
ในปัจจุบันของประเทศไทย โดยพิจารณาถึงองค์กรผู้มีอำนาจในการออกกฎหมายลำดับรอง ผู้เขียนสามารถสรุปออกได้ 2 กลุ่มใหญ่ๆ กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยฝ่ายบริหารและองค์ที่อยู่ภายใต้สังกัดฝ่ายบริหาร กับกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรที่มิได้อยู่ภายใต้สังกัดฝ่ายบริหาร ดังนี้
2.1.3.1 กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยฝ่ายบริหารและองค์ที่อยู่ภายใต้สังกัดฝ่ายบริหาร
กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยฝ่ายบริหารและองค์ที่อยู่ภายใต้สังกัดฝ่ายบริหาร จะแยกอธิบายการออกกฎหมายลำดับรองของแต่ละองค์กร ดังนี้
1.ที่มาของระดับกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรฝ่ายบริหาร ได้แก่
1) พระราชกฤษฎีกา (Royal Decree) คือ บรรดากฎเกณฑ์ทางกฎหมาย ซึ่งพระมหากษัตริย์ ทรงอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ หรือ ทรงอาศัยอำนาจตามตามกฎหมายระดับบัญญัติฉบับใดฉบับหนึ่งตราขึ้นใช้บังคับตามคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรี ซึ่งแสดงว่าการตราพระราชกฤษฎีกาที่เป็นอำนาจขององค์กรฝ่ายบริหารนั้น อาศัยอำนาจได้ 2 ทาง คือ อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ กับอาศัยอำนาจตามกฎหมายระดับบัญญัติฉบับใดฉบับหนึ่ง
ข้อสังเกต พระราชกฤษฎีกาที่ออกโดยอาศัยอำนาจรัฐธรรมนูญในความเห็นของผู้เขียน ถือว่า เป็นกฎหมายลำดับรอง ดังเช่นพระราชกฤษีกาที่ออกโดยพระราชบัญญัติ แต่จะมีความแตกต่างตรงที่ว่า พระราชกฤษฎีกาที่ออกโดยอาศัยอำนาจรัฐธรรมนูญจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ การกระทำทางการเมืองเพื่อให้ฝ่ายบริหารถ่วงดุลและคานอำนาจกับฝ่ายนิติบัญญัติที่มีความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับรัฐสภา เป็นดุลพินิจฝ่ายบริหารอย่างแท้จริงไม่อยู่ภายใต้ตรวจสอบของอำนาจตุลาการ ส่วนการกระทำทางปกครองจะอยู่ภายใต้การตรวจสอบของอำนาจตุลาการ คือ ศาลปกครองหรือศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี
แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาที่น่าขบคิดถึงสถานะของพระราชกฤษฎีกาที่ออกโดยอาศัยอำนาจ มาตรา 230 วรรค 5 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540 ซึ่งเป็นกฎหมายระดับลำดับรอง ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า พระราชกฤษฎีดังกล่าว เป็นกฎหมาย เป็นที่มาของกฎหมายในระดับกฎหมายบัญญัติ ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 27/2540 ในความเห็นผู้เขียนด้วยความเคารพศาลรัฐธรรมนูญผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว เพราะเป็นการสร้างความยุ่งยากในเรื่องของการจัดลำดับศักดิ์ของกฎหมาย
2) กฎกระทรวง (Ministerial Regulations) คือ บรรดากฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง อาศัยอำนาจจากพระราชบัญญัติฉบับใดฉบับหนึ่งตราออกมาใช้บังคับ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
3) ประกาศกระทรวง (Ministerial Announce) คือ บรรดากฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติฉบับใดฉบับหนึ่ง ตราออกมาใช้บังคับ
มีข้อพิจารณาเกี่ยวกับกฎกระทรวงและประกาศกระทรวงนั้นต่างก็เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติฉบับใดฉบับหนึ่งนั้นเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันตรงที่กฎกระทรวงจะประกาศใช้ได้นั้นจำเป็นต้องผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี แต่ประกาศกระทรวงไม่ต้องผ่านการอนุมัติของรัฐมนตรี สามารถประกาศใช้ได้เลย
4) มติคณะรัฐมนตรี (Cabinet) ที่มีสถานะเป็นกฎหมายลำดับรอง มติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดหลักเกณฑ์ให้ส่วนราชการและข้าราชการถือปฏิบัติเป็นการทั่วไป แม้ไม่มีผลโดยตรง แต่ส่วนราชการต่างๆสามารถนำมติคณะรัฐมนตรีไปใช้บังคับกับข้อเท็จจริงกรณีต่างๆให้เกิดผลทางกฎหมายได้เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมายอื่น มติคณะรัฐมนตรีที่มีสถานะเป็นกฎ เช่น มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2543 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษแก่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยด้วยการให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐพิจารณาการขอเลขหมายโทรศัพท์ใหม่ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามยังมีระเบียบที่เป็นกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ เช่น พระราชบัญญัติงบประมาณ พ.ศ.2502 ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีสามารถออกระเบียบว่าด้วยเงินทดรองราชการได้ เป็นต้น
2. กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรที่สังกัดฝ่ายบริหาร คือ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรปกครองท้องถิ่นและองค์กรวิชาชีพ ดังนี้
1) ที่มาของกฎหมายระดับรองที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ (Public Enterprise) กฎหมายที่จัดตั้งรัฐวิสาหกิจโดยพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกา ได้กำหนดให้รัฐวิสาหกิจสามารถออกกฎระเบียบข้อบังคับภายในองค์กรรัฐวิสาหกิจแต่ละรัฐวิสาหกิจกับประชาชนที่ไปใช้บริการสาธารณะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนได้ เช่น ระเบียบข้อบังคับของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น
2).ที่มาของกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์การมหาชน (Public Organization) ซึ่งองค์การมหาชน คือ องค์กรที่กฎหมายจัดตั้งขึ้นมาให้อำนาจองค์การมหาชน ออกระเบียบข้อบังคับกับประชาชนที่ไปใช้บริการสาธารณะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนได้ ซึ่งกฎระเบียบข้อบังคับขององค์การมหาชนถือเป็นกฎหมายลำดับรอง ดังนั้นในการพิจารณาคดีสามารถอ้างอิงได้ ลักษณะเป็นองค์การมหาชน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น
3.) ที่มากฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Local Government) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทยในปัจจุบันมีอยู่ 5 รูปแบบ ดังนี้ คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล กรุงเทศมหานคร และเมืองพัทยาซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีกฎหมายที่จัดตั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 5 รูปแบบ จะบัญญัติมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกกฎหมายขึ้นบังคับกับราษฎรในเขตท้องถิ่นของตนได้ ซึ่งมีชื่อแตกต่างกันออกไปตามชื่อองค์กรที่ตราขึ้น ดังนี้
(1) ข้อบัญญัติจังหวัด เป็นกฎที่ตราขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด
(2) ข้อบัญญัติตำบล เป็น กฎ ที่ตราขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนตำบล
(3) เทศบัญญัติ เป็น กฎ ที่ตราขึ้นโดยเทศบาล
(4) ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เป็น กฎ ที่ตราขึ้นโดยกรุงเทพมหานคร
(5) ข้อบัญญัติเมืองพัทยา เป็น กฎ ตราขึ้นโดยเมืองพัทยา
ข้อสังเกต กฎหมายที่ตราขึ้นโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างกับกฎหมายที่ตราขึ้นโดยองค์กรบริหาร คือ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง คือ กฎหมายที่ตราขึ้นโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้บังคับเฉพาะท้องถิ่นของตน ไม่ได้บังคับทั่วราชอาณาจักรเหมือนกันพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง หรือประกาศกระทรวง
(6). ที่มาของกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยหน่วยงานที่รับมอบหมายให้ใช้อำนาจปกครอง เช่น องค์กรวิชาชีพต่างๆ เช่น สภาทนายความ ที่มีอำนาจออกและเพิกถอนใบอนุญาตว่าความกับทนายความ เป็นต้น กับหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจการทางปกครอง ดังนี้ที่ได้รับมอบหมายให้ชอบอำนาจทางปกครอง เช่น สภาสถาบันอุดมศึกษาเอกชนออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการศึกษาในสถาบันแห่งนั้น เป็นต้น
2.1.3.2 กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรที่มิได้สังกัดฝ่ายบริหาร
กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรที่มิได้สังกัดฝ่ายบริหาร มีอยู่หลายองค์กรด้วยกัน คือ คณะปฏิวัติหรือคณะรัฐประหาร ศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรสังกัดรัฐสภา ดังนี้
1.ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยคณะปฏิวัติบางฉบับ ที่มีฐานะบังคับเป็น “กฎ” คือ มีฐานะเป็นกฎหมายระดับกฎหมายลำดับรอง เช่น ประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฉบับที่ 33 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 มีผลบังคับใช้เป็นระเบียบกระทรวง เนื่องจากเป็นบทบัญญัติที่แก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฏไทย พ.ศ.2536 เป็นต้น
2.ที่มาของกฎหมายระดับกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรศาล (Court) เช่น
1) กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยศาลยุติธรรม (Judicial Court) เช่น ระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2550 เป็นต้น
