#วันนี้ของเมื่อ15ปีก่อน
เล่าความหลังให้ฟังสักหน่อยว่าวันนี้ของเมื่อ 15 ปีก่อน ผมเป็นหนุ่มวัยเบญเพสอายุ 25 ย่าง 26 เป็นวัยฉกรรจ์เต็มที่จนสามารถใช้ชีวิตหามรุ่งหามค่ำได้ไม่เหน็ดเหนื่อย ช่วงกลางวันผมอยู่ที่ ม.ศิลปากร วังท่าพระ เพราะขณะนั้นเป็นนักศึกษาป.โทโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์อยู่ที่นั่น
.
พอพลบค่ำผมออกมานั่งดื่มกับเพื่อนอีกสองคนที่ถ.พระอาทิตย์ ทั้งคู่เดินทางไกลมาจากที่อื่น เป็นผู้ชายคนนึง ผู้หญิงคนนึง จำได้ติดตาว่าตอนนั้นฝนตกลงมาพรำๆ และมุมที่พวกเรานั่งก็สามารถมองเห็นป้อมพระสุเมรุได้
.
พวกเรานั่งดื่มกันไปได้ไม่นานเท่าไหร่ก็เห็นรถรารีบเร่งกันผิดปกติ มีคนขับมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งบอกว่าเกิดรัฐประหาร ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเจ้าของร้านก็รีบปิดประตู สมัยนั้นโลกยังไม่มีสมาร์ทโฟนและไม่มีสื่อโซเชียลมีเดียใดๆแบบทุกวันนี้ การติดต่อสื่อสารใช้แต่โทรศัพท์แบบมีปุ่มกด ทำให้มีทั้งสายโทรเข้ามาและมี sms กริ๊งกร๊างระงมอยู่พอสมควร แต่ละคนพยายามแจ้งข่าว เช็คข่าว และไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ ซึ่งทุกคนที่ได้คุยทางโทรศัพท์ล้วนแล้วแต่อยู่ห่างไกลจากพื้นที่ของการรัฐประหาร มีแต่เพียงผมกับเพื่อนอีกสองคนนี่ล่ะที่จับพลัดจับผลูมาอยู่บริเวณพื้นที่ซึ่งเขากำลังยึดอำนาจกัน
.
ในขณะที่ผู้คนพยายามหาที่หลบหรือไม่ก็เผ่นไปที่อื่น ผมกลับรู้สึกอยากเข้าไปเห็นเหตุการณ์ใกล้ๆ อาจเป็นเพราะอายุอานามที่ทำให้ฮอร์โมนมันพลุ่งพล่านเสียมากกว่า ผมชวนเพื่อนอีกสองคนไปด้วยและว่าจ้างตุ๊กตุ๊กคันนึงให้ไปส่งที่ทำเนียบ คนขับตุ๊กตุ๊กลังเลอยู่แป๊บเดียวก็ตกลง และคุยอย่างออกรสระหว่างที่ขับไปส่ง
.
ไม่กี่นาทีพวกเราก็ไปถึงทำเนียบ ขณะนั้นเหตุการณ์ยังไม่ยุติ รถถังจอดประจำตามจุดต่างๆเป็นระยะ ทหารมากมายติดแถบผ้าสีเหลืองคอยคุมเชิงอยู่โดยรอบ ที่ทำเนียบมีฝนเหมือนกับที่พระอาทิตย์ทำให้ถนนเฉอะแฉะ ประชาชนในบริเวณนั้นน้อยมาก มีอยู่คราวหนึ่งที่เกิดเสียงปังขึ้น ทหารเลยสั่งให้เราหมอบ พอก้มหมอบลงไปบนฟุตบาทตัวก็เลยเปียกชุ่มไปด้วย
.
เพื่อนผู้ชายที่ไปด้วยกันมันพกกล้องถ่ายรูปมาด้วย กล้องที่ใช้เป็นกล้องฟิล์มอย่างดีมีราคาแพง ที่บังเอิญมีกล้องก็เพราะเพื่อนคนนี้มีอาชีพเสริมเป็นช่างภาพ ทำให้วันนั้นเรามีรูปถ่ายเหตุการณ์อยู่พอสมควร แต่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ยังหาฟิล์มไม่เจอ
.
หลังจากผลุบๆโผล่ๆดูสถานการณ์อยู่สักพัก ทหารก็กวักมือให้พวกเราเดินเข้ามาใกล้รถถังได้ คงเป็นเพราะว่านาทีนั้นเรื่องราวคงจบและสงบลงแล้ว พอเราสามารถยืนถ่ายรูปรถถังในระยะประชิด ประชาชนคนอื่นก็เลยขยับเข้ามาดูบ้าง แล้วคนก็เริ่มเข้ามาออกันจนกลายเป็นไทยมุงขนาดย่อม
.
อันที่จริงจะเรียกว่าไทยมุงทั้งหมดก็ไม่ใช่ เพราะมีฝรั่งปะปนอยู่ด้วย ฝรั่งคนหนึ่งยังถามพวกเราว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ตอบไปว่า “รัฐประหาร” โดยใช้คำภาษาอังกฤษว่า revolution ซึ่งเป็นคำที่ไม่ถูกต้อง แต่ว่าตอนนั้นนึกคำว่า coup หรือ coup d'état ไม่ออก เขาถามว่าพวกเราเป็นใคร ทำไมมีกล้องมาถ่ายรูปกันจริงจัง เลยตอบปัดๆไปว่าเป็นนักข่าว แต่แกก็ยังถามต่ออีกว่ามาจากสำนักไหน เราก็เลยจ้อไปเรื่อยเปื่อยว่าเป็น student journal ว่าไปนั่น
.
