อีกครั้ง
“การบูรณาการงานวิจัยสู่การเรียนการสอน : ประสบการณ์ตัวเอง”
สิทธิกร ศักดิ์แสง
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
จากปัญหาและไม่เข้าใจว่า เอางานวิจัยมาบูรณาการและประโยชน์ในการเรียนการสอนได้อย่างไร ผมขอเล่าประสบการณ์จากการเรียนรู้ของผมที่ผ่านมา 20 ปี เริ่มตั้งแต่เป็นผู้สอน ปี 2544 ถึงปัจจุบัน
ถาม การบูรณาการงานวิจัยสู่การเรียนการสอน เป็นอย่างไร
ตอบ การบูรณาการงานวิจัยสู่การเรียนการสอน ทำได้หลายรูปแบบ ได้แก่
รูปแบบที่ 1 นำกระบวนการวิจัยมาใช้ในการเรียนการสอนใยรายวิชา โดยระบุวิธีการ กระบวนการมอบหมายงานให้นักศึกษาโดยกำหนดไว้ในแผนการสอน (มคอ.3)
รูปแบบที่ 2 จัดเป็นหนึ่งของงานวิจัยให้นักศึกษาจัดทำเป็นปัญหาพิเศษหรือทดลองปฏิบัติในชั่วโมงปฏิบัติการ โดยอาจเป็นกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมเดี่ยวให้นักศึกษาหรืออาจารย์ระบุเรื่องที่จะทำวิจัยให้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับประเด็นหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับรายวิชาที่อาจารย์รับผิดชอบ
รูปแบบที่ 3 นำผลงานวิจัยของอาจารย์ที่ได้ดำเนินการจนเสร็จ นำมาใช้ในการสอนในภาคทฤษฎี (เช่น การนำงานวิจัยในการเขียนหนังสือ ตำรา ในรายวิชาที่สอน) และต่อยอดในภาคปฏิบัติโดยให้นักศึกษาไปจัดทำกิจกรรมเพิ่มโดยเป็นงานวิจัยต่อยอดแล้วนำสรุปผล อภิปรายร่วมกัน
รูปแบบที่ 4 กำหนดหรือมอบหมายให้นักศึกษาทำงานวิจัยร่วมกับอาจารย์โดยจัดทำงานวิจัยในโครงการวิจัยเชื่อมโยงกับงานวิจัยของอาจารย์หรือนำงานวิจัยของอาจารย์มาแยกส่วนย่อยๆและมอบหมายให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มนำไปดำเนินงานโดยจัดทำวิจัยตั้งแต่ต้นจนจบ
โดยประสบการณ์ของผมจะใช้รูปแบบที่ 3 เป็นส่วนใหญ่ คือ นำผลงานวิจัยมาเขียนใน หนังสือ ตำรา ใช้สอนในภาคทฤษฎี และนำมาอภิปรายกลุ่มจัดทำกิจกรรม เช่น การทำกิจกรรมรณรงค์การเลือกตั้งในรายวิชา กฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันทางการเมือง โดยนำงานวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน :กรณีศึกษาเปรียบเทียบการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ 2540 กับ 2550”
และที่สำคัญในรายวิชาที่ผมสอนส่วนใหญ่รายวิชาที่เน้นภาคทฤษฎี การนำงานวิจัยมาเขียนในตำรา หนังสือ จึงเป็นส่วนสำคัญ
ถาม งานวิจัยที่เราทำไปนั้นเอามาใส่ในหนังสือ/ตำราได้อย่างไร
ตอบ จากประสบการณ์ที่ผมได้นำงานวิจัยที่ผมทำมาบูรณาการสู่การเรียนสอนในการเขียนหนังสือ/ตำรา การเขียนบทความวิจัย อยู่ 4 รูปแบบ
ถาม การนำงานวิจัยมาบูรณาการสู่หนังสือ/ตำรา ในรูปแบบที่ 1 ทำอย่างไร
ตอบ การนำงานวิจัมาบูรณาการในหนังสือ/ตำรา รูปแบบที่ 1 คือ นำงานวิจัย มาแทรกหรือเป็นตัวอย่างกรณีศึกษาในหัวข้อหนึ่งในหนังสือ/ตำรา เช่น นำแนวคิดเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน จากงานวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน : กรณีศึกษาเปรียบเทียบการให้สิทธิประชาชนเข้าเสนอกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ 2540 กับ 2550” มาใส่ในตำรากฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันทางการเมือง ในเรื่องของการใช้อำนาจอธิปไตยกึ่งทางตรง หรือ นำหลักการเรื่องการใข้อำนาจดุลพินิจของฝ่ายปกครอง จากงานวิจัยเรื่อง ปัญหาการใช้อำนาจผูกพัน อำนาจดุลพินิจของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาคส่วผลกระทบต่อเทศบาล : กรณีศึกษาเทศบาลในจังหวัดขึมพร มาใส่ในเรื่อง หลักการใช้อำนาจทางปกครอง ในตำรากฎหมายปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง เป็นต้น
