🇸🇬 #Singapore #เล่าประสบการณ์
🚇 ทำมือถือตกลงไปบนราง MRT @ สิงคโปร์ 🇸🇬
.
กลับมาเล่าดีเทลให้ฟัง
เผื่อมีใครอยากตามรอย 😆 อ่ะ! ไม่ใช่สิ
เผื่อจะมีใครดวงซวยเหมือนพี่แป๋ว ทำของตกลงไปตรงช่องระหว่างประตูกับแพลตฟอร์ม MRT
จะได้รู้ว่าต้องทำยังไง หรือต้องเจออะไรบ้าง
.
ปล. โพสต์นี้ยาววววว เพราะจะเล่าอย่างละเอียด โดยเฉพาะตอนดีลกับพนักงาน MRT ซึ่งบางจุดรู้สึกไม่ค่อยโอเค 🙄
.
แต่โดยรวม ก็คือ ต้องขอบคุณเค้าแหล่ะที่ช่วยเก็บเครื่องมือทำมาหากินของแอดมินเพจขึ้นมาให้
.
===================
#ภาค1 #ณจุดเกิดเหตุ
.
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (14 สค 64) เวลาเกือบๆ บ่ายโมง
พี่แป๋วเดินทางคนเดียวบน MRT ขออนุญาตไม่เปิดเผยสายและสถานีที่เกิดเหตุ
.
ขณะที่กำลังยืนเล่นโทสับบนรถไฟ
(จริงๆ ก็ไม่ได้เล่นหรอก กำลังเขียนคอนเทนท์เพจนี่แหล่ะ)
ก็มีคนมาชนที่แขน(ข้างที่ถือโทสับ)อย่างแรงมากกกกกตอนประตูรถไฟเปิด
.
โทสับกระเด็นจากมือ ลอยขึ้นไปกลางอากาศ แล้วหักหัวร่อนลงสวยๆ ตรงช่องว่างระหว่างประตูกับแพลตฟอร์มไปเลย ไม่มีกระทบขอบใดๆ ให้กระเด็นกระดอนสกัดไว้ได้
.
ตอนนั้นก็ตกใจขั้นสุด 😱
รีบออกไปนอกรถไฟ แล้วชะโงกลงไปดู ก็เห็นโทสับเรานอนแอ้งแม้งอยู่ข้างล่าง ไฟจากหน้าจอยังสว่างอยู่
.
พยามคิดว่า จะกู้โทสับขึ้นมายังไงดี
ใจนึงก็อยากได้ของเราคืนนั่นแหล่ะ แต่อีกใจนึง คือ กลัวมันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วย เช่น โดนรถไฟทับแล้วลากไป ล้อ/รางอาจเสียหาย หรือ โดนดีดขึ้นไปติดใต้ท้องรถ ฯลฯ
.
แว่บแรก นึกถึงตอนอยู่ฮ่องกงว่า ในตัวสถานี MTR จะมีโทสับแขวนๆ อยู่ เพื่อให้โทรไปที่ห้อง/เคาน์เตอร์เจ้าพนักงานประจำสถานีถ้ามีเหตุฉุกเฉิน ซึ่งก็พยายามสอดส่ายสายตา แต่ไม่เห็น
.
หันไปหันมาอีกที เห็นตู้แบบนึง ติดบนผนัง มันคือ #ปุ่มกดหยุดรถไฟ
.
ซึ่งก็โชคดีที่มันใช้ยาก 😆
เลยไม่เกิดเหตุการณ์ คือหัตถาครองพิภพจบขบวน 🤣
.
ขณะที่ยืนงงอ่านวิธีใช้ปุ่มกดหยุดรถไฟ ประมาณ 1 วิ ก็มีคุณลุงคนสิงคโปร์คนนึง
(ที่รู้สึกว่า คนนี้ตามประกบตลอดเวลาตั้งแต่เกิดเรื่อง สัญชาติญาณตอนนั้น รู้สึกว่า ลุงแกเข้ามาช่วย อาจจะเป็นพยานว่า อยู่ในเหตุการณ์หรือเป็นคนชนเราเองก็ไม่รู้ 😆 แต่คิดว่าไม่น่าใช่)
.
คุณลุงก็บอกว่า “อย่ากดๆๆๆ รีบขึ้นไปบอกเจ้าหน้าที่ข้างบน”
.
ณ ตอนนั้น คนค่อนข้างเยอะ แบบยืนเต็มบันไดเลื่อนเลย พี่แป๋วก็วิ่งขึ้นบันไดปกติในสปีดอะดรินาลินหลั่ง 😆 ปรู้ดเดียวถึงหน้าเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ แล้วเล่าให้เค้าฟัง
เจ้าหน้าที่คนนึงอายุไม่เยอะ(น่าจะระดับ junior) ก็เดิน(เนือยๆ)ออกมากับเรา กลับลงไปที่ชานชาลา
.
เห็นการแสดงออกของเจ้าหน้าที่ก็แว่บคิดขึ้นมาว่า น่าจะมีคนทำของตกลงไปบ่อยเนอะ เพราะดูไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่เลย 😆 และก็พูดซ้ำๆ วนไปวนมาแค่
.
“เราไม่สามารถหยุดระบบรถไฟเพื่อลงไปเก็บให้คุณได้นะ ต้องรอจนรถไฟหยุดวิ่ง” (ประมาณเที่ยงคืน)
.