2)กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยศาลปกครอง (Administrative Court) คือ กฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติมอบอำนาจให้ศาลปกครองเป็นผู้ออกกฎหมายลำดับรอง ได้แก่ ที่ประชุมใหญ่ในศาลปกครองสูงสุดอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 และมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีศาลปกครอง พ.ศ.2542 ได้ออกระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 เป็นต้น
3. ที่มาของกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (Organization Under Constitution) เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11และมาตรา 13 และ มาตราแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 และมาตรา16 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2541 ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตและคณะกรรมการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง เป็นต้น
4. ที่มาของกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์กรสังกัดรัฐสภา เช่น กฎระเบียบที่ออกโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กฎระเบียบที่ออกโดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นต้น
2.2 แหล่งที่มาอันเป็นบ่อเกิดของกฎหมายมหาชนที่ไม่ได้บัญญัติขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร
แหล่งที่มาอันเป็นบ่อเกิดของกฎหมายที่ไม่ได้บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรของประเทศไทย พิจารณาแหล่งที่มาอันเป็นบ่อเกิดของกฎหมายได้ 2 ลักษณะ คือ กฎหมายที่ไม่ได้บัญญัติขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรที่ในประเทศไทยยอมรับกับกฎหมายที่ไม่ได้บัญญัติขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร ที่นักกฎหมายบางคนยอมรับบางคนไม่ยอมรับ คือ คำพิพากษาบรรทัดฐาน ดังนี้
2.2.1 กฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ประเทศไทยยอมรับ
แหล่งที่มาอันเป็นบ่อเกิดของกฎหมายมหาชนที่ไม่ได้บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรที่ประเทศไทยยอมรับ มี 2 รูปแบบ ดังนี้
2.2.1.1 กฎหมายประเพณี
แหล่งที่มาอันเป็นบ่อเกิดของกฎหมายที่ไม่ได้บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คือ กฎหมายประเพณี (Customary Law) ซึ่งแยกอธิบาย ดังนี้
1. ประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของกฎหมายประเพณี คือ เริ่มจากหลักศีลธรรมและเมื่อหลักศีลธรรมได้รับการประพฤติปฏิบัติติดต่อกันมานานๆ ก็กลายมาเป็นประเพณีที่สำคัญ ซึ่งสังคมใช้อำนาจส่วนกลางของสังคมเข้าบังคับก็เป็นกฎหมายประเพณี และกฎหมายประเพณีในอดีต ผู้บัญญัติกฎหมายได้นำมาเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรเป็นจำนวนมาก
2. ความหมายของกฎหมายประเพณี คือ บรรดากฎเกณฑ์ที่กำหนดแบบแผนความประพฤติของบุคคล ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่บุคคลในสังคมประพฤติติดต่อกันมาอย่างสม่ำเสมอซ้ำๆ ซากๆ เป็นเวลาช้านานและบุคคลในสังคมมีความรู้สึกโดยทั่วกันว่ากฎเกณฑ์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและจำต้องปฏิบัติตาม
3. องค์ประกอบของกฎหมายประเพณี
1) องค์ประกอบภายนอก (Old Practices) คือ แนวทางปฏิบัติเก่าแก่ดั้งเดิมที่ได้รับการประพฤติปฏิบัติติดต่อกันมาเป็นเวลานาน โดยคนในสังคม จึงเกิดความขลังกลายเป็นแนวปฏิบัติที่สังคมยอมรับและปฏิบัติตาม
2) องค์ประกอบภายใน (Opinio Juris) คือ แนวทางปฏิบัติที่บุคคลรู้สึกถูกต้องสอดคล้องกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่อยู่ในจิตใจของตน เพราะฉะนั้นจึงต้องปฏิบัติตาม หากไม่ปฏิบัติตาม แล้วจะมีความรู้สึกผิด ขึ้นมาในจิตใจแม้ไม่มีใครเห็นไม่มีพยานหลักฐาน
4. ประเภทของกฎหมายประเพณี มี 3 ประเภท คือ กฎหมายประเพณีทั่วไป กฎหมายประเพณีเฉพาะถิ่นและกฎหมายประเพณีเฉพาะอาชีพ ดังนี้
1) กฎหมายประเพณีทั่วไป คือ เป็นที่รับรู้ของคนทั่วราชอาณาจักร ซึ่งประพฤติปฏิบัติตามเหมือนกันหมด ซึ่งในประเทศไทยยังไม่ปรากฏแน่ชัดมากนัก แต่อาจมีลักษณะที่ใกล้เคียง เช่น ในกรณีนายกรัฐมนตรีรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ว่าต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากมีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่กำหนดว่าต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น