ถาม การนำงานวิจัยมาบูรณาการในหนังสือ/ตำราในรูปแบบที่ 1 ต้องอ้างอิงหรือไม่
ตอบ ต้องอ้างอิงในงานวิจัยครับ ถึงแม้เป็นงานของตนเองก็ต้องอ้างอิง เพราะถ้าไม่อ้างอิงจะเป็นการคัดบอกผลงานตนเอง
ถาม การนำงานวิจัยในมาใส่ในหนังสือ/ตำราในรูปแบบที่ 1 ต้องขออนุญาติเจ้าของทุนวิจัยหรือไม่
ตอบ ไม่ต้องขออนุญาติจากเจ้าของทุนวิจัย
ถาม การนำงานวิจัยมาบูรณาการสู่หนังสือ/ตำรา ในรูปแบบที่ 2 ทำอย่างไร
ตอบ การนำงานวิจัยมาบูรณาการในหนังสือ/ตำรา รูปแบบที่ 2 คือ นำงานวิจัย หัวข้อหนึ่งของงานวิจัยมาใส่เป็นบทหนึ่ง ของตำรา เช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับวิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง นำมาใส่เป็นบทหนึ่งของตำรา กฎหมายปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง โดยการอ้างอิงที่มาของงานวิจัย เป็นต้น
ถาม การนำงานวิจัยมาบูรณาการในหนังสือ/ตำราในรูปแบบที่ 2 ต้องอ้างอิงหรือไม่
ตอบ ต้องอ้างอิงในงานวิจัยครับ ถึงแม้เป็นงานของตนเองก็ต้องอ้างอิง เพราะไม่อ้างอิงจะเป็นการคัดลอกผลงานตนเอง
ถาม การนำงานวิจัยในมาใส่ในหนังสือ/ตำราในรูปแบบที่ 2 ต้องขออนุญาติเจ้าของทุนวิจัยหรือไม่
ตอบ ไม่ต้องขออนุญาติจากเจ้าของทุนวิจัย
ถาม การนำงานวิจัยมาบูรณาการสู่หนังสือ ในรูปแบบที่ 3 ทำอย่างไร
ตอบ การนำงานวิจัยมาเป็นหนังสือใน รูปแบบที่ 3 หลังจากได้สรุปทำรายงานวิจัยเสนอต่อเจ้าของทุนวิจัยและเผยแพร่งานวิจัยแล้ว ถ้าผู้วิจัยจะต่อยอดหรือการบูรณาการงานวิจัย เช่น การบูรณาการงานวิจัยเป็นหนังสือวิจัย ก็สามารถทำได้
ถาม การบูรณาการงานวิจัยในรูปแบบที่ 3 ต้องขออนุญาติเจ้าของทุนวิจัยหรือไม่
ตอบ ในกรณีงานวิจัยนั้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเจ้าของทุนวิจัย ผู้วิจัยต้องขออนุญาตเจ้าของทุนวิจัยก่อน เพราะในข้อสัญญาทุนวิจัย จะระบุว่าวิจัยนั้นเป็นของใคร ถ้าไม่ได้ระบุว่าเป็นของใคร ก็เป็นของผู้วิจัย แต่โดยหลักส่วนใหญ่งานวิจัยจะเป็นของเจ้าของทุนวิจัย ดังนั้นเอางานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างไร นอกจากการเผนแพร่งานวิจัย ตัองขออนุญาติเจ้าของทุนวิจัย
ในกรณีงานวิจัยของผม เป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเจ้าของทุนวิจัย ผมก็ได้ทำเป็นหนังสือรายงานวิจัยเพื่อเสนอต่อมหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยก็อนุญาตให้ทำเป็นหนังสือวิจัย
หนังสือ รายงานการวิจัย โดยการนำงานวิจัยมาสังเคราะห์ เรียบเรียงเป็นหนังสือวิจัย คือ รายงานวิจัยเรื่อง “ความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำและการควบคุมการกระทำทางปกครองโดยองค์กรภายในฝ่ายปกครอง : กรณีศึกษากฎหมายว่าด้วยวิธิปฏิบัติราชการทางปกครอง กฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่และกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ” โดยการแยกหัวข้อ แต่ละหัวข้อ ออกมาเป็นบท คือ
บทที่ 1 ความสำคัญและความเป็นมา
บทที่ 2 แนวคิดเกี่ยวกับการกระทำทางปกครอง
บทที่ 3 แนวคิดว่าด้วยการควบคุมการกระทำทางปกครองและหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อาจถูกควบคุมการกระทำทางปกครอง
บทที่ 4 กฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
บทที่ 5 กฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
บทที่ 6 กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ
บทที่ 7 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ
บทที่ 8 บทสรุปข้อเสนอแนะ
ถาม การบูรณาการงานวิจัยสู่การเรียนการสอนในรูปแบบ 4 ทำอย่างไร
ตอบ การบูรณาการงานวิจัยสู่การเรียนการสอนในรูปแบบที่ 4 คือ ผมได้นำงานวิจัยมาเขียนเป็นบทความวิจัยมาวิเคราะห์ในประเด็นหัวข้อในเรียนการสอน