พี่แป๋วคิดแว่บนึงสมัยอยู่ฮ่องกงหรือใดๆ ก็แล้วแต่ว่า เออ เราก็ไม่เคยได้ยินข่าว ต้องหยุดรถไฟเพื่อลงไปเก็บของตกนะ ก็คิดว่า มันคงเป็นการปฏิบัติของพวกรถไฟใต้ดินจริงๆ แหล่ะ ก็เลยโอเค ทำใจ แล้วแต่ดวงละทีนี้ ว่าโทสับเราจะตกลงไปในสภาพยังไง หรือตรงจุดไหน
.
คุณ จนท ก็ถามว่า ทำตกที่ประตูไหนให้พาไปดู เราก็คุ้นแค่ว่า ประตูช่วงกลางรถไฟที่ออกมาแล้วเจอเสา ก็พาเค้าไปที่ประตูนั้น แต่ก็บอกไปด้วยว่า ไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า
.
เจ้าหน้าที่ก็ไปยืนที่ประตูที่พาไป มองๆ ลงไป แล้วก็บอกว่า “ก็ไม่เห็นมือถือซักเครื่องนึงเลย” 🙄
.
เราก็บอก เราเห็นไฟจากหน้าจอสว่างสะท้อนขึ้นมาตอนมันนอนอยู่ข้างล่างนะ ตอนมองผ่านช่องที่ตกลงไป มันตกลงไปจริงๆ
.
จนท ก็ถามกลับมาเหมือนเดิม ตกลงคือตกลงไปที่ประตูนี้ใช่มั้ย 🙄 ก็ตอบอีกครั้งว่า ก็ไม่แน่ใจไง แต่น่าจะ 3-4 ประตูช่วงกลางๆ รถไฟนี่แหล่ะ
.
เค้าก็มองๆ ลงไปอีกครั้งแล้วก็บอก “มองไม่เห็นโทสับนะ” ยังถามต่ออีก ตกลงมันตกลงไปที่ประตูนี้ใช่มั้ย
.
ตอนนั้นเริ่มหงุดหงิดแล้ว ก็บอกเฮ้ย บอกแล้วไงว่าไม่แน่ใจ แล้วมองลงไปอย่างงี้มันไม่เห็นหรอก มันมืด #มีไฟฉายมั้ยละ ส่องลงไปอาจจะเห็น
.
จนท ตอบ #ไม่มี 🙄
(นึกในใจ มันน่าจะเป็นอุปกรณ์เบสิคของคนปฎิบัติหน้าที่ในสถานีรถไฟมั้ยวะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป)
.
แล้ว จนท ก็บอกว่า เอางี้ละกัน แล้วจะเดินหาให้ทุกประตูนะ เป็นอันอยากตัดจบเคสเราแต่เพียงเท่านี้
.
เราก็ยังคาใจว่า ตกลงมันตกอยู่ตรงไหน สภาพมันยังอยู่ดีรึเปล่า
ที่สำคัญ อยากพิสูจน์ให้ จนท เห็นด้วยว่า มันตกลงไปจริงๆ เราไม่ได้โกหกหรืออะไร
ก็เลยถามว่า มีโทสับมั้ย เราอยากติดต่อที่บ้านให้เอาไฟฉายมาให้ เค้าก็พาเรากลับขึ้นไปที่เคาน์เตอร์พนักงาน
.
เค้าก็บอกพนักงานอีกคนนึง (ดูทรงแล้วน่าจะระดับจูเนียร์เหมือนกัน) บอกว่า เราอยากใช้โทสับ
คุณ จนท เบอร์ 2 ก็ยื่นกระดาษกับปากกา ผ่านช่องตรงเคาน์เตอร์ออกมา แล้วบอกให้เราเขียนหมายเลขที่อยากโทรหา แล้วกดเบอร์ให้เรา ยื่นโทสับผ่านช่องออกมาอีกที ซึ่งพี่ตี๋(สามี) คงยุ่งเลยไม่ได้รับสาย
.
เราก็ส่งโทสับคืน แล้วถามว่า ตกลงต้องทำยังไงต่อ ?
คุณ จนท เบอร์ 2 บอกว่า “แล้วจะติดต่อไปครับ”
.
เรายืนมองหน้านิ่งๆ 2-3 วิแล้วถามว่า “คุณรู้แล้วใช่มั้ยจะติดต่อเราได้ยังไง”
.
พี่แป๋วคงมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่าน เพราะ จนท ดูลนลาน ทำไรไม่ถูก 😅
ก็เลยถามต่อ(พร้อมให้ hint) ไปว่า “คุณคงรู้แล้วใช่มั้ยว่า ติดต่อเราได้ที่เบอร์ที่เพิ่งให้ไป แล้วคุณต้องการชื่อเรามั้ย หรือชื่อเจ้าของเบอร์นั้น”
.
คุณ จนท ยังคงลนลานทำไรไม่ถูกต่อไป 😅
จน คุณ จนท เบอร์ 1 ที่ลงไปที่รถไฟกับพี่แป๋วเดินมาหา แล้วยื่นแบบฟอร์มมาให้กรอก แล้วบอกให้ใส่เบอร์โทรกับชื่อคนที่จะให้ติดต่อกลับ และเขียนรายละเอียดมือถือที่ตกลงไปด้วย (นึกในใจ เออ ต้องอย่างงี้สิวะ) เราก็กรอกไป
.