2) กฎหมายประเพณีเฉพาะถิ่น (Customary Law) คือ เป็นที่รับรู้เฉพาะถิ่น เฉพาะภาค เช่น รวมตัวกันเป็นชุมชนเพื่อเพื่อนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมท้องถิ่น ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ที่สามารถออกกฎเกณฑ์กำหนดในท้องถิ่น เช่น กฎเกณฑ์ในการจัดการป่าชุมชน เป็นต้น
3) กฎหมายประเพณีเฉพาะอาชีพ (Profesional Customer Law) หรือ กฎหมายแพ่ง เรียกว่า ปกติประเพณีทางการค้า ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่เกิดขึ้นในวงการอาชีพใดอาชีพหนึ่ง
2.2.1.2 หลักกฎหมายทั่วไป
แหล่งที่มาอันเป็นบ่อเกิดของกฎหมายที่ไม่ได้บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ที่เป็นหลักกฎหมายทั่วไป (General Principle of Law) สามารถอธิบายหลักกฎหมายทั่วไปได้ดังนี้
1. ความหมายของหลักกฎหมายทั่วไป คือ เป็นหลักการใหญ่ๆ ที่เป็นรากฐานที่อยู่เบื้องหลังบรรดากฎเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นระบบกฎหมายของประเทศ โดยระบบกฎหมายของประเทศประกอบด้วยกฎเกณฑ์มากมาย ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและทั้งที่เป็นจารีตประเพณี เช่น หลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม หลักความเสมอภาค หลักความได้สัดส่วน เป็นต้น
2. วิธีการค้นหาหลักกฎหมายทั่วไป มีได้หลายวิธี เช่น
1) วิเคราะห์จากบทบัญญัติในกฎหมายลายลักษณ์อักษรในเรื่องเดียวกัน หรือเรื่องที่ใกล้เคียงกันหลายๆ ฉบับหลายๆ มาตรา โดยใช้กระบวนการให้เหตุผลในทางตรรกวิทยาหรือที่เราเรียกว่าอุปนัย (Induction) สกัดจากกฎเกณฑ์เฉพาะมาเป็นกฎหมายทั่วไป ซึ่งเราเรียกว่า หลักเกณฑ์ทั่วไป
2) การค้นหาจากหลักเกณฑ์ที่อาจจะเป็นสุภาษิตกฎหมาย หรืออาจจะเป็นหลักกฎหมายของต่างประเทศมาเทียบเคียงในกรณีที่ไม่มีบทกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรมาบังคับใช้
3) ค้นหาจากมโนธรรมภายในใจของผู้พิจารณาคดี คือ พิจารณาจากมโนธรรมภายในจิตใจของผู้พิพากษาว่าอะไรเป็นธรรมอะไรไม่เป็นธรรม ซึ่งจะมีอยู่ในจิตใจมนุษย์ทุก ๆ คนเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันโดยวิธีนี้จะใช้เมื่อการค้นหาวิธีแรกหรือวิธีที่สองไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งหรือไม่มีกฎหมายประเพณี
2.2.2 กฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ประเทศไทยยังมีข้อโต้แย้ง
ที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ประเทศไทยยังมีข้อโต้แย้ง กันอยู่ คือ คำพิพากษาของศาลที่เป็นบรรทัดฐานและความเห็นนักวิชาการ ดังนี้
2.2.2.1 คำพิพากษาของศาลบรรทัดฐาน
“คำพิพากษาของศาล” หมายถึง คำพิพากษาที่มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดี และเมื่อพิพากษาเสร็จเป็นอันจบ ส่วนคำพิพากษาของศาลบรรทัดฐาน หมายถึง คำพิพากษาบางฉบับที่มีเหตุผลดี เป็นที่ยอมรับทั้งของคู่ความในคดีและสาธารณชนทั่วไป ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวอาจจะเป็นตัวอธิบายตัวบทกฎหมายที่อ่านเข้าใจยากหรือแปลได้หลายนัย เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายของคนในวงการกฎหมาย รวมทั้งผู้พิพากษา ดังนั้นในคดีหลัง ๆ ผู้พิพากษาจึงพิพากษาคดีอย่างเดียวกันให้เป็นไปตามคำพิพากษาฉบับก่อนซึ่งมีเหตุผลดี คำพิพากษาฉบับก่อนก็จะเป็นคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐานมีคำพิพากษาหลัง ๆ เดินตามอีกมากมาย
เมื่อพิจารณาศึกษาถึงคำพิพากษาฎีกาบรรทัดฐานเป็นบ่อเกิดของกฎหมายมหาชนหรือไม่ มีความเห็นเป็น 2 แนวทาง ดังนี้
แนวทางที่ 1 เห็นว่า คำพิพากษาศาลฎีกาบรรทัดฐานไม่ใช่บ่อเกิดของกฎหมาย เพราะเมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดแจ้งว่าให้ถือคำพิพากษาเป็นแนวทางปฏิบัติ แต่เป็นเพียงความสมัครใจ และเห็นด้วยกับคำพิพากษา จึงตัดสินตามคำพิพากษานั้น ๆ และศาลก็ไม่มีความผูกพันที่จะต้องนำคำพิพากษามาพิพากษากับกรณีที่มีความผูกพันที่จะต้องนำพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกามาพิพากษาคดีในลักษณะที่จะปฏิเสธไม่บังคับใช้พิพากษาไม่ได้
แนวทางที่ 2 เห็นว่า คำพิพากษาศาลฎีกาบรรทัดฐานเป็นบ่อเกิดของกฎหมาย เพราะการที่มีบุคคลอ้างอิงและปฏิบัติตามด้วยเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จึงถือได้ว่าเป็นแนวปฏิบัติเก่าแก่ที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมาจนเป็นกฎหมายประเพณี