อนึ่งการที่จะนำบทความความวิจัยมาใช้ในการเรียนการสอนได้โดยส่วนใหญ่งานวิจัยจะเป็นงานวิจัยในประเด็นหัวข้อหรือมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนเกือบทั้งหมด โดยใช้หลักวิชาในการเรียนการสอนมาวิเคราะห์ศึกษางานวิจัย ทำให้งานวิจัยนั้นสามารถเขียนเป็นบทความวิจัยได้หลายเรื่องแล้วนำมาเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นสื่อการสอนนอกจาก หนังสือ ตำรา คือ บทความวิจัย
ถาม การบูรณาการงานวิจัยเขียนบทความวิจัยเสนอตีพิมพ์นี้ต้องได้รับ ความยินยอมจากเจ้าของทุนวิจัยหรือไม่
ตอบ ไม่ต้องครับ สามารถนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ได้เลย แต่ต้องระบุหน่วยงานที่ให้ทุนวิจัย
ถาม ในงานวิจัยนั้นผู้วิจัยทำกันหลายคน นำไปตีพิมพ์เผยแพร่คนเดียวได้หรือไม่
ตอบ ไม่ได้ครับ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้วิจัยร่วมแสดงความยินยอมและรับทราบเป็นหนังสือ ก็อาจจะเป็นเหตุให้ไม่ถือว่าผิดจรรยาบรรณ
ถาม การนำงานวิจัยทั้ง 4 รูปแบบข้างต้น ได้ทำมานานหรือยังไร
ตอบ การนำวิจัยมาบูรณาการสู่การเรียนการสอนนี้ ทั้ง 4 รูปแบบนี้ผมได้ทำมาตั้งเริ่มเขียนเอกสารประกอบการสอน พัฒนาเป็นเอกสารคำสอนและพัฒนามาเป็นตำราและเขียนตำราเล่มแรกในปี 2549 และทำมาตลอด ถึงปัจจุบัน
ถาม การบูรณาการบริการวิชาการจากงานวิจัยสู่การเรียนการสอนได้อย่างไร
ตอบ จากการนำงานวิจัยไปบูรณาการสู่การเรียนการสอน มีได้หลายรูปแบบ ที่ทำให้นักศึกษาเกิดความรู้และได้จัดทำกิจกรรมในการบริการวิชาการ
รูปแบบหนึ่งที่ผมทำ เช่น การจัดทำกิจกรรมของนักศึกษาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในทางการเมืองการณรงค์การเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 โดยการจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง การเดินรณรงค์ให้เห็นความสำคัญการเลือกตั้ง ในการใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน ในรายวิชา กฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันทางการเมือง เป็นต้น
ถาม การนำงานวิจัยที่เป็นวิทยานิพนธ์ซึ่งเป็นหนึ่งของการศึกษา นำมาเขียนหนังสือ/ตำราได้หรือไม่
ตอบ ได้ครับ แต่ต้องมีเนื้อหาไม่เกิน 20% และต้องอ้างอิงที่มาของวิทยานิพนธ์ ด้วย ซึ่งต้องเรียบเรียงให้มีอรรถรสที่เป็นหนังสือ/ตำรา
ถาม จากการบูรณาการงานวิจัยสู่การเรียนการสอนเราจะได้ประโยชน์อย่างไร บ้าง
ตอบ การบูรณาการงานวิจัยสู่การเรียนการสอน เราจะได้ประโยชน์หลายประการ ได้แก่
ประการที่ 1 การบูรณาการงานวิจัยสู่การเขียนหนังสือ ตำรา ผมได้นำงานวิจัยมาเขียนไว้ในตำรา ที่ใช้สอน เช่น ตำราหลักกฎหมายมหาชน และได้นำตำรานี้เสนอตำแหน่งรองศาสตราจารย์
ประการที่ 2 การบูรณาการงานวิจัยเป็นหนังสือวิจัย เพื่อเตรียมเสนอขอตำแหน่งศาสตราจารย์ในอนาคต
ประการที่ 3 การบูรณาการงานวิจัยในหนังสือ ตำรา ใช้สอน มันจะช่วยให้การเรียนการสอนเกิดประโยชน์กับตัวเราและตัวนักศึกษา สามารถนำตัวอย่างประเด็นที่เราทำวิจัยมาอธิบายให้นักศึกษาได้มองเห็นภาพ เห็นตัวอย่าง ที่ชัดเจนเข้าใจง่าย ในการเรียนการสอน
ประการที่ 4 การบูรณาการงานวิจัย มาเขียนบทความวิจัย เพื่อบริการวิชาการ และเกิดผลงานวิชาการที่ได้รับตีพิมพ์เผยแพร่ ประโยชน์ในการประกันคุณภาพของคณะและมหาวิทยาลัย และที่สำคัญนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เป็นต้น
同時也有218部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,เปิดตัวในไทย พร้อมราคา The All-New Mazda BT-50 Thailand 2021-2022 มาสด้า บีที50 โฉมใหม่ล่าสุด รถกระบะปิกอัพประหยัดน้ำมันมากที่สุดในโลก รถปิกอัพที่ลูก...