จนท ก็บอกมาว่า ถ้าลงไปเก็บให้แล้วจะติดต่อไป อาจจะคืนนี้หรือพรุ่งนี้เช้า เราก็ถามต่อว่า มีเบอร์โทรให้เราติดต่อตามเคสนี้ด้วยได้มั้ย
.
ความทำอะไรไม่ถูกเกิดขึ้นอีกครั้ง 😅
แล้วคุณ จนท จูเนียร์ทั้งสองเบอร์ก็ไปตาม จนท อีกคนมาหาเรา คนนี้ดูมีอายุ อาจเป็นบอสใหญ่ เราก็ถามคำถามเดิมกลับไป เค้าบอก
.
ไม่มีเบอร์ให้เราโทรตามเคสหรอก เค้าจะติดต่อเรากลับไปเอง
.
เรานิ่งไป 1 วิ แล้วถามว่า คือ “MRT เนี่ย ไม่มีแผนก Lost & Found ให้ติดต่อหรือตามเคสเหรอคะ”
.
เค้าก็ตอบกลับว่า “มี แต่ไม่ใช่สำหรับของที่ตกบนราง คนละส่วนกัน” 🙄
.
ฟังแล้วก็แบบ เมื่อกี้ตรูก็เพิ่งกรอกแบบฟอร์ม Lost & Found ไปป่ะ แต่ก็ขี้เกียจจะเสวนาให้รำคาญใจทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ไปหาเบอร์ในเนตเอาก็ได้ ก็เลย โอเค บ๊ายบาย ขอบคุณ
.
=============
#ภาค2 #คุณป้ายาม
.
ระหว่างเดินกลับไปที่รถไฟ เหลือบไปเห็น จนท อีกคนยืนคุมตรงประตูตัดเงินเข้าออก เป็นคุณป้ามีอายุน่าจะเป็นยาม
เราก็เลยเดินไปถามว่า มีไฟฉายมั้ย จะหาของที่เราเพิ่งทำตกลงไปบนรางรถไฟ
.
คุณป้าดูตกอกตกใจ ถามว่า หนูไปแจ้ง จนท รึยัง แล้วจะพาพี่แป๋วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์
ก็บอกว่า ไปแจ้งเรื่องมาแล้ว แต่เราอยากได้ไฟฉาย อยากรู้ว่าของตกอยู่ตรงไหน
.
คุณป้ายังถามเราว่า อ้าว แล้วถามเค้ารึปล่าว เค้าไม่มีเหรอ เราบอก ไม่มี
.
“งั้นเอาของป้าไป แต่อันเล็กนะ อาจจะส่องไม่เห็น” พร้อมเดินลงไปที่รถไฟด้วยกัน ไปที่ประตูเดิม แล้วช่วยส่องหาให้ แต่ก็ไม่เห็น
พี่แป๋วเลยบอก คงต้องรอตอนรถไฟมาจอด แล้วส่องไปตรงช่องประตู ซึ่งจากป้ายบอกว่า ต้องรออีก 2-3 นาที
.
คุณป้ายามบอกว่า สงสัยป้าอยู่ด้วยนานไม่ได้ ป้าทิ้งจุดที่ยืนทำงานนานไม่ได้ หนูหาต่อละกัน แล้วยังไงเอาไฟฉายมาคืนป้านะ
เราโอเค ว่าแล้วป้าก็เดินจากไป
.
พอรถไฟมาถึง เอาไฟฉายอันจิ๋วส่องลงไป #ก็เห็นโทสับแล้ว ก็อยู่ตรงประตูที่ไปหากันตั้งแต่ตอนแรกนั่นแหล่ะ นอนนิ่งๆ แต่หน้าจอดับไปแล้ว
.
ก็เลยเดินกลับไปขอบคุณคุณป้า บอกว่าเจอแล้ว อยู่ประตูเบอร์ 13
คุณป้าบอก ดีใจด้วย แต่มันอาจจะมีแรงลมตอนรถไฟวิ่งผ่าน ของเราอาจจะเคลื่อนที่ไปจากเดิมนะ แต่ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวคืนนี้ จะมีคนลงไปเก็บให้นะ
.
ด้วยความคาใจ ก็ถามป้าไปว่า มันจะไม่ทำให้รถไฟเกิดอุบัติเหตุใช่มั้ย? ป้าบอกยิ้มๆ ว่า คนทำของตกลงไปบ่อย ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ…..
.
=================
#ภาค3 #LostAndFound
.
กลับถึงบ้านเล่าให้พี่ตี๋(สามี)ฟังด้วยความหงุดหงิด จนท เบาๆ ว่า ไม่พยามจะหาของกับเราเลย สรุป เราเห็นอยู่คนเดียว ไม่มีพยาน ถ้าเราเจอ จนท แย่ๆ ลงไปเก็บแล้ว(แม่ม)เก็บไว้เอง บอกว่า หาไม่เจอ จะทำไง(วะ)
.
พี่ตี๋เลยบอก โทรเข้าแผนก Lost & Found ของ MRT สิ เราบอก จนท บอกว่าคนละส่วนงานกัน พี่ตี๋บอก โทรเหอะ อย่างน้อยให้มันมี record เป็นเรื่องเป็นราว เกิดมีอะไรงี่เง่าขึ้นมา
.
