เจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล ประธานกรรมการคณะสงฆ์ธรรมยุตในประเทศแคนาดา ได้ถึงแก่การมรณภาพ ในวันอังคารที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เวลา ๐๗.๓๒ น. สิริอายุ ๑๐๐ ปี ๑๑ เดือน ๑๕ วัน ๘๐ พรรษา
.
ตอนอยู่เนชั่น พอถึงวันพระ ก็มักจะไปฝึกนั่งสมาธิที่วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 บ่อยๆ เพราะเป็นวัดที่มีเนื้อที่พอสมควร มีมุมให้หลบไปนังสมาธิ สงบๆ หลายจุด
.
แต่มีญาติโยมที่คิดตรงกับเราเยอะ มุมที่เราคิดว่าสงบเงียบ จึงเต็มไปด้วยผู้คน เพราะสาธุชนมากมายล้วนเคารพ ศรัทธา หลวงพ่อวิริยังค์
.
หลวงพ่อเป็นเอกทางด้านการทำสมาธิ ท่านกล่าวไว้ว่า
.
"สมาธิเป็นสมบัติอันล้ำค่าของมนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งก็คือพลังจิต ที่อยู่ในใจของเรานั่นเอง.."
.
"การรับประทานอาหารเพื่อบำรุงร่างกาย การทำสมาธิ ก็เพื่อบำรุงจิตใจ การทำสมาธิคือ อาหารใจ เป็นการเติมพลังจิต"
.
หลายท่านคงได้อ่านประวัติของท่านมาบ้างแล้ว ในโอกาสนี้ ขอสรุปให้ท่านที่ยังไม่ทราบ ได้ทราบกันเป็นวิทยาทาน
.
จุดหักเหของชีวิต เกิดขึ้นตอนที่ท่านอายุ ๑๓ ปี เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งชวนให้ไปวัดเป็นเพื่อน ขณะที่รอเพื่อนสวดมนต์ กับหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ (ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) ท่านก็รออยู่ด้วยความเบื่อหน่าย เพราะไปตั้งแต่ 2 ทุ่มกลับเที่ยงคืน
.
จะกลับบ้านเองก็ไม่ได้ เพราะเส้นทางเปลี่ยวและกลัวผี ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า “จะไม่มาอีกแล้วๆๆ”
.
ปรากฏว่า ท่านหมดความรู้สึกฉับพลัน เห็นตัวเองมี ๒ ร่าง อีกร่างหนึ่ง เดินออกจากร่างเดิมลงจากศาลาไปตามลานวัด ไปหยุดตรงบริเวณที่จะสร้างพระอุโบสถ
.
มีลมชนิดหนึ่งพัดหวิวเข้าสู่หัวใจ มันช่างเย็นชุ่มฉ่ำอะไรเช่นนั้น เป็นความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิต ด.ช.วิริยังค์ ได้อุทานในใจว่า “คุณของพระพุทธศาสนายังปรากฏอยู่ถึงปัจจุบันนี้หรือ?"
.
แล้วเดินกลับไปเข้าที่ร่างเดิม พอดีเป็นเวลาเลิกสวดมนต์ จึงเล่าให้กับพระอาจารย์กงมาฟัง พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กนี่ เรายังไม่ได้สอนสมาธิให้เลยทำไมจึงเป็นสมาธิเสียก่อนแล้ว"
.
ช่วงหนึ่ง ด.ช.วิริยังค์ ต้องทำงานหนักแทนพ่อแม่ทุกอย่าง จนล้มป่วย เคลื่อนไหวตัวเองไม่ได้ เหมือนจะเป็นอัมพาต พ่อพยายาม หาหมอมารักษาแต่ก็รักษาไม่ได้ แพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าหมดหวัง
.
ท่านผอมแห้งลง ข้อมือเล็ก มีสภาพเหมือนคนตาย ท่านได้แต่นอนอธิษฐานในใจว่า
.
“หากว่าชีวิตของเรายังเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา ถ้ามีผู้ใดมารักษาให้หายเป็นปกติได้ เราจะอุทิศชีวิตนี้ให้แก่พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น”
.