ปี2562 在 Drama-addict Facebook 的最佳解答
วันที่ 29 กันยายน 2564 เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้เผยสัมภาษณ์ นายฟิล์ม (นามสมมุติ) แฟนหนุ่มของ น.ส.พิยดา ที่คบกันมานานกว่า 7 ปี เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ดีขึ้นมานิดนึงที่รู้ว่าเขามามอบตัวแล้ว แต่ก็ยังแย่อยู่ รอบนี้ผมไม่รู้ครับ แต่ว่ารอบที่แล้วผมรู้ เพราะผมก็เคยโดนคดีนี้เหมือนกัน เขาให้สัญญากับผมว่าจะไม่ทำอีกแล้ว ผมก็ไว้ใจเขามาตลอดว่าคงไม่ทำ ถ้าเขาทำขึ้นมาจริง ๆ ผมก็คงจะพอแล้ว ผมให้โอกาสเขาไปแล้ว และบอกว่าถ้าทำอีกผมพอแล้วนะ ผมไม่ทนแล้วนะ เพราะรอบที่แล้วผมก็แย่ แต่รอบนี้หนักกว่ารอบที่แล้วอีก
ขณะที่แม่ของฟิล์ม ยอมรับว่า ของแบรนด์เนมที่ยึดไปเป็นของพิยดาทั้งหมด นำมาฝากไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นตำรวจก็มาตรวจค้น พิยดาก็บอกว่าเป็นคดีเก่าตำรวจจะมาแกล้ง มายึดของไป ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะพิยดาบอกกับตนว่าของที่ได้มาจากการขายเสื้อผ้าออนไลน์ ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2562 ก็เคยโดนตำรวจค้นบ้านมาแล้ว เลยต้องย้ายบ้านเพราะอายเพื่อนบ้าน ตอนนั้นก็สั่งสอนไปว่า อย่าทำอีกรวยไปก็ไม่มีความสุข เดือดร้อนกันไปหมด
แม่ของฟิล์ม กล่าวอีกว่า ลูกชายตนกับพิยดาคบกันได้ 7 ปี ไปมาหาสู่กันอาทิตย์ละครั้ง 2 ครั้ง ก็คิดเสมอว่าฝ่ายหญิงเป็นเหมือนกับลูกสาวแท้ ๆ นิสัยของพิยดาบางครั้งก็ร่าเริง น่ารัก บางครั้งก็เครียด ๆ เงียบ ๆ แต่ขอยืนยันว่าลูกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ตอนนี้ลูกเครียดมาก
ด้านบิดาของนายฟิล์ม ยืนยันว่า ลูกชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ ตำรวจคงออกหมายจับแล้ว เรื่องนี้จะปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจดำเนินคดีเอง และเงินในบัญชีธนาคารมีแค่หลักแสนเท่านั้น นี่คือหลักฐานที่จะนำไปยื่นกับตำรวจ ถ้าตนรู้เห็นจริง ๆ ทำไมถึงมีทรัพย์สินเพียงเท่านี้ ขณะที่อีกฝ่ายมีเงินหลัก 10 ล้านบาท
ปี2562 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
Beryl8 Plus บริษัท Digital Transformation ของคนไทยหนึ่งเดียวในอาเซียนที่ Salesforce บริษัทยักษ์ใหญ่เข้าร่วมลงทุน
Beryl8 Plus x ลงทุนแมน
ทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในแทบทุกแง่มุมของชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนผ่าน Social media แทนการโทรศัพท์ การสั่งซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce แทนการไปที่ร้าน การทำธุรกรรมการเงินผ่านทาง Internet Banking แทนการไปธนาคาร และการเรียนผ่าน Video Conference แทนการเจอตัว ไปจนถึงการทำงาน ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก ก็สามารถทำได้ตลอด
เทคโนโลยีอยู่กับเราตลอดเวลาและมีอิทธิพลต่อผู้คนบนโลกที่ทำให้ชีวิตสะดวก และรวดเร็วขึ้น
เช่นเดียวกับในฝั่งของผู้ประกอบการและองค์กรธุรกิจก็จำต้องปรับตัวให้ทันกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป พัฒนาองค์กรไปสู่จุดที่แข็งแกร่งกว่าเดิม รวมไปถึงการปลดล็อกวิธีการทำงานในรูปแบบเดิม สู่การเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ระดับโลก
สำหรับวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation อย่าง บมจ. เบริล 8 พลัส หรือ BE8 ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการทำ Digital Transformation ให้แก่องค์กรชั้นนำมาแล้วมากมาย
แล้วบริษัทฯ แห่งนี้ทำธุรกิจอะไรบ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง…
บริษัท เบริล 8 พลัส ก่อตั้งเมื่อปี 2552 ด้วยความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีจะเป็นพื้นฐานของทุกธุรกิจในอนาคต โดยเป็นบริษัทไทยรายแรก ๆ ที่นำเสนอ Cloud Technology ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ Salesforce บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำด้าน CRM Software ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในโลก
บริษัทฯ ให้บริการด้าน Digital Transformation แบบครบวงจรและมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Analytics) และ การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยบริษัทจะทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อวางแผนกลยุทธ์ด้าน Digital รวมถึงการออกแบบและพัฒนาระบบต่าง ๆ ไปจนถึงดูแลการใช้งานจริง เพื่อให้ตอบโจทย์ด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจของแต่ละองค์กรลูกค้า
บริษัทเบริล 8 พลัส มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเกือบ 200 คน รองรับลูกค้าองค์กรที่ต้องการทำ Digital Transformation โดยมีซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกสนับสนุนการให้บริการเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าองค์กร ด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี
และ การทำ Digital Transformation ทำให้บริษัทก้าวมา เป็นที่ปรึกษาชั้นนำด้าน Digital Transformation ให้บริการลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี
แล้วกลุ่มลูกค้าทางธุรกิจของ เบริล 8 พลัส มีใครบ้าง
ทำไมถึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่เป็นองค์กรชั้นนำมากมาย
ลูกค้าของเบริล 8 พลัส มีหลากหลายธุรกิจ เช่น สถาบันการเงิน, บริษัทประกัน, บริษัทพลังงาน, บริษัทอสังหาริมทรัพย์, บริษัทค้าปลีก, บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภค, บริษัทโลจิสติกส์