พี่แป๋วก็หาเบอร์ง่ายๆ ไวๆ จากกูเกิลนั่นแหล่ะ
พอจนท Lost & Found รับทราบเรื่อง ก็ร้อนรนซักพี่แป๋ว (ตามสัญชาตญาณคนทำงานหน้าที่นี้) โทสับรุ่นอะไร เคสสีอะไร รถไฟสายไหน สถานีอะไร มุ่งหน้าไปทางไหน เหตุเกิดประมาณกี่โมง? เราก็ให้ข้อมูลไป
.
เค้าก็บอกจะประสานกับ จนท ให้นะ ยังไงต้องรอคืนนี้ถึงจะมีคนลงไปเก็บให้
พี่แป๋วก็บอก จริงๆ แจ้ง จนท ที่สถานีไว้แล้ว แต่ดูไม่ค่อย supportive เท่าไหร่ เลยโทรมาที่ Lost & Found บันทึกเป็น record อีกทาง
.
และก็ถามไปว่า พี่แป๋วสามารถขอเบอร์โทรเพื่อตามเคสนี้ได้มั้ย?
คุณ จนท บอกว่า โทรมาที่เบอร์ Lost & Found นี่แหล่ะ ทางเราจะตามให้เอง
(ปรี๊ดเบาๆ ดอกที่ 1 🌸 เมื่อนึกถึงคำตอบที่เคยได้รับจากคุณ จนท สถานี)
.
ก่อนลา ถามคำถามคาใจต่อ คือ โทสับเรามันไม่สามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับรถไฟได้ใช่มั้ย? คุณ Lost & Found หัวเราะแหะๆ ตอบเหมือนคุณป้ายามเลยว่า ของก็ตกลงไปบ่อยนะ แต่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ……
.
================
#ภาค4 #พนักงานกะดึก
.
พอพาลูกเข้านอนเรียบร้อยประมาณสองทุ่มกว่าๆ ก็ลองออกมาดูที่สถานีอีกครั้ง #พร้อมไฟฉาย 😆 อยากเช็คว่า โทสับเรายังอยู่ดีมีสุขมั้ย
.
ถึงสถานีที่เกิดเหตุ มุ่งสู่ประตู lucky number เบอร์ 13 รอรถไฟมา ประตูเปิด ส่องไฟลงไป โล่งใจ #ยังนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิมจ้า (ในตำแหน่งและทิศทางเดิม)
.
จริงๆ แค่นี้ก็โอเคละ ใจชื้นขึ้นหน่อย คิดว่าไม่น่ามีอะไรละ แต่ใจนึงก็ยังคาใจ อยากให้มีพยานเห็นกับเราด้วย เลยเดินโฉบไปที่เคาน์เตอร์ จนท กะว่า ถ้าเป็นแก๊งเดิม เราขี้เกียจจะตอแยแล้ว แต่ถ้าเป็นกะใหม่จะลองถามให้เค้าลงมาดูกับเรา
.
พอถึงเคาน์เตอร์ ก็ตามคาด เป็นพนักงานกะใหม่แล้ว เลยตัดสินใจเข้าไปเล่าให้ฟังว่า เราทำมือถือตกลงไปที่รางรถไฟเมื่อกลางวันนะ พนักงานประมาณ 3-4 คน ทำท่าตกใจดูเหมือนยังไม่รู้เรื่องนี้
.
พี่แป๋วบอกว่า นี่กลับมาเอาไฟฉายส่องดู เราเจอมือถือเราแล้วนะ
จนท คนนึง พูดสวนทันทีว่า อยากให้ผมลงไปดูกับคุณด้วยใช่มั้ย
พี่แป๋วบอก yes!
.
เค้าลุกเดินไปที่ตู้หลังเก้าอี้ #หยิบไฟฉายขนาดสปอร์ตไลท์ย่อมๆ ออกมา แล้วเดินมาหาพี่แป๋ว
.
เห็นช็อตนี้แล้วปรี๊ดส์เบาๆ ดอกที่ 2 🌸🌸 กับคำตอบของ จนท กะกลางวัน
ก็ยังคิดอยู่ว่า มันจะเป็นได้ยังไงที่ จนท สถานีรถไฟจะไม่มีไฟฉาย
.
ระหว่างเดินไปที่รถไฟ จนท ก็บอก จริงๆ ไม่ต้องกลับมาหรอก ถ้าแจ้งเรื่องไว้แล้ว เดี๋ยวก็มีคนลงไปเก็บมาให้แล้วติดต่อไป
.
เราก็บอก เราอยากมาดูว่า โทสับเรายังอยู่ดีมีสุขรึปล่าว อีกอย่าง colleague คุณเมื่อกลางวัน เค้าไม่ supportive เลยนะ เค้าไม่พยายามจะหาโทสับกับเราเลย แล้วยังบอกอีกว่า ไม่มีไฟฉาย…..
.
…… ไม่มีบทสนทนาใดๆ ต่อ ณ จุดนี้
.
พอถึงประตู 13 คุณกะดึกก็สาดสปอร์ตไลท์ลงไปเลย แต่ไม่เห็น เพราะตำแหน่งตกมันเป็นมุมบอดใกล้ขอบประตู ไม่ได้อยู่กลางราง
.