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาศึกษาถึงคำพิพากษาหรือคำวินิจฉัยของศาลปกครองในประเทศฝรั่งเศสที่ใช้ระบบกฎหมายซิวิลลอว์ (Civil Law) (ซึ่งเป็นประเทศต้นแบบของศาลปกครองที่มีใช้อยู่ทั่วโลก) ถือว่าคำพิพากษาหรือคำวินิจฉัยของศาลปกครอง เป็นแหล่งที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมายปกครอง ซึ่งประเทศไทยได้เดินตามแนวคิดในการสร้างหลักกฎหมายปกครองของประเทศฝรั่งเศส ดังเห็นได้จากการวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ในเรื่องของ สัญญาทางปกครอง ที่ตีความขยายสัญญาทางปกครอง คือ “สัญญาทางปกครอง” หมายถึง สัญญาที่คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองหรือถ้าไม่ใช่หน่วยงานทางปกครองก็ต้องเป็นบุคคลซึ่งกระทำการแทนรัฐ แต่มาทำสัญญาแทนในนามรัฐ ซึ่งต้องเป็นสัญญาสัมปทานหรือสัญญาที่คู่สัญญาทำบริการสาธารณะหรือสัญญาที่จัดให้คู่สัญญาจัดทำสิ่งสาธารณูปโภคหรือสัญญาที่คู่สัญญาแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ หรือสัญญานั้นจะต้องแสดงถึงเอกสิทธิ์ของฝ่ายปกครอง
2.2.2.2 ทฤษฎีกฎหมายและความเห็นของนักวิชาการ
ทฤษฎีกฎหมายและความเห็นในทางวิชาการ ก็อาจเป็นที่มาของกฎหมายได้ เนื่องจากทฤษฎีกฎหมายและความเห็นทางวิชาการเกิดจากการที่นักวิชาการพยายามสร้างและอธิบายประเด็นปัญหาต่างๆในทางกฎหมายปกครอง เกิดการผลึกทางความคิดทางกฎหมายปกครอง ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัตินำหลักทฤษฎีและความเห็นในทางวิชาการไปแก้หรือสร้างหลักกฎหมาย หรือบางครั้งผู้พิพากษาก็นำหลักทฤษฎีและความเห็นทางวิชาการนำไปตีความกฎหมาย แล้วพัฒนามาเป็นหลักกฎหมาย
3 ลำดับศักดิ์ของกฎหมาย (Hierarchy of Law)
เมื่อเราทราบถึงที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมายแล้ว เราพบว่ากฎหมายนั้นมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีศักดิ์ของกฎหมายนั้นแตกต่างกัน บางตำราเรียกลำดับศักดิ์ของกฎหมายว่า “ลำดับชั้นของกฎหมาย” หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ลำดับความสูงต่ำของกฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งความไม่เท่าเทียมกันของกฎหมายแต่ละฉบับนั้น พิจารณาได้จากองค์กรที่มีอำนาจในการออกกฎหมายต่างกัน เช่น รัฐธรรมนูญออกโดยองค์กรผู้มีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติก็ออกโดยรัฐสภา เช่นกัน ในขณะเดียวกันกฎหมายเหล่านี้ก็อาจมอบให้องค์กรอื่นออกกฎหมายได้เช่นเดียวกัน เช่น พระราชบัญญัติมอบอำนาจให้ฝ่ายบริหารออกกฎหมายในรูปของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎกระทรวงเพื่อความเหมาะสมบางประการ หรือ พระราชบัญญัติบางฉบับก็ให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดออกกฎหมายเพื่อใช้ในเขตพื้นที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดรับผิดชอบ เป็นต้น
โดยปกติกฎหมายไทยนั้นส่วนใหญ่เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรจะมีกฎหมายจารีตประเพณีอยู่บ้างแต่ก็น้อยมาก ในบรรดากฎหมายลายลักษณ์อักษรทั้งหลาย ย่อมมีระดับชั้นต่างกัน ดังนี้
1. รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายแม่บทในการวางระเบียบบริหารประเทศย่อมมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
2. รองลงมาเป็นกฎหมายที่ออกและเห็นชอบของรัฐสภา เรียกว่า “กฎหมายระดับกฎหมายบัญญัติ” ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด ประกาศคณะปฏิวัติที่มีค่าบังคับเท่าพระราชบัญญัติ
3. กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยฝ่ายบริหารและองค์กรฝ่ายปกครองที่อยู่ภายฝ่าบริหาร เช่น กฎหมายลำดับรองออกโดยรัฐวิสาหกิจ ออกโดยองค์การมหาชน ออกโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออกโดยองค์กรวิชาชีพ กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยองค์ฝ่ายปกครองที่มิได้อยู่ใต้สังกัดฝ่ายบริหาร เช่น กฎหมายลำดับรองออกโดยศาล ออกโดยองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ออกโดยหน่วยงานสังกัดรัฐสภา
บรรณานุกรม
โกเมศ ขวัญเมืองและสิทธิกร ศักดิ์แสง “การศึกษาแนวใหม่ : ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย
ทั่วไป” กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์วิญญูชน,2549
จิรศักดิ์ รอดจันทร์ “กฎหมายภาษี : วิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียตามระบบกฎหมายของไทย
และระบบกฎหมายของประเทศอังกฤษ” จุลสารคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ภาค 2/ 2549
จุลกิจ รัตนมาศทิพย์ “ฎีกามหาชน : วาทกรรมว่าด้วยสังคม,กฎหมายและความยุติธรรมใน
ประเทศไทย เล่ม 4 ภาค 3 นิติวิธี” กรุงเทพฯ: บริษัทโรงพิมพ์ล้านคำ จำกัด,2553
เดโช สวนานนท์ “พจนานุกรมศัพท์การเมือง :คู่มือการมีส่วนร่วมของพลเมืองในระบอบ
ประชาธิปไตย” กรุงเทพฯ : บริษัทหน้าต่างสู่โลกกว้าง,2545
นรนิตติ เศรษฐบุตร บรรณาธาร “สารนุกรมการเมืองไทย” กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภา
ผู้แทนราษฎร, 2547
ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนาพาณิชย์ “ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมาย” กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2547
ปรีดี เกษมทรัพย์ “นิติปรัชญา” พระนคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พิมพ์ครั้งที่
2,2531
พรเลิศ สุทธิรักษ์และสิทธิกร ศักดิ์แสง “การมีส่วนรวมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน :
กรณีศึกษาเปรียบเทียบการเข้าชื่อเสนอกฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540กับ2550” รายงาวิจัยเสนอต่อมหาวิทยาลัยตาปี 2552
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช “เอกสารการสอนชุด วิชา กฎหมายมหาชน” หน่วยที่ 1-7
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช : นนทบุรี, พิมพ์ครั้งที่ 10,2531
มูลนิธิวิจัยและพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางปกครอง “ข้อพิจารณาเกี่ยว กฎ” กรุงเทพฯ : มูลนิธิ
วิจัยและพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางปกครอง, 2551
วิษณุ เครืองาม “กฎหมายรัฐธรรมนูญ” กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นิติบรรณการ, 2530
วิษณุ วรัญญู,ปิยะศาสตร์ ไขว้พันธุ์, เจตน์ สภาวรศีลพร “ตำรากฎหมายปกครองว่าด้วยกฎหมาย
ปกครองทั่วไป” กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา,2551
สมยศ เชื้อไทย “คำอธิบายวิชากฎหมายแพ่งทั่วไปหลักทั่วไป : ความรู้กฎหมายทั่วไป” กรุงเทพฯ :
สำนักพิมพ์วิญญูชน พิมพ์ครั้งที่ 8,2545
สิทธิกร ศักดิ์แสง “ศาลเป็นผู้สร้างหลักกฎหมายได้หรือไม่ในระบบกฎหมายของไทย” วารสารข่าว
กฎหมายใหม่ ปีที่ 5 ฉบับที่ 83 พฤษภาคม 2550
สิทธิกร ศักดิ์แสง “ปัญหาผู้ตีความตามรัฐธรรมนูญ กรณีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” วารสารกฎหมายใหม่ วารสารกฎหมายรายเดือน ปีที่ 4 ฉบับที่ 73 กรกฎาคม 2549
อุทัย ศุภนิตย์ “ประมวลศัพท์ในกฎหมายไทยในอดีตและปัจจุบัน เรียงตามตัวอักษร” พระนคร :
สำนักพิมพ์ประกายพรึก,2525
ประเทศไทย 4 ภาค 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的最佳解答
สุดยอดมงคลประวัติศาสตร์ท่ีระลึก ร่วมบุญสร้างเทพพระราหูประดิษฐานในสี่ภาคประเทศไทย ในวาระทีสำคัญแห่งฤกษ์ยามทางโหราศาสตร์ พระราหูโคจรเป็น มหาอุจจ์ ในรอบ18ปี สุดยอดแห่งมงคลท่ีระลึก สุดยอดแห่งพิธีกรรม ประกอบพิธี อย่างยิ่งใหญ่ถึง2วาระ8ครั้งในสี่ภาค ผมตั้งใจและมั่นใจในเทวคุณด้วยกุศลเจตนา ท่านที่สนใจติดต่อบูชาได้ท่ี ภาคเนือ วัดพระธาตุหริภุญชัย ภาคอิสานท่ีวัดศาลาลอย ประตูสู่ภาคใต้ท่ีวัดคลองวาฬ ภาคกลางท่ีวัดเจ้าอาม วัดไตรมิตรฯ หรือระบบจัดส่งทั่วประเทศ ท่ีwww.pradee108.com เหรียญนี้มีขั้นตอนการสร้างท่ีน่าสนใจ ลองติดตาม ดูจากคลิ๊บครับ /
ท่ีสำคัญในวาระแรกไปประกอบพิธีในสี่ภาคตอนไปสร้างเททองและสมโภชน์ถวายประดิษฐาน คุ้มครองแผ่นดิน วาระท่ีสอง ร่วมพิธีกับมงคลวัตถุ"เบญจปาฏหาริย์ สธ รุ่น พระเทพรักษา "ร่วมพิธีใหญ่ ทีวัดโสธร วัดโพธิ์ชัย(หลวงพ่อพระใส) วัดหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช และวัดพระแก้วมรกต(วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) ท่านท่ีมีศรัทธา ลองศึกษา และติดต่อบูชา ตามท่ีแจ้งครับ เป็น"เหรียญเปลี่ยนแปลงดวงชาตา ตามหลักทางโหราศาสตร์"
เหรียญเทพพระราหูทรงครุฑ ทุกเหรียญฝังเม็ดนวโลหะ มีหมายเลขกำกับ
ด้านหลังเป็นยันต์ดวงเมือง - ยันต์ราหูมหาอุจจ์ การที่มียันต์ดวงเมืองกำกับ หมายความว่า ภายใต้บารมีของดวงเมืองแห่งนี้ ประเทศนี้ ดวงเมืองที่อยู่มาจนถึง ๒๒๙ ปีที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ด้วยได้รับพระบารมีจากอดีตบุรพกษัตรา กษัตรี และพระสยามเทวาธิราช ร่วมประสิทธิ์ประสาทพรอยู่ในยันต์นี้ และยันต์ราหูมหาอุจจ์ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เป็นวันประวัติศาสตร์ ที่มีคนไปร่วมพิธี ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน มากเป็นประวัติการณ์ที่ทุกคนจะจำได้
ดังนั้นยันต์ที่ประกอบด้านหลังเหรียญ ถือว่าเป็นมหามงคล เป็นกลวิธีในการเดินยันต์ และเดินดวงอย่างถูกต้องตามหลักตามศาสตร์ ในเรื่องของเคล็ดลับที่ใช้กำกับ ก็จะทำให้ท่านได้บูชาเหรียญพระราหูทรงครุฑ วัตถุมงคลพระราหู มีพระคาถาเอกะ - จักขุ ... เป็นเครื่องประกอบ จะทำให้มีลาภ ยศ เกียรติ สรรเสริญ สุข แก้วแหวนเงินทองไหลมาเทมา ร่ำรวยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี และร่ำรวยแบบไม่มีเหตุผล