โดยให้บริการลูกค้าบริษัทชั้นนำทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กกว่า 100 ราย ผ่านกว่า 250 โปรเจกต์ทั้งในและต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม เป็นต้น
การที่บริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่หลายราย สะท้อนถึงศักยภาพการทำงานแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานระดับสากล ที่คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ยาก เพราะบริษัทมีทั้งความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและความเข้าใจในการทำงานของแต่ละอุตสาหกรรม จากการที่บริษัทฯ ได้จับมือกับพันธมิตรที่เป็นซอฟต์แวร์ระดับโลก อย่าง Salesforce บริษัทที่พัฒนา CRM สำหรับธุรกิจ และองค์กร ทำให้บริษัทฯ มีโซลูชันที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับบริการพัฒนาซอฟต์แวร์ ให้แก่ลูกค้า
Salesforce เป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทฯ ชั้นนำหลายแห่งในไทยเลือกใช้บริการ โดยเป็นซอฟต์แวร์ด้านบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้า หรือ CRM จากสหรัฐอเมริกา ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ของโลก
ซึ่งเบริล 8 พลัส เป็นพันธมิตรรายแรก ๆ กับ Salesforce ในประเทศไทยและได้รับเลือกเป็นพันธมิตร Summit ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ผ่านการทดสอบทั้งในด้านของความเชี่ยวชาญและความสามารถในการบริหารโครงการให้ประสบความสำเร็จ
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังเป็นพันธมิตรกับ Tableau แพลตฟอร์มการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของ Data Visualization ที่เป็นการนำซอฟต์แวร์มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ให้แสดงผลออกมาในรูปแบบภาพ แผนภูมิกราฟ และอื่น ๆ ทำให้องค์กรสามารถเห็น Insight และใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
รวมถึง Snowflake บริษัท Cloud Data Warehouse ระดับโลก ที่ให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ โดยเฉพาะข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล กระจายอยู่หลายแหล่ง และยังมีระบบการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ไว้คอยให้บริการอีกด้วย
MuleSoft ผู้นำด้าน Integration Platform ที่ให้บริการนำระบบ แอปพลิเคชัน และฐานข้อมูลต่าง ๆ มาเชื่อมต่อถึงกันแบบไร้รอยต่อ ทำให้สามารถหยิบนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีมาสร้างประสบการณ์และบริการใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
และยังมีอีกหลายแพลตฟอร์มชั้นนำระดับอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ เบริล 8 พลัส พร้อมให้บริการ อาทิ Google Workspace ที่เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันในองค์กรเกิดความต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เบริล 8 พลัส ยังพัฒนานวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันขึ้นเองเพื่อต่อยอดการให้บริการแก่ลูกค้า
เช่น ซอฟต์แวร์ BE8 Loyalty Management รองรับการสะสมคะแนนเพื่อทำโปรแกรม CRM, ซอฟต์แวร์ BE8 Corporate Banking Solution สำหรับธนาคารเพื่อใช้บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้านิติบุคคล,โปรแกรม Omni Channel Package สามารถรวมการทำงานของตัวแทนบริการลูกค้าในพื้นที่การทำงานทั้งหมดไว้ในคอนโซลเดียว
สำหรับรายได้ของ เบริล 8 พลัส มาจากการให้คำปรึกษา ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายและที่พัฒนาขึ้นเอง รวมถึงการดูแลระบบและบริการหลังการขายต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ จะมีรายได้ทั้งจากการทำโครงการและรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Revenues) จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสิทธิ์การใช้ซอฟต์แวร์และบริการสนับสนุน เช่น ดูแลหลังการขาย แก้ไขปัญหาด้านเทคโนโลยี จัดหาบุคลากรด้านไอที เป็นต้น
เบริล 8 พลัสยังมีโอกาสเติบโตไปอย่างก้าวกระโดด เพราะมีกลุ่มนักลงทุนที่มีชื่อเสียง อย่าง Salesforce Ventures เข้าร่วมลงทุน ซึ่ง Salesforce Ventures เป็นบริษัทด้านการลงทุนของ Salesforce ที่เลือกลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพชั้นนำทั่วโลกมากมาย การร่วมลงทุนของ Salesforce Ventures จะทำให้เบริล 8 พลัส มีช่องทางการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ของทั้ง Salesforce เองและบริษัทเทคโนโลยีในเครืออีกกว่า 400 บริษัททั่วโลก รวมทั้งจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทขยายธุรกิจและการทำ Digital Transformation ในภูมิภาคได้อย่างแข็งแกร่ง
ที่น่าสนใจคือ เบริล 8 พลัส เป็นบริษัทคนไทยที่เข้าไปปักธงขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยขยายธุรกิจจัดตั้งสำนักงานในเวียดนามเมื่อปี 2562 นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของบริษัทไทยที่สามารถนำธงไทยไปโบกสะบัดในระดับภูมิภาค
ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้เห็นถึงบริการการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของธุรกิจลูกค้าหรือการดิสรัปชันตัวเองด้วย Digital Transformation กันมากขึ้น
และทำให้ในวันนี้ เบริล 8 พลัส ก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำด้าน Digital Transformation แบบครบวงจรในประเทศไทย ซึ่งวันนี้ได้ก้าวสู่การขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนเป็นที่เรียบร้อย..