พี่แป๋วก็บอกให้เค้ารอรถไฟมาและประตูเปิดก่อน
ซึ่งพอมาถึง เค้าก็นั่งยองๆ พินิจพิเคราะห์พึมพำ ประมาณหมอสูฯ อัลตร้าซาวน์สตรีมีครรภ์ 🤣
.
“โอเคนะครับ (คุณแม่🤣) เห็นแล้วนะครับ มือถือเครื่องนึงเนาะ ใส่เคสสีอ่อนๆ ใช่มั้ยครับ?”
“ใช่คร้าาาาา”
“ผมว่า ตำแหน่งนี้น่าจะปลอดภัยไม่ต้องกังวลนะครับ เดี๋ยวทางเราเก็บให้หลังรถไฟหยุดวิ่งนะครับ”
.
เครค่ะ จบปิ๊งกลับบ้าน
แอบแว่บมองชื่อคุณกะดึกที่ป้ายหน้าอก ท่องๆๆๆ ชื่อเค้าไว้ให้ขึ้นใจ 😆 เผื่อมีอะไรจะอ้างคนนี้แหล่ะ เป็นพยานให้เรา
.
=================
#ภาคจบ #ได้โทสับคืน
.
ในที่สุดก็มี จนท โทรมาหาราวๆ เกือบ 7 โมงเช้า บอกว่า เก็บโทสับได้แล้ว มารับคืนได้ที่สถานีที่ทำตก
.
ก็รีบออกไปรับ เจอคู่กรณีเก่า คุณ จนท ลนลาน
ต่างคนต่างไม่เสวนากันมาก เค้ายื่นฟอร์มที่เคยกรอกแจ้งเรื่องมาให้เซ็นรับของ อ่านในฟอร์มมีเขียนว่า โทรหาเราตั้งแต่เที่ยงคืนครึ่งเมื่อคืน 2 ครั้งแล้ว(เพราะเราสั่งไว้ให้โทรดึกได้) แต่ไม่มีคนรับ
.
เช็คโทสับ อะเมซิ่งสิงคโปร์ 🇸🇬
เคสบุบเป็นจุดๆ นิดเดียว โทสับไม่เป็นไรเลยยยยยย รอยขีดแม้แต่รอยขนแมวก็ไม่มี ขี้ฝุ่นยังไม่มีจับซักเม็ด
.
เป็นอันจบเรื่องระทึกแบบ happy ending แต่เพียงเท่านี้ ใครอยากได้อรรถรสเพิ่ม สามารถอ่านต่อได้ตามรูป 😆
.
==============
#บทสรุป #หากคุณทำของตกลงไปบนรางรถไฟฟ้า
.
(1) ถ้าทำตกในสิงคโปร์ 🇸🇬 หรือ ไทย 🇹🇭
ให้รีบไปหาเจ้าหน้าที่ในสถานี แต่ทำได้แค่แจ้งเรื่อง เพราะเค้าจะใช้วิธีเดียวกัน คือ เก็บของให้หลังรถไฟหยุดวิ่งแล้ว ก็ทำใจร่มๆ ลุ้นๆ รอไป ทำไรไม่ได้ไปกว่านี้
.
(2) ถ้าทำตกในสิงคโปร์ 🇸🇬
โทรเข้า Lost & Found แจ้งเรื่องไว้อีกที่ได้ (กันเหนียว) ที่เบอร์ 1800-628-2727 ขอ case number ไว้ตามเรื่องด้วย
.
(3) ถ้าทำตกในฮ่องกง 🇭🇰
ให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่เช่นกัน (ให้สังเกตตามผนังสถานีไว้ ปกติ จะมีโทรศัพท์ฉุกเฉินแขวนอยู่ให้โทรหาเจ้าหน้าที่)
เจ้าหน้าที่เค้าจะมีคีมคีบด้ามยาว เอามาใช้เก็บของให้คุณเลยตอนรถไฟมาจอดปกติ ตรงนี้คือที่สุด 👍🏻
#อยากให้เจ้าหน้าที่ของไทยและสิงคโปร์มาศึกษาไว้ ก็น่าจะดี มันไม่ใช่แค่เพื่อบริการประชาชน แต่พี่แป๋วว่า ซักวันนึง มันอาจจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้ด้วย
.
#EatwithPalLi #พี่แป๋วพากินเที่ยวสิงคโปร์ฮ่องกง 🇸🇬🇭🇰
ลนลาน คือ 在 Pinnynoy Travel & Aviation & Beauty & Lifestyle Blogger Facebook 的最讚貼文
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ขุ่นป้าแซ่บมว๊ากกก อิฉันเลยได้ลับคมภาษาฝรั่งเศสไปด้วยว่ากรูยังอ่านเข้าใจอยู่นะก๊ะ 5555555
สอนใจเรื่องที่สอง : อย่าคิดว่า คนชาติอื่นจะฟังภาษาเราไม่ออก 5555 บางทีแอบหลอกด่าภาษาไทย เค้าอาจจะฟังเข้าใจก็ได้ ก๊ากกกกก
อุทาหรณ์สอนใจตน ฉบับที่ 7
ซักพักนึงมาแล้ว ช่ากับแนตตี้ไปเป็นผู้ช่วยอีกอล์ฟซื้อของแถวประตูน้ำ
หลังจากผ่านเวลาอันทรหศกว่าสี่ชั่วโมงตั้งแต่ช่วงสาย การซื้อชุดเพื่อแสดงโชว์อาทิตย์หน้าก็สิ้นสุดลง ทุกคนเหนื่อยและหิว เราจึงเริ่มเดินหาของกินรอบตัว
ช่า : แดกไรดีวะ
กอล์ฟ : เหี้ยวันเสาร์คนแม่งเยอะชิบหาย
แนตตี้ : อยากแดกอะไร?
ช่า : อีกอล์ฟ...
กอล์ฟ : กุอยากแดกส้มตำ
ช่า : เจ้าไหนวะ? มันมีที่ไหนตรงนี้
แนตตี้ : นั่นงะ(พูดน้ำเสียงขำๆ)...จะแดกมั้ยละ(ชี้ไปที่ข้างทาง)
เราหันตามไป ภาพที่เห็นคือ รถเข็นคันเก่าที่จอดอยู่ริมทาง คุณป้าร่างอวบนิดๆคนหนึ่งยืนพลิกหมูอยู่บนตะแกรง นางรวบผมตึง ใบหน้ามีโครงอีสานอย่างชัดเจน ในตู้พร้อมไปด้วยวัตถุดิบสำหรับทำส้มตำ ข้างๆรถเข็นมีโต๊ะพลาสติกวางอยู่สองชุด มีคนนั่งกินอยู่เต็มทั้งสองโต๊ะ
กอล์ฟ : แดกมะ!!
แนตตี้ : .....กุพูดเล่น
กอล์ฟ : แดกเหอะ
แนตตี้ : กอล์ฟฟฟ...กุว่ามัน..
กอล์ฟ : อีแหนด!!...กุจะบอกให้ ร้านส้มตำข้างทางแบบนี้ หน้าคนขายแซ่บๆแบบนี้ เชื่อกุ เด็ดทุกร้าน....เนอะ(หันมาทางช่า)
ช่า : เอ่อ....กุไงก็ได้กุหิว
กอล์ฟ : เค.... (เดินข้ามถนนนำหน้า)
แนตตี้ : โอยยยย....
พอเราเดินเข้าไป คนขายก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม ทำให้เห็นได้ชัดว่าคุณป้าคนนี้เผ็ดจริง นางทาตาสีเขียว แก้มสีส้ม และปากสีบานเย็น ทุกอย่างอยู่บนใบหน้าที่ทาแป้งขาวกว่าใบหน้า 3 Step
คนขาย : หวัดดีจ้าา (เสียงสูง)
กอล์ฟ : ดีค่ะป้า
คนขาย : เอาไรดี...(มองไปที่โต๊ะ) ...แต่ไม่มีที่นั่งนะ รอแปปนึงได้มั้ย?
กอล์ฟ : เอาไงดี..
ช่า : เอาไปแดกที่ห้องกุก็ได้มึง ซื้อใส่ถุงไป
กอล์ฟ : เค...เอาตำซั่วปูปลาร้าเผ็ดมาก เอ่อแนตตี้....เอาตำไทยป้ะ?
แนตตี้ : ....เอา
กอล์ฟ : ตำไทยไม่เผ็ดหนึ่ง เอาคอหมูย่างสาม
ช่า : น้ำตกคอหมูด้วยค่ะ
คนขาย : ข้าวเหนียวมั้ยลูก
กอล์ฟ : ข้าวเหนียวสี่ค่ะ
คนขาย : โอเค...ยืนรอแป๊ปป้าตำให้โต๊ะนี้ก่อน....ปีใหม่ไปไหนกันปัะหนู
ช่า : น่าจะอยู่ที่ห้องอ้ะค่ะ ป้าอ้ะ
คนขาย : โอ๊ยยย(เสียงสูง) ป้าจะกลับบ้านนอกก็ไม่ได้กลับเร้ยยยย
กอล์ฟ : ป้าเป็นคนที่ไหนคะ
คนขาย : อุดรลูก
แนตตี้ : ปีใหม่ก็ขายของเหรอคะ
คนขาย : ใช่จ้ะ(ขูดครก) ลูกเต้าเย้อะ ทำงานหาเงินก่อนเนอะ ลูกชายคนเล็กกำลังเรียน (ยิ้ม)
ช่า : ลูกชายหล่อมั้ยคะป้า
คนขาย : ลูกป้าก็เป็นแบบหนูนี่แหละ
กอล์ฟ : ลูกคุณป้าเป็นตุ๊ดเหรอคะ
คนขาย : ป่าว...เป็นทอม
ระหว่างที่เรากำลังเม้ามอยหอยกาบกับคุณป้าคนขายอย่างออกรส ก็มีแหม่มฝรั่งสองคนเดินมาหน้าร้าน พวกนางยืนมองไปมาซักพักจนคนขายมองเห็น
คนขาย : ฮัลโหลวว
แหม่ม1 : Hi
คนขาย : ดิส ส้มตำ
แหม่ม2 : How much?
คนขาย : โฟร์ตี้บาท (ยกมือเลขสี่)
แหม่ม1 : Ok...take one
คนขาย : ข้าวเหนียวมั้ย (ชูข้าวเหนียว)
แหม่ม1 : Two...(ยกมือเลขสอง)
คนขาย : โอเค เวทๆ(wait)
แล้วนางก็หันไปตำส้มตำต่อ
ระหว่างที่รอ พวกเราก็ยืนคุยนั่นคุยนี่กันต่อ โดยมีแหม่มทั้งสองคนยืนอยู่ข้างๆ นางพูดกันด้วยภาษาอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ และไม่มีใครฟังออก
แหม่ม2 : ça coûte combien?