คืนนั้นเป็นคืนที่ยาวนานอีกวันหนึ่งของชีวิตผม ซึ่งทำให้กว่าจะได้นอนหลับก็ปาไปถึงตอนเช้า สำหรับคนรุ่นผมที่ผ่านเห็นเหตุการณ์นองเลือดในตอนพฤษภาทมิฬมาแล้ว ได้เห็นปรากฏการณ์ทหารกลับเข้ากรมกอง เห็นการทำประชาพิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จึงคิดว่าการรัฐประหารสมัย รสช.จะเป็นครั้งสุดท้าย
.
นอกจากนี้ ผมยังเคยไปร่วมกิจกรรมในเวทีประชาพิจารณ์อยู่ 2 ครั้ง ที่ลพบุรีครั้งหนึ่งและขอนแก่นอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งเคยไปร่วมเดินรณรงค์ให้รับร่างรัฐธรรมนูญที่ศาลากลางขอนแก่นด้วย วันนั้นแต่ละคนเดินถือธงสีเขียวอ่อนโบกไปมาอย่างมีความหวังว่าต้องมีอนาคตที่กว่าเดิมแน่ๆ ดังนั้น คนรุ่นนั้นจำนวนไม่น้อยจึงไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งวังวนแบบนี้จะหวนกลับมาอีก
.
ที่เล่าให้ฟังมายืดยาวเนี่ยส่วนหนึ่งก็เพราะหารูปไม่เจอครับ จะค้นก็ไม่ง่าย ตรงนี้ล่ะทำให้รู้สึกขึ้นมาว่า 15 ปีมันนานมากเลยนะ นานถึงขนาดที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปมหาศาลและวิถีชีวิตของผู้คนก็เปลี่ยนแปลงมากมายตามลักษณะของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น และนานจนเด็กตัวเล็กตัวน้อยในวันนั้นเติบใหญ่จนกลายเป็นคนหนุ่มคนสาวในวันนี้
.
ซึ่งต่างกับปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ที่แม้เวลาได้ผ่านไปนานเพียงใด แต่ก็ไม่มีวี่แววยุติ มิหนำซ้ำยังดูจะลึกและแรงกว่าเดิมด้วย ฉะนั้นถ้าถามว่าเราได้อะไรจากเหตุการณ์วันนั้นบ้าง ความเห็นผมก็คือรัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมเสมอไม่ว่าจะในกรณีใด และอย่าได้ใช้วิธีมักง่ายแบบนี้ในการแก้ปัญหาอีก
.
คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องไม่นับวิธีการรัฐประหารเข้ามาเป็นหนึ่งในทางเลือกของการแก้ปัญหาเด็ดขาด เพราะเมื่อใดก็ตามที่มันยังไม่ถูกดึงออกไป มันก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีคนบางกลุ่มแอบเก็บเอาไว้ในใจอย่างเงียบเชียบ แล้วคิดเผื่ออยู่ตลอดว่า “ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ” พอคิดแบบนี้แล้วมันก็ย่อมเกิดอีก วนๆซ้ำๆเช่นนี้ต่อไปไม่จบไม่สิ้น ท้ายที่สุดนอกจากไม่อาจแก้ปัญหาได้จริงแล้ว ยังก่อปัญหาให้ร้าวลึกและซับซ้อนกว่าเดิมด้วย
.
คนที่มีกำลังอาวุธก็เหมือนกับยักษ์ในตะเกียงนั่นล่ะครับ ยักษ์มันอยากออกมาจากตะเกียงจะแย่อยู่แล้ว เอาผ้าไปถูไม่กี่ทีมันก็ออก แต่พอออกมาโลดแล่นได้แล้วเรื่องอะไรจะกลับเข้าไปคุดคู้อยู่ในตะเกียงอีก ปฏิบัติตามกฎกติกาและหาทางแก้ปัญหาใดๆภายในกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด แล้วพยายามทำให้ democracy ลงหลักปักฐานเป็น “The Only Game In Town” ในสังคมนี้ให้ได้ ซึ่งถึงแม้ว่าอาจมีขลุกขลักชักช้าอยู่บ้าง แต่ก็เป็นวิถีที่ถูกต้องและยั่งยืนอย่างแท้จริง
วันนี้ของเมื่อ15ปีก่อน 在 ยืนยันบัญชี YouTube ของคุณ - YouTube ความช่วยเหลือ 的推薦與評價
นอกจากนี้ ระบบอาจขอให้คุณยืนยันบัญชีเมื่อลงชื่อสมัครใช้ ... และจะตรวจสอบด้วยว่าหมายเลขโทรศัพท์ไม่ได้ลิงก์กับช่องมากกว่า 2 ช่องต่อปี. ... <看更多>
วันนี้ของเมื่อ15ปีก่อน 在 ใครเคยไปทำงานไต้หวันฟังทางนี้!!! - เมื่ออายุครบตามหลักเกณฑ์ ... 的推薦與評價
เมื่อ อายุครบตามหลักเกณฑ์ ท่านสามารถยื่นขอรับเงินบำเหน็จชราภาพได้เลย... ... (ปี พ.ศ. 2563) คือ ผู้ที่เกิดก่อน หรือเกิดในปี พ.ศ. ... Sep 15, 2020 · . ... <看更多>