References
-https://www.beryl8.com/th/home
-ข้อมูลจาก Beryl8 FactSheet
-https://www.brandbuffet.in.th/2020/09/depa-forcasts-thai-digital-industries-2022-value-to-reach-8-billion-baht/
- https://today.line.me/th/v2/article/JmVy7y
ปี2562 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
เปิดตัวในไทย พร้อมราคา The All-New Mazda BT-50 Thailand 2021-2022 มาสด้า บีที50 โฉมใหม่ล่าสุด รถกระบะปิกอัพประหยัดน้ำมันมากที่สุดในโลก
รถปิกอัพที่ลูกค้าทั่วโลกใฝ่ฝันและเฝ้ารอมานาน บัดนี้สิ้นสุดการรอคอยแล้ว เมื่อมาสด้าประกาศเปิดสงครามตลาดรถปิกอัพเมืองไทย ด้วยการเปิดตัวแนะนำ All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยการผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ดีไซน์ที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดในโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 5.5 แสนบาท นี่คือการกลับมายึดฐานลูกค้าเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง
เปิดศักราชใหม่มาสด้าเพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้กับตลาดปิกอัพเมืองไทย ด้วยการส่ง All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ กับแนวคิด “พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” เติมเต็มทุกมิติของชีวิตดุจ Life-Partner สัมผัสแห่งดีไซน์อันสง่างามจาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ตามคอนเซ็ปต์ “Less is More” ผสานรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายเสมือนรถเอสยูวี คุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กิโลเมตร/ลิตร รับข้อเสนอพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัว กับดอกเบี้ยต่ำสุด 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร3 เพื่อแทนคำขอบคุณที่เชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้า พร้อมเปิดรับจองแล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ที่สำคัญมาสด้าพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าทันที
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหารบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถปิกอัพถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเกือบ 50% ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเพราะเป็นหนึ่งในโปรดักซ์แชมป์เปี้ยนที่ผลิตและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก แม้ว่าปี 2563 ที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนต่างเผชิญกับวิกฤตโคโรน่าไวรัส จนส่งผลให้ยอดขายรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลงกว่า 20% แต่เมื่อเจาะลึกข้อมูลรายละเอียดของยอดขายรถยนต์ในแต่ละประเภทพบว่าสัดส่วนการขายรถปิกอัพในปี 2563 อยู่ที่ 45% เติบโตขึ้นจากปี 2562 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 43% ดังนั้นการเปิดตัว All-New Mazda BT-50 จึงเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนทุกมุมมองเกี่ยวกับรถปิกอัพโดยสิ้นเชิง Revolutionary Change รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใคร อีกทั้งจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างยอดขายและชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของมาสด้า
ราคาจำหน่าย All-New Mazda BT-50 ทั้ง 14 รุ่น
ลำดับ รุ่น ราคา
1 STD 1.9 E 553,000 บาท
2 FSC 1.9 C 679,000 บาท
3 FSC 1.9 C Hi-Racer 714,000 บาท
4 FSC 1.9 C Hi-Racer 6 AT 768,000 บาท
5 FSC 1.9 S Hi-Racer 787,000 บาท
6 FSC 1.9 S Hi-Racer 6AT 832,000 บาท
7 DBL 1.9 C 771,000 บาท
8 DBL 1.9 S 847,000 บาท
9 DBL 1.9 S Hi-Racer 891,000 บาท
10 DBL 1.9 S Hi-Racer 6AT 936,000 บาท
11 DBL 1.9 SP Hi-Racer 1,012,000 บาท
12 DBL 1.9 SP Hi-Racer 6AT 1,070,000 บาท
13 DBL 4×4 3.0 SP 1,118,000 บาท
14 DBL 4×4 3.0 SP 6 AT 1,153,000 บาท
ปี2562 在 ณัชชา พุฒ พร้อม เภา Youtube 的最佳解答
ณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบ ...เด็กหญิงวัย 12 ปี
เคยเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าไปฝึกความแข็งแกร่ง
และใช้ชีวิตในค่ายทหารเวียดนาม 21 วัน
จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อปี2562
และค่ายนี้ก็ทำให้เธอเก่ง และแกร่งขึ้นจริงๆ
.