แหม่ม1 : 40 Baht
แหม่ม2 : Vraiment?
แต่อีกอล์ฟซึ่งเคยเป็นไกด์....ฟังออก
ช่า : ภาษาอะไรวะ?
กอล์ฟ : ฝรั่งเศส...
แนตตี้ : มึงฟังออกเหรอ
คนขาย : ส้มตำพริกกี่เม็ดลูก!?!!
กอล์ฟ : 8 ค่ะป้า.....ฟังออกสิ
ช่า : ช่างนางเถอะ มึงจะไปเสือกแอบฟังเค้าทำไม
กอล์ฟ : เออว่ะ...
แต่อีกอล์ฟก็ยังแบ่งสมาธิครึ่งนึงไปที่สองแหม่มอยู่ดี
แหม่ม2 : comment peux-tu acheter des choses comme ça à Bangkok?
[ซื้อเข้าไปได้ยังไง?...ของข้างทางในกรุงเทพ]
แหม่ม1 : Chuuu.. Tu parles trop fort.
[ชู้ว....เธอพูดดังไปแล้วนะ]
แหม่ม2 : Non.. Personne ne comprend.
[ไม่มีใครฟังออกหรอก...]
แหม่ม1 : Comment tu sais?
[เธอรู้ได้ไง?]
แหม่ม2 : Regarde ça!
[ดูนี่นะ] (นางสะกิดไหล่คุณป้าคนขาย แล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร)
แหม่ม2 : Tu es VIEilLE et GROSSE!
[นัง...แก่....อ้วน] (พูดพร้อมตบบ่าเบาๆ)
คนขาย : (ยิ้มตอบนิดนึงแล้วพยักหน้า)
แหม่ม1 : (หัวเราะเริงร่า) Vraiment, elle ne comprend pas.
[ฟังไม่รู้เรื่องจริงๆด้วยว่ะ]
อีกอล์ฟที่ยังคงเสือกอย่างต่อเนื่องถึงขั้นอุทานออกมา
กอล์ฟ : อีดอก
ช่า : อะไร?
กอล์ฟ : (กระซิบ)เดี๋ยวกุพากษ์ให้ฟัง
แหม่ม2 เดินกลับมา
แหม่ม1 : pourquoi ne puis-je les acheter?
[แล้วทำไมถึงซื้อไม่ได้?]
แหม่ม2 : Tu ne sais pas? Tous les restaurants dans la rue à Bangkok ont très mauvais qualité.
[ไม่รู้เหรอ? ร้านอาหารข้างทางในกรุงเทพแบบนี้เป็นร้านที่ไม่มีคุณภาพ]
แหม่ม1 : Comment?
[ยังไง?]
แหม่ม2: Comme cette viande .. elle ne peut pas le vrai porc! regarde la couleur!.
[ก็เนื้อพวกนี้ ใช้เนื้อหมูรึเปล่าก็ไม่รู้...ดูสีสิ](ทำหน้าเหม็นน้ำปลา)
แหม่ม1 : Tu veux dire que c'est du bœuf?
[หมายถึงวัว?]
แหม่ม2 : Non..c'est du chien! Tu sais.. Thaïs aiment manger de la viande de chien
[หมายถึงหมา!!......คนไทยชอบกินหมานะ...รู้มั้ย]
แหม่ม1 :Oh mon dieu!
[โอ้ มาย ก๊อด]
แหม่ม2 : Si ce n'est pas dans l'hôtel, c'est la viande de chien.J'ai entendu dire que les manants, ici, aiment manger de la viande de chien
[ถ้าไม่ใช่ตามโรงแรมก็คงเป็นเนื้อพวกนี้ เท่าที่รู้เนื้อหมา จะให้พวกคนชั้นล่างกิน]
แหม่ม1 : C'est ça!!? Tu veux dire des gens comme eux?
[จริงดิ...พวกนี้อ้ะนะ?](ชี้นิ้วโป้งมาทางพวกช่า)
แหม่ม2 : Oui, les gays! [พวกเกย์นี่ด้วย] (ทำท่าขนลุก) Il s'agit de la qualité des gens d'ici
[ชั้นว่าเป็นเรื่องของคุณภาพคนที่นี่มากกว่า]
แหม่ม1 : mais ils pourraient ne pas savoir.
[แต่คนพวกนี้อาจจะไม่รู้ก็ได้]
แหม่ม2 :Qui sait? ils pourraient vendre de la viande de chien parce que c'est moins cher. Oh Sophie, c'est Bangkok!
[ใครจะรู้....คนขายอาจจะหลอกขายเนื้อหมาเพราะราคาถูกกว่าก็ได้ โอ้วโซฟี...นี่กรุงเทพ...นี่ประเทศไทย(กลอกตา ยักไหล่)...เธอก็รู้]
แหม่ม1 : (หันไปมองคอหมูที่คนขายสับอยู่แล้วหันกลับมาเบะปาก)
อีกอล์ฟเหมือนจะทนไม่ได้อีกต่อไป นางพยายามพุ่งตัวไปหาชะนีแหม่มที่ยังคงไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง แต่ช่ากับแนตตี้พยายามดึงรั้งนางไว้ด้วยกำลังกายทั้งหมดที่มี
แหม่ม2 : Tu dois annuler la commande avant que nous avons tous une diarrhée.