ไม่นานก็ปรากฏว่ามี "ชีปะขาวตนหนึ่ง" มาถามพ่อของท่านว่า "จะรักษาลูกให้เอาไหม" พ่อบอกว่า "เอา" ชีปะขาวก็เดินมาหาท่านซึ่งนอนอยู่ พร้อมทั้งกระซิบถามว่า อธิษฐานดังนั้นจริงไหม ท่านก็ตอบว่าจริง จึงให้พูดให้ได้ยินดัง ๆ หน่อย ท่านก็พูดให้ฟัง
.
ชีปะขาวก็เอาว่านไพลมาหนึ่งหัว เคี้ยว ๆ แล้วก็พ่นใส่ตัวของท่าน แล้วก็จากไป เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นปรากฏว่า ท่านกระดิกตัวได้ ทดลองลุกขึ้นเดินก็ทำได้เป็นที่อัศจรรย์ใจมาก
.
๗ โมงเช้า ชีปะขาวท่านนั้น มายืนหลับตาบิณฑบาตอยู่ที่ประตูบ้าน ท่านจึงนำอาหารจะไปใส่บาตร ชีปะขาวปิดบาตร ยืนเฉย ขอให้ท่านพูดถึงคำอธิษฐานให้ฟัง เมื่อพูดแล้วจึงยอมรับบาตร
.
แล้วบอกให้ท่านไปหาที่ใต้ต้นมะขาม วัดสว่างอารมณ์ เมื่อไปถึงชีปะขาวก็ให้พูดคำอธิษฐาน ให้ฟังอีกเป็นครั้งที่ ๓
.
ลุงชีปะขาว บอกให้ ด.ช.วิริยังค์ขยับเข้ามาใกล้ๆ พลางพูดขึ้นลอยๆ ว่า “เรารู้ว่าเธอจะเป็นผู้ทำงานให้แก่พระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวงต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นบุญญาภินิหารแต่อดีตชาติ เราจึงมารักษาเธอ"
.
แล้วชีปะขาว ก็บอกคาถาให้ กำชับให้สวดทุกวัน เป็นเวลา 10 ปี จึงจะใช้คาถานี้ได้ ถ้าขาด 1 วันจะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ แล้วบอกให้กลับบ้าน ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่เคยพบกับลุงชีปะขาวอีกเลย
.
หลวงพ่อวิริยังค์ บรรพชาเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ขณะอายุ ๑๔ ปี ณ วัดสุทธจินดาวรวิหาร ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังจากบรรพชาได้ ๑๐ วัน ก็ตามพระอาจารย์กงมาออกธุดงค์ ตามป่าเขาลำเนาไพรเพื่อแสวงหาที่วิเวก
.
หลวงพ่ออุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ขณะอายุ ๒๐ ปี ณ วัดทรายงาม บ้านหนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี
.
หลวงพ่อได้เดินธุดงค์ติดตามพระอาจารย์กงมาไปในที่ต่าง ๆ เป็นเวลา ๘ ปี วันหนึ่ง พระอาจารย์กงมาพาท่านเดินธุดงค์จากจังหวัดจันทบุรีไปจังหวัดสกลนคร เพื่อไปพบพระอาจารย์ "มั่น ภูริทัตโต"
.
หลวงพ่อวิริยังค์ ได้เดินธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์มั่น เรียนธรรมะอันลึกซึ้ง ได้จดคำสอนของหลวงปู่มั่นบางตอนไว้ (ปกติท่านห้ามผู้ใดจดเด็ดขาด เมื่ออ่านให้ท่านฟังภายหลัง ท่านกลับรับรองว่าใช้ได้)
.
ต่อมาท่านได้เผยแพร่คำสอนนี้แก่สาธารณชน ในหนังสือที่ชื่อว่า "มุตโตทัย"
.
ขอน้อมกราบหลวงพ่อด้วยความอาลัยยิ่ง
.
"วันพระ"
วันอังคารที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓
ขึ้น ๘ ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด
TOP News LIVE
วันพระ15ค่ำ 在 Dhammakaya of America TV - พรุ่งนี้วันพระ แรม 15 ค่ำ เดือน 8 ปี ... 的推薦與評價
วันแรม 15 ค่ำ (หากเดือนใดเป็นเดือนขาด ถือเอาวันแรม 14 ค่ำ) ในวันพระ พุทธศาสนิกชนถือเป็นวันสำคัญ ชาวพุทธควรไปวัดเพื่อทำบุญ ทำทาน รักษาศีล ... ... <看更多>