วันนี้เธอถูกส่งกลับเข้าไปในค่ายนั้นอีกครั้ง
เพื่อฝึกความเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีม
...Point Avenue Winter Leaders Camp
?♀️?♂️?...ซึ่งในปีนี้ทางค่ายได้จัดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก
.
??? สถานที่เปลี่ยน แต่ ความโหดไม่เปลี่ยน!!???
.
?️♀️?️?️♂️... อะไรทำให้ณัชชาถึงขั้นเสียน้ำตา
ยอมปล่อยโฮกลางห้องต่อหน้าเพื่อนๆ และครูฝึกในค่าย?♀️?♂️?
.
ร่วมตามติดชีวิตณัชชา..สาวน้อยคนเก่งของเรา
และเป็นกำลังใจให้กับเธอ ตลอด 12 วันในค่าย
...ในรายการ ณัชชาแอนด์เดอะแก๊ง อาทิตย์นี้ 8.30 น.
...ทางช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23
#ณัชชาแอนด์เดอะแก๊ง #เดอะแก๊ง #ณัชชาพุฒพร้อมเภา
#ณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบ #ดูปากณัชชานะคะ
#หญิงแกร่งแห่งปี #ณัชชาร้องไห้โฮ
#PointAvenueWinterLeadersCamp
#PointAvenue #leadership
------------------------------------------------------
?อย่าลืมกด subscribe เพื่อติดตามเรื่องราวสนุกๆ
ของ 4 พี่น้อง 'ณัชชา พุฒ พร้อม เภา' ได้ก่อนใคร ที่นี่!
------------------------------------------------------
ติดตามรายการ "ณัชชาแอนด์เดอะแก๊ง" ???
ได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 8.30 - 9.00 น.
ทาง Workpoint ช่อง 23
-----------------------------------------------------
?ร่วมสนุกกับกิจกรรมท้ายรายการ?
ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมสุดคูล ได้ที่...
Facebook : ณัชชา พุฒ พร้อม เภา
https://www.facebook.com/natchaputprompao/
และติดตามเทคนิคการเลี้ยง"ลูก" แบบสบายๆ
สไตล์พ่อแม่ Gen Y ลูกดก ได้ที่..
Facebook : พ่อม้าน้ำและแม่หมีกรีซลี่
http://bit.ly/SeahorseDad_GrizzlyBearMom
Youtube : พ่อม้าน้ำและแม่หมีกรีซลี่
https://www.youtube.com/channel/UCbo84OzzH57k6BFvl-L0Y-g
------------------------------------------------------
ติดตามเทคนิคดีๆ จากพี่บ๊อบ และคอร์สติวอื่นๆ ได้ที่
http://www.clickforclever.com
ปี2562 在 ลงทุนแมน Youtube 的精選貼文
กรณีศึกษา The Cassette บาร์ย้อนยุค ที่ทุกคนหลงรัก
The Cassette Music Bar
เป็นร้านอาหารกึ่งผับที่มีคอนเซปต์ชัดเจนสมชื่อ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
หนึ่งในผู้ก่อตั้งร้าน The Cassette Music Bar ก็คือ คุณพิณภัสร์ สิริอัครเศรษฐ หรือ คุณภา
และก็เป็นเธอคนนี้ ที่เป็นคนคิดคอนเซปต์ให้กับร้าน
เริ่มตั้งแต่หน้าร้านที่ตกแต่งด้วยตลับเทป กับไฟนีออนชื่อร้าน ประกอบกับกำแพงสีชมพูขนาดใหญ่
ทำให้เป็นมุมยอดฮิต ที่ใครมาร้าน ก็ต้องมีรูปคู่กับมุมนี้ และกลายเป็นภาพจำของร้านไปในตัว
สำหรับเพลย์ลิสต์ หรือลำดับการเปิดเพลงของร้าน คุณภาก็ไม่ได้ปล่อยผ่าน
โดยจะต้องเป็นเพลงในยุคเทปคาสเซตต์เท่านั้น
และห้ามเล่นเพลงเศร้าหรือเพลงอกหักแบบจมดิ่ง
เพราะถ้าเยอะไป ลูกค้าจะเรียกเก็บเงิน และหนีกลับบ้านกันหมด
ดังนั้นเพลงที่ร้าน แม้จะเป็นเพลงอกหักบ้าง
แต่ก็ต้องเป็นเพลงอกหักแบบยังมีความหวังกับชีวิต ให้ลูกค้า ยังสนุกไปกับเพลงได้
และเมื่อทุกอย่างประกอบร่างเข้าด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ
หลังจากเปิดได้ไม่ถึงเดือน ลูกค้าก็จองโต๊ะเต็มจนบางครั้งถึงกับล้นออกมานอกร้าน
หรือบางครั้งก็ไม่สามารถวอล์กอินได้ และต้องจองกันข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว
ที่สำคัญคือ เนื่องจากที่ร้านเลือกเพลงในยุค 90’s
จึงดึงดูดลูกค้ากลุ่มวัยทำงาน ที่อยากรำลึกวันวานด้วยเพลงที่พวกเขาคุ้นเคย
และคนกลุ่มนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มี “กำลังซื้อ”
อีกมุมที่น่าสนใจ คือ ด้วยคอนเซปต์และการตกแต่งร้านให้ดูหวานๆ
จนอาจดูเหมือนร้านจะจับกลุ่มลูกค้าผู้หญิงเป็นหลัก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อมีลูกค้าผู้หญิงเต็มร้าน
ไม่นานก็จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าผู้ชายตามมาได้เช่นกัน
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเริ่มเห็นสาเหตุที่ทำให้
The Cassette Music Bar มักจะมีลูกค้าเต็มร้านเสมอ
แล้วสงสัยหรือไม่คะว่า ลูกค้าเยอะขนาดนี้ ยอดขายของร้านจะขนาดไหน?