[ชั้นว่าเธอแคนเซิ่ลเถอะ ก่อนที่จะท้องร่วงกันหมด]
แหม่ม1 : Il est trop tard, mais c'est juste de 40 bahts. je vais le jeter à la poubelle.
[ไม่ทันแล้วแหละ...แต่ไม่เป็นไร 40 บาทเอง เดี๋ยวเดินไปทิ้งตรงนั้นได้]
แหม่ม2 : (กลอกตา) Á vous, mais je ne vais pas le toucher. Regarde la cuisinière! elle est tellement sale et elle ne sait pas encore la langue anglaise
[ก็แล้วแต่เธอนะ แต่ชั้นจะไม่แตะมันเด็ดขาด...ดูแม่ครัวสิ สกปรก แถมยังไม่เข้าใจแม้แต่ภาษาอังกฤษ...]
แหม่ม1 : Ils sont tous stupides!
[ช่างโง่จริงๆประเทศนี้ 555]
อีกอล์ฟผู้เดือดดาลตัดสินใจที่จะด่าแหม่มชะนีให้ตายห่าทันทีด้วยภาษาฝรั่งเศสสำเนียงผู้ดี นางอ้าปากกว้างและตะโกนออกไปว่า
Excusez-moi salope!
[ขอโทษนะคะ...อีเวร]
แต่นั่นไม่ใช่เสียงอีกอล์ฟ....
ทุกคนหันกลับไปตามต้นเสียง พบว่าคนที่พูดคำคมกาละแมเมื่อกี้นี้คือ
.....คุณป้า.....ผู้ขายส้มตำ
แหม่ม1 : ................
แหม่ม2 : ..................
คนขาย : Vous dites qui sont stupides?
[คุณว่าใครโง่?]
แหม่ม : ...........(หน้าเสียแบบโคม่า)
คนขาย : Vous dites qui sont stupides?
[คุณว่าใครโง่?!!]
แหม่ม : (ลนลาน)
คนขาย : Vous savez que la plupart des Thaïlandais ne mangent pas de la viande de chien, quelques-uns d'entre nous mangent et ils ne sont pas à Bangkok
[รู้มั้ย!!?...คนไทยส่วนมากไม่ได้แดกหมา!!!! คนที่แดกหมามีเฉพาะกลุ่ม แล้วก็ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ!!!]
คุณป้าหยิบอีโต้ขึ้นมา ชะนีแหม่มถอยกรู
คนขาย : (หยิบแผงหมูยกขึ้น) C'est!!!! du!!!! porc!!!! [แล้วนี่!!...คือ!!!....เนื้อ!!!....หมู!!!](เอาอีโต้จิ้มตามจังหวะการพูด) Je l'ai acheté trop cher! Tout est cher!!!! [กุซื้อมาโลละเป็นร้อย ของแพงจะตายห่า!!!]
แหม่ม1 : ................
แหม่ม2 : .................
คนขาย : Et je n'ai pas de tricher .. De nombreux Thaïlandais gagnent encore leur vie. Ce n'est pas tous d'entre nous qui ont à tricher!!
[แล้วก็ไม่จำเป็นต้องโกงใครเลย คนไทยที่ทำมาหากินยังมี ไม่ใช่ว่าโกงกันทุกคน!!!]
แหม่ม : (มองหน้ากันเลิ่กลัก...และเริ่มถอยหลังจะเดินหนี)
คนขาย : Arrêtez! Ne partez pas!
[หยุด!!!!....อย่าพึ่งไป!!]
แหม่ม1 : O..oui.. (ค...คะ)
คนขาย : Les gays ici sont bons. les gens d'ici sont comme les gens dans votre pays. ils sont tous stupides? ils sont tous fou?
[เกย์ที่นี่ไม่ได้เป็นเพศที่น่ารังเกียจ คนประเทศนี้ก็เหมือนประเทศของคุณ ทุกคนเลวทั้งหมดเหรอ? โง่ทั้งหมดเหรอ? ก็ไม่!!]
กอล์ฟ : คุณป้าคะ........
คนขาย : Donc si vous voulez juger quelqu'un, vous le dites dans leur visage, pas dire que les gens dans leur pays sont tout de même.
[เพราะงั้นคุณจะด่าใคร ไปเข้าใจอะไรมา คุณก็ด่าเป็นคนๆ ไม่ใช่ด่าเหมาหมดทั้งประเทศ!!!]
et la chose la plus importante!!!!!!
[และที่สำคัญ!!!!!!]
ปั๊กก!!!!!!!!!!!!!!
เสียงคุณป้าฝังอีโต้ลงเขียง
Je...
[กุ........]
ne suis pas grosse!!!!!!
[ไม่ได้อ้วน!!!!!]
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ก้าวเข้าสู่ AEC ไปกับคุณป้าสิคะ....
รัก
ช่า อุลลิแอล
Ps1.ลูกเขยนางเป็นคนฝรั่งเศส
Ps2.ขอขอบคุณ อีกอล์ฟ คุณแป้งและครูจอย สำหรับ part ฝรั่งเศสค่ะ