เหรียญเทพพระราหูทรงครุฑฝังนวโลหะเจ้าคุณธงชัยผ่านพิธีในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ 7 ประเทศ ได้แก่
1.ประเทศใต้หวัน
2.ประเทศลาว - วัดเชียงทอง หลวงพระบาง
3.ประเทศไทย วัดไตรมิตร และ วัดสระเกศฯ
4.ประเทศอินโดนีเซีย บุโรพุทโธ
5.ประเทศกัมพูชา นครวัดนครธม
6.ประเทศจีน ซีอาน และ ลั่วหยาง
7.ประเทศพม่า พระธาตุอินท์แขวน ชเวดากอง
ประกอบพิธีมหาพุทธาเทวามังคลาภิเษก
ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน วันที่ 22 - 24 พฤษภาคม
ในการสร้างวัตถุมงคลในครั้งนี้ ได้ประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ได้ประกอบพิธีอันเป็นมหามงคลประวัติศาสตร์ ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เจ้าคุณธงชัย พระเทพภาวนาวิกรม วัดไตรมิตร จุดเทียนชัย นั่งปรก อธิษฐานจิตและมีพระเถราจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิต ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน คือ ท่านเจ้าพระคุณพระราชปัญญาโมลี เจ้าคณะจังหวัดลำพูน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระธาตุหริภุญชัย , พระครูพิศาลจริยาภิรม พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ จังหวัดสมุทรสงคราม , พระครูสุวิมลธรรมรักษ์ เจ้าอาวาสวัดลอยเคราะห์ จังหวัดเชียงใหม่ , พระอาจารย์ประสูติ ปิยธัมโม วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ (ในเตา) อ.พระยอด จ.ตรัง โดยมี เจ้าพระคุณพระเทพภาวนาวิกรม เป็นประธานจุดเทียนชัย และเป็นประธานนั่งปรกอธิษฐาน ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน มีพระพิธีธรรมจากวัดสุทัศน์เทพวราราม 4 รูป สวดพระคาถาพุทธาเทวามังคลาภิเษก ประมาณ 3 ชั่วโมง
มหามงคลในพิธีเทวามังคลาภิเษก ในวันที่ 23 พฤษภาคม มีพระเถราจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิต ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ประกอบด้วย พระครูวิมลจันโทภาส หลวงพ่ออ่าง วัดใหญ่สว่างอารมณ์ จังหวัดนนทบุรี , พระพิพัฒน์วิริยาภรณ์ หลวงพ่อแย้ม วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม , พระวิศิษฎ์พัฒนพิธาน วัดหนองหอย จังหวัดราชบุรี , พระราชสารเวที วัดสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพฯ และมีพระพิธีธรรมจากจังหวัดนครสวรรค์ สวดพระคาถาพุทธาเทวามังคลาภิเษก
ในวันที่ 24 พฤษภาคม นั้น มีพระสงฆ์มาเจริญมหาพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์คือ “มนต์นพเคราะห์” 10 รูป ได้แก่
1. ท่านเจ้าพระคุณพระราชปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดดาวดึงส์ษาราม
2. ท่านเจ้าพระคุณพระศรีสมโพธิ เจ้าอาวาสวัดหลักสี่
3. ท่านพระครูอาทรบุญยกิต รักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงส์
4. พระครูศรีชยาภิวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม
5. ท่านเจ้าพระคุณพระเมธาวินัยรส ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
6. ท่านพระครูปลัดสัมพิพัฑฒนสีลาจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม
7. พระมหาวรวุฒิ ชิตธัมโม หัวหน้าพระพิธีธรรมวัดพระเชตุพน
8. พระครูปลัดธรรมวงศานุวัตร เจ้าอาวาสวัดแค
9. พระอาจารย์สมชายโชติมันโท วัดเลา
10. พระมหาเถลิงศักดิ์ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
โดยมี พระครูอาคมสุนทร วัดพระเชตุพล อ่านโองการ เจ้าพิธี ประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ อันเชิญเทวดานพเคราะห์ และเจริญมหาพุทธมนต์พระปริตรนพเคราะห์ และในฤกษ์ที่เป็นมงคล เจ้าพระคุณสมเด็จพระวันรัต ได้เป็นประธานในการเททอง เเละดับเทียนชัย ก่อนที่จะมีการเททอง มีท่านเจ้าพระคุณ 4 รูป สวดมหาสมัยสูตร และ สวดคาถามหาราช ประกอบด้วย ท่านเจ้าคุณศิริชัย โสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ , พระครูสรวุฒิวิศิษฎ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ , เจ้าพระคุณพระศรีสมโพธิ เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ , และพระครูอาทรบุญยกิต รักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงส์
เมื่อได้ฤกษ์อันเป็นมงคล ประกอบพิธีเททองหล่อเทพพระราหูทรงครุฑ โดยเฉพาะมีรูปหล่อเทพพระราหูทรงครุฑ ลอยองค์ จำนวน 1,200 องค์ รวมทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ ที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศ เป็นประธานเททอง มีพระสงฆ์ทรงสมณะศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถาในพิธีเททอง ประกอบด้วย
1. ท่านเจ้าพระคุณพระธรรมรัตนดิลก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม
2. เจ้าพระคุณพระเทพคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร
3. ท่านเจ้าพระคุณพระราชปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดดาวดึงส์ษาราม
4. ท่านเจ้าพระคุณพระปัญญาวชิราภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
5. พระมหาสมพร วัดอาษาสงคราม
และพระคุณเจ้าจากวัดพระศรีมหาธาตุอีก 4 รูป มีพระเถราจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิตในขระพิธีเททอง 4 รูป ประกอบด้วย พระเทพมงคงรังษี วัดอรุณราชวราราม , พระกิตติวราภรณ์ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน , พระโสภณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน , พระโสภณสุตาลังการ วัดบัวขวัญ
ถือว่าเป็นมหามงคลประวัติศาสตร์ มีดารานักแสดงมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก นำโดย คุณสมบัติ เมทะนี เนยโชติกา และดาราในค่ายดังอีกหลายค่าย ประกอบด้วยอาจารย์แม่ อาจารย์สุนีย์ สินธุเดชะ ก็มาร่วมพิธีอันเป็นมหามงคล รวมทั้งทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยพิธีอันเป็นมงคลนี้ ได้ทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และให้เกิดความสิริมงคลแก่ประเทศชาติ พระศาสนา ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ตลอดจนผู้ที่ได้ร่วมบุญร่วมสร้างและร่วมพิธีในครั้งนี้ ตลอดจนที่จะได้ร่วมบุญร่วมสร้างในการพิธีในวาระที่เหลืออื่นๆเป็นลำดับสืบไป
*** ที่สำคัญ ท่านที่บูชาเหรียญเทพพระราหูทุกเหรียญ ได้ร่วมบุญสร้าง เทพพระราหูทรงครุฑลอยองค์ ๔ ทิศ ๔ ภาค เป็นมงคลแก่แผ่นดินประเทศชาติ ร่วมบุญร่วมใจทำบุญถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเ้จ้าอยู่หัว ในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนม์พรรษา ๘๔ ปี ***
ขั้นตอนการผลิตเหรียญราหูทรงครุฑ - YouTube
วิดีโอสำหรับ ขั้นตอนการผลิต เหรียญเทพพระราหูทรงครุฑ▶ 29:03
www.youtube.com/watch?v=FkPdCH9W1NE
30 พ.ค. 2554 - อัปโหลดโดย thefuntong
ขั้นตอนการผลิต "เหรียญเทพพระราหูทรงครุฑ" จากโรงงานพุทธนิมิตรมงคล จัดสร้างโดย สถาบันพยากรณ์ศาสตร์ อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ และบริษัท เบทเตอร์เวย์ ...
ประเทศไทย 4 ภาค 在 สาวขวัญกับลุงสก๊อต Kwan.Scott Youtube 的最佳貼文
ฝรั่งพูดภาษาอีสาน ภาษากลาง ภาษาใต้ Thai words 4 dialects in Thailand by Scott กับ สาวอุดรพลัดถิ่น Kwan.Scott
ประเทศไทย 4 ภาค 在 555INFINITY Youtube 的最佳貼文
วันนี้ผมได้รวบรวมวีดีโอที่มียอด views มากที่สุด 5 อันดับจากกว่า 170 วีดีโอของผม จะมีอะไรบ้าง และเพื่อนๆจะเคยดูหรือยัง ก็คอมเม้นท์บอกผมด้วยนะครับ
และนี่คือลิ้งค์วีดีโอทั้ง 5 อันดับครับ
อันดับ 5 ชาร์จแบตฯด้วยโหมดการบินเร็วกว่าจริงหรือไม่?
https://www.youtube.com/watch?v=B9a-ILBR5Rc&t=138s
อันดับ 4 แดดเมืองไทยสามารถทำให้ไข่สุกได้จริงหรือไม่?(ภาค2)
https://www.youtube.com/watch?v=fTT2GdHDTAE
อันดับ 3 เล่นPokemon Go เจอโปเกม่อนลับ มีตัวเดัยวในโลก
https://www.youtube.com/watch?v=wDqND_Mr87c&t=21s
อันดับ 2 กด *3370# เพิ่มแบตฯได้จริงหรือไม่?
https://www.youtube.com/watch?v=v2kRobql2aA&t=105s
อันดับ 1 แดดเมืองไทยสามารถทำให้ไข่สุกได้จริงหรือไม่?(ภาค1)
https://www.youtube.com/watch?v=JiNLY4magAg&t=1s
และอย่าลืมกดSubscribe ที่ช่อง 555INFINITY เพื่อติดตามความสนุกและสาระแบบไร้ขีดจำกัดไปกับผม"เพื่อนซี้ ตัวแสบ" นะครับ
https://www.youtube.com/channel/UCVBZ8sA4hmOM4ZpsjUEVZDQ?sub_comfirmation=1
ติดตามเพิ่มเติม ทักทาย พูดคุย หรือติดต่องานได้ที่
(Contract us)
FB : www.facebook.com/555infinity
Email : [email protected]
ประเทศไทย 4 ภาค 在 หลักเกณฑ์การแบ่งภาคของประเทศไทย - YouTube 的推薦與評價
หลักเกณฑ์การแบ่ง ภาค ของ ประเทศไทย ... [สังคม] ภูมิศาสตร์ ประเทศไทย ลักษณะ ภาค เหนือ อีสาน ตะวันตก กลาง ตะวันออก ใต้ ... 4 :42 · Go to channel ... ... <看更多>
ประเทศไทย 4 ภาค 在 ประเทศไทยออกเป็น 6 ภาค โดยใช้เกณฑ์ด้านภูมิศาสตร์ | แผนที่โลก ... 的推薦與評價
3 พ.ค. 2018 - http://th.wikipedia.org/ การแบ่งอย่างเป็นทางการ แผนที่ประเทศไทยแสดงเขตรัฐกิจของจังหวัดต่างๆ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ... ... <看更多>
ประเทศไทย 4 ภาค 在 [สังคม] ภูมิศาสตร์ประเทศไทย ลักษณะภาคเหนือ อีสาน ตะวันตก กลาง ... 的推薦與評價
ทาง LINE @winnerstudy WINNER SHORTNOTE - #ครบ8วิชา ม. 4 -6( ไทย อังกฤษ สังคม วิทย์ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) - ใช้ได้ทุกสนามสอบ ทั้งใน โรงเรียน ... ... <看更多>