ผลประกอบการ บริษัท เดอะ คาสเส็ต จำกัด (พูดรวบแค่ปีล่าสุด)
ปี 2560 รายได้ 42.4 ล้านบาท กำไร 5.3 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 100.8 ล้านบาท กำไร 9.9 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 109.5 ล้านบาท กำไร 11.6 ล้านบาท
จากข้อมูลด้านบน เห็นได้ว่าผลการดำเนินการของร้านเติบโตขึ้นทุกปี
แต่สำหรับปีนี้ อาจจะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับ The Cassette พอสมควร
เพราะการระบาดของ COVID-19 ทำให้ร้านต้องปิดให้บริการและสูญเสียรายได้
ทางร้านจึงเกิดความคิดที่จะ “ไลฟ์ดนตรีสด” ผ่านเฟซบุ๊กเพจ
ด้วยเพลงตามแบบฉบับของทางร้าน
กลายเป็นว่าผลตอบรับเกินคาด ยอดวิวต่อคลิป สูงถึงหลักแสน
จุดนี้ทำให้ลูกค้าที่ดู รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ และยังอยากจะกลับมาอีกครั้ง
เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น และรัฐบาลประกาศให้เรากลับมาเปิดได้อีกครั้ง
ผลปรากฎว่า ลูกค้าต่างพากันมาใช้บริการจนเนืองแน่น
แต่ทว่า แม้ร้านจะบริหารและดึงดูดลูกค้าจนเต็มร้านได้ทุกวัน
แต่สุดท้ายรายได้ก็น่าจะเติบโตไปไม่ได้มากกว่านี้ เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องพื้นที่
และด้วยที่ตั้งของร้านสาขาเอกมัย ในปัจจุบัน ก็อาจจะขยับขยายลำบาก
ดังนั้น ทางร้านจึงได้ใช้กลยุทธ์ ในการจัดเป็นร้าน Pop-up หรือการจัดในลักษณะงานอีเวนต์
ด้วยคอนเซปต์ร้านที่ชัดเจน ทำให้ไม่ว่าจะไปตั้งที่ไหน คนก็จำได้ว่าเป็นร้าน The Cassette
และที่สำคัญ อาจกลายเป็นจุดที่ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
เพราะลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับความสนุกเหมือนกับไปร้านที่เอกมัย
แต่ในบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ไม่ซ้ำเดิม
อย่างในช่วงปลายปีที่ผ่านมา The Cassette Music Bar
ได้ไปร่วมเปิดเป็นร้านอาหาร ที่โครงการ คณาพญา Riverfront
โซนพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งก็มีการตกแต่งร้านให้มีบรรยากาศ คล้ายอยู่บนเกาะหรือริมชายหาด
แต่ก็ยังคุมโทนให้สีร้านเป็นสีชมพูเหมือนเดิม
หรือเมื่อไม่นานมานี้ The Cassette Music Bar
ก็ย้ายขึ้นไปจัดบนชั้นดาดฟ้า ของโรงแรม SO/ Bangkok
ซึ่งโต๊ะถูกจองเต็มตั้งแต่วันแรกที่เปิด
โดยการออกร้านเหล่านี้ จะไม่ใช่การตั้งร้านแบบถาวร
แต่จะเป็นเหมือนลักษณะอีเวนต์ 3 เดือน 5 เดือน แล้วแต่กรณี
ซึ่งข้อดีของการใช้กลยุทธ์แบบ Pop-up ก็คือ
The Cassette ไม่ต้องใช้เงินทุนสูงเหมือนเปิดร้านใหม่
เพียงแค่ Copy ทุกอย่างจากร้านเดิม แล้วไป Paste ลงที่ใหม่
เสียแค่ค่าตกแต่งเพิ่มเติม ตามธีมของสถานที่นั้นๆ
ถ้าไม่เวิร์ก ก็ยังเจ็บไม่หนักมาก
เพราะร้านไม่ได้ตั้งอยู่ถาวร และก็ถือเป็นการลองไปในตัว
จากเรื่องของ The Cassette ทำให้เราเห็นว่า การทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่คิดภาพใหญ่ของธุรกิจ แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ จนอยากจะแวะเวียนกลับมาที่นี้ซ้ำๆ เหมือนอย่างที่ผู้คนมากมาย หลงรักThe Cassette
#TheCassette #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ลVDO
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด Subscribe @ลงทุนแมน
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website -https://www.longtunman.com/
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - http://facebook.com/longtunman
Twitter - http://twitter.com/longtunman
Instagram - http://instagram.com/longtunman
Line - http://page.line.me/longtunman
YouTube - https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - http://open.spotify.com/show/4jz0qVn1...
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - http://podcasts.apple.com/th/podcast/...
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล